ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Myfalse...ความผิดของผมคือรักเพื่อนสนิท [yaoi/boys love]

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 61


    -ตอนที่ 4-
    บอกไปแล้ว





    ซันมัน..ต้องการจะบอกอะไรผม มันจะทำแบบนี้ทำไม..หรือว่ามันรู้เรื่องที่ผมชอบมันงั้น..เป็นไปไม่ได้หรอก..ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนหัวตื้บไปหมด ผมกังวลหลายๆอย่าง ทุกสาเหตุที่เป็นไปได้ประดังเข้ามาในหัวผม โทรศัพท์เครื่องเล็กของผมยังคงส่งเสียงบทรักของคนปลายสายอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเสียงมันเงียบไป ผมจึงก้มหยิบขึ้นมาแนบหูอีกครั้ง

    “ซัน...”เสียงผมเบาจนแทบเป็นกระซิบ ผมไม่รู้ว่ามันได้ยินมั้ย บางทีผมก็แค่อาจหวังว่าไม่ใช่มันที่โทรหาผม

    “ได้ยินแล้วสินะ...พี่กาย”ผู้หญิงสกปรกคนนี้อีกแล้ว...ยัยลินดา...แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจที่ไม่ใช่ซัน

    “พี่ซันอาจจะมองไม่ออก แต่ฉันมองแกออก พี่ซันของฉันไม่ได้วิปริตอย่างแกหรอก”

    “ถ้าเธอโทรมาเพื่อให้พี่ฟังเสียงผสมพันธุ์ระหว่างมนุษย์เพศผู้กับสุนัขตัวเมียเนี่ย พี่วางล่ะนะครับ เสียหูพี่”ผมได้ยินเสียงกรี๊ดระยะนึงจากอีกฝั่งก่อนที่ผมจะวางสาย ผมทำปากเก่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรไปแค่นั้นเองแหละครับ เพราะตอนนี้ผมทั้งโกรธททั้งเจ็บทั้งเศร้ามันไหลมารวมกันหมดแล้ว ผมรู้ว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน มีเรื่องแบบนี้มันคงไม่แปลก ผมรู้ว่าซันมันรักผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีแค่ไหน ทำไมแค่คิดขึ้นมา ผมก็ไม่ชอบใจเอาซะเลย

    เพล้ง!

    ผมมองเศษซากมือถือกับกรอบรูปไอ้ซันที่มันเคยแขวนไว้บนผนังก่อนที่จะร่วงลงด้วยด้วยแรงปามือถือของผม เสียงเท้าตึงตังดังมาจากข้างล่าง ผมรู้ว่าเฮียกันต์กำลังขึ้นมา แต่ตอนนี้ต่อให้ไอ้ซันมาก็ช่วยให้ผมดีขึ้นไม่ได้อยู่ดี

    .

    .

    .

    .

    .

    ผมยืนจัดเครื่องแบบนักเรียนอยู่หน้ากระจกในห้องนอนความจริงมันก็เรียบร้อยดีแล้วเพียงแต่ผมหาอะไรทำเพื่อไม่ห้คิดฟุ้งซ่านเท่านั้นเอง ผมอยากคิดปลอบใจตัวเองว่าคนที่อยู่กับลินดาอาจเป็นคนที่ชื่อแทนแล้วลินดาโทรมาหลอกผม แต่เมื่อวานมันไม่ได้กลับบ้าน ผมนอนตะแคงมองจ้องห้องของมันยันเช้าแต่ก็ไม่มีแสงไฟที่ลอดผ่านผ้าม่านผม ไม่มีกระดาษยัดก้อนกรวดที่ปาใส่ระเบียงผม ไม่มีเสียงที่ตะโกนขึ้นมาจากบันไดให้ผมไปโรงเรียน ..ก็แค่นั้น..

    “แกจะไปโรงเรียนซักสิบโมงมั้ยไอ้กาย ยืนจนแทบจะสิงกระจกอยู่แล้วนะ”มือของเฮียกันต์ยีเข้าที่หัวผม น่าแปลกนี่ผมเหม่อจนไม่รู้ว่าเฮียเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เชียวเหรอ

    “บ่นเป็นตาแก่ตามอายุเชียวนะเฮีย”

    “น้อยๆหน่อยเถอะฉันแก่กว่าแกแค่ปีเดียวนะโว้ย”ผมมองเฮียกันต์ที่เริ่มทำหน้าเบ้แล้วเตรียมงอแงเป็นเด็กๆก่อนหลุดหัวเราะออกมา ปกติแล้วผมต้องโดนเฮียถีบติดฝาผนังแล้วล่ะครับ แต่วันนี้เฮียแค่บีบแก้มผมเท่านั้น

    “แกหัวเราะได้ฉันก็ดีใจ แต่แกไปไหวแน่นะ? ให้ฉันโทรไปตอแหลว่าแกต้องไปหาหมอริดสีดวงมั้ย”

    “โหเฮีย ใจคอให้น้องเป็นแต่ละอย่างเนี่ยนะ..เอาแบบไม่สบายอะไรธรรมดาได้ป่ะ”คราวที่แล้วผมป่วยการเมืองครับเลยอ้อนเฮียให้โทรไปลาป่วยให้ แต่พอวันรุ่งขึ้นที่ผมไปโรงเรียน เพื่อนทั้งชั้นก็ทำหน้าแปลกๆใส่ผมไม่เว้นแม้แต่ไอ้ซัน จนไอ้ซันมันเอ่ยปากถามเท่านันแหละผมถึงได้รู้สาเหตุ

    ‘ไอ้กาย..หูดที่รักแร้มึงน่ะ หายแล้วเหรอวะ’

    “นี่แกยังแค้นฉันเรื่องหูดเหรอ? ก็แม่เราเป็นหมอนะเว้ย อ้างแค่นั้นใครเขาจะไปเชื่อ”

    “โรคอื่นก็มีตั้งเยอะตั้งแยะน่าเฮีย”ผมส่ายหน้าขำแล้วหยิบกระเป๋าเป้มาสะพายบ่า แต่ก่อนที่จะเดินออกไปเฮ๊ยกันต์ก็ดึงแขนผมไว้ซะก่อน

    “กาย เอานี่ไปด้วย”

    “มือถือเฮียเนี่ยนะ?”ผมก้มมองมือถือเครื่องสีเงินที่เฮียกันต์ยัดใส่มือผมเรียบร้อยอย่างงงๆ ก็เข้าใจนะครับว่ามือถือผมเมื่อวานลงถังขยะไปแล้ว แต่เอามือถือตัวเองให้ผมทำไม

