คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : UNLOVEABLE 2: Friends
UNLOVEABLE 2: Friends
เอ๊ะ...นี่กี่โมงแล้วนะ
“มึงเป็นไรวะ เชี่ยศิ มองนาฬิกาอยู่ได้” ไอ้นายที่เหมือนจะหมดความอดทนถามหลังจากที่เห็นผมดูนาฬิกาเป็นรอบที่สิบในช่วงเช้านี้ แต่ก็โดนสวนกลับทันทีที่ถามจบ
“ไอ้โง่! ศิมันใส่นาฬิกาที่ไหน” ไอ้บูมที่นั่งอยู่ข้างหน้าไอ้นายเป็นคนด่าล่ะครับ ...อ้าวไอ้ควาย แหกตาดูดิ๊ที่ข้อมือกูมันอะไร
แล้วเชษฏ์ที่นั่งอยู่ข้างบูมก็ตบเกรียนมัน “มึงสิควาย ห่านี่! แหกตาดูดิ๊ ถ้าไม่ใช่นาฬิกาแล้วนั่นอะไร”
มันชี้มาที่ข้อมือที่มีนาฬิกาดิจิตอลง้ามงามอยู่ ผมเหลือบไปมองเจ้าของนาฬิกาตัวจริงก็เห็นมันอมยิ้มจะหัวเราะอยู่รอมร่อทั้งที่มือจดงานอยู่ยิกๆ
ไอ้บูมหันมามองตามที่เชี่ยเชษฏ์ชี้แล้วก็เห็นนาฬิกาส่งแสงวิบวับ มันแหกตาโปนๆ ของมันทันที แล้วคว้าข้อมือผม แต่ถ้าจะพูดให้เห็นภาพคือคีบข้อมือผมด้วยสองนิ้ว นิ้วโป้งกับนิ้วชี้แล้วก้มลงดูนาฬิกาอย่างพินิจพิเคราะห์แต่ปากก็ยังพูดกับผม
“เชี่ยเชื้อรา” นี่ใช่เหตุผลที่มึงคีบข้อมือกูดูนาฬิกาแบบโคตรรังเกียจป่ะวะ?
“อะไรมึง” ผมขานรับ
“ซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
หึๆ... ผมอ้าปากกำลังจะตอบแต่ไอ้บูมก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“ไม่ดิ หน้าอย่างมึงเทสต์ไม่ดีขนาดนี้หรอก” อ้าวไอ้ห่า? ด่าได้อีกเนอะ “จะว่าป๊าม้ามึงซื้อให้ก็คงไม่ใช่” แน่ะ รู้ทันอีก หรือจะหลอกด่าว่าป๊าผมก็ไม่มีเทสต์วะ?
“...ไหนบอกกูมาซิ” เสียงไอ้ณัฐที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดเอ่ยถามพร้อมดันแว่นที่เลื่อนลงมา “ใครซื้อให้มึง”
โห คำถามแบบนี้ผมตอบได้ชัวร์ครับ
“คนที่ดีกว่ามึง”
“ใคร? ไอ้โจ้อ่ะเหรอ” โอ้โห...ถามได้น่าเตะมากเลยครับเพื่อน
“อ้าวไอ้นี่ แต่คงเดายากว่ะ เพราะคนเกือบทั้งโลกก็ดีกว่ามึง” ผมพูดจบก็ส่งยิ้มหวานให้ไปมัน
“กวนตีนแล้วมึง” มันเอาปากกาลูกลื่นแบบกดมากดปิดที่หัวผมแทนที่จะใช้มือกดครับ มันเจ็บนะเว่ย! ยิ่งเกรียนๆ อยู่ “เอาจริงๆ ไอ้โจ้ใช่มะ”
เข้าเรื่องนี้อีกละ สักวันเหอะ ผมจะจับมันให้กะเทยมั่งอ่ะ
ผมเหลือบไปมองไอ้กฤตอีกรอบ และเห็นว่ามันเลิกยิ้มแล้ว เอาแต่นั่งจดงาน อย่าเพิ่งบ้าเรียนตอนนี้เด้! จะส่งซิกไปถามซะหน่อยว่าจะให้ตอบว่าอะไร
“เงียบอีก เอางี้ ไหนตอบกูมาซิ นาฬิกานี้มันสำคัญกับมึงแค่ไหน”
ไม่ต้องเสียเวลาคิดหรือส่งซิกถาม เพราะผมตอบอย่างภูมิใจ “สำคัญดิ”
ก็ของขวัญวันเกิดที่ ‘เป็นชิ้นเป็นอัน’ อย่างแรกในรั้วมัธยมอย่างที่บอกล่ะครับ
“เฮ่ย! เอาจริง” แต่พอผมพูดจบปุ๊บมันก็แหกปากในระดับเสียงเบาๆ ตามที่สถานที่จะเอื้ออำนวยใส่ผมทันที
“เอาจริงเชี่ยไร”
“ก็มึงจะเอาไอ้โจ้จริง? มึงจะเกย์จริง?”
