ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
-ก็แค่จูบ..ที่เพื่อนเขาไม่ทำกัน-
-ก็แค่จูบ..ที่เพื่อนเขาไม่ทำกัน-
“อึก..อื้ออ..”ผมรู้สึกถึงริมฝีปากที่บดเบียดเข้าหาผมมากขึ้นทุกที แม้ว่าผมจะพยายามเม้มปากไว้แน่นแค่ไหนสุดท้ายแค่ซันกัดลงอย่างที่แรงที่ปากผม ผมก็แพ้เขาโดยสิ้นเชิง ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาระหว่างเรานอกจากไปจากลิ้นร้อนวาบที่พยายามเกี่ยวรั้งลิ้นผมไว้...ผมควรจะมีความสุข ผมยอมรับว่าผมเคยคิด..ถ้ามันทำแบบนี้ผมจะรู้สึกดีแค่ไหน คงจะรู้สึกดีมากๆเลยล่ะครับ แต่ตอนนี้ทำไม...ผมถึงได้แต่นั่งน้ำตาไหลเงียบๆก็ไม่รู้
“อื้อ..!!”ผมพยายามผลักดันมันออกแม้จะรู้ว่าผมไม่เคยสู้แรงมันได้อยู่แล้ว แต่ผมไม่ใช่คนไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันลามไปมากกว่านี้ มืออุ่นร้อนของซันเริ่มลูบขึ้นตามหน้าท้องจนทำให้ผมรู้สึกเย็นวาบทั้งตัว ร่างทั้งร่างของมันยังคงกดทับตัวผมติดเก้าอี้ไว้แน่น นั่นมันยิ่งทำให้ผมดิ้นรนยากมากขึ้นไปอีก
ก็อกๆ
“ไอ้ซัน กายอยู่ที่นี่มั้ย กันต์ตามหาไปทั่วแล้ว”เสียงเฮียแซนด์ดังขึ้นจากหลังประตูห้องนอนมันทำให้มันยอมละออกจากตัวผมจนได้ แม้มันจะยังไม่ปล่อยผมออกจากเก้าอี้ก็ตาม
“บอกพี่กูไปว่ามึงช่วยกูทำการบ้านอยู่”ซันก้มลงกระซิบติดข้างหูผม มือมันบีบแขนผมแน่นเป็นเชิงบังคับ
“กะ..ก..กายอยู่นี่ครับเฮียแซนด์ อ่า..เดี๋ยว..ผมช่วยซันทำการบ้านเสร็จจะกลับ..ครับ”ผมพยายามปรับเสียงให้สั่นน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังเนียนไม่พออยู่ดี
“กายเป็นอะไรรึเปล่าน่ะ เสียงแปลกๆนะ ไอ้ซันมึงแกล้งเพื่อนรึเปล่าเนี่ย”
“เปล่านะพี่แซนด์ กายมันแค่เป็นหวัดนิดหน่อย ไปบอกพี่กันต์ก่อนไป ก่อนพี่เขาจะไปตามถึงอำเภออื่น”ไอ้ซันตะโกนบอกเชิงไล่ใส่เฮียแซนด์ทั้งที่มันจ้องหน้าผมแทบจะไม่กระพริบตา
“มึง...”มันทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็เงียบไปก่อนจะยอมปล่อยผมแต่โดยดี ผมได้แต่มองมันที่เดินไปยืนตรงระเบียงอย่างไม่เข้าใจ...ผมอยากรู้ว่าทำไม...
ผมแค่อยากรู้สาเหตุที่มัน...
“ซัน..”
“กลับห้องไปเถอะ เดินมานี่เดี๋ยวกูช่วยส่งมึงโดดข้าม”มันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติ ผมได้แต่เดินไปหาตามที่มันบอกเท่านั้น และแล้วผมข้ามมาอยู่ระเบียงห้องตัวเองจากการช่วยเหลือของซัน ผมมองหน้ามันอย่างหาคำตอบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง
“กาย...เมื่อกี้น่ะลืมมันไปซะ กูคงหวงเพื่อนมากเกินไป ขอโทษ”มันพูดจบก็เดินกลับเข้าห้องมันไปพร้อมปิดประตูระเบียง..แต่ผมทำได้แค่ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก สมองพยายามประมวลผลประโยคคำพูดของมันอย่างช้าๆ ขาที่เตรียมก้าวเข้าห้องกลับทรุดลงนั่งอย่างง่ายดาย ผมอาจล้มนอนไปแล้วถ้าไม่มีประตูระเบียงค้ำหลังผมไว้อยู่ ผมไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้บอกกันว่ารักแล้วทำไมต้องเจ็บแต่ตอนนี้ที่ผมไม่เข้าใจกว่า ทำไมเจ็บแล้วผมยังรักมันอยู่...