    “เออ พกไปด้วย ฉันต้องไปทำวิทยานิพจน์บ้านไอ้มิกส์ กลับวันไหนยังไม่รู้ แต่เบอร์มันอยู่ในนั้นแหละ มีอะไรโทรบอกมัน ฉันจะมาหาในสามสิบนาที”ผมบอกว่าแล้วว่าเฮียกันต์ไม่ใช่พี่ชายที่ดีหรอกครับ แต่เป็นพี่ชายที่โคตรดีเลยต่างหาก

    “กีกี้ไปโรงเรียนยังงงงง”ผมสะดุ้งเก็บมือถือเครื่องสวยในกระเป๋าแล้วขโมยหอมแก้มเจ้าของเครื่องก่อนจะรีบวิ่งลงมาหน้าบ้านโดยไม่สนใจเสียงโวยวายจากชั้นบน

    “พีชมาไงวะ”ผมนั่งผูกเชือกรองเท้าพลางเหลือบมองผู้ชายตัวเล็กอย่างพีชที่เกาะประตูรั้วบ้านผม เคยเอาตุ๊กตาตัวโตๆไปพาดตากไว้บนราวตากผ้ามั้ยล่ะครับ มันได้อารมณ์ประมาณนั้นเลย

    “ก็ซันนี่โทรมาบอกว่ากีกี้ยังไม่ถึงโรงเรียนเลยให้แวะมารับน่ะ” ผมชะงักกึกกับชื่อคนที่ทำให้พีชมาหาผมถึงหน้าบ้าน...อย่างน้อยผมก็ดีใจได้ใช่มั้ยที่มันยังไม่ลืมผม...นี่ใช่มั้ยความสุขเล็กๆน้อยๆแต่เจ็บปวดเป็นครั้งคราวน่ะ

    .

    .

    .

    .

    .

    “วันเสาร์นี้วันอะไรเอ่ย”ผมมองพีชที่ใช้ตะเกียบของมันเคาะกับโต๊ะอาหารดังก็อกๆตอนนี้เรานั่งกินข้าวเย็นกันตอนหลังเลิกเรียนครับ ....ว่าแต่วันเสาร์นี้เหรอ มันเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์รึไงกันนะ= =;

    “วันเสาร์ก็วันเสาร์สิ ถามแปลกๆว่ะเตี้ย”ไอ้ซันยิ้มกวนใส่ไอ้พีชอย่างอารมณ์ดี มันอารมณ์ดีงี้มาตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ พวกผมถามก็ไปตอบใครแค่ยิ้มให้เฉยๆ แต่ผมรู้ว่าสาเหตุมาจากอะไรและผมอยากถามมันเหลือเกิน...

    “อ้อๆ กูรู้แล้ว วันที่สามสิบ!!”ทันทีที่ไอ้สนุ๊กพูดเหมือนจะนึกอะไรออกพีชมันก็ทำหน้ายิ้มแป้น ก่อนจะเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัดตอนที่ได้ยินคำว่าสามสิบ...เหมือนผมจะเริ่มเก็ทแล้วนะ

    “หึ...สงสารพีชว่ะ”ไอ้เวสปิดหนังสือของมันก่อนจะถอดแว่นกรอบดำออก น้อยครั้งครับที่จะเห็นมันถอดออกแบบนี้ถ้านอกจากตอนเลิกอ่านหนังสือแล้วก็แค่ตอนที่มันจะพูดเรื่องสำคัญเท่านั้นแหละครับ

    “จะให้กูพูดเองหรือพวกมึงจะนั่งนึกให้ออก”ผมมองหน้าพีชที่ทำตาประกายแวววาวใส่ไอ้เวสแล้วแอบขำครับ ผมนึกได้แลวล่ะว่ามันอะไร แต่บางทีผมก็อยากแกล้งเพื่อนนี่ครับ

    “เหมือนไอ้กายมันนึกออกแล้วนะ พวกมึงสองตัวน่ะ เพื่อนไอ้พีชแน่เหรอวะ”ไอ้เวสกระดิกปลายแว่นใส่ไอ้ซันกับไอ้สนุ๊กที่ทำหน้าเอ๋ออยู่สองคน ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงมือของใครบางคนที่กระตุกกางเกงผมอยู่ใต้โต๊ะ

    “แล้วไอ้ซันมึงไม่ต้องทำสัญญาณลับบ้าบออะไรกับไอ้กายเลยนะ กูรู้ว่าพวกมึงมีภาษาแบบซิมที่ชาวบ้านเขาฟังกันไม่รู้เรื่อง”ผมมองไอ้ซันที่ทำหน้าเหมือนหมาหงอยเพราะแผนมันไม่สำเร็จ พวกเรามีภาษาของกันและกันเองครับ เป็นภาษาที่ผมกับมันใช้พูดกันตอนที่เล่นซ่อนแอบ เด็กส่วนมากไม่ชอบเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืนใช่มั้ยล่ะครับ แต่ไอ้ซันน่ะบ้าคลั่งการเล่นซ่อนแอบเอามาก แม้แต่ตอนกลางคืนมันก็ยังกล้าเล่น จนไม่มีใครกล้าเล่นซ่อนแอบกับมันซักเท่าไหร่ ก็มีผมนี่แหละครับที่บ้าไปเล่นกับมัน

    “ว่าไงไอ้สนุ๊ก ตอบให้ไอ้พีชมันชื่นใจหน่อยสิ”ไอ้สนุ๊กทำหน้าเบ้แล้วนั่งดูดน้ำแตงโมก่อนที่มันจะยกมือโบกไปมาเบาๆให้เป็นอันรู้กันว่าขอผ่าน ไอ้เวสจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาไอ้ซันแทน ผมเกือบหลุดหัวเราะกับท่าทางน่าสงสารของมัน เอาเป็นว่า..ผมจะช่วยหน่อยนึงแล้วกันครับ

    “...อ้อ!!  วันเกิดไอ้พีช”

    “อย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะว่าไอ้กายช่วยมึงน่ะ คนบ้าอะไรอยู่ดีๆก็เอานิ้วชี้จิ้มแก้มตัวเองทั้งที่ไม่ได้ถ่ายรูป”ผมได้แต่นั่งขำโดยที่มีไอ้ซันทำหน้าไม่ถูกนั่งอยู่ข้างๆ ความจริงแล้วถ้าพีชมันเป็นคนทำจะไม่มีใครสงสัยหรอกครับ มันทำตัวน่ารักเป็นปกติของมันอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่ามันแอ๊บน่ารักนะครับแต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ แต่คนทำนี่ผมน่ะสิครับ ไอ้เวสมันถึงจับผิดง่ายสุดๆ