“ไอ้ห่านี่! วันๆ มึงคิดแค่นี้เหรอวะ ด่ากูเกย์มึงไม่เกย์เองเลยล่ะ สัตว์ณัฐนี่”
“โหๆ พวกกูล้อเล่นนนน” มันทำเสียงอ้อล้อตอแหลแล้วเอามือมาหมุนไปมาตรงหน้าผมแบบโอ๋เด็ก ผมแยกเขี้ยวใส่มันแล้วหันไปหยิบสมุดของมันมาลอกงาน เฮอะ! ถึงมันจะด่าผมมันก็ยังเรียนดีวะ ให้ผมลอกการบ้านก็บุญโขแล้วนะเนี่ย แต่แกล้งมันต่อดีกว่า
มันเห็นผมหน้าบูดไม่เลิกก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ เปลี่ยนจากหมุนมือมาใช้ปากในทางสร้างสรรค์สังคมบ้าง
“อย่างอนกูเป็นผู้หญิงดิ๊! กูก็แค่แกล้งมึงเล่นเฉยๆ ง่า... กูขอโทษ ไม่คิดว่ามึงจะโกรธขนาดนี้”
ผมเงียบ มือก็ปั่นงานอยู่ยิกๆ อันที่จริงถ้าจะแกล้งโกรธมันผมไปเอางานคนอื่นมาลอกก็ได้ แต่ในกลุ่มผมไม่มีใครทำงานเลยสักคนนอกจากมัน แล้วจะให้ไปขอกฤตก็กระไรอยู่ แอบเกรงใจ
“จะให้กูทำไงว้า”
อืมมม.. ก็จะทำอะไรล่ะเว๊ย
วะฮะฮ่า พูดต่อสิ แล้วกูจะพิจารณาข้อเสนอของมึง เห็นไอ้ณัฐมันเล่นก็บ้า เรียนก็บ้าอย่างนี้ รักเพื่อนเป็นบ้าเลยนะครับ
“อย่าเงียบไม่ตอบดิ”
กูตอบมึงแล้วนะ...แต่ตอบในใจ
“กูไม่ชอบเวลามึงเงียบนะเว่ย แม่งไม่เข้ากับมึงเลย”
อ้าว...นี่จะหลอกด่าว่าปากมากรึเปล่า?
เสียงพูดของมันเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ จนผมเกือบจะหลุดเงียบไปตบเกรียนมันว่าผมไม่ได้งอน แต่เห็นหน้าติ๊มติ๋มของมันก็ทำให้ต่อมเห็นใจไม่ทำงาน กลับไปกระตุ้นต่อมแกล้งซะสะใจเลย
“มึงพูดกับกูหน่อยดิว่าจะให้กูทำไง”
พูดให้โง่สิ! เดี๋ยวมึงก็ได้ใจ ล้อกูอีก กูรอข้อเสนอมึงเนี่ย
แต่เสียงออดหมดคาบดังขึ้นก่อนครับ พออาจารย์ออกจากห้อง คนอื่นๆ ก็ออกตามไปเป็นพรวน ผมเก็บของแล้วทำท่าจะออกไปกินข้าวกลางวันบ้าง
“กูจะไม่ล้อมึงแล้วเว่ย...”
เออ น่าสน แต่แค่นั้นพอ..? กูขออีก
ผมกำลังจะลุกไปจริงๆ แล้วก็มีคนมาสะกิด ผมหันไปมอง เป็นไอ้กฤตที่เดินมาแล้วยิ้มให้ผม
“ไปกินข้าวกัน” มันหันหน้าไปชวนไอ้พวกนั้นด้วย แต่ผมตอบตัดหน้าซะ
“เอาดิ” แล้วชิ่งออกมาทันที ไอ้ยินเสียงไอ้นายตะโกนตามหลังมา
“เชี่ยศิ! มึงลำเอียงว่ะสัตว์!”
