ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5
-ตอนที่ 5-
คำว่ารักจากปากของเพื่อนสนิท
คำว่ารักจากปากของเพื่อนสนิท
“โอย...”ผมลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรง นี่ผมเมากลับบ้านเหรอให้ตายเถอะ ผมจำได้แค่ว่าผมกินไปแค่น้ำเปล่านี่นาแล้วจากนั้นผมก็วูบไป....
‘กูรักซัน..’
‘มึง...ว่าอะไรนะ’
‘กูรักไอ้ซันนนน ฮ่าๆ’
‘กูว่ามึงเมาแล้วล่ะไอ้กาย เข้าบ้านไปเถอะ’
‘ไม่เมา กูไม่ได้เมาซักหน่อย’
‘มึงเมา มากด้วย เข้าบ้านไปนอนซะ’
‘งั้นถ้าพรุ่งนี้กูสร่างเมากูจะพูดอีกครั้งให้ดู’
เหตุการณ์ต่างๆมันกำลังย้อนเข้ามาในหัวผม ให้ตายเถอะนี่ผมเผลอบอกไอ้พีชไปงั้นเหรอ ผมเอามือจิกทึ้งหัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พีชครับ ปัญหามันอยู่ที่ไอ้เวส เมื่อวานมันต้องบอกกันแล้วแหง อ้ากกกก
ตึ่ง!
ผมก้มลงมองก้อนกระดาษที่กลิ้งไปมาตรงระเบียง แต่คราวนี้มันต่างออกไป รอยหมึกสีน้ำเงินที่ซึมออกมาจากกระดาษทำให้ผมรับรู้ได้ว่ามีข้อความอยู่ในนั้น ผมรีบเปิดประตูระเบียงไปเก็บก้อนกระดาษออกโดยไม่สนก้อนกรวดที่ร่วงกราวลงพื้น
‘ขอคุยด้วยหน่อย เดี๋ยวปีนไปหาเปิดระเบียงไว้ล่ะ’
มันจะคุยอะไรของมันกันนะหรือว่าจะเรื่องเมื่อคืนงั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอกครับ พีชมันอาจจะบอกเวสแต่ก็แค่เวสมันไม่บอกสนุ๊กหรือโดยเฉพาะซันหรอก อาจจะเป็นเรื่องอื่นก็ได้ ผมคงคิดมากเกินไปเองล่ะ
ตื่อดึ้ง!
ผมมองมือถือเฮียที่สั่นแล้วขึ้นบอกว่าพีชส่งไลน์มาหา ผมเลยรีบเดินไปนั่งบนเตียงแล้วเปิดไลน์มาดูข้อความ
:อรุณสวัสดิ์ครับพี่กาก้า กีกี้ตื่นยังอะ
นี่สรุปว่าเฮียผมต้องชื่อกาก้าแล้วออกไปเต้นโชว์ชุดชั้นในที่คุกจริงๆใช่มั้ยเนี่ย แอบสงสารเฮียกันต์ขึ้นถนัดตา แต่ขออย่าให้เฮียทำจริงเลย ผมแอบสยอง
นี่กูเอง มึงมีอะไรแต่เช้าเนี่ย?:
:กีกี้เหรอ เปล่าหรอก แค่อยากรู้ว่ากลับถึงบ้านปลอดภัยรึเปล่า
ห๊ะ...อยากรู้ว่ากลับถึงบ้านปลอดภัยมั้ย..แสดงว่ามันไม่ใช่คนมาส่งผมหรอกเหรอแล้วคนเมื่อคืนมันใครล่ะ มือที่ผมกำมือถือสั่นกึกอย่างห้ามไม่ได้ จะเป็นเวสหรือไอ้สนุ๊กได้ แต่ผมขอแค่คนเดียวอย่าให้เป็นเขา
อ้าว...แล้วเมื่อคืนใครมาส่งกู:
ขอร้อง...ใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่มัน ...ผมขอเว้นไว้แค่คนเดียวเท่านั้น..
ตุบ!
เสียงเท้ากระทบพื้นระเบียงห้องผมพร้อมกับคนปีนที่เดินเข้ามาในห้องผมด้วยสีหน้าท่าทางซีเรียส มันจ้องหน้าผมนิ่งซักพักก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ปลายเตียงผม
ตื่อดึ้ง!