“กาย...”ผมเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้าที่ก้มลงมานั่งตรงหน้าผม มือของเฮียกันต์เข้าไกล่น้ำตาผมให้อย่างแผ่วเบา ถ้าผมไม่มีผู้ชายคนนี้อยู่กับผมตอนที่ผมรู้สึกเจ็บแบบนี้ ผมคงแย่มากกว่านี้แล้วล่ะครับ
“ฮึก...เฮีย..เฮีย..กาย..ฮึก...”
“ไม่ต้องร้องแล้ว พี่อยู่นี่นะคนดี เด็กน้อยมาพี่มา”บางทีผมก็อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง...เพราะอย่างน้อยๆเวลาที่ผมหกล้ม แผลถลอกมันยังเจ็บน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ
.
.
.
.
.
“ครับแม่...กระปุกไหนนะครับ..สีขาวมันมีตั้งกี่กระปุกกันแม่ กันต์จะรู้มั้ยเนี่ย”ผมปรือตามองเสียงที่ดังโหวกแหวกมาจากห้องข้างๆอย่างงัวเงีย เมื่อคืนผมจำได้ว่ากอดเฮียกันต์อยู่ที่ระเบียงแต่ที่ผมกลับมาเตียงได้คงเพราะฝีมือเฮียแกลากกลับมาแหละครับ ผมหันมองนาฬิกาข้างหัวเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ตีสาม...เฮียกันต์โวยวายตั้งแต่ตีสาม...ผมยกมือขึ้นกุมขมับพลางเริ่มนวดเบาๆ ผมปวดหัวแบบนี้ที่ร้องไห้ครับ บางทีก็ถึงขั้นกับไข้ขึ้นด้วยซ้ำไป
“ก็ถ้ายาบ้านเรามันเป็นภาษาไทยบ้าง กันต์จะหายาง่ายกว่านี้อีกครับแม่ แค่นี้นะเดี๋ยวเอายาไปยัดใส่ปากลูกหมาก่อน”
“...”ผมหันมองเก้าอี้ข้างตัวที่มีกะละมังลายเป็ดวางอยู่ ไม่บอกก็รู้ครับกะละมังเฮียกันต์แน่นอน คนเดียวในบ้านครับที่ใช้ลายเป็ดแบบนี้ ไม่น่าล่ะผมถึงได้ปวดหัวมากขนาดนี้ คงเพราะผมไข้ขึ้นนี่เอง
“ผมไม่ใช่พี่หมานะแม่ก็ แค่นี้ล่ะครับ กันต์รักแม่นะ”
แอ๊ด
“ไงล่ะแก ตัวหนักสุดยอดเลย วันหลังฉันจะจับแกกินมังสวิรัติสักสามเดือน”เฮียกันต์แอบสะดุ้งเล็กน้อยที่เห็นผมนอนลืมตาจ้องเฮียแก ก่อนจะเริ่มยิ้มแล้วทำบ่นเรื่องน้ำหนักผม
“กายปวดหัวอ่า..”
“นี่ไงเล่า ฉันไปเอาแอสไพรินมาให้แล้ว คุ้ยกระเป๋ายาแม่ทีไรได้ปวดหัวทุกทีสิให้ตาย”เฮียกันต์บ่นพลางยัดยากับแก้วน้ำใส่มือผมแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง ผมโยนเม็ดยาเข้าปากแล้วรีบกินน้ำอย่างรวดเร็วก่อนมันจะขมไปมากกว่านี้
“ฉันล่ะนึกว่าแกจะเป็นคนไฟลุกซะแล้ว ตัวร้อนอย่างกับเป็ดย่าง”ผมเกือบสำลักยาเพราะขำเฮียกันต์ ดูสิครับขนาดจะเปรียบเทียบยังเอาไปเปรียบเทียบกับเป็ด เฮียแกชอบเป็ดมากแค่ไหนคิดดู
“ได้ข่าวว่าผมเป็นลูกหมานะ โฮ่ง! แค่กๆ”
“ยังมาเห่าอีก เจียมสังขารบ้างไอ้ลูกหมาป่วย”เฮียกันต์เอื้อมมือมายีหัวผมก่อนจะดึงแขนผมไปเช็ด ผมได้แต่นอนมองยิ้ม ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยครับว่าเฮียกันต์ไม่ใช่พี่ที่ดีเลย แต่เป็นพี่ที่รักน้องมากที่สุด ตอนนี้ก็ปาไปตีสามแล้วเฮียแกยังไม่นอนอีก คงจะตั้งแต่ผมผล็อยหลับน่ะครับ สังเกตได้จากที่เฮียแกหาววอดๆแต่ยังเช็ดไม่ยอมหยุด
“ไปนอนเถอะเฮีย กายโอเคแล้ว”
“ไม่ต้องเลยนะแก ฉันอุตส่าห์เสียสละหน้าตาสุดหล่อเหลาที่กำลังจะเป็นแพนด้าเพราะมาเฝ้าแกเลยนะ”
