ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Myfalse...ความผิดของผมคือรักเพื่อนสนิท [yaoi/boys love]

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 61


    -ตอนที่ 3-
    ความต่างระหว่างเพื่อนกับแฟน





    ก็อกๆ

    “กาย..เฮียเข้าไปนะ”ผมนั่งกอดหมอนข้างมองจ้องผนังบ้านนิ่งเงียบไม่ได้สนใจว่าเฮียเขามานั่งข้างๆแล้ว ผมรู้สึกเหมือนผมไม่มสติไม่มีสมาธิเหมือนเป็นคนเหม่อลอยอย่างนั้นแหละครับ

    “ฉันได้ยินที่พวกแกทะเลาะกันนะ”

    “...”

    “แกเคยได้ยินคำนี้มั้ยไอ้กาย เพื่อนกับแฟนยังไงก็แทนกันไม่ได้”ต่อให้ไม่เคยได้ยินประโยคนั้นผมก็รู้ว่าหลักความจริงมันก็เป็นแบบนี้อยู่ดี

    “แฟนน่ะนะ ถ้าไม่ใช่คู่แท้สักพักก็ต้องเลิกแต่เพื่อนน่ะอยู่คงถาวรนะ แกอยากอยู่อย่างมีความสุขเหมือนในฝันสักพักแล้วเจ็บไปตลอดชีวิตเพราะคงกลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรือแกจะอยู่อย่างมีความสุขเล็กน้อยแล้วเจ็บแค่บางหนตลอดไปล่ะ”ผมหันมองเฮียกันต์ข้างตัวผม ทุกครั้งที่ผมเจอเรื่องเศร้าแล้วมองหน้าผู้ชายคนนี้ผมเป็นต้องร้องไห้ทุกที เฮียกันต์อาจไม่ใช่พี่ชายที่แสนดีนัก แต่เฮียกันต์ก็เป็นพี่ชายที่เข้าใจน้องอย่างถึงที่สุด

    “อึก..ฮึก..”

    “...”เฮียกันต์ไม่พูดอะไรแต่แค่ดึงผมไปกอดปลอบแล้วลูบหัวเหมือนทุกครั้งที่ผมร้องไห้

    “ฉันเคยบอกแกแล้วนะกายว่าให้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่แกเลือกที่จะรักต่อเองก็หัดทำใจให้ชินซะบ้างเพราะฉันคงไม่ใช่พี่ชายที่เลวถึงขนาดไม่เจ็บเวลาน้องร้องไห้นะ”

    .

    .

    .

    .

    .

    “ไอ้กาย!!!”

    “หึ แม่จิ้งจอกนั่นฟ้องมึงล่ะสิ”

    “ทำไมมึงนิสัยแย่แบบนี้ว่ะ มึงไม่เคยเป็นแบบนี้นะ มึงจะปัญหาอะไรกับลินดานักหนาวะ”

    “มึงนั่นแหละ มึงไม่เคยโง่อะไรแบบนี้เลยนะ แค่ผู้หญิงคนเดียวที่มึงไม่ถึงห้าเดือนด้วยซ้ำไป มึงเลือกที่จะรักยัยนั่นหัวปักหัวปำโดยไม่สนกูที่เป็นเพื่อนมึงมาสิบกว่าปีเลยใช่มั้ย!!!”

    “มึง!! ไอ้กาย ถ้ามึงขอโทษลินดาตอนนี้กูจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

    “แล้วกูทำห่าอะไรผิดวะ ทำไมกูต้องขอโทษมันด้วย”

    “กูบอกให้ขอโทษลินดา!!!”

    “ฮึก...ลินดา..ขอโทษนะคะถ้าทำอะไรให้พี่กายไม่พอใจ..ฮึก..ลินดาจะไปเองค่ะ”

    “ลินดาไม่ต้องไป!! พี่ให้มันขอโทษเรานะคะ ไปขอโทษมันทำไม”

    “ตะ..ต..แต่ลินดาทำให้พี่สองคนต้องทะเลาะกัน..อึก..”

    “หึ...พี่ผิดเองที่เป็นเพื่อนไอ้ซันมัน  พี่ขอโทษพี่แม่งผิดเอง ลินดาไม่ต้องไปหรอกครับ พี่ไปเอง!!”


    เฮือกก..