พีชมันส่งไลน์ตอบกลับมาแล้ว..คำตอบของเรื่องเมื่อคืนกำลังอยู่ในมือผม แต่ทันทีที่ผมก้มลงอ่านมือถือเฮียก็เกือบจะได้เข้าถังขยะอีกเครื่อง
:อ๋อ..ก็ซันนี่ไง
“เมื่อคืน..มึงพูดอะไรไว้จำได้มั้ย..”หลังจากที่ทั้งผมและมันเงียบมานาน มันก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นพร้อมด้วยเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนมันทำให้ผมรับรู้ว่ามันกำลังจริงจัง
‘งั้นถ้าพรุ่งนี้กูสร่างเมากูจะพูดอีกครั้งให้ดู’
ประโยคคำพูดของตัวผมเองลอยเข้ามาในหัว ผมได้แต่ก้มหน้าไม่ยอมปรอปากหรือมองหน้าไอ้ซัน เพราะผมรู้..ว่าณ.ตอนนี้ถ้าผมมองหน้ามันหรือคุยกับมันแม้แต่คำเดียว ผมต้องได้ร้องไห้แน่ๆ
“กูรู้ว่ามึงจำได้ว่าพูดอะไรออกมา พูดมาสิไหนว่าวันนี้จะพูดให้กูฟัง”
“...”ผมรู้ว่านี่อาจเป็นเพียงครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้บอกความจริง แต่ผมกลัวไปหมด ถ้าผมพูดไปแล้วทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม มันจะไม่คุยกับผม เล่นกับผมแบบเดิม ผมควรปิดต่อไปดีมั้ย
“ถ้าเมื่อวานมึงพูดเพราะมึงแค่เมากูจะลืมมันไปซะ แต่ถ้าไม่..บอกกันตรงๆได้มั้ยวะ”
“...”มันรออยู่นานเกือบสิบนาทีแต่ก็ไม่มีแม้แต่คำเดียวที่หลุดออกจากปากผมจนมันลุกขึ้นแล้วเตรียมปีนระเบียงกลับ
“กูรักมึง”
.
.
.
.
.
“กีกี้!”ผมสะดุ้งกับใบหน้าของพีชที่แทบจะติดจมูกผมอยู่รอมร่อ พร้อมกับไอ้เวสกับไอ้สนุ๊กที่นั่งจ้องหน้าผม รวมถึง..ไอ้ซัน..
“พีชมันเรียกตั้งนานมึงเหม่อเรื่องอะไรวะเนี่ย”
“ไอ้ซันก็เหมือนกัน วันนี้มึงสองคนแม่งจะเงียบแปลกๆกันมากไปแล้วนะเว้ย ทะเลาะอะไรกันก็พูดออกมาสิวะ”ไอ้สนุ๊กมองหน้าผมสลับกับไอ้ซันที่ยังไม่เลิกจ้องหน้าผมซักที ตั้งแต่ตอนเช้าแล้วครับไม่มีก้อนกระดาษที่ปามาปลุกผมเหมือนทุกเช้า ไม่มีเสียงอะไรที่เล็ดลอดออกมาจากปากมันถ้าเป็นบทสนทนาระหว่างมันกับผม อย่างเดียวที่ผมรับรู้ได้คือสายตามันที่จ้องมองผมอย่างคาดเดาไม่ออก
“ไม่ใช่ว่าที่ทะเลาะกันเพราะมันพูดออกไปงั้นหรอกเหรอ..”ไอ้เวสพูดพึมพำกับหนังสือที่มันอ่านอยู่โดยไม่เงยหน้ามามองหน้าใคร เสียงมันเบาเหมือนเสียงกระซิบจนแทบไม่มีใครได้ยิน แต่สำหรับผมแล้วมันเหมือนเอาโทรโข่งมาพูดข้างหูผมเลยด้วยซ้ำ
“กูไม่เก็ทว่ะไอ้เวส ขอคำอธิบายเพิ่ม”
“ไม่เก็ทน่ะดีแล้วสนุ๊ก กีกี้คงไม่ปลื้มเท่าไหร่ถ้านายเก็ท”ถ้าไอ้สนุ๊กเก็ทก็ค่อนข้างเรื่องใหญ่ล่ะครับ มันไม่เงียบๆเหมือนไอ้เวสหรอก ถึงหูคนทั้งโรงเรียนอ่ะครับ ไม่ใช่ว่ามันปากพล่อยนะแต่มันชอบหลุดปากบ่อย แต่สิ่งที่ผมกลัวตอนนี้เห็นทีจะไม่ใช่ไอ้สนุ๊กแต่ผมกลัวซันมากกว่า...หรือผมอาจทำผิดที่บอกมันไปแบบนั้น...ผมควรทำยังไงดี
“กูไปก่อนนะ”หลังจากที่มันเอาแต่นั่งเงียบงันมาแต่เช้านี่อาจเป็นประโยคแรกด้วยซ้ำที่มันพูดออกมาก่อนจะเตรียมลุกจากโต๊ะไป มันก็แค่จะลุกออกจากโต๊ะแต่ทำไมผมรู้สึกว่าถ้ามันลุกออกไปแล้ว...มันจะลุกออกไปจากชีวิตผมด้วย
“ซัน...กูขอคุยด้วยได้มั้ย...เรื่องเมื่อวาน..”