“พี่แพนด้า!!”สรุปแล้วผมก็ไม่ได้นอนต่อครับ นอนเม้าท์มอยโต้รุ่งกับเฮียกันต์ซะงั้น ตอนแรกเฮียกันต์ยืนยันจะโทรไปลาป่วยเอาซะให้ได้แต่ผมไม่อยากมีหูดที่รักแร้อีกแล้วนะครับ อีกอย่างผมไม่ใช่บอบบางอรชรอะไรขนาดนั้น เฮียกันต์ซะมากกว่าปลิวลมได้อยู่แล้วมั้งนั่น อายุก็สิบเก้าเข้าไปแล้วยังตัวบางอย่างกับเด็กสิบขวบ
“อะไรนะ..งานบ้าอะไรนักเล่า..น้องกูไม่สบายนะเว้ย...”ผมจัดชุดนักเรียนให้เรียบร้อยก่อนจะสะพายเป้แล้วเดินลงมาที่ห้องครัวเพื่อแย่งโทรศัพท์บ้านมาจากเฮียกันต์อย่างรวดเร็ว
“นี่กายนะครับพี่มิกส์ กายหายแล้วล่ะเดี๋ยวพี่กันต์ไปช่วยนะ สวัสดีครับ”ผมพูดจบก็วางสาย ก่อนจะหันไปมองเฮียกันต์ที่ทำตาเขียวปั๊ด
“แกไม่สบายนะ ไม่ต้องไปหรอกวันนี้ อีกอย่างไอ้มิกส์มันทำส่วนของมันไปก่อนก็ได้”ผมส่ายหัวยิ้มๆก่อนจะล้วงมือถือของเฮียกันต์จากกระเป๋าสะพายออกมาคืน แต่..กระเป๋าสตางค์ผมไปไหนซะแล้วล่ะ
“ไม่ต้องคืนๆ แกเอาไปใช้ก่อน ฉันยังไม่ได้ซื้อให้ใหม่แล้วแกหาอะไรน่ะ”
“กระเป๋าตังหายอ่ะเฮีย”บ้าจริง..ผมไปซุ่มซ่ามทำตกแถวไหนกันนะ สุดท้ายเฮียเลยยัดเงินเฮียใส่มือผมมาจนได้ ผมเดินออกจากบ้านพลางพยายามนึกว่ามันจะตกที่ไหนได้บ้าง...เมื่อวานผมไม่ได้ไปไหน...หรือ...ไม่หรอก คงไม่ใช่ห้องไอ้ซัน...ซัน...
พลั่ก!
“อูย...ขอโทษครับ”คงเพราะผมมัวแต่เหม่อถึงได้เดินชนคนเข้า ผมคลำก้นตัวเองปอยๆพลางปัดฝุ่นให้เรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขอโทษคู่กรณีอีกครั้ง...วิท!!
“เหม่อลอยงี้เดินตกท่อไปทำไง”วิทถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่มีรอยยิ้มเหมือนในสมัยเด็กเป๊ะ นี่แหละครับที่ทำให้ผมกลัวมัน
“ไม่ตกหรอก แต่บ้านวิทไม่ได้อยู่แถวนี้นี่ มาทำอะไรที่นี่”
“นั่นสินะ ฮ่ะๆ ถ้าบอกว่ามาดักเจอกายล่ะ?”ผมชะงักมองจ้องวิทที่กำลังขำเบาๆ จะว่าไปถ้ามันรู้จักยิ้มซักหน่อยไม่ใช่เรื่องยากที่จะมีคนรุมล้อมครับ วิทไม่ใช่ว่าจะหน้าตาเลวร้ายที่เลวร้ายน่ะนิสัยครับและเพราะว่าเขาไม่ยิ้มด้วยแหละเลยทำให้หน้าดูดุไปนิด แต่พอยิ้มแบบนี้แล้ว...ผมว่าวิทก็ดูดีนะครับ..
“จ้องหน้ากูทำไมหื้ม?”ผมสะดุ้งละสายตาทันทีที่โดนจับได้ นี่ผมคงจ้องมันมากเกินไปล่ะสิเนี่ย
“...”
“นี่กำลังจะไปเรียน?”
“อ่าฮะ แล้ววิทไม่ไปเรียน?”
“ไม่แล้วล่ะ..”ผมหันกลับมามองหน้าวิทที่เสออกไปมองทางอื่น ผมพอจะรู้สาเหตุอยู่หรอกครับ ก็คงมาจากที่พ่อเขาเสียนั่นแหละครับ
“กูเดินไปส่งมั้ย”แววตาของวิทวูบไหวไปพักนึงก่อนจะกลับมาแข็งกร้าวเหมือนเดิม แต่ก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไรก็มีมือมาฉุดผมถลาไปด้านหลังซะก่อน
“เก็บความดีของมึงไว้ไอ้วิท กูเดินไปกับมันเองได้”ซันพูดเสียงราบเรียบก่อนจะลากแขนผมไปโดยไม่สนใจเสียงท้วงของผม ผมจึงได้แต่ก้มหัวเป็นเชิงขอโทษให้วิทเท่านั้น ผมถูกฉุดกระชากลากถูเข้ามาภายในโรงเรียนโดยที่เต็มไปด้วยของสายตาพวกรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องที่มองเราอย่างไม่เข้าใจ แต่ซันมันสนซะที่ไหนล่ะครับลากผมมาจนถึงห้องน้ำหลังโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีคนใช้ซักเท่าไหร่ก่อนที่มันจะเหวี่ยงติดกับผนังห้องน้ำอย่างแรง
พลั่ก!