    “เออว่ะ วันเกิดไอ้พีชมันนี่หว่า”ไอ้สนุ๊กทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออกก่อนจะหันไปอ้อนพีชให้หายงอนมัน แต่อย่าหวังครับ อย่างพีชน่ะอย่าให้ได้งอนครับ ไม่มีของกำนัลมาง้อไม่มีทางหาย

    “พีชชี่คร้าบบบ นุ๊กนิ๊กผิดไปแล้วนะ ขออภัยโทษครับบบ”ว่าแล้วไอ้สนุ๊กก็เข้ากอดอ้อนใส่ไอ้พีชทันที แต่เข้าใจมั้ยครับ ผู้ชายตัวโตๆหล่อขาวตี๋แบบมันน่ะ มาทำหน้าตาน่ารักใส่มันน่ากลัวแค่ไหน ทำเอาไอ้พีชดิ้นพล่านหาไอ้เวสทันทีเลยครับ

    “วะ..ว..เวซี่ สนุ๊กมันบ้าไปแล้วอ๊า เอามันออกไป๊”รับรองครับถ้าเป็นผมขอร้องหรือไอ้ซันไอ้สนุ๊ก หน้าอย่างไอ้เวสแม่งไม่ช่วยใครฟรีๆหรอกครับ แต่กับพีชมันช่วยเสมอแหละครับ อาจเป็นเพราะมันแพ้คนน่ารักล่ะมั้ง เพราะงั้นก็คราวซวยไอ้สนุ๊กครับที่โดนไอ้เวสถีบหัวทิ่มตกเก้าอี้ไป แม้ว่าไอ้พีชมันจะเกือบตกไปด้วยก็ตาม

    “พอได้แล้วมึงนี่ ไอ้พีชมันจะร้องไห้อยู่แล้ว รู้ตัวมั้ยว่ามึงน่ากลัวแค่ไหน”คงได้แค่ปลงใส่ไอ้สนุ๊กล่ะครับ แกล้งผิดคนแล้วล่ะ ไอ้พีชน่ะลูกรักไอ้เวสมันเลยด้วยซ้ำไป

    “เพราะงั้นวันเสาร์นี้กูเลยจะชวนพวกมึงไปงานเลี้ยงที่บ้านไง ดีป่ะ”งานเลี้ยงวันเกิดบ้านไอ้พีชนี่แหละครับงานวันเกิดประเภทที่ผมเกลียดที่สุดเหมือนเราทุกคนจะคิดแบบเดียวกับผม ทำหน้าแหยงกันเป็นแถบครับ

    “งานเลี้ยงบ้านมึงนะไอ้เตี้ย นอกจากจะน่าเบื่อแล้วต้องมาใส่สูทยืนเก็กหล่อแถมต้องคอยสะบัดพวกผู้หญิงคุณนายแก่ทั้งหลายที่เข้ามาเกาะแกะอีก งานวันเกิดบ้านมึงน่ะงานเลี้ยงสมาคมคนแก่ชัดๆ”และแล้วก็มีหน่วยกล้าตายอย่างไอ้ซันพูดอธิบายให้ไอ้พีชฟัง อย่างที่ไอ้ซันมันบอกแหละครับ เหมือนพวกงานเลี้ยงไฮโซอะไรประมาณนั้นเลยล่ะครับ ต้องใส่สูทสุภาพและหรูหราที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้จะมี ไปถึงก็มีแค่ดนตรีคลาสิก ที่เต้นรำแบบแจ๊สด้วยนะครับและโต๊ะอาหารบุฟเฟ่ต์เป็นแถบพร้อมด้วยผู้คนที่ไม่มีใครน่าจะต่ำกว่าสามสิบ ไม่แปลกหรอกครับเพราะพีชน่ะแม่มันเป็นรัฐมนตรีกระทรวง พ่อมันก็ส่งออกผ้าไหม ลูกคุณหนูชัดๆอ่ะมัน

    “ก็พวกเขาแขกปะป๊ากับหม่าม๊านี่หว่า คิดว่ากูสนุกรึไงเล่า แต่งตัวหล่อๆก็ไม่ได้”

    “ถ้าที่มึงแต่งทุกวันนี้เรียกว่าหล่อนะไอ้พีช โลกนี้แม่งไม่มีคนหล่อเหลือแล้วนอกจากมึงกับไอ้กายน่ะ”ก็อย่างที่บอกครับว่าพีชมันน่ารักเกินเหตุ เสื้อผ้ามันแต่ละชุดน่ารักทั้งนั้นแหละครับ ว่าแต่ที่ไอ้สนุ๊กพูดเนี่ย มันด่าผมรึเปล่าวะ

    “กูไม่เก็ทว่ะเชี่ยนุ๊ก หมายความว่าไงวะ”ไอ้ซันที่ทำหน้าขมวดคิ้วจนเป็นปมเป็นคนถามแทนผม ผมคงงงไม่น้อยไปกว่าผมนักหรอกครับ

    “หึ..ไอ้สนุ๊กมันหมายความว่าพีชกับกายมันน่ารักเกินที่จะเรียกว่าหล่อได้ไง”อ๋อ...อย่างนี้นี่เองขอบคุณนะเวส...ห๊ะ ผมน่ารัก? ไอ้พีชน่ะเรื่องปกติครับ แต่มันมองมุมไหนว่าผมน่ารักวะครับ

    “โทษทีกูเป็นผู้ชายหล่อน่ารักต่างหาก แต่กีกี้น่ะขนาดเซอร์เหมือนพี่กาก้ายังน่ารักอ่า ถ้าตัดทรงนั้นต้องน่ารักมากแน่ๆเลย”พีชมันรีบวิ่งมาจัดหัวใหญ่อย่างสนุกสนานสำหรับมัน เดี๋ยวนะ กาก้านี่คือเฮียกันต์ใช่มั้ย ไอ้พีชมันอาการหนักขึ้นทุกวันนะเนี่ย

    “ทรงไหนของมึงวะ ทรงนั้นที่ว่าน่ะ”พีชมันแสยะยิ้มอย่างน่ารักใส่ไอ้ซันแล้วจัดทรงผมต่อไม่สนใจ

