คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : UNLOVEABLE 1: The Gift
UNLOVEABLE
UNLOVEABLE 1: The Gift
อืม...มันก็ไม่เห็นจะต่างจากวันปกติเท่าไหร่เลยนี่...ไม่ได้มีความรู้สึกว่าแก่ขึ้นเลย และไม่ได้มีความรู้สึกว่าจะต้องตื่นเต้นกับของขวัญสักนิด
...ในเมื่อไม่มีทางได้...
ถูกต้องถ้าคิดว่าวันนี้วันเกิดผม แต่ก็ต่างจากเดิมนิดหน่อยตรงที่วันนี้ผมตื่นก่อนเวลา อันที่จริงคือตื่นก่อนนาฬิกาปลุกจะดังแล้วไปกดปิดมันเพราะเสียงมันสะท้านเยื่อรูหูเอามากๆ
ลงไปกินข้าวเช้าก็ไม่หวังจะพบเจออะไรที่มันหะรูหะรากว่าเดิมนักหรอก วันๆ ก็แค่อาบน้ำ จะถูสบู่หรือไม่ถูก็แล้วแต่อารมณ์แล้วก็แปรงฟันแต่งตัว ลงไปกินข้าวเช้า เสร็จก็ไหว้ลาป๊าม้าแล้วก็โบกแท็กซี่ไปโรงเรียน
มันจะอะเมซิ่งอินไทยแลนด์มากถ้าเพื่อนจะมาเซอร์ไพรส์หรือถือของขวัญวันเกิดมาให้ พนันเอาเลยว่าของขวัญวันเกิดปีนี้คงจะเป็นการโยน PSP มาให้ยืมเล่นทั้งวันแบบไม่เสียตังค์ จากนั้นวันต่อไปค่อยไถตังค์ผมไปแดก
ขอโทษครับที่พูดจาไม่สุภาพ... ตื่นเช้าอารมณ์เสีย
“อ่ะ...” เพื่อนรักหน้ากวนตีนยื่นน้ำเปล่ามาให้ขณะที่ผมกำลังนั่งหงอยอยู่บนห้องเรียน ไอ้นายยิ้มหวานจ๋อยนำทัพเพื่อนคนอื่นๆ มา
“อะไรมึง”
“น้ำเปล่าไง ของขวัญวันเกิดมึงอ่ะ ตอนแรกพวกกูจะซื้อแบล็คผูกโบว์ให้มึง แต่พวกกูถังแตก มึงแม่งเสือกเกิดสิ้นเดือน กูเลยเอาน้ำเปล่ามาให้ น้ำแร่เชียวนะเว่ย! แดกแล้วดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ” เชี่ยเชษฏ์ตอบคำถามพร้อมอธิบายเสร็จสรรพ แม่งรักผมมากเลยอ่ะ
“มึงรักกูมากขนาดนั้นทำไมมึงไม่เอานมสดมาให้กูเลยล่ะ ‘รักใครให้ดื่มนม’ มึงไม่เคยได้ยินเหรอไง”
พูดจบผมก็โดนอีกคนตบเกรียน ไอ้ห่าณัฐ... ตบผมเสร็จมันยังจะด่าผมต่ออีกแน่ะ
“เชี่ย! กูรักมึงไงเลยไม่ให้นมมึง นมมันมีเมลามีน แดกไปมึงก็ตายห่าพอดีสิไอ้ควาย”
“แล้วมึงรู้เหรอเมลามีนคืออะไร” ไอ้บูมดักคอห่าณัฐ แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะดักคอไอ้ณัฐเพื่อผม มันด่าผมต่อแน่ รู้จักเพื่อนดี
“เชี่ยบูม ถ้ามึงด่ากูต่อกูขอแช่งให้ให้เชษฏ์แพร่โรคฝีดาษใส่มึง สาธุ”
“อ้าวๆ ไอ้เชื้อรา กูเป็นสิว ไม่ได้เป็นฝีดาษ ห่านี่” แล้วผมก็โดนตบเกรียนอีกรอบ... นี่หรือวันเกิด...
แล้วไอ้นายก็ยัดขวดน้ำเปล่าผูกเชือกฟางสีแดงเป็นโบว์ใส่มือผมอย่างแสนภูมิใจ “แดกให้หมดนะมึง”
เอาวะ...อย่างน้อยก็เป็นน้ำแร่...
อะแฮ่มๆ ไหนๆ ก็เป็นวันเกิดนะครับ ผมควรจะอารมณ์ดีสักหน่อย แล้วไอ้ขวดน้ำแร่เนี่ย มันมีคุณค่ามากเลยถ้าอยู่ในโรงเรียนชายล้วน เพราะปีที่แล้วผมได้แค่การลูบเกรียนแล้วแหกปากร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์กลางโรงอาหาร โคตรหน้าด้านเลย
“ศิรา!” (หันซ้ายหันขวา)
“เชี่ยเชื้อรา ‘จารย์เรียกมึงอ่ะ” เออ กูรู้ มึงไม่เห็นกูหันอยู่เหรอ
“ศิรา!”