“กูจะรอสวนข้างอาคารสาม”ผมยังไม่ทันพูดจนดีไอ้ซันก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินจากมัน น้ำเสียงที่เย็นชาจนผมรู้สึกหนาวทั้งที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อนกับสายตาที่คาดเดาออกยากก่อนมันจะเดินนำออกไป....นั่นมันทำให้ผมกลัวกว่าเดิม...กลัวเหลือเกินว่าจะเสียมันไป...
ผมลุกขึ้นจากโต๊ะม้าหินอ่อนตามหลังมันไปติดๆโดยไม่สนเสียงเรียกจากด้านหลัง สิ่งเดียวที่อยู่ในสายตาของผมตอนนื้คือแผ่นหลังของซันในระยะที่สายตามองเห็น ผมเห็นแผผ่นหลังนี้นับไม่ถ้วนครับ แต่ละอารมณ์ความรู้สึกที่ได้แตกต่างกันออกไปเสมอ ผมเดินตามมันมาเรื่อยจนถึงอาคารสามทันทีที่มันหันมาเจอผม สีหน้าของซันค่อนข้างจะแปลกใจก่อนที่มันเอาหลังเอนพิงกำแพงแล้วมองผมด้วยสายตาเหมือนเมื่อกี้
“...”
“ไม่พูดกูกลับแล้วนะ”
“ซัน...แค่เพราะกูรักมึง มึงโกรธกูเลยเหรอ”
“กูไม่ได้โกรธ”
“แต่มึงก็ห่างเหิน”
...ได้โปรด...อย่าใจร้ายไปมากกว่านี้...
“กูไม่ได้ห่างเหิน”
“มึงโกหก”
....เพราะถ้ามึงใจร้ายไปมากกว่านี้...
“แล้วถ้ามึงเป็นกูมึงจะทำยังไงไอ้กาย จะให้กูทำยังไง มึงเป็นเพื่อนกูนะเว้ย..แต่มึง!..เฮ้อ..”
“กูไม่ได้ขอให้มึงรับรักกูนะซัน กูไม่ได้ขอ แค่ทำตัวเหมือนเดิมได้มั้ย...”
....มันอาจทำให้กูทนไม่ไหว..และ...
“แล้วมึงจะทำยังไง? รักกูแบบนี้ต่อไปเนี่ยนะ? ต่อให้กูไม่มีลินดากูก็รักมึงไม่ได้”นั่นเป็นความจริงที่ผมกลัวมาตลอด ผมเคยคิดว่าถ้ามันจะพูดคำนี้ออกมาผมจะเจ็บซักแค่ไหนกัน แต่มันต่างจากที่ผมคิดเยอะ...เจ็บกว่าที่ผมคิดเยอะ...
“กูรู้...กูรู้มาตลอดซัน...กูไม่ได้รักมึงแบบไม่คิดนะ เพราะงี้กูถึงไม่อยากบอกมึง...แค่เป็นเหมือนเดิมได้มั้ย...”
...และ..ในที่สุด...หัวใจของผม....
“มึงเป็นเพื่อนคนพิเศษของกูเสมอกาย แต่สัญญากับกูว่ามึงจะกลับไปเป็นเพื่อนกูเดิม แค่เพื่อนจากนี้และตลอดไปด้วย สัญญามาสิ”
...ก็แหลกสลายคามือมัน....