    “ทรงเดียวกับที่มึงตัดตอนมอสามแล้วพวกรุ่นพี่แม่งเกือบตีกันตายเพราะจะแย่งกันฉุดมึงอ่ะนะ?”ผมถึงบางอ้อทันทีมันคงจะหมายถึงทรงที่พีชมันสีน้ำตาลอ่อนแล้วใส่คอนแทคสีน้ำตาลเข้ากับสีผมมันแหงๆ แต่ยอมรับครับว่าตอนนั้นผมนึกว่ามันเป็นทอมซะอีกถ้าไม่ได้ไอ้เวสว้ากใส่รุ่นพี่พวกนันล่ะก็ พีชมันไม่รอดมาถึงป่านนี้หรอกครับ แต่ให้มันตัดแบบมันคงไม่น่าเข้ากับผมหรอกครับ

    “บ้าสิ พูดเว่อร์เกินไปแล้วไอ้นุ๊กนิ๊ก ไม่มีใครตายซักหน่อย อีกอย่างนะกีกี้น่ะทำผมสีดำอ่ะน่ารักแล้ว ทำสีน้ำตาลไม่เข้าหรอก”ไม่มีใครตายหรอกครับ แต่เข้ารพ.ไปหลายคนอยู่นะ

    “แล้ววันเกิดมึงเอาไงพีช”ผมเงยหน้าถามมัน พีชมันถึงได้หน้าครุ่นคิดอย่างหงุดหงิดเหมือนมันจะไม่มีทางเลือกซักเท่าไหร่นะครับ

    “งั้นไปจัดที่เกะกันเอาป่ะวะ”ทันทีที่ไอ้ซันเสนอขึ้นมาไม่ถามไอ้พีชหรอกครับมันตกลงแหงๆ ตาเป็นประกายซะขนาดนั้น มันเป็นคนแบบนี้แหละครับ แสดงออกทางสายตา

    “งั้นตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวกูให้ปะป๊าหาร้านเกะให้ วันเสาร์เจอซักทุ่มนึงเจอกัน”

    “งั้นลินดาไปด้วยได้มั้ยคะ”เสียงหวานที่ดังแทรกมาจากด้านหลังทำให้ผมหันหลังไปมองทันที เคยได้ยินสุภาษิตมั้ยครับยิ่งเกลียดยิ่งเจอ ผมว่ามันคงจะเป็นแบบนั้นล่ะครับ

    “นี่เหรอวะแฟนไอ้ซันมัน”ไอ้สนุ๊กกระซิบถามที่ข้างหูผม แต่ตอนนี้สติผมหลุดไปถึงเมื่อวานแล้วล่ะครับผมแทบฟังที่พวกเขาคุยกันไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นรอยแดงก่ำที่ยัยจงใจปลดกระดุมตรงต้นคอให้เห็นมันก็ชัดอยู่แล้วล่ะครับ

    “อ๊ะ พี่กายสวัสดีค่ะ เมื่อคืนลินดาขอโทษนะคะที่เผลอโทรหาพี่ พอดีลินดาเล่นมือถือพี่ซันเขาแล้วมือไปโดนอ่ะค่ะ”หล่อนจงใจเน้นคำว่าเมื่อคืนพร้อมยิ้มหวานให้ผมอย่างเต็มที่ ทำเอาไอ้ซันที่คงไม่รู้เรื่องหันมองมาผมอย่างงงๆ

    “แล้วน้องลินดากดวางไม่เป็นรึไงล่ะครับหรืออยากให้พี่ศึกษาวิชาสุขศึกษากันแน่”ผมรู้ว่าสายตาของเพื่อนผมอีกสามคนที่ไม่รู้เรื่องผมกับลินดาคงจะงงกันเป็นไก่ตาแตก แต่ไม่เลยครับมีแค่ไอ้สนุ๊กเท่านั้นที่งง ไอ้เวสมันสันนิษฐานเรื่องชาวบ้านเก่งเป็นนิสัยไปแล้วล่ะครับ ส่วนพีช...มันอาจแค่เก็บซ่อนอารมณ์รึเปล่า

    “ไอ้กายนี่มึงยังไม่เลิกทำตัวแบบนี้กับลินดาอีกเหรอวะ”ไอ้ซันเริ่มโวยวายด้วยท่าทีเดือดจัดจนไอ้สนุ๊กต้องเข้าไปดึงแขนใหใจเย็นไว้

    “ก็ถามเมียมึงเอาสิ ว่าเมื่อคืนให้กูฟังอะไร เสียงหวานๆที่ทำให้มึงอารมณ์ดีตั้งแต่เช้าไง”ทันทีที่ผมพูดจบก็มีแรงเข้ากระทบที่แก้มผมอย่างรุนแรง...ไอ้ซันมันตบผม...ผมรู้สึกหูอื้อ ตัวชาไปหมดทั้งตัว ก่อนที่จะมีมือมาจับไหล่ผมไว้ ถ้าเดาไม่ผิดก็มือไอ้พีชแหละครับ

    “มึงพูดแบบนี้ลินดาเขาเสียหายนะเว้ย กูพยายามจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องก่อนๆแล้วนะ แต่เรื่องนี้กูไม่ยอมแน่ ขอโทษลินดาซะ!!”ผมตวัดตามองหน้ามันนิ่ง บางทีคนที่ต้องพูดประโยคนั้นน่ะมันผมไม่ใช่เหรอครับ

    “มึงก็เกินไปไอ้ซัน กายมันจะร้องไห้อยู่แล้วนะ”น้อยครั้งครับที่พีชมันจะไม่เรียกผมว่ากีกี้ มันจะเรียกชื่อผมก็ต่อเมื่อมันจริงจังกับเรื่องนั้นมากเท่านั้นแหละครับ

    “เกินไปตรงไหน มึงก็ดูมันพูดสิ”

    “แล้วที่มึงตบหน้ามันเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวเนี่ยนะ ตกลงมึงเห็นเพื่อนสำคัญกว่าแฟนใช่มั้ย”

    “มึงไม่ต้องพูดเลยไอ้พีชหุบปากไป นี่เรื่องของกูกับไอ้กายมัน”

    “แต่มันไม่ได้ทะเลาะกับมึงซักหน่อย การที่มึงเข้ามาสอดเรื่องระหว่างมันกับแฟนมึงก็ไม่ต่างอะไรที่กูเข้ามาช่วยมันหรอก!”พีชมันร่ายยาวเป็นแถบใส่ไอ้ซันแต่ก่อนที่ไอ้ซันจะพูดอะไรลินดาก็ดึงแขนไว้ซะก่อน