“กูเจ็บนะ!!..”ผมแหวเสียงใส่มันทันทีที่หลังผมกระแทกกับห้องน้ำ แต่ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามัน เป็นอีกครั้งที่มันทำให้ผมรู้สึกกลัว...ไม่เข้าใจว่ามันโกรธอะไรผมนักหนา...
“กูบอกว่าอย่ายุ่งกับมันไง!!”มันกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นตามหลังมือมันก่อนที่หมัดมันจะลอยมา ผมหลับตาเตรียมรับหมัดของมัน แต่กลายเป็นว่าหมัดของดันอัดเข้ากับกำแพงไปซะงั้น
“ทำไมยังยุ่งกับมันอีก...มึงเป็นเพื่อนกูไม่ใช่เหรอกาย...อย่าไปยุ่งกับมันสิ”ผมลืมตามองมันที่เสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มือมันลูบแก้มผมอย่างแผ่วเบาเชิงขอร้อง ผมรู้ว่าถ้าผมมองหน้ามันนานไปมากกว่านี้...ผมคงกลับไปเป็นเพื่อนมันอย่างที่มันต้องการไม่ได้...
“เพราะกูเป็นเพื่อนมึงไงซัน เพราะกูเป็นเพื่อนมึง วิทก็ไม่ได้เลวร้าย..กูไม่เห็นว่ากู..โอ้ย!!”ผมยังไม่ทันจะอธิบายมันจบประโยค มือมันก็ตะปบเข้ากับหัวผมพร้อมจิกศรีษะผมเงยหน้ามองมันแน่นจนผมเจ็บ
“ถ้ามึงรักกูก็หัดฟังที่กูพูดบ้างจะได้มั้ยห๊ะ มันยากนักรึไง หรืออยากเอาตัวใส่พานถวายให้มันนัก!!”
“อย่าเอาคำๆนั้นมาอ้างนักจะได้มั้ย ในเมื่อมึงก็ไม่ได้เห็นมันสำคัญนี่ สู้กูเอาไปให้กับคนที่เขาให้ความสำคัญจะดีซะกว่า!”
“อ๋อ...จะให้ไอ้วิทงั้นสิ!!”
“แล้วทำไม ถ้าวิทเขาจริงใจกูก็จะให้เขา!!”
“ไอ้กาย!!!”
“พวกมึงทะเลาะอะไรกันวะเนี่ย แยกเดี๋ยวนี้เลยนะ”หลังจากที่ซันมันตะคอกใส่ผม พีชพร้อมเวสกับสนุ๊กที่ตามมาด้านหลังก็วิ่งเข้ามาแยกผมสองคนซะก่อน ผมมองซันที่พยายามจะสะบัดการจับกุมของสนุ๊ก
“พวกมึงอย่ามายุ่ง นี่เรื่องของกูกับมัน”
“มึงก็หัดพูดดีๆสิ ใช้แต่อารมณ์อยู่นั่น กีกี้มันจะร้องไห้อยู่แล้วนะ”ผมยอมรับว่าผมกลัวมัน...กลัวมากจนผมเกือบร้องไห้ ผมไม่เคยเลิกนิสัยขี้แย เพียงแต่พอเราโตขึ้นการเก็บอารมณ์มันก็ดีขึ้นเป็นธรรมดา
“เอ้อ ปกป้องให้ได้ตลอดแล้วกันไอ้พีช”ซันกับพีชจ้องหน้ากันอย่างหาเรื่องก่อนที่ซันมันจะกระฟัดกระเฟียดออกไป ผมรู้สึกเหมือนหูชาวาบ ผมไม่ได้ยินเสียงที่พีชมันถาม ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ผมรู้สึกแค่แรงเขย่าจากมือเวส...กับความรู้สึกจุกในอกเท่านั้นเอง
.
.
.
.
.
และแล้วไอ้ซันก็หายไปตั้งแต่ตอนนั้น ผมเสมองเก้าอี้ข้างตัวที่ว่างเปล่ามาตั้งแต่เช้าเพราะเจ้าของที่นั่งไม่ยอมมาเข้าเรียน ผมพอจะเดาถูกว่ามันคงโกรธผมมาก...ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะคิดเข้าข้างตัวเองแล้วยิ้มมีความสุขทั้งวัน แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกไม่ชอบใจการกระทำของมัน...เพราะถ้ามันทำแบบนี้ ผมจะคิดไปเองอีก...
“กานตรัตน์..”
“....”