ผมที่คว้าแขนเสื้อไอ้กฤตลากออกมาจากห้องค่อนข้างไกลแล้วก็ปล่อยแขนเสื้อมัน เดินสบายๆ ลงไปข้างล่าง
“โกรธไอ้ณัฐจริงเหรอ” มันถาม โห...ใช้เวลาวันเดียวก็แทนกันว่า ‘ไอ้’ แล้วเหรอ ...นายแน่มาก...
“เว๊ย แกล้งมันเล่น เซ็งที่มันชอบพูดเรื่องไอ้โจ้”
“โจ้? ใครอ่ะ”
“ประธานนักเรียนเพื่อนเราเอง”
“แล้วสรุปจะไม่รอพวกนั้นจริงๆ?” มันวกกลับมาเรื่องเดิมอีกรอบ ตกลงนี่ใช้เวลาหนึ่งวันในการสนิทกันจริงง่ะ
“เอ๊อ... รอทำไม ไม่ได้ไปกินข้าวหรอก ไปทำเรื่องเข้าชมรมให้นายอ่ะ เอาพวกมันไปด้วยแม่งก็อดแด...อดกินกันหมดพอดี”
เกือบหลุดคำหยาบไปนิดนึงครับ...
“แล้วมันจะไม่เข้าใจผิดรึไง”
“ผิดเรื่อง?”
“ก็นึกว่าศิโกรธจริงอ่ะ” ถามมาได้ว่ะ หน้าอย่างไอ้พวกนั้นไม่ว่าอะไรหรอกครับ
“ไม่หรอก” ผมมั่นใจเต็มร้อยล้านครับเรื่องนี้ “ให้พวกมันไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวพวกเราค่อยใช้สิทธิประธานนักเรียนคนดีกินข้าวทีหลังเพื่อน”
สภานักเรียน
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องที่คุ้นเคยแก่การเก็บเงินในวงป๊อกเด้ง ฮ่าๆๆ ฟังดูเล๊วเลวใช่มั้ย แต่วันนี้มาทำดีครับ อ๊ะ...
“ชิบหายแล้ว” ไอ้คนที่ยืนอยู่หน้าผมพูด “มึงคิดงี้อยู่ใช่มะ”
อ๋อใช่เลย
“เลิกเงียบได้แล้วมึง ไม่โกรธกูจริงก็บอก” ห่าณัฐ! เสือกรู้ทันผมตั้งแต่เมื่อไหร่
“เชี่ยศิ!” ไอ้นายตบหัวผม “มึงทำไอ้ณัฐโคตรกังวลชิบหายเลย”
“เงียบอีก” บูมพูดบ้าง ส่วนไอ้เชษฏ์ที่อยู่ใกล้ผมมากกว่าบูมก็ตบเกรียนผม
ก็กูจะเงียบอ่ะ มึงจะทำไม๊...
“ไม่พูดใช่มะ” ไอ้ณัฐถาม ทำท่าเป็นต่อ ผมยักไหล่แล้วขยับเดินเข้ามาในห้องให้กฤตได้เดินเข้ามาบ้าง เพราะเมื่อกี้ผมกับไอ้ณัฐบังทางเข้าเต็มๆ
“ก็ด้าย...” ณัฐว่า แล้วเดินเข้าไปหาคนที่นั่งเงียบอยู่ในห้องมานานแล้ว “โจ้! มึงพูดดิ๊!”