    ผมสะดุ้งตื่นมานั่งเสยผมตัวเองที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ..มันอาจเป็นแค่ความฝัน เพียงแต่เมื่อวันก่อนมันเกิดขึ้นจริง ปกติวันอาทิตย์มันชอบมานั่งเล่นเกมบ้านผมไม่ก็ผมนี่แหบะไปนอนกลิ้งบ้านมัน แต่เมื่อวานแม้กระทั่งเปิดระเบียงไปหามันผมยังไม่ทำเลย มือผมดึงผ้าม่านเปิดออกเล็กน้อยมองไปที่ระเบียงห้องฝั่งตรงข้ามที่ยังปิดไฟสนิทก่อนจะหันมามองนาฬิกาที่หัวเตียง...ตีห้าห้าสิบงั้นเหรอ ผมไม่เคยตื่นเวลานี้มาก่อน ที่ตื่นเวลานี้น่ะมีแต่แม่ผมเท่านั้นแหละครับ ปกติซันมันจะปลุกผมประมาณหกโมงแล้วจะลากผมไปโรงเรียนตอนเจ็ดโมง...หึ...มันคงไม่ปลุกผมหรอกครับ

    ตึ่ง!

    ผมก้มมองก้อนกระดาษที่กลิ้งอยู่กับพื้นนอกระเบียงผ่านทางช่องว่างใต้ผ้าม่านอย่างเงียบๆ ก่อนจะมีอีกหลายๆก้อนตามมาถ้าเป็นปกติผมจะเปิดประตูระเบียงไม่ก็ผ้าม่านให้มันเห็นว่าผมตื่นแล้ว แต่วันนี้มันจะต่างไปจากทุกวัน บางทีผมต้องเริ่มทำตามที่เฮียบอก ผมเลยก้าวลงจากเตียงเข้าห้องน้ำปล่อยให้เสียงปากระดาษดังต่อไปเรื่อยๆ ...ก็แค่เพื่อนปลุกคิดไรมาก...

    .

    .

    .

    .

    .

    ผมเดินลงบันไดมาเจอเฮียทำหน้านิ่งพิงตู้เย็นพร้อมแก้วโกโก้ในมือที่ยื่นมาให้ผม ก่อนที่เฮียกันต์จะพยักเพยิดไปทางประตูหน้าบ้านเป็นอันรู้กัน

    “บอกเขาว่าผมออกไปแล้ว”ผมนั่งลงกับโต๊ะในครัวแล้วดื่มโกโก้ ส่วนเฮียกันต์ก็เดินออกไปก่อนจะกลับมาพิงตู้เย็นในเวลาต่อมา

    “แกคิดจะทำแบบนั้นแล้วใช่มั้ย”

    “แบบไหน”

    “หักดิบไง อย่างแกน่ะไม่เลิกรักมันง่ายๆหรอก คิดจะหักดิบล่ะสิ”นอกจากไอ้เวสแล้วผมเกลียดเฮียตรงจุดนี้เหมือนกัน บางทีก็ดักแทงใจดำผมมากเกินไป อย่างกับเป็นตัวของผมเอง

    “แล้วจะให้กายทำไง แบบนี้น่ะดีแล้ว กายเบื่อที่จะเป็นเพื่อนคนพิเศษของมันเต็มทีแล้วล่ะมั้ง จากนี้ก็แค่เพื่อนได้แล้ว”ผมวางแก้วโกโก้แล้วเดินออกจากบ้าน ใช่ครับ เพื่อนคนพิเศษ ไอ้ซันมันเคยบอกผมแบบนี้สมัยตอนประถม ต่อให้มันมีเพื่อนกี่คนมันสัญญาว่าผมจะสนิทกับผมที่สุดเพราะผมคือเพื่อนคนพิเศษ แต่ตอนนี้แค่ผู้หญิงคนเดียวยังทำให้เพื่อนคนพิเศษแพ้ได้ คำสัญญานั่นน่ะ...โกหกทั้งเพ...

    “กีกี้จ๋า”เสียงใสๆดังมาแต่ไกลทำให้ผมหันขวับไปมองรถคาดิแลคสีดำที่มาจอดเทียบข้างถนนพร้อมกับกระจกที่เลื่อนลงให้เห็นพีชยิ้มแป้นอยู่

    “ไงพีช”

    “กีกี้ตื่นสายเหรอวันนี้ ไปกับกูป่ะ จะได้ไม่ต้องเดินไง”ก็ดีเหมือนกันครับ ไม่เปลืองค่ารถดี เหมือนพีชจะรู้คำตอบเตรียมเปิดประตูให้ผมขึ้นรถทันที ก่อนมันจะสั่งให้คนขับรถออกรถไป

    “กีกี้กำลังเครียดล่ะสิเลยตื่นเช้าแต่ออกสายน่ะ!”พีชหันหน้ามันถามผมอย่างยิ้มๆ พีชไม่เหมือนไอ้เวสครับ ไอ้เวสมันเห็นแต่ไม่เข้าใจ แต่พีชน่ะต่อให้มันไม่เห็นมันก็เข้าใจ เพราะงั้นถ้าคิดจะพูดกับใครซักคน ผมเลือกพีชอยู่แล้วครับ

    “ทำไมรู้ว่าตื่นเช้าแต่ออกสายล่ะ?”