    “พี่ซันคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลินดาไม่ได้คิดอะไร ขอโทษพวกพี่ด้วยนะ..”แต่ก่อนที่ลินดาจะพูดจบไอ้พีชก็ตบเข้าที่หน้าลินดาให้อย่างจัง ตามมาด้วยไอ้ซันออกหมัดมาทันที แต่ก่อนที่หมัดมันจะถึงหน้าพีช ไอ้เวสก็เข้ามารับหมัดมันซะก่อน

    “หยุด!! มึงจะทะเลาะกันทำซากอะไร มึงพาแฟนมึงไปส่งบ้านไป เดี๋ยวพวกกูจัดการเรื่องไอ้กายเอง อย่าให้เรื่องมันใหญ่โตกว่านี้ ถ้าแฟนมึงไม่ได้คิดอะไรจริงก็ให้เลิกแล้วต่อกันซะ”ปกติไอ้เวสเป็นคนน่ากลัวครับ แต่เวลาที่มันโมโหแบบนี้มันน่ากลัวกว่าเป็นร้อยเท่าเลยล่ะครับ แม่กระทั่งไอ้ซันก็ยังได้แต่ทำท่าฟึดฟัดแล้วพาลินดาออกไปส่งแต่โดยดี

    “เป็นอะไรมั้ยกีกี้ เจ็บมากมั้ย ไอ้ซันก็เหลือเกินนะ น่าจับหักคอจิ้มน้ำพริกกะปิกินจริงๆ”ผมได้แต่มองพีชมันยิ้มๆแล้วส่ายหัวให้มันเชิงไม่เป็นไร มันจึงได้แต่ดึงผมไปกอดแน่น

    “คอยดูนะกูจะไม่ให้ยัยนั่นเข้าร้านเลย จะให้คนของปะป๊าเฝ้าหน้าร้านไว้”พีชมันทำหน้าเครียดพลางกัดริมฝีปากมันจนแดงก่ำ ไอ้เวสมันก็พยักหน้าเห็นด้วย มีแต่ไอ้สนุ๊กเท่านั้นที่ยังนั่งเอ๋อไม่เลิก ได้แต่มองหน้าพวกผมไปมา จนสุดท้ายมันก็ทันไม่ไหวถามออกมาในที่สุด

    “นี่มันเรื่องอะไรกันวะทำไมพวกมึงต้องทะเลาะอะไรกันแบบนี้ด้วยว๊า”

    “นุ๊กนิ๊กมึงไม่เห็นเหรอ จำได้มั้ยคนเราน่ะดีหรือร้ายสายตามันบ่งบอก สายตายัยนั่นตอนมองกีกี้อ่ะตอแหลชัดๆ”

    “ไอ้พีชพูดมันก็ถูก อีกอย่างใส่เสื้อมาซะดิบดี แต่พอมาถึงนี่ปลดกระดุมเสื้อลงให้เห็นรอยนั่นเพราะจะยั่วไอ้กายไง”ไอ้เวสพูดพลางหยิบแว่นมันมาใส่ตามเดิม ไอ้สนุ๊กนิ่งไปพักนึงก่อนจะทำพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ

    “ให้ลินดามาร่วมงานไปเถอะ ซันมันจะโกรธพวกมึงเปล่าๆ อย่าให้เรื่องมันใหญ่โตเพราะกูเลย”เพราะถ้าพวกเรากั้นลินดาออกไปมันจะโกรธคนพวกนี้เหมือนที่เคยโกรธผมและผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

    “มึงจะเอางั้นเหรอกีกี้ ใจดีกับเขาใจเราก็เสียนะกีกี้”

    “แน่สิ ปล่อยให้มาเถอะ”ถ้าใจร้ายกับยัยนั่น ผมกลัวว่าใจผมจะเสียไปมากกว่านี้  เพราะแค่นี้ผมก็รู้สึกว่าผมเสียมันไปตลอดกาบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำไป

    .

    .

    .

    .

    .

    “เฮียย เสื้อสูทดำกายไปไหนอ่ะ”ผมขานเรียกเฮียกันต์อย่างลืมตัวก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเฮียกันต์ไม่อยู่บ้านนี่หว่า ผมจึงได้แต่หาเสื้อสูทตัวนั้นต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปเจอมันแขวนในตู้เฮีย แม่ผมคงเข้าใจว่าเป็นของเฮ๊ยกันต์อีกแล้ว ผมไม่ใส่อะไรแบบนี้หรอกครับ มีอยู่ตัวเดียวนี่แหละ ผมจึงหยิบมาใส่ทับเสื้อยืดสีดำของผม วันนี้ผมใส่สีดำทั้งตัวครับกางเกงก็แสลคสีดำเพราะไอ้ซันมันเคยบอกว่าผมใส่สีดำแล้วดูดี..

    “@$*(&#^#&”เสียงพูดที่ดังลอดผ่านช่องว่างของระเบียงของผมเข้ามาแม้มันจะเบาจนฟังไม่รู้ว่าพูดอะไรแต่ผมก็รู้ว่าเป็นเสียงซันแน่นอน และแลดูหงุดหงิดกับอะไรซักอย่างด้วย ไวกว่าความคิดผมจึงเปิดประตูระเบียงไปมองหน้ามัน วันนี้มันใส่ชุดขาวทั้งตัวครับ ต่างจากผมมาก จะเรียกว่าเหมือนหยินหยางอยู่ด้วยกันก็ได้นะครับ

    “เป็นอะไรไอ้ซัน ทำหน้าเหมือนลูกหมาโดนทิ้ง”

    “เออสิ ลินดาบอกว่ามาไม่ได้ วันนี้กินข้าวกับครอบครัว"มันตอบคำถามผมอย่างอารมณ์เสีย แต่ทำไมไม่รู้ผมอารมณ์ดีชะมัด

    “ไอ้กาย นี่มึงหัวเราะเยาะกูรึไง”อาจเป็นเพราะผมดีใจมากเกินไปจนแสดงออกมาทางสีหน้าทำให้ผมรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

    “...วันนี้มึงน่ารักดีนะ”เคยเป็นมั้ยครับจู่ๆคุณก็หัวใจเต้นแรงผิดปกติทั้งที่คุณไม่ได้เป็นโรคหัวใจแต่เป็นเพียงเพราะใครบางคนบอกว่าคุณน่ารัก
    “อ่า...แล้วจะไปยังจะทุ่มนึงแล้วนะ เดี๋ยวพีชมันก็บ่นหรอก”ผมเปลี่ยนเรื่องพลางหันหน้าหลบหนีมันไปจ้องต้นดอกทานตะวันแทน เพราะขืนมองมันนานกว่า หัวใจผมต้องระเบิดออกแหงๆ