“กูสัญญา..”
.
.
.
.
.
กริ๊ง
“ยินดีต้อนรับครับ กี่ที่ครับหรือว่าคุณจองโต๊ะไว้?”ทันทีหญิงสาวเดินก้าวเข้าร้านอาหารชื่อดังร้านหนึ่งมาก็มีบริกรวิ่งตรงเข้ามาต้อนรับทันที
“นัดคนไว้ค่ะ คุณแทนทันต์น่ะค่ะไม่ทราบว่าโต๊ะไหนคะ”
“งั้นเชิญทางนี้เลยครับ”บริกรหนุ่มเดินนำสาวสวยมายังโต๊ะสุดมุมร้านที่มีชายหนุ่มอีกคนนั่งกินอาหารรออยู่แล้วทันทีที่หญิงสาวนั่งลงบริกรก็โค้งตัวแล้วเดินออกไป
“มาช้าจังนะคะลินดา พี่รอตั้งนานแหน่ะ”แทนทันต์ยิ้มหล่อก่อนจะวางช้อนส้อมลงแล้วเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่เริ่มถอดแว่นกันแดดออกเผยให้เห็นความสวยหวานของใบหน้า
“ก็ลินดากินข้าวกับป๊าม๊าอยู่นี่คะ แล้วเรียกมาด่วนแบบนี้พี่แทนมีอะไรเหรอคะ”
“พอดีวันนี้พี่แวะไปหาคนที่รู้จักที่โรงเรียนน้องซันมาเลยเจออะไรเด็ดๆเข้านิดหน่อย”แทนพูดพร้อมยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ทำเอาลินดาเริ่มตาเป็นประกายด้วยความสนใจทันที
“อะไรเหรอคะ เด็ดๆที่ว่าน่ะ”
“น้องซันรู้เรื่องที่น้องกายแอบรักเรียบร้อยแล้วครับ เมื่อกี้ทะเลาะกันใหญ่โต”ทันทีที่แทนทันต์พูดจบลินดาก็ยิ้มกว้างอย่างสะใจ มือสองข้างยอดขึ้นกอดอกอย่างชอบใจ
“งี้สงสัยเราคงได้โอกาสแล้วล่ะค่ะ”
“โอกาสอะไรกันครับน้องลินดา หรือเรามีแผนอะไรในใจหื้ม”
“หึ..ก็พี่แทนอยากได้ไอ้กายนั่นไม่ใช่เหรอคะ ลินดาอนุญาตให้พี่เอาไปคืนนึงเลยล่ะค่ะ”คำตอบของลินดาทำเอาคิ้วของแทนเลิกสูงอย่างสงสัยแต่ภายในดวงตานั้นปิดซ่อนความหื่นกระหายไม่อยู่
“ตอนนี้พี่แทนพอจะมีลูกน้องซักสองสามคนมั้ยล่ะคะ เราจะเล่นอะไรกันนิดหน่อย”ลินดาพูดจบแทนก็ยิ้มร้ายอีกครั้งก่อนจะหยิบมือถือเครื่องหรูข้างตัวขึ้นมากดโทรออกแล้วแนบหูตัวเอง
“เกณฑ์คนของเรามาซักสามสี่คนหน่อยซิ...เอาคนที่ฉุดเด็กได้น่ะ...”
.
.
.
.
.
หลายคนบอกว่าความรักที่ทรมานที่สุดคือการแอบรัก มันอึดอัด ทรมานและแสนเศร้า แต่สำหรับผมแล้วผมยินดีกับการที่ได้ตกหลุมรัก แม้ว่าหลุมนั้นมันจะลึกและมีหนามแหลมที่จะทิ่มแทงผม แต่ผมไม่เสนใจหรอกครับเพราะสิ่งสำคัญมันไม่ใช่การรับรัก แค่ขอให้ผมได้รักต่อไปก็พอ..ผมคงรักษาสัญญากับมันไม่ได้หรอกครับ...ผมได้แต่เดินเตะฝุ่นไปเรื่อยๆ ปกติเวลานี้ผมคงกลับถึงบ้านแล้ว ผมเป็นคนเดินเร็วจะตายครับแต่วันนี้เหมือนขาผมหนักกว่าทุกวัน ผมรับรู้ได้ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมามันมาจากอกข้างซ้ายของผมแน่นอน
เอี๊ยด..