    “ก็อย่างมึงน่ะนะ วันไหนตื่นเช้าหน้าบวมทุกที ไม่เคยสังเกตล่ะสิ”พอพีชพูดจบ ผมก็ยกมือขึ้นแนบแก้มอัตโนมัติ นี่หน้าผมบวมจริงดิ? มันบวมมากมั้ยเนี่ย แต่คงเป็นเพราะผมกังวลมากไปทำให้ไอ้พีชมันขำแทบเป็นแทบตาย

    “กีกี้ กูจะบอกอะไรให้นะ อะไรที่มันไม่ใช่น่ะ อย่าฝืนให้มากนักเลย” มันพูดยิ้มๆแล้วหันไปนั่งมองวิวเงียบ ผมนั่งมองเสี้ยวหน้าของพีช ผมไม่สวยเหมือนลินดา ผมไม่น่ารักเหมือนพีช ผมไม่ใช่คนเอาใจเก่งเหมือนไอ้สนุ๊ก ผมไม่ใช่คนที่มั่นใจในตัวเองมากเหมือนไอ้เวส แล้วผมจะเอาอะไรไปสู้กับเขา...บางทีเรื่องนี้มันควรจบ

    และแล้วรถก็วิ่งมาถึงโรงเรียนแล้วไปจอดหน้าโต๊ะหินอ่อนข้างลานจอดรถกลุ่มประจำของพวกเรา ผมมองหน้าไอ้ซันผ่านกระจกรถก่อนจะรู้สึกใจหาย รู้ตัวอีกทีผมก็ก้าวลงมาจากรถซะแล้ว

    “ไหนพี่มึงบอกว่ามึงออกมานานแล้ว ทำไมมึงมาพร้อมไอ้พีช”ผมมองหน้ามันที่ทำหน้าเหมือนโกรธแค้นผมมาเป็นสิบชาติ แหงล่ะผมทำแฟนมันเสียใจนิ..หึ..

     “ไอ้เวสขอลอกชีวะหน่อย”ผมเดินไปข้างไอ้เวสแทนที่จะนั่งข้างไอ้ซันเหมือนปกติทำเอาเจ้าของที่อย่างพีชทำหน้างงก่อนจะนั่งข้างไอ้ซันแทนผม

    “หน้าอย่างมึงเนี่ยนะไอ้กายทำชีวะไม่ได้ ถ้ามึงทำไม่ได้ คนหล่ออย่างสนุกเกอร์ผู้นี้ก็ตกตั้งแต่เปิดหนังสือชีวะแล้ว”ไอ้สนุ๊กนั่งหัวเราะร่า ผมรับสมุดชีวะไอ้เวสมานั่งกางแล้วเริ่มนั่งลอกก่อนจะตอบไอ้สนุ๊กที่นั่งดูดน้ำแตงโม

    “กูไม่มีเวลาน่ะ เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระเยอะ”

    ตึง!

    ผมพูดจบไอ้ซันก็โยนกระเป๋าเป้มันลงกลางโต๊ะดังตึงทำเอาคนที่นั่งอยู่วงแตกไปชั่วขณะ มีแค่ผมที่ไม่ยอมลุกและนั่งลอกชีวะต่อไป

    “มึงจะบอกว่าเรื่องของกูมันไร้สาระใช่มั้ยไอ้กาย มันไร้สาระมากใช่มั้ย”มันไม่ไร้สาระ มันไม่เคยไร้สาระ ทุกเรื่องของมันสำคัญมากสำหรับผม แต่ถ้าผมเห็นมันสำคัญไปมากกว่านี้ ผมอาจเสียมันไป

    “เฮ้ย ไอ้ซันใจเย็นดิวะ มึงอยากใช้อารมณ์คุยกันสิ “ไอ้สนุ๊กรีบปรี่ไปดึงแขนไอ้ซันให้ใจเย็นลง แต่มันกลับสะบัดออกแล้วเอามามือมาวางเท้าโต๊ะแทน