    “กูรอพี่แซนด์อยู่เนี่ย บอกว่าจะไปส่งๆ แต่อาบน้ำนานชิบ”ผมหัวเราะขำเบาๆ เฮียแซนด์เป็นพี่ชายของไอ้ซันมันครับ สมัยเด็กเคยมาเล่นกับผมแล้วก็ไอ้ซันบ่อยๆ แต่เพราะเขาอายุมากกว่าเราสามปีทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยเล็กน้อยครับ

    “นินทาพี่สุดหล่อของมึงงี้ได้ไงไอ้ซัน เดี๋ยวถีบตกระเบียงแม่งเลย”ว่าแล้วเฮียแกก็ปรากฏตัวครับ หล่อแบบวิ้งๆมาก ผมว่าไอ้ซันก็หล่อนะครับแต่เฮียแซนด์หล่อกว่านั้นอีก

    “รักน้องเชี่ยๆเลยว่ะพี่แซนด์”เฮียแซนด์ได้แต่หัวเราะแล้วเอามียีหัวน้องชายตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันมามองผมก่อนจะทำหน้าเหมือนเห็นผี

    “กันต์?”

    “นี่มันไอ้กายต่างหากแก่แล้วเลอะเลือนสินะ”จากมือที่ยีหัวเมื่อกี้กลายเป็นฝ่ามืออรหันต์ที่ตบเข้าที่กลางหัวไอ้ซันจนมันเกือบหน้าทิ่มตกระเบียง

    “ไรว๊า ไปรอข้างล่างแล้วแม่ง กายมึงไปกับกูนะ”พูดจบไม่รอคำตอบผมมันก็เดินออกจากระเบียงไปเหลือไว้แต่เฮียแซนด์ที่เหมือนพยายามมองเข้ามาในห้องผม

    “เฮียมองหาใครล่ะนั่น”

    “อ่อ...คือ กันต์ไม่อยู่?”

    “เฮ๊ยกันต์ไปนอนบ้านเพื่อนระยะนึงอ่ะครับ เฮียแซนด์มีอะไรรึเปล่า”

    “เปล่าหรอก แค่อยู่ดีพอเห็นหน้าเราพี่ก็นึกถึงไอ้ตัวแสบสมัยเด็กน่ะ”ไม่แปลกครับที่เฮียแซนด์จะเรียกเฮียกันต์แบบนั้นเพราะเวลาผมกับเฮียแซนด์เล่นด้วยกันทีไร จำต้องต้องมีเฮียกันต์ติดมานั่งบ่นอยู่แถวนั้นตลอดแต่พอเฮียแซนด์จะเข้าไปคุยก็พาผมลากกลับบ้านซะงั้น

    “อยากเจอเฮียกันต์เหรอครับบบ”

    “ก็ต้องอยากเจอสิ พี่ไปอเมริกาตั้งสามปี ไม่ได้เจอตั้งนานคงโตขึ้นเยอะล่ะสิ”ความจริงแล้วเฮียแกไม่ได้โตขึ้นเลยครับ สูงเท่าไหร่ก็เท่านั้น หน้ายังไงก็อย่างนั้นเหมือนเฮียแกหยุดการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสมองของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

    “ผมว่าต้องนี้ไอ้ซันมันคงบ่นเป็นหมีกินน้ำผึ้งแล้วล่ะครับ ลงไปกันเถอะ”และพอลงมาถึงก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ มันบ่นไม่หยุดจริงๆด้วย

    .

    .

    .

    .

    .

    ผมไม่นึกว่าไอ้พีชมันจะเหมาคาราโอเกะทั้งร้านแล้วเชิญคนทั้งชั้นมาแบบนี้ ผมกับไอ้ซันยืนเหวออยู่หน้าร้านคาราโอเกะร้านใหญ่แห่งหนึ่งครับและผู้ชายที่เดินป้วนเปี้ยนแถวนี้ทั้งหมดก็เป็นคนทั้งชั้นที่ว่านั่นแหละครับ อาจมีผู้หญิงประปรายมาบ้างคงเพราะเป็นแฟนของคนเล่านี้ ก็เกือบมีผู้หญิงมาอีกคนอ่ะนะครับ แต่ไม่มาน่ะดีแล้ว

    “โทรหาไอ้เตี้ยดิ อยู่ไหนก็ไม่รู้ ดันชวนแม่งทั้งชั้น”ผมหยิบมือถือเฮียออกมาโทรหาพีชโดยที่มีสายตาของซันมันจับจ้องมือถือในมือผมอยู่ตลอดเวลาเหมือนมันกำลังสงสัยอะไรอยู่ซักอย่าง

    “พีชบอกว่าพวกมันอยู่ห้องในสุดชั้นสอง”

    “โทรศัพท์มึงไปไหน”

    “อ่า...มันเสียน่ะกูเอาไปซ่อม”แต่ความจริงผมก็คันปากอยากจะพูดอยู่นะว่าแฟนมันัน่นแหละที่ทำให้มือถือผมพังแล้วเฮียกันต์ต้องเอามือถือตัวเองมาให้ผมใช้

    “อ่อเหรอ ไม่น่าล่ะกูโทรเจอแต่ผู้หญิงรับ”ผมหัวเราะเบาๆก่อนที่มันจะเริ่มลากผมเข้าไปข้างใน ที่นี่กว้างมากครับแต่ก็หรูหราพอสมควร เสียงดนตรีดังกระหึ่มจากแต่ละห้องไม่ซ้ำเพลงกันกับคนมากมายที่บางคนผมไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำไป แต่ก็ยังดีกว่าไปยืนจิบไวน์บ้านไอ้พีชล่ะกันนะ แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นชั่นสองก็มีแรงฉุดมือผมจากด้านหลังซะก่อน

    “เอ่อ...ขอโทษนะครับ กายรึเปล่า”ถ้าผมจำไม่ผิด คนนี้ๆคือหัวหน้าห้อง แต่สารภาพตามความสัตย์จริงครับ ผมลืมชื่อหัวหน้าห้องไปเรียบร้อยแล้ว
    “ทำไมเหรอครับหัวหน้า?”

    “อ่า..คือถ้าไม่รบกวน..อยากจะขอเบอร์..”

    “ไม่ได้ล่ะครับคุณหัวหน้าห้อง พอดีกายมันมือถือเสีย ขอตัวนะครับ”ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรซักคำไอ้ซันก็ลากผมหนีหัวหน้าห้องที่ทำหน้าจ๋อยขึ้นมาชั้นสองทันที ผมจะแอบเข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่ามันหึงผม หรือว่ามันก็แค่หวงเพื่อน...