ผมมองรถตู้สีดำติดฟิลม์ทึบที่มาจอดเทียบที่ข้างถนนด้านหน้าผมเล็กน้อย แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่หรอกครับ คงไม่ใช่คนรู้จักของผม แต่มันติดตรงที่ชายชุดดำสี่ห้าคนที่ก้าวลงมาจากรถตู้แล้วดักหน้าผมไว้นี่สิครับ
“เฮ้ยๆ คนนี้เปล่าวะ”
“ใช่ว่ะ ลากขึ้นรถมา”
ว่าจบคนที่ดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าพวกมันก็ตรงมาฉุดแขนผมทันที มีหรือครับคนอย่างผมจะยอมแต่เพราะผมไม่ใช่คนออกกำลังกายเหมือนไอ้สนุ๊ก ผมไม่เก่งต่อสู้เหมือนไอ้ซัน ผมไม่แรงเยอะเหมือนไอ้เวส แทบเรียกได้ว่าผมแรงน้อยกว่าพีชด้วยซ้ำไปครับ นั่นมันทำให้ตัวผมปลิวขึ้นรถตู้ไปง่ายๆ
“ปล่อยผมนะ ผมไม่รู้จักพวกคุณซักหน่อย พวกคุณจะทำอะไรผม!!”
“หุบปากซะ ไปทำอะไรเจ้านายพวกกูไว้ล่ะ ถึงได้โดนสั่งฉุดแบบนี้”ผมได้แต่นั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว..ฉุดงั้นเหรอ...ใครกันนะ...แต่ตอนนี้ประเด็นสำคัญไม่ใช่คนสั่งฉุด ผมแค่นึกถึง..ไอ้ซัน..
“หัวหน้าดูดิ น้ำตาคลอด้วยแฮะ ไม่น่าล่ะเจ้านายสั่งฉุดน่ารักชิบหาย”คนข้างตัวผมพูดเสียงดังอย่างหยาบโลนก่อนจะเอามือที่แข็งสากมาลูบแก้มผม ผมทำได้แค่เบี่ยงตัวหลบหนีสัมผัสมันเท่านั้น
...ซัน...ช่วยด้วย...
“เฮ้ยๆ ของเจ้านายอย่าเพิ่งแดก ให้เจ้านายก่อนถ้าเขาปรานีเราอาจได้ต่อ..ออกรถโว้ย”ผมได้แต่มองคนพวกนี้สลับไปมาอย่างหาทางออก ผมจะรอดออกไปจากที่นี่ได้ยังไง...หรือผมจะต้องโดนอะไรแบบนี้จริงๆ...แต่ก่อนที่รถพวกมันจะเคลื่อนตัวออกก็มีรถสปอร์ตสีแดงสดขับมาขวางหน้ารถไว้
“ใครวะแม่งกล้าขวางพวกเราได้ไง”ก่อนที่พวกมันจะเปิดประตูรถตู้ออกไปดู ประตูรถตู้ก็เปิดออกพร้อมคำตอบของเจ้าของรถสีแดงยืนอยู่หน้าประตู ปลายกระบอกปืนสีเงินที่จ่อที่หัวของหัวหน้าพวกมันอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยผู้ชายคนนั้นออกมา...”ผู้ชายท่าทางเคร่งขรึมพูดขึ้นอย่างน่ากลัวก่อนจะพยักเพยิดหน้ามาทางผม แต่ทำไมไม่รู้ผมถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคนๆมากมายเหลือเกิน
“ทำไมกูต้องปล่อยด้วยวะ”
“กูมีเหตุผลสามข้อให้พวกมึง ข้อหนึ่งคือกูมีปืนอยู่ในมือ ข้อสองต่อให้กูยิงพวกมึงหมดรถตำรวจก็ไม่จับกูและข้อสามเพราะกูชื่อภานรินทร์ เหตุผลพอรึยัง”ทันทีที่คนๆนี้ร่ายจบพวกชุดดำที่เหลือก็พากันกระซิบกระซาบเหงื่อตกจนกระทั่งเสียงมือถือของหัวหน้ามันดัง คนที่ชื่อภานรินทร์จ้องมองเชิงให้รับสาย หลังจากรับสายเสร็จพวกมันก็ผลักตัวผมออกมาจากรถทำให้ผมเกือบหน้าทิ่มถ้าไม่ได้คุณภานรินทร์รับไว้ซะก่อน
“เฮ้ยพวกเรากลับ! เจ้านายเปลี่ยนแผน”พวกมันพูดจบก็ลุกลี้ลุกลนปิดประตูรถตู้แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมมองตามพวกมันไปจบลับสายตาอย่างใจหาย ถ้าคุณคนนี้เขามาไม่ทันผมจะเป็นยังไงบ้างนะ..