อ้าวห่า! เล่นงี้เลยเหรอ
“หือ?” วัยรุ่นเพศผู้อายุประมาณผมในชุดนักเรียนปักชื่อโรงเรียนเดียวกันแต่หน้าตาดูดี๊ดูดี คิ้วเข้มตาคมที่สาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันเยอะบัดนี้นิ่งทำหน้าเอ๋อๆ ใส่ไอ้ณัฐเหนือกองเอกสาร ในมือถือปากกาลูกลื่นค้างไว้
เห็นแล้วแสลงใจ เอ่อ...โจ้ กูขอโทษที่ไม่ช่วยมึงทำงานเลยอ่ะ งานสภาฯเยอะสัตว์ว่ะ กูอู้ไปซะนาน จะกลับมาทำในเร็ววันนี้แหละนะ
“คืองี้...” เชี่ยแม่งเกริ่น เหล่ตามามองผม ผมก็เมินไปคุยกับไอ้กฤตแทน “เชี่ยศิแม่งงอนกู”
“แล้วศิงอนณัฐเรื่องอะไรล่ะ” โจ้ถาม สังเกตได้ถึงความแตกต่างของสรรพนามใช่มั้ยครับ
เอาดี้...มึงกล้าบอกโจ้เหรอว่ามึงหาว่ามันเป็นเกย์อ่ะ
“กูบอกแม่งว่ามึงชอบศิ” โห....ยังไม่คิดปรับปรุงสรรพนามอีกนะมึง ...เฮ่ย!! มันกล้าพูดจริงๆ แต่ดูคนโดนพาดพิงสิ...
“เออ.. ก็เราชอบศิ” เอ่อ...คุณโจ้ช่วยตื่นเต้นตกใจจะปฏิเสธสักหน่อยก็ดีนะ กูจะชิบหายวายวอดแล้ว
“ห๊ะ!” กลายเป็นเพื่อนเวรๆ ของผมเองที่ตกใจ
“หมายถึงก็ศิเป็นคนดี ก็ชอบ” ขอกระจ่างกว่านี้ได้มั้ยครับคุณโจ้... ผมเสียวตู๊ดดดดด!!
“แล้วพวกมึงมาบุกสภาฯ เพราะเรื่องแค่นี้อ่ะนะ” ผมถาม ก็ในเมื่อมันแฉไปแล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องเงียบต่อล่ะ คันปากจะตายเวลาไม่ได้พูดน่ะ (เป็นข้อพิสูจน์ว่าที่ไอ้ณัฐพูดในห้องเรียนเป็นความจริงแค่ไหน)
“เออ” มันตอบอย่างพร้อมเพรียง
“เชี่ยว่ะ ไปแดกข้าวไปพวกมึง เดี๋ยวกูทำเรื่องเข้าชมรมให้กฤตก่อน” ผมโบกมือไล่อย่างจงใจให้รู้ความนัยว่า ‘ชิ่วๆ’
“มึงเป็นห่วงกูด้วย? แล้วเมื่อกี้เงียบนานทำไมวะ”
“แม่งก็หวังจะหลอกแดกตังค์มึงไงไอ้คว...” คำสุดท้ายนี่ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่ามันเป็นสัตว์ไว้ไถนาหรืออวัยวะเพศชายนะครับ “ช่วงนี้ไอ้ศิแม่งยิ่งจนๆ อยู่”
“อ้าวสัตว์...” มันเป็นแค่คำอุทานของไอ้ณัฐครับ ไม่ใช่คำด่าแต่อย่างใด
“ออกไปแดกข้าวได้แล้วพวกมึง มึงเข้ามาแล้วห้องสภาฯ ดูต่ำไปถนัดตาเลยว่ะ”
พวกมันค่อยออกไปทีละคนจนห้องดูค่อยมีรัศมีขึ้นมาหน่อย ผมก็เดินไปหยิบเอกสารทำเรื่องเข้าชมรม ที่จริงคือใบยื่นเรื่องเปลี่ยนชมรมครับ แต่มันก็ครือๆ กันนั่นแหละ ขอเข้ากลางเทอมกับขอย้ายกลางเทอม
เพราะแค่เรื่องย้ายหรือขอเข้าชมรมเลยเป็นไอ้โจ้ที่เซ็นอนุมัติแทน แล้วค่อยส่งรายชื่อไปที่ครูประจำชมรมอีกที ผมวางกระดาษยื่นเรื่องไว้บนโต๊ะทับกองเอกสารร้องเรียนงี่เง่าๆ มากมายของไอ้โจ้ แล้วกระแซะสีข้างมันให้เถิบไปข้างๆ
โจ้เลื่อนเก้าอี้ไปด้านข้างเล็กน้อย ผมก้มลงไปเปิดลิ้นชักรายชื่อชมรมออกมาแล้ววางทับลงไปบนโต๊ะ พร้อมปฏิญาณในใจว่าผมจะกลับมาทำงานสภาฯ ให้เร็วที่สุด... สงบนิ่งไว้อาลัยให้ตัวเองดีกว่า
“อ่ะ นี่รายชื่อชมรม จะเข้าอันไหนก็เขียน สงสัยถามได้” ผมบอก แล้วทิ้งตัวนั่งข้างๆ มัน
“แล้วศิอ่ะ?” กฤตหันหน้ามาถามผม ตอนแรกก็สงสัยเหมือนกันว่าหมายความว่าอะไร แต่ดูจากรูปการแล้ว...