“คร้าบบบ” ผมขานรับ ในที่สุดก็เจออาจารย์ คือแกเตี้ยมากอ่ะ ผมไม่ได้ลามปามไม่ได้ตั้งใจจะมองไม่เห็นนะ
อาจารย์ท่านนี้ให้ผมดูกี่ทีก็ว่าแกเหมือนอาแปะแถวเยาวราชมากกว่าอาจารย์
“เออๆ วันนี้จะมีนักเลียนใหม่มานะ ฝากลื้อดูแลด้วยน่า” ไม่ต้องสงสัยครับ พอดีอาจารย์แกเป็นคนจีนแต่กำเนิด
“อ่าว...ทำไมไม่ให้ประธานนักเรียนดูไปล่ะครับ” ผมถามกลับไปด้วยสีหน้าที่พยายามบ้องแบ๊วที่สุด แต่ในใจคือมันเป็นภาระว่ะ
“อีมีงานเยอะแล้ว อีกอย่าง นักเลียนใหม่อยู่ห้องลื้อด้วย ฝากแนะนำลงเลียนด้วยนา อาจารย์ก็งานเย๊อะเยอะ เห็นลื้อเป็นรองประธานด้วย ผอ. อีฝากมาอีกต่อแน่ะ” แล้วแกก็เอื้อมมาตบไหล่ผม แล้วเดินออกไปทันที
งานเข้าเว๊ยยยย!!!
ผมหันไปมองเพื่อนๆ ผู้แสนดีแล้วนินทานักเรียนใหม่ “แม่งเสือกเข้ามากลางเทอมทำไมวะ ไม่รอให้จบๆ เทอมไป แม่ง ภาระกูตลอดอ่ะ”
“เอาเหอะมึง...” ไอ้บูมตบบ่าผมด้วยท่าทีเป็นผู้เป็นคนผิดปกติ กินอะไรผิดสำแดงเข้าไปนั่น หัดใส่ใจคนอื่นด้วย “...เพราะงานมึง ไม่ใช่งานพวกกู ก๊ากกก!!”
น่านนน... วอนตีนแล้วไงไอ้ห่าบูม
“สัส! เชี่ยบูม มึงพูดงั้นได้ไง กูอุตส่าห์แบกท้องไม่ได้แดกข้าวเช้ารอถล่มไดโดม่อนนะมึง” เชี่ยนายอีกคน ไม่ได้ใส่ใจกูเล้ยยย
“มึงก็เอาเด็กใหม่ไปแดกด้วยดิ๊ พาร์ทัวร์รอบโรงเรียนด้วยไง ...รอบนอกอ่ะ” ความคิดชั่วร้ายผลาญเงินผมในโลกนี้มีไม่กี่คนหรอกครับ หนึ่งในนั้นก็คือนี่แหละ ไอ้ณัฐ
“เปลืองตังค์กูตายห่าสิ”
“นั่นแหละประเด็น”
“ขอบใจเหี้ยๆ เลย”
“แล้วมึงไม่ไปต้อนรับนักเรียนใหม่วะ” เชษฏ์ถาม
“ไล่กูเหรอ? เออ ไม่หน้าด้านอยู่ให้มึงไล่นานหรอก เดี๋ยวกูไปน่า”
“อ้าว มองโลกในแง่ร้ายอีกมึง เห็นกูเหี้ยขนาดนั้นเลย”
ไม่ต้องถามก็น่าจะรู้ตัวดีนี่...
คืออย่างงี้ครับ นักเรียนใหม่เข้ามากลางเทอมจะต้องไปนั่งรอที่ห้องสภานักเรียนครับ แล้วเดี๋ยวจะมีคนนำไปห้องเรียน ซึ่งปกติประธานนักเรียนจะเป็นคนทำ แต่ทำไมงานนี้โยนขี้ให้ผมก็ไม่รู้ สงสัยเห็นผมอู้งานมานานแล้วมั้ง
หึๆ เป็นไงล่ะ Reception โรงเรียนผมหรูใช่มั้ยล่า...
“เออ กูไปและ” ผมลุกจากโต๊ะ ขี้เกียจว่ะ
“ฝากหวัดดีสามีมึงด้วย” ไอ้เชี่ยเชษฏ์ยิ้มมาให้ผม อ้าว...มึง...พูดงี้ก็หล่อดิ
ผมแสยะยิ้มกลับไป
“ควย! ‘ไมมึงชอบด่ากูเป็นเกย์กะไอ้เชี่ยโจ้ตลอดเลยวะสัตว์! เฮอะ โจ้แม่งไม่เข้าห้องตอนเช้าหรอก เสียใจด้วย” ผมถามเซ็งๆ พวกมันแม่งชอบล้อผมไร้สาระเรื่อยเชี่ยโจ้เนี่ย
“เอาน่า...รักดอกจึงหยอกเล่นนน” ไอ้นายหยอด แล้วเปลี่ยนท่าทีทันที “ก็มันน่าคิดนี่มึง”
“ตรงไหนวะ”
“ก็โจ้แม่งชอบยิ้มหวานให้มึง” บูมว่า
เอ๊า... มนุษยสัมพันธ์ดีก็ผิดว่ะ
“แม่งก็ยิ้มหวานไปทั่วนี่หว่า” ผมพูดจริงนะ
“โจ้แม่งชอบเรียกใช้มึง” ณัฐเถียงต่อ หาเหตุผลที่ดีกว่านี้มีมั้ย?