“มึงโอเคมั้ย”ผมสะดุ้งกับเสียงที่ดังอยู่ด้านบนหัวทำให้ผมตระหนักได้ว่าผมยังอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่ ผมจึงรีบเด้งออกมายืนก้มหน้าทันที
“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่”
“ห่างเหินกับกูจริงหรือมึงจำกูไม่ได้กันแน่”ผมชะงักกับคำพูดของเขาก่อนจะเงยหน้าจ้องอย่างพิจารณา..จะว่าไปแล้วดวงตาแบบนี้มัน....เมื่อกี้เขาบอกว่าชื่อภานรินทร์งั้นเหรอ ชื่อแปลกๆแบบนี้คงมีไม่กี่คนหรอก
“วิท...”
“กว่าจะจำกูได้นะกาย”หนีเสือปะจระเข้ชัดๆครับ วิทเป็นหัวหน้าแก็งค์ที่แกล้งผมมาแต่เด็กแล้วล่ะครับแต่หลังจากที่พ่อวิทเสียไปเขาก็ออกจากโรงเรียนหลังจบป.6 แล้วก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย แต่ที่สำคัญคือซันกับวิทไม่ถูกกันอย่างแรงครับ ว่าแล้วผมก็รีบกลับหลังหันเตรียมเดินหนีทันที
“มึงทำงี้กับคนที่ช่วยมึงเหรอกาย?” ผมยังไม่ทันได้เดินหนีเลยครับให้ตาย ผมไม่รู้ว่าผมเร็วไม่พอหรือวิทเร็วมากกันแน่ เขาถึงได้จับมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแบบนี้
“ก็ขอบคุณไปแล้วไง...”
“กูไม่ถูกกับซันใช่ว่ามึงต้องไม่ถูกกับกูนะกาย”
“มึงชอบแกล้งกูจะตาย...” เมื่อไหร่จะปล่อยมือผมซะทีเนี่ย...แถวนี้มันใกล้บ้านด้วยสิครับถ้าซันมันมาเห็น ผมล่ะไม่อยากนึก
“แล้วถ้ากูบอกว่ากูแกล้งมึงเพราะอยากสนิทกับมึงล่ะ”
“แล้วถ้ากูบอกว่ามึงไม่มีทางสนิทกับมันเพราะกูเป็นเพื่อนมันล่ะ”ผมสะดุ้งเงยหน้ามองเสียงคุ้นหูพร้อมกับซันที่หน้าบึ้งมาแต่ไกลก่อนจะเดินตรงมาจับมือวิทออกจากผม
“เพื่อนที่ปกป้องเพื่อนไม่ได้ ไม่น่าเรียกเพื่อนได้นะ”
ผลัวะ
ทันทีที่วิทพูดจบหมัดหนักๆของไอ้ซันก็ดิ่งตรงเข้าที่หน้าของวิทจนล้มลงไปกับพื้นทันที ทำเอาผมตกใจรีบวิ่งไปกอดแขนไอ้ซันไว้ทันทีเมื่อเห็นมันเตรียมจะซ้ำอีกหมัด
“พอเถอะซัน กลับกันเถอะนะ”
“มึงจะห้ามกูทำไมไอ้กาย อย่ามาห้ามกูนะ ปล่อย!!!”มันพยายามสะบัดแขนผมออกพร้อมกับตะโกนเสียงดังน่ากลัว จะว่าไปผมก็ไม่ได้ต่างจากตอนเด็กเท่าไหร่หรอกครับ ขี้แยยังไงผมก็ยังขี้แยอยู่อย่างนั้นหรือเพราะผมยังกลัวเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ก็ไม่รู้ ทำเอาน้ำตาผมเริ่มไหลทีละนิดจนหยดลงแขนไอ้ซัน
“มึงร้องไห้เพราะกูชกมันเนี่ยนะไอ้กาย!!! กลับ!! อย่าให้กูเจอมึงยุ่งกับเพื่อนกูอีกนะไอ้วิท ครั้งนี้กูเห็นแก่ไอ้กาย”ผมพูดอย่างเอาเรื่องใส่วิทที่เช็ดเลือดตรงมุมปากแล้วพยายามลุกขึ้น แต่ผมไม่ได้รับรู้อะไรอีกเพราะหลังจากนั้นมันก็กระชากผมกลับบ้านมาอย่างรวดเร็ว
.