    แอ็ด...

    “พวกมึงมาเร็วชิบว่ะ”ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาไอ้สนุ๊กก็พูดประชดสวนขึ้นมาทันที ทำเอาไอ้ซันหน้าเบ้

    “ก็ไอ้คุณพี่แซนด์แม่งอาบน้ำนานชิบ จนกูนึกว่าไอ้กายออกไปก่อนแล้วด้วยซ้ำที่ไหนได้แม่งเพิ่งเสร็จพอกัน”เอาจริงๆผมเสร็จตั้งแต่หกโมงแล้วล่ะครับแต่ที่ผมเพิ่งมาหาเสื้อสูทตอนใกล้ทุ่มนึงน่ะเพราะผมรอใครบางคนไปด้วยกันนั่นแหละครับ

    “กีกี้จ๋า ถ่ายรูปกันเถอะ เวซี่ให้กล้องโพราลอยด์เป็นของขวัญล่ะ”พีชวิ่งออกมาจากห้องน้ำส่วนตัวในห้องนั้นพร้อมกล้องโพราลอยด์สีขาวนวล วันนี้พีชน่ารักเลยครับ หรือเป็นเพราะวันนี้วันเกิดมัน มันเลยต้องใส่ให้น่ารักที่สุดเหรอ ผมหันมองไอ้เวสที่ยักคิ้วเหมือนผู้ชนะก่อนที่ผมจะถูกพีชลากไปนั่งข้างๆแล้วเริ่มจับผมถ่ายรูป

     “มึงมาได้ด้วยเหรอไอ้เวส กี่ปีๆกูก็ไม่เคยเห็นมึงโผล่มางานไอ้พีชซักครั้งนึง”

    “ก็..ปีนี้กูอยากมา”วันนี้เวสก็หล่อโคตรๆเช่นกันครับ ก็มันเล่นถอดแว่นใส่สูท แค่ปกติมันใส่แว่นสาวน้อยหนุ่มใหญ่ก็แทบจะเข้ามาฉุดมันแล้วนะครับ ยิ่งวันนี้นี่ไม่ต้องพูดถึง แต่ติดตรงที่ไม่มีใครกล้าฉุดมันหรอกครับ ฉุดไปได้ตายแหงๆ

    “ซันนี่ มึงอยากถ่ายกับกีกี้ป่ะ?”จู่ๆพีชมันก็เริ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปหาไอ้ซันที่นั่งกินสปายอยู่กับไอ้สนุ๊ก แต่มันคงไม่ถ่ายหรอกครับ รูปคู่ครั้งสุดท้ายที่ถ่ายกับมันก็มอสองมอสามได้มั้งครับ

    “เออถ่ายๆ ไม่ได้ถ่ายกับไอ้กายนานแล้ว”มันวางแก้วสปายลงบนโต๊ะแล้วเดินอ้อมมานั่งข้างผม นี่เป็นครั้งที่สองแล้วครับที่ผมใจเต้นแรงแบบนี้ ถ้ามันทำแบบนี้บ่อยๆสงสัยว่าผมได้หัวใจวายตายแน่ๆ

    “กีกี้เหม่ออะไรอ่ะ ยิ้มเร็วยิ้มมม”ซันมันกระเถิบเข้ามาใกล้ผมจนชิด มือข้างนึงมันโอบไหล่ผมเข้าหามันเกือบทำให้สติผมหลุดอีกครั้งถ้าเพียงแต่พีชมันยังส่งเสียงอยู่เรื่อยๆ

    แชะ!แชะ!

    “กีกี้น่ารักอ๊า จะเอากลับบ้านนนน”มันสะบัดรูปในมือสองสามทีแล้ววางกล้องโพราลอยด์กับรูปไว้ก่อนจะรีบวิ่งมานั่งกอดผมเหมือนลูกกอดแม่ประมาณนั้นเลยครับ

    “เฮ้ยๆ สามีมันก็อยู่ข้างๆนะเว้ยย ไปพรากสามีภรรยาเขาได้ไงวะ”

    “หึ...แค่นี้มึงก็ดูไม่ออกเหรอ พีชมันไม่ได้พราก แต่นี่มันพ่อแม่ลูกเว้ย”

    ผมได้แต่ก้มหน้างุดกับคำล้อเลียนของไอ้สองตัวที่นั่งหัวเราะร่า พร้อมด้วยไอ้พีชที่มันหัวเราะคิกคักแล้วเรียกผมว่ามะม๊า ทำเอาไอ้ซันเริ่มหูแดง

    “พอๆไอ้พวกนี้นี่นิ กูมีแฟนแล้ว”ชีวิตนี้คงมีมันแค่คนเดียวที่วันๆหนึ่งจะทำให้ใจผมเต้นแรงและใกล้จะสลายได้ในวันเดียวกันแบบนี้

    “เออ แล้วไหนล่ะแฟนมึง”ไอ้สนุ๊กถามพร้อมมองซ้ายขวาเพื่อหาตัวลินดา

    “วันนี้ลินดาไปกินข้าวกับครอบครัวน่ะ กูล่ะเซ็ง”

    “เย้!”ทันทีที่ไอ้ซันพูดจบไอ้พีชก็กระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงทำเอาไอ้ซันทำตาเขียวปั๊ดใส่มัน แต่ก่อนที่จะได้เริ่มทะเลาะกันยกสองก็มีคนเปิดประตูเข้ามาซะก่อน

    “เฮ้ กลุ่มนี้น่ะ เดี๋ยวเขาจะเล่นเกมกันข้างล่าง ถ้าจะเล่นก็รีบลงไปนะ”แล้วประตูก็ปิดไปพร้อมกับที่พีชมันทำตาวิ้งวับใส่เรียงคน แน่นอนครับคนแรกที่ลุกคือไอ้เวสแน่นอน

    “น๊าๆ กีกี้ ซันนี่ นุ๊กนิ๊ก ลงไปเล่นเกมกันเถอะ ถือว่าวันนี้วันเกิดกูนะ”ก็ดูมันเล่นอ้างวันเกิดซะขนาดนี้ ใครจะไม่ลงล่ะครับ พอลงมาถึงชั้นล่างเราถึงเพิ่งได้เห็นว่า คนเยอะเป็นหนอนได้อีก บนโต๊ะตัวนึงมีหัวหน้าห้องเจ็ด ถ้าผมจำไม่ผิดนะ ยืนถือไมค์อยู่