“กูเป็นรองประธานนะครับมึง”
“ห่า! เหตุผลพวกมึงแม่งงี่เง่า มานี่ ฟังกู มึงก็ดูหน้ามึงนะเว่ย ขาวๆ ตี๋ๆ ตัวเล็กๆ สเป็คเกย์ชัดๆ เลยมึง แล้วโจ้แม่งก็... ไอ้เต้...ยยังฟันธงเลยว่าแม่งเป็นเกย์”
เต้ หรือที่ไอ้บูมเรียกว่าเต้ยคือกะเทยคนงามประดับห้อง (เป็นกะเทยที่งามจริงๆ ครับ ผมยืนยัน) เรดาร์จับเกย์หล่อๆ ของมันแรงและแม่นยิ่งกว่ามิสไซล์ถล่ม
“กูอยู่กับแม่งมาตั้งแต่ม. ต้นนะมึง ไม่เห็นอาการจะออก”
“มึงไม่เชื่อพวกกูใช่ป่ะ กูขอให้มึงโดนตุ๋ยเข้าซักวัน เว๊ย! อุตส่าห์เตือน” ไอ้เชษฏ์ชี้หน้าแล้วแยกเขี้ยวใส่ผม
อ้าว...เวร แช่งกันนี่หว่า
“พวกมึงแม่ง... เฮ๊ย พอเหอะ กูสงสารไอ้โจ้ อยู่ดีไม่ว่าดีโดนมึงปรักปรำ กูไปและ เดี๋ยวพาเด็กใหม่มาแนะนำ”
ผมเดินออกไปตามโงทางเดินที่จะนำไปห้องสภานักเรียนชั้นล่าง แล้วนึกถึงสิ่งที่ไอ้บูมพูดไปพลางๆ
มันว่าผมขาว... เออ ก็จริง ลูกคนจีนแท้นี่หว่า
มันว่าผมตี๋... ข้อนี้ไม่เถียง แต่ก็ไม่ได้ตาตี่นี่นา... ออกมาแล้วดูดีก็หยวนๆ น่า ก๊ากๆๆ
มันว่าผมตัวเล็ก... ข้อนี่เวอร์และ ก็แค่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มไม่ได้หมายความว่าผมจะบอบบางไร้ความเป็นชายชาตรีนี่ครับ โครงสร้างมันเล็กแต่ผมก็ยัง (พอ) มีกล้ามเนื้อนะครับ
มันว่าผมสเป็คเกย์... มันไม่ใช่เกย์แล้วจะรู้ได้ไงน่ะ วะ! หรือว่ามึงเป็นเกย์!! เลอะเทอะใหญ่แล้ว เพื่อนผมมันแมนแท้ๆ สี่ร้อยเอ็ดเปอร์เซ็นต์ (แปลว่า?)
มันว่าไอ้โจ้เป็นเกย์... ฮืม ถึงปาก (เหมือน) จะเถียงให้แต่มันก็ยังน่าหวั่นใจนะครับ เชื่อได้แค่ไหนก็ต้องป้องกันเวอร์จิ้นไว้ก่อน ฮ่าๆๆ
ไอ้โจ้เป็นเพื่อนผมตั้งแต่อยู่ม. ต้นครับ แต่ม. ปลายโดนจับแยกเพราะมันเรียนเก่งเกินมนุษย์มนา แถมยังเป็นประธานนักเรียนที่เพอร์เฟกต์หาผู้ใดมาเปรียบไม่มี๊ไม่มี รูปหล่อ พ่อรวย คะแนนสวย นิสัยดี เออว่ะ แม่งครบทุกด้านขนาดนี้อาจจะเป็นเกย์จริงๆ ก็ได้ ขอให้สมพรปากล่ะมึง (ว่าง่ายๆ ผมอิจฉา ฮ่าๆๆ)
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องที่ปิดป้ายสีทองแต่ความจริงแล้วเป็นสแตนเลสชุบสีสลักว่า ‘สภานักเรียน’
เงาตะคุ่มของใครบางคนนั่งอยู่บนโซฟาชุดสีเบจที่หน้าที่หลักมีไว้รองรับวงไพ่ เอาน่า...สภานักเรียนทำงานเหนื่อยๆ ก็ขอพักสมองมั่ง
ผมเปิดไฟแล้วพบว่าเด็กหนุ่มไม่รู้จักใส่ชุดนักเรียนปักชื่อย่อโรงเรียนผมนั่งจ้องผมอยู่ พอผมมองกลับมั่งก็ยิ้มให้ผม ผมเลยยิ้มกลับบ้าง เดินเข้าไปคว้ารีโมทแอร์แล้วเอ่ยปากถาม
“อยู่ได้ไงไม่เปิดไฟไม่เปิดแอร์ จะช่วยโลกประหยัดพลังงาน?” ผมถาม มือยกขึ้นเตรียมจะกดเปิดแอร์
“ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะแล้วแตะรีโมทเอาไว้ “ก็เดี๋ยวต้องไปแล้ว จะเปิดทำไม เปลือง”
“โห เป็นคนดี ไม่น่าเชื่อ หน้ายังกะคุณชาย นึกว่าจะผลาญพลังงานซะอีก” ผมว่า แล้วไอ้หมอนั่นก็ยิ้มอีก