“กานตรัตน์ เธอมัวเหม่ออะไรอยู่ ฟังที่ครูสอนรึเปล่า!”ผมสะดุ้งโหยงละสายตาออกจากเก้าอี้ข้างตัวไปยิ้มแหยๆให้อาจารย์ที่ทำตาเขียวอยู่หน้ากระดาน ก่อนที่ผมจะโดนทำโทษให้ไปหาที่ห้องพักครูหลังเลิกเรียน ทำเอาคนในห้องมองผมเป็นแถบ ก็อย่างว่าละครับ อย่างน้อยๆผลสอบผมก็ไม่เคยตกเกินสิบแม้จะไม่ใช่ที่หนึ่งตลอดกาลอย่างเวส แต่อย่างน้อยเด็กค่อนข้างเรียนอย่างผมก็ไม่เคยเหม่อขนาดโดนทำโทษมาก่อน...อย่าว่าแต่ไม่สนอาจารย์หน้าห้องเลยครับ ผมอยากเดินออกจากห้องด้วยซ้ำ อย่างน้อยๆผมจะได้ไปตามคนข้างตัวมานั่งที่เดิม...
“เอาล่ะ เลิกเรียนแค่นี้ นักเรียนกลับบ้านได้ยกเว้นกานตรัตน์ อย่าลืมมาหาครูที่ห้องพักครูล่ะ”ทันทีที่อาจารย์เดินออกไปจากห้อง พีชมันก็รีบวิ่งมาเกาะโต๊ะผมทันที
“กีกี้เหม่ออะไรเหรอ ปกติกีกี้ไม่เป็นแบบนี้นา”
“ไม่มีอะไรหรอกพีช กูไปหาครูนะ..”เสียงที่ผมพูดใส่พีชรู้ดีว่ามันเย็นชาและเบาเหมือนเสียงกระซิบแค่ไหนและอาจทำให้พีชมันใจเสียได้ แต่ตอนนี้ผมไม่มีแรงพอจะพูดกับใครทั้งนั้นแหละครับ ผมเดินเหม่อลอยมาถึงหน้าห้องพักครู ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครูพูดอะไรบ้างมันรู้สึกเหมือนไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมลอยเข้าหูผม ....
‘ถ้ามึงรักกูก็หัดฟังที่กูพูดบ้างจะได้มั้ยห๊ะ มันยากนักรึไง หรืออยากเอาตัวใส่พานถวายให้มันนัก!!’
‘ถ้ามึงรักกูก็หัดฟังที่กูพูดบ้างจะได้มั้ยห๊ะ มันยากนักรึไง หรืออยากเอาตัวใส่พานถวายให้มันนัก!!’
‘ถ้ามึงรักกูก็หัดฟังที่กูพูดบ้างจะได้มั้ยห๊ะ มันยากนักรึไง หรืออยากเอาตัวใส่พานถวายให้มันนัก!!’
‘ถ้ามึงรักกูก็หัดฟังที่กูพูดบ้างจะได้มั้ยห๊ะ มันยากนักรึไง หรืออยากเอาตัวใส่พานถวายให้มันนัก!!’
คำพูดของซันมันลอยไปลอยมาในหัวผมเหมือนเปิดเทปซ้ำแบบไม่มีคนปิดอยู่แบบนี้ ยิ่งผมพยายามกลบเสียงในหัวนั่นมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งก้องดังสะท้อนขึ้นมากเท่าตัว....
‘กาย...เมื่อกี้น่ะลืมมันไปซะ กูคงหวงเพื่อนมากเกินไป ขอโทษ’
ทันทีที่ประโยคคำพูดเดียวกับเมื่อคืนลอยขึ้นมาผมก็แทบจะทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาที่มันหยุดไหลไปแล้วก็เริ่มไหลออกมาอีก ผมได้แต่ยกมือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นตัวเองไว้...
“...รัตน์..”
“ฮึก...”
“กานตรัตน์! เธอเป็นอะไรรึเปล่า”ผมสะดุ้งตกใจเหมือนเรียกคืนสติได้ทันทีที่มือครูจับที่ไหล่อันสั่นเทาของผม ผมได้แต่ส่ายหัวไปมาไม่ตอบคำถามอะไรครูอีก ครูเลยตีความไปว่าผมคงไม่สบายและยืนยันจะโทรให้ผู้ปกครองมารับ แต่เมื่อคืนพี่กันต์ก็ลำบากเพราะผมมาทั้งคืน ....แม่ก็ต้องทำงาน ผมไม่อยากให้ปัญหาของผมรบกวนสมาชิกในครอบครัวไปมากกว่านี้...
.
.
.
.
.