    “สวัสดีคร้าบทุกคน วันนีที่เรามารวมกันณ.ที่นี้เพื่อฉลองวันเกิดให้กับพีชห้องหนึ่ง ทราบว่าหลายคนๆคงจะรู้จักดีในฐานะของลูกรัฐมนตรีกระทรวงนะครับ ส่วนเกมที่เราจะมาเล่นกันวันนี้ชื่อเกมว่า คิสอินเดอะดาร์กไนท์ครับบบบ”หลังจากที่พิธีกรร่ายจบไอ้ซันก็ทำหน้าถอดสีเตรียมจะลากผมหนีขึ้นชั้นบนทันที แต่ติดที่ไอ้พีชมันจับผมไว้ซะก่อน

    “จะเอากีกี้ไปไหนน่ะ”

    “มันเล่นเกมนี้ไม่ได้ กูก็ไม่อยากเล่น พวกมึงเล่นไปเถอะ เดี๋ยวกูกับมันจะร้องเพลงรอ”ผมได้แต่มองมันอย่างสงสัย มันจะรู้ได้ไงว่าผมเล่นได้หรือเล่นไม่ได้ ว่าแต่มันคือเกมอะไรนะ= =;

    “สำหรับใครที่ไม่รู้นะครับ กติกาเกมนี้นะครับคือเราจะทำการปิดไฟเป็นเวลาสามสิบวินาที รักใครชอบใครวิ่งตรงเข้าไปจูบได้เลยครับ”ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมผมเล่นไม่ได้..หัวหน้าห้องที่ทักผมเมื่อกี้น่ะครับ จำกันได้มั้ย ยืนมองผมตาลามกอยู่ฝั่งนู้นน่ะครับ แอบเสียวไม่ได้ว่าพอปิดไฟแล้วหมอนี่จะพุ่งมาหาผมโดยไม่ลังเล

    “ไปกันเถอะกาย”แต่ก่อนที่ผมกับมันจะขึ้นไปทันไฟก็ปิดลงซะแล้ว เสียงผู้คนมากมายที่ร้องกรี๊ดกร๊าดและวิ่งพล่าน ใครสักคนที่วิ่งชนผมจากด้านหลังทำให้ผมหน้าทิ่มไปข้างหน้าและจูบใครสักคนเข้าพอดี ในความมืดแบบนี้ผมอาจไม่รู้ว่าใคร แต่..ผมจำน้ำหอมกลิ่นนี้ได้ดี คนเดียวที่ใช้กลิ่นนี้มีแค่..ไอ้ซันแค่นั้นแหละ

    “สิบวิสุดท้ายครับ!!”ผมรีบผลักมันออกแล้วเดินออกห่างเล็กน้อย ผมรู้สึกได้ถึงมือของมันที่ปัดป่ายเหมือนหาใครสักคน ถ้าเดาไม่ผิดก็คนที่จูบมันเมื่อกี้แหละครับ ถ้าจะพูดให้ถูก ก็ผมเอง

    “เปิดไฟได้เลยครับ!!!”แต่ทันทีที่เปิดไฟสิ่งที่ผมเห็นคือคู่รักมากมายที่ยังกอดจูบกันไม่เลิก รวมถึงคู่ด้านหน้ามันซันกับลินดา...ยัยนี่มาได้ไงกัน ผมมองทั้งคู่ด้วยความรู้สึกอึดอัด สักพักเขาสองคนก็ผละออกจากกัน

    “เซอรไพรส์มั้ยคะที่รัก”

    “เซอร์ไพรส์ที่สุดเลยครับที่รัก”ผมไม่อาจทนมองเขาสองคนพลอดรักกันได้อีกแล้ว ก่อนที่น้ำตาผมจะไหลผมรีบเดินหนีออกไปหาเคาท์เตอร์บาร์น้ำทันที ผมไม่รู้ตัวว่าคว้าแก้วไหนมากินบ้างแต่น้ำสีใสๆนี่กินแล้วรู้สึกดีจังเลยครับ

    .

    .

    .

    .

    .

    “มันกินไปกี่แก้ววะเนี่ย”

    “กูไม่รู้ กูมาเจอแม่งก็เมาแอ๋แล้วเนี่ย”

    “นี่ๆ บาร์เทนเดอร์บอกว่ากีกี้กินวอดก้าไปสามสี่ขวดแล้วอ่ะ”

    “เฮ้ย วอดก้าสี่ขวด ไอ้กายแม่งกะเมาตายเลยป่ะวะ”

    เสียงใครต่อใครไม่รู้ดึงโวยวายลั่นหัวผมไปหมด แต่ผมทำได้แค่ปรือตามองเพราะเปลือกตาผมหนักเหลือเกิน สิ่งที่ผมลืมตาขึ้นมาเห็นก็คือไอ้ซันที่พยายามเรียกสติผมกลับคืนมากับลินดาที่ยืนทำหน้าเสแสร้งแกล้งห่วงอยู่ข้างหลัง

    “กูว่ากูพามันกลับบ้านดีกว่า ไอ้สนุ๊กฝากไปส่งลินดาหน่อยสิ”มันพูดจบก็ไม่รอฟังคำตอบของใครทั้งนั้นแต่มันเอาแขนผมพาดคอแล้วประคองเดินขึ้นแท็กซี่ทันที

    .

    .

    .

    .

    .

    “กาย..ไอ้กาย..ถึงบ้านแล้วนะ”ผมรู้สึกได้ถึงน้ำหนักฝ่ามือเบาบางแตะที่แก้มผมเป็นจังหวะ เสียงไอ้ซันงั้นเหรอ...ไอ้ซันเหรอ...ความฝันของผมใช่มั้ย ตัวจริงมันคงไปส่งลินดาล่ะสินะ ที่มาส่งผมคือพีชมากกว่า

    “พีชเหรอ...”

    “พีชบ้านมึงสิ กูซันโว้ย เป็นห่าอะไรดื่มซะเมาแบบนี้”

    “อืม..”

    “ลำบากกูชิบเป๋ง”ผมประคองตัวเองแล้วผลักดันมันออกเพื่อไปเผชิญหน้ามัน นี่มองยังไงผมก็ยังเห็นเป็นไอ้ซันสินะ ผมคงรักมันมากเกินไป

    “เป็นอะไรของมึงอีกเนี่ย”

    “ไอ้พีช..”

    “กูคือซัน โว้ย..มึงนี่แม่ง”



    “กูรักซัน..”







     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×