“ชื่อไรอ่ะ” มัน เอ้ย! เพื่อนใหม่ (ฟังดูดีกว่าใช่มั้ย?) ถาม “เราชื่อกฤตนะ”
“อือ เราชื่อศิ”
เอาน่ะครับ เพิ่งรู้จัก ต้องใช้สรรพนามที่ดูผู้ดีหน่อย เดี๋ยวคุยกันไปก็ขึ้นกูมึงเองแหละ เชื่อสิ
“งั้น...เดี๋ยวเราพาขึ้นห้องเลยนะ”
ผมไม่ค่อยถนัดคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ครับ ไอ้การแนะนำชื่อมันก็แค่เบสิคๆ แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้จะชวนอะไรคุยต่อ เลยได้แต่พูดนิดหน่อยให้นายกฤตเออๆ ออๆ ไปตามเรื่องตามราว ระหว่างทางก็ชี้ๆ ห้องนู้นห้องนี้ให้ดู แล้วบอกว่าเป็นห้องอะไร ซึ่งก็ไม่อะไรต่างจากโรงเรียนทั่วไปนักหรอกครับ
“เอ้อ...แล้ว ทำไมย้ายมากลางเทอมอ่ะ” ผมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว หรือภาษาปากเรียกว่า ‘เสือก’ นั่นเองครับ (ไม่ต้องหลอกด่าผมหรอกน่า ผมรู้ตัวดี)
“เรามีเรื่องกับคนอื่นอ่ะ” มันตอบเหมือนบอกพ่อแม่ว่าปวดขี้อ่ะ หมายความว่าบอกด้วยท่าทางสบายๆ อ่ะครับ
“จริ๊ง? ไม่น่าเชื่อ” ที่ไม่น่าเชื่อเพราะหน้าตางี้ ผู้ดี๊ผู้ดี
นายกฤตยักไหล่แล้วตอบ
“คือโดนเค้ามาหาเรื่อง ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร พยายามคุยด้วยอยู่หรอกนะ แต่อยู่ๆ ก็ถลาเข้ามาต่อยเลย ก็เลย... นั่นแหละ ฮ่าๆๆ” เออ ผมเข้าใจดี ถ้าอยู่ๆ โดนต่อยก็คงไม่ใช้เหตุผลแล้วแหละ ต่อยมาปุ๊บสะท้อนกลับปั๊บ
แต่ว่านายกฤตนี่มีลักยิ้มด้วยแฮะ ข้างซ้าย ส่วนผมมีข้างขวา เข้ากั๊นเข้ากันเนอะ ยิ่งดูจากโหงวเฮ้งแล้วราศีจับทั้งคู่เลย กรั๊กๆ
“แล้วตกลงเค้ามาต่อยทำไมอ่ะ” ยังครับ...ผมยังเสือ...หมายถึงสอดรู้สอดเห็นไม่จบ ตอนนี้เดินมาถึงหน้าบันไดกลางชั้นสามแล้ว ห้องเรียนผมอยู่ชั้น 5 ของตึกนี้ครับ
“ก็แฟนเค้าบอกเลิกเค้า เห็นพูดว่าเพราะชอบเราอ่ะ” ดูจากสีหน้าแล้วระอาเหลือเกินครับ “บังเอิญเค้าเป็นลูกอธิการด้วย”
“อ้าว...เลวว่ะ งี้นายก็โดนคนเดียวเลยดิ”
“ก็ไม่เชิงอ่ะ เราย้ายออกมาเอง เพราะพ่อแม่เราไม่อยากผิดคอกับคนใหญ่คนโต”
“เออ ถึงละ เนี่ยห้องเรียนนะ ม. 5/2” ผมแนะนำแล้วเปิดประตูห้องเดินนำเข้าไป สายตาทุกคู่จับจ้องมายังนายกฤต มันทำท่าเงอะงะเก้ๆ กังๆ นิดหน่อยหน้าห้อง ร้อนถึงผมต้องทำตัวเป็นคนดีไปแนะนำ
“เฮ่ยมึง! มองยังกะเห็นตัวประหลาด นี่ชื่อกฤตเว่ย นักเรียนใหม่”
แล้วเสียงเฮโลโห่ฮาก็ดังครืนทันที เพื่อนในห้องส่งเสียงทักทายโดยเฉพาะไอ้เต้ยที่ชอบนัก ผู้ชายหน้าตาดีเนี่ย
“อ้าว ไอ้ศิ มึงสลัดรักไอ้โจ้มาซบอกเด็กใหม่แล้วเหรอวะ?” เชี่ยท็อปเพื่อนในห้องตะโกนถาม เวร! สรุปคือเพื่อนทั้งห้องเห็นเป็นอย่างเดียวกันหมดเลยใช่ป้ะ
“สัดท็อป หุบปากเหอะ” ผมตะโกนด่า แล้วหันมาคุยกับกฤตแทน “อย่าไปฟังพวกมันเหอะ หอนกันได้ไม่เว้นวันหยุดราชการ”