“เราเป็นรองประธานฯ เข้าสภาฯ แทนชมรม ฮ่าๆ” แอบต่อให้ตัวเองในใจว่าอู้งาน แต่พอนั่งอย่างนี้ ลักยิ้มเราเลยชิดกันเมื่อผมกับกฤตหัวเราะทั้งคู่ ถ้ามองเห็นคงจะฮาดี
“นี่... ไอ้พวกนั้นอยู่ชมรมหมากรุกนี่” ผมชี้ให้มันดูชื่อชมรมที่ว่า กำลังจะเอามือกลับไปลูบท้องหิวข้าวก็โดนคว้าข้อมือเอาไว้โดยคนที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ
ผมมองหน้าไอ้โจ้งงๆ คล้ายจะถามว่า ‘อะไรมึง’
“ใส่นาฬิกาด้วย?” โจ้ถามแล้วมองนาฬิกาเว๊อร์เวอร์บนข้อมือผม เพราะปกติผมไม่ใส่นาฬิกา
“อ๋อ เออ ของขวัญวันเกิดชิ้นแรกเว่ย” ผมรีบอวดสรรพคุณของที่มาอย่างภูมิใจ มันเห็นผมยิ้มกว้างก็ถามต่อ
“ใครให้อ่ะ”
ผมยิ้มกว้างขึ้นไปอีกแล้วตบมือลงบนหลังมือข้างที่ไม่ได้จับกระดาษอยู่ของกฤต “กฤตนี่ไง”
พูดจบก็นึกขึ้นมาได้แฮะ... “เออกฤตนี่โจ้ เฮ๊ยโจ้ นี่กฤตเว่ย”
เอ่อ... ผมก็รู้สึกสงสัยในความแตกต่างของประโยคแนะนำสองประโยคเหมือนคุณแหละครับ กฤตเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้โจ้ ก้มลงไปดูชมรมต่อ
เงียบกันไปพักหนึ่ง กฤตกำลังพิจารณาว่าจะเข้าชมรมอะไร โจ้กำลังอ่านเอกสารอย่างขะมักเขม้น ส่วนผม...ก็กำลังนั่งอยู่เฉยๆ มองไปรอบห้องสภาฯ ที่โดดงานมานาน เอาน่า...เดี๋ยวผมก็กลับมาสิงสถิตที่นี่เหมือนเดิมแล้ว
“งั้นเราเข้าชมรมหมากรุกนั่นแหละ” กฤตพูด ผมพยักหน้า แล้วบอกให้มันกรอกรายละเอียกลงไปเลย
“แต่มันก็ไม่ค่อยได้เข้าชมรมเท่าไหร่หรอกนะ ชอบโดดมาสภาฯ...” มาเป็นเจ้ามือไพ่ ผมต่อในใจ
“อือ เดี๋ยวเราก็โดดมาด้วยไง” กฤตยิ้มให้อีกรอบแล้วกรอกรายละเอียดจนเสร็จ ส่งข้อมูลไปให้โจ้ที่ยื่นมือมารับไปเซ็นรับรอง
*******************
[160510] ได้ชื่อตอนแล้วค่ะ! (สิ้นคิดสุดๆ...) เอาเป็นว่าใครคลิกเข้ามาอ่านจะคอมเม้นท์จะโหวตหรือไม่อย่างไร...ตามแต่จิตศรัทธาค่ะ แต่ทุกคอมเม้นท์ไรท์เตอร์จะตอบหมดนะคะ (ถึงแม้รีดเดอร์จะไม่อยากรับก็ตาม หุๆ) ขอบคุณค่ะ!!
edit
[060210] แก้คำผิดนิดนึงค่ะ :)
[140510] เทศกาลแก้คำผิดแห่งชาติ!
[150510] เจอคำผิดอีกตามเคย... :P
ความคิดเห็น