.
.
.
.
ตุบ!
มันเหวี่ยงผมลงนั่งเก้าอี้คอมมันอย่างแรง อ่านไม่ผิดหรอกครับ มันไม่ได้พาผมกลับบ้านแต่มันลากผมเข้าบ้านมัน แถมตอนลากเข้ามาไม่พูดอะไรซักคำแต่ทำหน้าโกรธจัดอย่างเดียว
“ฮึก..”
“มึงจะเลิกร้องได้ยังวะ เป็นห่วงไอ้เหี้ยนั่นมากรึไง มึงก็รู้ว่ากูกับมันไม่ถูกกันแล้วจะไปคุยกับมันทำไม!!!”มันตะคอกใส่ผมเสียงดังลั่นห้องดีตรงที่ว่าพ่อแม่มันอยู่ต่างประเทศอยู่แล้วส่วนเฮียแซนด์ก็เหมือนจะไม่อยู่ ไม่งั้นได้ตกใจกันยกบ้านครับ
“แต่..วิทช่วยกูไว้..ฮึก..กูก็แค่...”
“กูแค่จะตอบแทนด้วยการให้มันกอดแน่น ไม่ก็จับมือถือแขนกันใช่มั้ย”
“อึก..มึงเป็นบ้าอะไรไอ้ซัน กูบริสุทธิ์ใจ!!”
..ขอร้อง...ไม่รัก...อย่ามาทำเหมือนหวงกันแบบนี้..
“แล้วถ้ากูไปไม่ทัน มึงกับมันเข้าโรงแรมกันไปแล้วล่ะสิ!!!”
เพียะ
ผมมองหน้ามันที่สะบัดไปตามแรงตบของผมทั้งน้ำตา ทำไมมันถึงต้องดูถูกผมถึงขนาดนี้ ทำไมมันต้องทำร้ายผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวันๆนึง ทำไมมันทำให้ผมเจ็บจนร้องไห้หนักกว่าเดิมขนาดนี้
“เดี๋ยวนี้มึงตบกูเพราะมันงั้นเหรอ!! นี่น่ะเหรอที่บอกว่ารักกูน่ะ รักกูแต่มึงปกป้องมันทำไม!!!”
...อย่าเอาคำว่ารักมาอ้าง...ถ้ามึงไม่คิดแม้แต่จะเห็นมันในสายตา...
“มึงไม่ถูกกันวิท ไม่ใช่ว่ากูจะต้องเกลียดวิทตามมึงด้วย!!!”
“อ๋อ...มึงจะประชดกูใช่มั้ยไอ้กาย มึงจะประชดกูเรื่องนั้นใช่มั้ย!!!”มันตรงดิ่งเข้ามาบีบไหล่ผมไว้แน่นเหมือนคีมเหล็กแล้วกดลงกับเก้าอี้โต๊ะคอมจนผมเกือบคิดไปแล้วว่าเก้าอี้อาจหักได้
“ตลอดมากูเกลียดวิทตามมึงซัน..แต่ตอนนี้กูจะรักษาสัญญาเมื่อตอนเย็น ถ้ามึงเป็นแค่เพื่อนกู กูก็ไม่มีเหตุผลที่จะแคร์มึงเกินเหตุ..อื้อ!!”บอกผมทีว่าผมไม่ได้คิดไปเอง บอกผมทีว่าวันนี้ผมไม่ได้เมา บอกผมทีว่ามันนี้มันไม่ได้มืด...จนมันไม่รู้ว่ากำลังจูบใครอยู่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น