ผมเดินไปที่โต๊ะของตัวเองแล้วทรุดตัวนั่งลง ไอ้กฤตเองก็เดินตามผมมาแล้วยืนมองผมอยู่หน้าโต๊ะ
“เอ่อ...มึง เอ้ย! นายนั่งนี่ก็ได้” ผมชี้ที่นั่งแถวข้างๆ ผมแต่โต๊ะเยื้องกันอยู่ มันก็พยักหน้ารับแล้ววางกระเป๋านั่งลงบนเก้าอี้
ทันทีที่มันนั่งปุ๊บ เพื่อนในห้องก็เริ่มขยับตัว โดนแกนนำทัพกลุ่มผมคือไอ้นาย
“ย้ายมาเชี่ยไรกลางเทอมวะ” ไอ้นายเริ่มคำถามแบบชวนกระทืบมากๆ เลยเพื่อน ผมจะไม่แปลกใจถ้ามันโดนไอ้กฤตต่อยเละตรงนั้น ยิ่งบวกกับคิ้วเข้มๆ เหมือนชินจังกับเหล็กดัดฟันที่ปาก แย้มยิ้มทำไรหน้ากลายเป็นไอ้วอนตีนตลอด
แต่น่าแปลกครับ ไอ้กฤต (ช่างสรรพนามมันเถอะ ตราบใดที่คนอื่นยังมองว่าผมเป็นคนดี) กลับไม่สะทกสะท้านต่อรังสีที่ส่งเสียงมาว่า ‘ต่อยกูเซ่~’ หนำซ้ำยังยิ้มบางๆ ต่อแล้วตอบอย่างใจเย๊นใจเย็น
“เรื่องมันก็ไร้สาระ เอาไว้ถามศิดูก็ได้” อ้าว...เอาผมไปเอี่ยวอีก
ทีนี้เพื่อนเลยหันมาเล่นผม...อีกแล้ว
“เสือกเหมือนกันนี่หว่ามึง” ก็ติดมาจากพวกมึงอ่ะ...
อยากตอบแบบนั้นครับ แต่รับรองว่าถ้าตอบแบบนั้นเรื่องต้องยาวววว เลยตัดปัญหาซะ
“เออ กูเสือก”
ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจมันก็หันกลับไปหลั่นล้าปุจฉา-วิสัชนากับไอ้กฤตต่อ ผมก็นั่งมองเหตุการณ์และเก็บเกี่ยวคำตอบเงียบๆ แบบขี้เกียจมีส่วนร่วม
“กูชื่อนาย เชี่ยนี่บูม หน้าสัตว์ๆ ตรงนั้นไอ้เชษฏ์ (มีเสียงไอ้เชษฏ์เถียงกลับมาว่า “หน้ามึงก็สัตว์พอกับกูแหละวะ!”) ห่านี่ณัฐ ส่วนไอ้หน้าแหกท้านรกนั่นไอ้ท็อป แว่นดำนั่นชื่อไอ้ผ่อง หัวหน้าห้อง ไม่น่าเคารพซักเหี้ยเลย (แปลว่าไรวะ?) แล้วนั่นก็...นี่ก็... บลาๆๆๆ” มันสาธยายชื่อเพื่อนพร้อมคำนำหน้าที่...มากๆ
“เออไอ้กฤต” เพื่อนซักคนถาม “มึงมีแฟนยังวะ”
โอ้โห... พวกมึงเริ่มก็คุยด้วยสรรพนามตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหายังอยู่ในร่างกายบิดาเลยเหรอวะ? ขนาดผมยังให้เกียรติมันเลยนะ
“ยัง”
“หะ? หน้างี้เนี่ยนะยังไม่มี... เป็นเกย์ป่าววะ”
“หา? อ้าวสัส (ส เสือลงท้ายชัดมากครับ) อยู่ๆ ก็บอกว่าเป็นเกย์เลยเหรอ” เอ่อ...ได้ยินไม่ผิดเหมือนผมแหละครับ มันพูดว่า ‘สัส’ จริงๆ
“เอ้อ ก็พูดภาษาชาวบ้านเป็นนี่หว่า นึกว่าพูดไม่เป็น แต่อย่าว่าโน้นนี้เลยมึง ระวังเชี่ยศิ แม่งเกย์”
ป้าบ! ผมตบเกรียนมันเองแหละ
“ห่า! กูอยู่ของกูเฉยๆ มึงก็ลากกูเข้าไปเกย์ได้เนอะ พวกเวรนี่” ว่าแล้วผมก็กระดกของขวัญวันเกิดขึ้นดื่ม แต่พวกมันไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกิริยาของผมเลย
เลว... วันเกิดกูนะเว่ย
มันเป็นปฏิกิริยาแอบน้อยใจครับ แหม...ก็วันเกิดแล้วดันถูกเพื่อนลืมนี่มันน่าเศร้า
“เฮ๊ยเชี่ยกฤต! ตอนเย็นมึงจะไปกินไดโดม่อนกับพวกกูป่าว”
เอ๊ะ...รู้สึกว่าจะไม่ใช่เงินคุณนะครับคุณเชษฏ์
“เนื่องในโอกาสอะไรอ่ะ?”