หลังจากผมกลับมาจากโรงเรียนผมก็ฟุบหลับคาโซฟาที่ห้องนั่งเล่นทันที ปัญหามันอยู่ที่ตอนตื่นมาแล้วหิวแต่มันไม่มีอะไรให้กินน่ะสิครับ ทำไงได้ผมเลยต้องตัดใจหยิบเสื้อคลุมใส่ออกนอกบ้านมาหาอะไรกิน
“อ้าวหนูกาย.. ป้าไม่เห็นหนูนานเลยเชียว แบบนี้หมูทอดป้าเหงานะ”ผมได้แต่ยืนยิ้มแหยๆให้ป้าเขียว ร้านขายกับข้าวเจ้าประจำแถวบ้านผม แต่ถ้าเอาให้ถูกผมไม่เคยซื้อข้าวแกหรอกครับ เพราะผมมาเพื่อหมูทอดอย่างเดียวเสมอซึ่งป้าแกก็รู้ดีว่าผมบ้าคลั่งหมูทอดร้านป้าแกแค่ไหน
“โหยย ก็กายยุ่งนี่ครับป้าเขียวอ่า แต่วันนี้กายหิ๊วหิว ขอหมูทอดกับข้าวจานใหญ่ๆเลยนะครับป้าเขียว”
“กินนี่หรือจะเอากลับบ้านดีจ๊ะ”
“เอากลับบ้านนี่ดีกว่าคร้าบบ”เกิดผมนั่งกินที่นี่ก็ไม่มีใครเฝ้าบ้านพอดีอ่ะครับ ผมนั่งรอป้าเขียวเอาหมูทอดใส่กล่องให้ผมแต่ตอนที่ผมจะจ่ายเงินนี่สิ...ขาดหนึ่งบาท...
“สามสิบจ๊ะหนูกาย”
“อ่า...สามสิบ..นะครับ”
“เป็นอะไรเหรอจ๊ะ หาอะไรใหญ่เชียว”
“คือ...”
“นี่ครับสามสิบ”ระหว่างที่ผมกำลังอ้ำอึ้งคิดจะติดตังป้าเขียวไว้ก่อนก็มีมือใครซักคนยื่นแบงค์ร้อยให้ป้าแกซะก่อนนั่นมันทำให้ผมรีบเงยหน้ามองผู้หวังดีคนนั้นทันที
“อ้าว... นี่หนูวิทรึเปล่าจ๊ะเนี่ย..โตขึ้นแล้วหล่อเป็นกองเชียว เดี๋ยวป้าเอาตังทอนให้นะ”ผมมองวิทที่ยิ้มบางๆให้ป้าแกก่อนจะหันมาทำหน้านิ่งใส่ผมแล้วอยู่ดีๆก็เริ่มขำ
“เป็นอะไรน่ะวิท เดี๋ยวทำหน้านิ่ง เดี๋ยวหัวเราะ ไปตรวจสมองมั้ย?”
“ตรวจหัวใจดีกว่ามั้ง..เหมือนช่วงนี้มันจะเต้นผิดจังหวะบ่อย”วิทจ้องหน้าผมนิ่ง...ผมไม่ใช่ไอ้ซันหรือไอ้สนุ๊กที่จะไม่รู้ว่าวิทกำลังหมายถึงอะไร เพราะนัยต์ตามันบ่งบอก....มันเป็นสายตาเดียวกับที่ผมใช้มองไอ้ซัน..
“แล้ววิทมาทำอะไรแถวนี้น่ะ”
“ก็แค่มาตรวจเช็คเด็กซุ่มซ่ามแถวนี้ที่ทำกระเป๋าตังตกไว้น่ะสิ..เงินเยอะซะด้วย”วิทพูดเสียงเรียบพร้อมชูกระเป๋าตังผมออกมาจากกระเป๋ากางเกง...อ๊า..ผมนึกว่าผมจะไม่ได้มันคืนซะแล้ว ที่ไหนได้ก็อยู่กับวิทนี่เอง
“โห ขอบคุณนะวิทที่เก็บไว้ให้น่ะ”ผมกำลังจะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าตังผม แต่วิทกลับเอากระเป๋าตังผมยัดใส่กางเกงตัวเองเหมือนเดิมแล้วหันไปรับตังทอนป้าเขียว
“ยังไม่คืนให้หรอก ไปเดินเล่นด้วยกันก่อนสิ”
.
.
.
.
.
วิทพาผมมานั่งที่สวนสาธารณะเดิมและเป็นที่เดียวกับที่ผมเกือบโดนฉุดนั่นแหละครับ วิทชวนผมคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยแม้ว่าเสียงและสีหน้าท่าทางอารมณ์ของวิทนิ่งเงียบและดูเย็นชาโหดร้าย แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันน่าอบอุ่นอย่างประหลาด
“หายไม่สบายใจยัง..”