“วันเกิดไอ้ศิมัน มันเลี้ยงไม่ต้องกังวล” อ้าว...พูดงี้เดี๋ยวก็ชิ่งซะหรอกครับคุณบูม
“วันเกิด...นายเหรอ?”
ผมพยักหน้ารับไป อย่าสงสัยครับ ผมกำลังพยายามปิดปากก่อนที่ผมจะเขมือบอะไรแถวๆ นั้นเข้าไปก่อนที่จะได้กินไดโดม่อนที่ผมอุตส่าห์หิ้วท้องรอไม่ฟังเสียงก่นด่าสาปแช่งของกระเพาะที่โดนน้ำย่อยทำลายไปเป็นแถบๆ
อ๊ากกก หิว!
“โห มึง แดกๆ น้ำเข้าไปก็ไม่ตายหรอก กูสงสารกระเพาะมึงจริงๆ นะเนี่ย ไม่ได้สงสารมึง” มึงห่วงกระเพาะกูหรือห่วงกระเพาะมึงกันแน่?
“เชื่อไอ้นายแม่งเหอะ น้ำแร่พวกกูหายหัวไปไหนแล้วล่ะ” ณัฐถาม กูแดกหมดตั้งแต่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงแล้วโว้ย!
“รีบไปเหอะว่ะกูว่า เชี่ยศิแม่งจะตายอยู่และ”
ขอบคุณที่แช่งกู สาธุ...
แล้วผมก็เดินไปหน้าโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนห้าคน แต่ละคนก็แส๊น...ดี (ประชดจากใจจริง) แท็กซี่สีม่วงแปร๋นมาได้เวลาดีมาก แต่ป๊าม้าช่วยผมด้วย ปกติไปกันห้าคน เบียดกันจะตายห่าอยู่แล้ว นี่ไปกันหก! ผมขอตายเหอะ!
อ๊ากกก โมโหหิว!
“กูตัวใหญ่ กูนั่งก่อน” เชี่ยบูมออกปากทันที ไอ้เชษฏ์ตามไปข้างๆ กัน ต่อด้วยไอ้ณัฐ ไอ้นายเปิดประตูหน้าแล้วเบียดตัวเข้าไปนั่งปิดประตูดังปังไม่สนใจคำว่า ‘ปิดเบาๆ’ ข้างรถเลย หันมาด่าอีกแน่ะ
“พวกมึงแม่งควาย กูนั่งหน้าคนเดียว ห้ามเข้ามาเบียดนะมึง”
น่าน...เหลือผมที่โง่ดักดานกับไอ้กฤตที่ไม่ทันเล่ห์เลวของพวกมัน สัตว์! เบียดห้าคนเบาะหลังก็ได้วะ
“มึงจะเข้ามาทำห่าอะไรให้แบนตายวะไอ้ศิ” ไอ้บูมตะคอกด่า อ้าว กูผิด?
“มึงอ่ะแถตูดเข้ามานั่งเดี๋ยวนี้เลยไอ้กฤต” วะ วะ! แล้วผมล่ะ!
“แล้วศิล่ะ?” สรรพนามเพราะๆ ไร้คำนำหน้าแบบนี้คงไม่ต้องบอกนะครับว่าใคร ไอ้กฤตถามไอ้ณัฐ โหยยย มึงเป็นคนดี
“เชี่ยแม่งตัวเล็ก ให้มันนั่งตักก็ได้” เป็นไอ้เชษฏ์ที่ตอบคำถาม แล้วไอ้กฤตก็พยักหน้าเข้าไปนั่งที่ว่างสุดท้ายในรถ
“จะให้ตูดกูไปไถควยสันดานๆ อย่างพวกมึงนี่นะไอ้ห่า!”
“ไม่งั้นมึงก็นั่งคันอื่นไป แต่จ่ายเองนะเว่ย คันนี้เดี๋ยวพวกกูแชร์กันออกให้”
คนขับรถเริ่มมองแปลกๆ แล้วครับ ส่งซิกมาประมาณว่า “จะไปมึงก็รีบๆ ขึ้น”
สุดท้ายผมก็นั่งแท็กซี่มาถึงที่นี่ได้โดยนั่งเอาตูดไถเข่าไอ้กฤต เพราะมันดูปลอดภัยที่สุดแล้ว ผมนั่งเอามือกอดเบาะด้านหน้าแล้วขืนตัวไว้เต็มที่
นี่ถ้าต้องนั่งตักไอ้พวกเพื่อนเลวจริงๆ คงอ้วกแตกตายไปนานแล้ว อี๋~ หยะแหยง
แต่พอมาถึงแล้วและกำลังจะเข้าไดโดม่อน ไอ้กฤตก็ขอตัวไปที่อื่นแป๊บนึง มันว่างี้
“เออ เดี๋ยวกลับมาละกัน นั่งอยู่โต๊ะในสุดนั่นแหละ”
มันรับคำ แล้วเดินออกไป จะรีบไปไหนของมันวะ? ช่างแม่งเหอะ หิวมากจริงๆ ทั้งวันนอกจากข้าวเช้ากับน้ำแร่ขวดนั้นก็ไม่มีอาหารอะไรตกถึงท้องอีก หมูย่าง... ปลาหมึก... ผักบุ้ง... รอพี่ก่อนนะจ๊ะน้อง...พี่จะเข้าไปเขมือบน้องเดี๋ยวนี้แหละ >____<
แล้วอาหารก็มา...พร้อมๆ กับที่ไอ้กฤตกลับมาเป๊ะ แหม กะเวลาดีนะไอ้กฤตเอ๊ยยย
มันทำท่าจะพูดอะไรกับผม แต่ก็โดนมือไอ้นายที่นั่งข้างๆ ที่ว่างที่เว้นให้ไอ้กฤตดึงมือลงให้นั่งลงที่ตรงหน้าผมแล้วเริ่มละเลงเทอะไรก็ตามที่ใกล้มือลงไปทันที
เซ็ทแรกที่สั่งหมดไปอย่างกับโดนแร้งทึ้งศพ และเซ็ทที่สองก็ตามมาทันทีทันใด
ไอ้ณัฐที่เงยหน้ามาจากหม้อร้อนๆ ระหว่างที่รออาหารสุกก็พูดขึ้น “วันเกิดกูเดือนหน้าไปแดกที่สวนลุมฯ นะมึง”
“ทำไมของมึงไฮโซกว่ากูวะ?” ผมสงสัย
“เพราะกูรวย” อ้าวๆ วอนตะเกียบแล้วนะมึง ผมกำลังจะเอาตะเกียบเคาะหัวมันแต่ติดที่ว่าตะเกียบกำลังทำหน้าที่คีบเส้นผักบุ้งของโปรดผมเข้าปาก เลยได้แต่แยกเขี้ยวใส่มัน
“โด่ แค่นี้ทำโกรธ เพราะวันเกิดมึงปีนี้เสือกเป็นวันจันทร์ไง วันอังคารมึงยังต้องเรียนนะเว่ย ไปแดกสวนลุมฯ ก็เมาแอ๋ไม่ต้องเรียนกันพอดี” โอเค เหตุผลนี้ค่อยฟังขึ้นหน่อย
“โฮ้ยยย วันเกิดกูไม่เหล้าเว่ย ขาวสะอาด”
“ถุย!” ทั้งโต๊ะถุยใส่ผม เฮ่ย! ไอ้เชี่ยกฤต มึงก็เป็นไปด้วยเหรอวะ? (เริ่มเปลี่ยนสรรพนาม)
“กฤต -_- โดนเพื่อนเราเป่าหูเรอะ!” สุดท้ายก็เปลี่ยนสรรพนามแต่ในใจครับ ไม่กล้าพูดออกไปต่อหน้า เพราะหน้ามันงี้ ผู้ดี๊ผู้ดี มิกล้าบังอาจ กลัวโดนเครื่องประหารหัวมังกร (จะตายยังหวังสูง) แหะๆ พอดีที่บ้านติดเป่าบุ้นจิ้นครับ
แล้วอาหารก็ส่งรูป รส กลิ่น สีน่ากิ๊นน่ากินมาจนมนุษย์อย่างผมทนไม่ไหว ก้มลงไปซัดต่อให้คุ้มกับเงินในประเป๋าที่จะต้องเสียไป เสร็จจากของคาวก็เดินไปหยิบไอศกรีมในตู้ที่ให้กินฟรีมาตั้งบนโต๊ะ วนไปวนมาเกือบสิบรอบจนคนเค้ามอง...จนผมเริ่มอาย เอ่อ...
ผมก็อายเป็นครับ อย่ามองผมแบบนั้น
สุดท้ายแล้วรวมเงินเบ็ดเสร็จทั้งหมดก็เล่นเอาประเต๋าตังค์แฟ่บไปเลยทีเดียว ไอ้กฤตกำลังจะช่วยจ่ายแต่ไอ้บูมยึดกระเป๋าตังค์ไว้ เลวมาก... แล้วบอกกับกฤตว่า
“วันเกิดมึงมึงค่อยเลี้ยง”
ผมจ่ายเงินรอรับตังค์ทอนทุกสตางค์แล้วเดินออกมาโดยมองเมินกล่องทิปสีส้มๆ ฝันไปเถอะไอ้ร้านหน้าเลือด! คิด Service Charge แล้วยังจะหน้าด้านมี Tip Box อีก เล๊วเลว...
พวกผมเดินออกไปหน้าห้างและด้วยความเป็นเจ้าของวันเกิดที่ดีก็ยืนรอส่งเพื่อนๆ ที่แสนเลวขึ้นรถกลับบ้านไปให้หมด เหลือแต่ไอ้กฤตที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม
“ไม่กลับบ้านอ่ะ?” ผมถาม
มันเปิดกระเป๋าจาค็อบแล้วรื้อของเหมือนหาอะไรอยู่ พอควานเจอก็หยิบมันขึ้นมายื่นให้ผมพร้อมรอยยิ้มและลักยิ้มข้างซ้าย
ผมก็ทำหน้างงๆ แต่ก็ยื่นมือไปรับพร้อมลักยิ้มข้างขวา โห...นาฬิกายี่ห้อแพงเว่อร์ในกล่องกระดาษธรรมด๊าธรรมดา แต่แค่มีแบรนด์แปะอยู่ก็มือสั่นแล้ว
“เพื่ออะไรวะ?”