“หื้ม?”ผมเงยหน้ามองวิทที่เงียบไประยะนึงแล้วจู่ๆก็ถามประโยคนี้ออกมา สีหน้าผมดูง่ายขนาดนั้นเลยงั้นเหรอหรือว่าผมแสดงออกมากเกินไปจนสังเกตได้
“เห็นทำหน้าเหมือนซอมบี้น่ะ...”ถึงหน้าผมจะเหี่ยวยังไง จะโทรมขนาดไหน จะดูแย่มากแค่ไหน มันก็ไม่เห็นถึงขั้นกับซอมบี้เลยนี่นา ด้วยความหมั่นไส้ทำให้มันประเคนฝ่ามือใส่ไหล่มันไปเพียะนึง
“โอ๊ย กูเจ็บนะ ทีเมื่อก่อนกูแกล้งนิดเดียวร้องไห้ เดี๋ยวนี้กูแหย่หน่อยแม่งตี”สีหน้าเหยเกกับท่าทางที่ลูบไหล่บริเวณที่ผมตีนั่นทำเอาผมหลุดขำพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าจะเห็นแล้วว่าวิททำหน้าแย่กว่าเดิม แต่ผมก็หยุดหัวเราะไม่ได้จนกระทั่งวิทเริ่มยิ้มตาม
“แหม...อ่อยแฟนลินดาไม่ติดเลยมานั่งอ่อยผู้ชายอื่นแทนเหรอคะพี่กาย”น้ำเสียงหวานใสกับผู้หญิงที่หน้าสวยสง่าแบบนั้นใครเห็นก็อาจหลงคิดว่านางฟ้าเดินดิน แต่ถ้าลองฟังเสียงผู้หญิงคนนี้ดูๆดีมันแฝงไปด้วยความเย้ยหยันและชั่วร้ายเหมือนนิสัยภายในเลยล่ะครับ
“ขอโทษทีนะครับ..พอดีพี่เป็นคน...”
“แล้วลินดาไปบอกว่าพี่กายเป็นชะนีตอนไหนกันล่ะคะ”
“มารยาทเสียจังเลยนะลินดา รุ่นพี่ยังพูดไม่จบเสือกพูดแทรกซะแล้วสิ พี่แค่จะบอกว่าพี่เป็นคนไม่ใช่กระจกที่จะมาสะท้อนนิสัยเสียๆให้น้องลินดาด่าตัวเองนะครับ”ผมเหยียดยิ้มอย่างพยายามจะเป็นมิตรให้สาวเจ้าที่ตอนนี้เริ่มหน้าแดงหูแดงเป็นแถบ ใบหน้านางฟ้าของเธอเริ่มหงิกงอจนจะกลายเป็นนางซาตานอยู่ร่อมร่อ
“แล้วหนุ่มหล่อคนนี้เป็นใครกันล่ะคะ แฟนพี่กายงั้นเหรอ”ลินดาเดินกรีดกรายตัวเองเข้ามายืนยิ้มหวานใส่หน้าวิทที่ทำหน้าโหดเหมือนตอนที่เข้ามาช่วยผมจากการถูกฉุดยังไงยังงั้น
“ถึงพี่จะบอกว่าใช่แต่น้องลินดาก็ยั่วอยู่ดีนี่ครับ”ลินดาหันขมับมาค้อนตาเขียว ก่อนจะกรีดปากยกยิ้มร้ายใส่ผม
“แหม...คราวก่อนลินดาอุตส่าห์จัดผู้ชายให้ตั้งหลายคน ไม่อิ่มเหรอคะพี่กาย?”คำพูดของลินดาคราวนี้ทำเอาผมชะงักค้าง...งั้นแสดงว่าคราวที่แล้วเป็นฝีมือของลินดาสินะ ผมอุตส่าห์คิดว่าเด็กคนนี้อาจจะไม่ได้ทำ เธออาจเป็นแค่เด็กเอาแต่ใจ แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้....ถ้าผมกระทืบผู้หญิงวันนี้จะผิดมั้ย แต่ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นกระทืบลินดาอย่างที่คิดคนข้างตัวผมก็ยืนขึ้นจ้องหน้าลินดาซะก่อน ทำเอาเธอถึงกับถอยหลังไปสองสามก้าวเลยทีเดียว
“กูไม่รู้ว่ามึงเป็นใคร แต่ถ้ามึงคิดจะทำร้ายมัน ต่อให้เป็นผู้หญิงกูก็ไม่เอาไว้หรอกนะ”วิทพูดเสียงเหี้ยมก่อนจะง้างมือขึ้นเตรียมชกลินดา..
พลั่ก!
“กาย!!! จะมารับแทนอินังนี่ทำไม”วิทร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่อหมัดที่วิทชกมาเป็นผมที่วิ่งเข้าไปแทนที่จะเป็นลินดาที่โดนชกล้มคว่ำ
“ยังไงเขาก็เป็นผู้หญิง.. มันจะเป็นเสนียดติดตัวนาย”
“กรี๊ดดด แกว่าฉันเป็นเสนียดเหรอยะ!!!”ทันทีที่ผมพูดจบเสียงกรี๊ดลั่นก็ตามมาจนผมเกือบอุดหูแทบไม่ทัน แต่คนที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ผมหรอกครับ ลินดามากกว่า ผมรู้ดีว่าวิททนเสียงอะไรแบบนี้ไม่ค่อยได้อีกอย่างผมไม่สนิทอะไรขนาดที่จะห้ามวิทได้ตลอด
พลั่ก..ตุบ..