“ของขวัญวันเกิดอ่ะ” ...คนดีที่โลกรอ...พระพุทธเจ้า หาเพื่อนอย่างนายมานานแล้ววว
“เฮ่ย! ไม่เป็นไร” ด้วยความที่เป็นคนดีเหมือนกัน (เหรอ) ผมก็เลยปฏิเสธไป
“เอาไปเหอะ ขอโทษด้วยที่ซื้อปุ๊บให้ปั๊บอ่ะ ปีหน้าจะซื้อให้ดีกว่านี้เว่ย” ไม่ต้องมาพูดทำนองว่ารวยได้มั้ย = = รู้น่ะ ว่าบ้านรวย
แต่ก็อย่างที่บอกครับ ด้วยความที่เป็นคนดีจัด ผมเลยไม่กล้าปฏิเสธอีกรอบ ผมรับกล่องมาแล้วเก็บไว้ในกระเป๋ายี่ห้อเดียวกับมัน ไอ้ที่รับมานี่ก็เห็นแก่มันนะเนี่ย... (แน่ใจ?)
“ซื้อให้แล้วใส่ด้วยนะเว่ย” มันพูดแล้วก็โบกแท็กซี่ที่ขับมา เปิดประตูให้ผมเข้าไปแล้วก็ยังปิดประตูให้อีก โคตรสุภาพบุรุษเลยครับนาย...
รถแท็กซี่ออกตัว ผมหันไปมองมันที่ยืนบ๊ายบายอยู่ข้างรถ ผมโบกมือกลับ ก่อนที่รถจะออกตัวมาไกลจนเห็นมันตัวเท่าบาร์บี้ (เอ่อ...ญาติผมเคยมาเล่นที่บ้านน่ะครับ) มันก็ยังโบกมือต่อ
...ของขวัญวันเกิดชิ้นแรกจากเพื่อนในรั้วมัธยม
น่าปลื้มใจนักครับ ^___^ เป็นคนดีเกินจนผมนึกสงสารมันที่โชคร้ายมาติดหนึบกลุ่มผม ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่ะ
อืม...แต่ผมแปลกใจอยู่อย่าง ทำไมมีแค่ผมกับมันที่ใช้คำแทนว่า ‘เรา’ กับ ’นาย’ แถมใช้กันอยู่แค่สองคนด้วยนะ แต่จะให้เริ่มเปลี่ยนก็...เริ่มกระดากนิดหน่อยแล้ว เรียกงี้มาทั้งวันแล้วอ่ะครับ
แต่ช่างมันเถอะ ถึงบ้านแล้ว อาบน้ำนอนดีกว่า
“ป๊าครับม้าคร้าบ...กลับมาแล้วคร้าบบบ” ผมเรียก ป๊าดึงผมเข้าบ้านแล้วม้าก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่ อื้มมม ม้าเป็นผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโลก แต่ผู้ชายที่หล่อที่สุดคือผมครับ โฮ่ๆๆ
“รักป๊าม้านะ” ผมบอกรัก จะอายทำไมครับ พ่อแม่เรามีคนเดียวในโลก ไม่บอกพ่อบอกแม่แล้วจะให้บอกใคร จริงมั้ย...
แต่เป็นป๊าม้าผมที่อายแทน น่านๆ
“ไปๆ ขึ้นห้องไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก” ป้าดดด...ป๊าเวอร์ชั่นเขิน
“คร้าบๆ ฝันดีครับ” ผมเดินขึ้นห้อง ในมือก็ถือกล่องนาฬิกาเอาไว้
วุ้ย! ยิ้มกว้าง ภูมิใจ
******************************
สวัสดีค่ะ!! ขอบคุณนะคะถ้าทนอ่านมาถึงบรรทัดนี้ได้ ปลื้มใจจริงๆ (จะมีมั้ยวะ?)
เอิ่มมมม อย่างแรกเลยก็ขอกระโดดจุ๊บซักที (มีแต่คนกระโดดหนี 5555)
ตอนนี้อยากให้คนที่หลง (ผิด?) เข้ามาอ่านช่วยกดคอมเม้นท์ซักนิดให้ชื่นใจหน่อยนะคะ
แล้วจะกระโดดจุ๊บอีกทีเลย หุหุ
ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้แล้วนอกจากอนุญาตให้ทุกคนช่วยเก็บหนุ่มๆ (กำเดาไหล...)
เอ่อ...หนุ่มๆ เอาไว้พิจารณาหน่อยนะคะ ^______^
รักนักอ่านม้ากมากค่ะ!!
kj
ลงครั้งแรก 24 พ.ค. 52
[140510]: แก้ไข แก้ แก้ แก้!!
ความคิดเห็น