“โอ๊ย!! นี่กล้าผลักลินดาเลยเหรอ!!”ผมมองวิทที่ผลักลินดาล้มลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างตกใจเพราะเข่าขาวสวยของเธอแตกเลือดไหลนองเต็มพื้นบริเวณนั้น ลินดารีบลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลก่อนจะเตรียมหนีจากไป
“ฮึก.. วันนี้ถ้าแกไม่ตาย อย่ามาฉันว่าลินดาเลยไอ้กาย! ฮึ่ย!!”เจ้าหล่อนพูดจบก่อนเดินกระฟัดกระเฟียดจากไป ผมได้แต่นั่งมองลินดาจนลับสายตา...ผู้หญิงร้ายได้ขนาดนี้เพราะผู้ชายคนเดียวเชียวเหรอ... แต่ผมคงไม่สามารถทำอย่างลินดาได้หรอก ทุกวันนี้แค่ไปยืนข้างมัน ผมยังทำไม่ได้เลย
.
.
.
.
.
“แน่จะนะว่าจะให้ส่งแค่นี้น่ะ?”วิทถามย้ำผมอีกทีให้แน่ใจเมื่อถึงหน้าปากซอย ความจริงพวกเรายืนอยู่ตรงนี้มามากกว่าสิบนาทีแล้วมั้งครับ ในเมื่อคนตัวโตตรงหน้าผมไม่ยอมไปซักที ผมจึงต้องพยักหน้ารับยิ้มๆให้เขาสบายใจ วิทจึงได้ยอมปล่อยมือผมแล้วกลับบ้านไป ผมเดินแกว่งกล่องหมูทอดที่ค่อนข้างแบนนิดหน่อยจากเรื่องเมื่อกี้ แต่ฝีมืออย่างป้าเขียวน่ะยังไงก็อร่อยครับ ผมเคยห่อไปโรงเรียนตอนเด็กๆแล้วนั่งทับซะแบน แต่ก็ยังอร่อยอยู่ดี.. ผมเดินยิ้มๆเรื่อยเปื่อยมาถึงหน้าบ้าน แต่กลับเห็นเงาของใครบางคนที่ยืนในมุมมืดหน้าบ้านหลังข้างบ้านผม ต่อให้เห็นแค่ปลายผม...ผมก็ยังจำได้อยู่ดีว่าเป็นซัน
“ไงมึง โดดเรียนทั้งวันไปไหนมา”ผมเดินเข้าไปทักทายมันเหมือนปกติ เพราะถ้ามันอยากให้ผมเป็นเพื่อนตามปกติผมก็จะเป็นให้ตามที่มันขอ
“มึงทำอะไรแฟนกู...”
“ห๊ะ?”นี่คงวิ่งโร่ไปฟ้องไอ้ซันอีกล่ะสิ ผมล่ะเบื่อผู้หญิงคนนี้จริงเลยเชียว ผมมองหน้าซันที่ทำหน้าเหมือนจะกัดฉีกเนื้อผมออกเป็นชิ้นๆ
“กูถามว่ามึงอะไรลินดา!!!!”
“กูเปล่า..แต่กูห้ามวิทไว้ไม่ทั..”
“อะไรนะ!! นี่เป็นไอ้วิทด้วยงั้นเหรอ มึงมานี่เลย”มันคว้ากุญแจบ้านในมือผมไปไขประตูบ้านผมแล้วลากผมตรงดิ่งเข้าบ้านทันที ผมพยายามดิ้นขัดขืนมันเท่าไหร่มันก็ยิ่งบีบข้อมือผมแน่นเท่านั้น ผมเกลียดมันในเวลาแบบนี้ที่สุด..ไร้เหตุผลและไม่เคยฟังผมแม้แต่ครั้งเดียว มันผมตรงเข้าห้องนอนของผมก่อนจะเหวี่ยงผมลงพื้นในขณะที่มันล็อกประตู
“มึงจะทำอะไรน่ะไอ้ซัน... กูเปล่านะ...กูแค่..”
“หุบปากซะมึงน่ะไอ้กาย รักกูกูก็ยังไม่ว่า แต่อย่าไปเล่นสกปรกกับลินดาแบบนั้น”
“มึงพูดเรื่องอะไรของมึงน่ะ!!! มึงเคยคิดจะฟังกูบ้างป่ะ “
“กูกำลังฟังนี่ไงที่รัก กูกำลังจะทำตามคำขอมึงอยู่นะ”
“....”ผมนั่งมองหน้ามันนิ่ง...นี่เป็นครั้งแรกรึเปล่าที่ผมจะสมหวังใช่มั้ย ครั้งนี้มันจะฟังผมบ้างแล้วใช่มั้ย มันเชื่อในสิ่งที่ผมพูดซักทีใช่มั้ย ซันเดินเข้ามาลูบแก้มผมเบาๆแล้วเลื่อนขึ้นไปจับผมของผมเล่น ก่อนจะเปลี่ยนมาจิกหัวผมแหงนขึ้นอย่างแรง
“อยากได้กูก็ไม่บอก เดี๋ยวก็กูจัดให้ครับเมีย”
บอกผมที...ว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย...และถ้ามันเป็นฝันร้าย...ใครก็ได้ ปลุกผมทีเถอะ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น