    “ตอบกูสิไอ้กาย มึงไม่เคยผิดแล้วพาลแบบนี้นะเว้ย วันก่อนก็ส่วนวันก่อนสิวะ ลินดาเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไรกับมึงซักหน่อย มึงจะทำตัวมีปัญหาไปถึงไหน”ในสายตามันผมคงทำตัวมีปัญหายุ่งยากวุ่นวายสินะ ลินดาไม่เอาเรื่องงั้นเหรอ ผมซะมากกว่าที่ต้องพูดประโยคนั้น

    “เวสกูไม่เข้าใจข้อสี่”ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถามมันแล้วดึงแขนไอ้เวสมาหาแทน ถึงแม้มันจะทำหน้ามึนงงแต่ก็อธิบายให้ผมฟังคร่าวอยู่ดี วิชาที่ผมทำได้ดีที่สุดคือชีวะกับไอ้แค่คำถามง่ายๆผมไม่จำเป็นต้องให้มันอธิบายหรอกครับ แต่อย่างน้อยจะได้กลบเสียงใครบางคนได้ชั่วขณะ

    “มึงจะเอาแบบนี้ใช่มั้ย”ผมนั่งพยักหน้าเล็กน้อยกับคำอธิบายของเวสแล้วนั่งลอกข้อสุดท้ายต่อ

    “...”

    “ไอ้กาย!!! อย่ามางี่เง่าให้มากนักได้มั้ยวะ”

    “กูพูดไปแล้วไง กูจะไปเอง ถ้าความจำเสื่อมมากล่ะก็ ไปหาน้ำมันตับปลากินซะ”ผมเก็บข้าวของใส่กระเป๋าแล้วเดินหนีขึ้นห้องเรียน แต่ผมเดาออกว่ามันจะทำสีหน้ายังไง...ตกใจล่ะสิ..

    .

    .

    .

    .

    .

    วันนี้ทั้งวันผมไม่ได้คุยกับไอ้ซันแม้กระทั่งพีช สนุ๊กหรือเวสผมก็แทบไม่ได้คุยเท่าไหร่ พักเที่ยงผมก็ปลีกตัวไปช่วยอาจารย์จัดเอกสาร ตอนเย็นผมก็หนีมานั่งสวนข้างตึกคนเดียวจนผู้คนเริ่มทยอยกลับเกือบหมด สิ่งที่ผมทำมันถูกต้องแล้วนี่แต่ทำไม...ผมรู้สึกโหวงๆชอบกล

    ซ่า...

    ให้ตายเถอะเทพเจ้ากล้วยไข่ ฝนมาตกอะไรตอนนี้นะ ผมล่ะจะบ้าตายดีนะครับที่สวนมันอยู่ใกล้ตึกทำให้ผมวิ่งเข้าตึกทัน ผมนั่งมองเม็ดฝนที่ตกกระทบพื้นอย่างรุนแรงดด้วยความเหนื่อยใจ อีกกี่นาทีมันหยุดตกล่ะเนี่ยหรือมันจะไม่หยุดตกเลยให้ตายสิ เพราะงั้นผมเลยคุ้ยหามือถือในกระเป๋าเตรียมโทรหาเฮีย แต่สิ่งที่ผมเจอกลับเป็นร่มและผมจำได้ว่ามันเป็นร่มไอ้ซัน ตอนนี้ไม่ได้สำคัญว่ามันเอามาใส่กระเป๋าผมตอนไหน สิ่งสำคัญคือ แสดงว่ามันยังอยู่ในโรงเรียน ช่างมันเถอะ เป็นไปไม่ได้หรอกกลับถึงบ้านค่อยโยนใส่ระเบียงมัน แต่ทันทีที่ผมเตรียมกางร่มกลับบ้าน กลับมีชายหญิงคู่หนึ่งวิ่งเข้ามาหลบฝนที่ตึกเดียวกับผม จะเป็นใครได้ล่ะครับ...ไอ้ซันกับลินดาไง...

    “อ๊ะ..พี่กายยังไม่กลับเหรอครับ”ผมมองหน้าเธอนิ่ง ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เยี่ยมจริงๆ โตไปเป็นนักแสดงผมว่าท่าจะรุ่งครับ รางวัลตุ๊กตาทองคำเป็นของยัยนี่แน่นอน

    “...”

    “พี่กายมีร่มด้วยค่ะ ดีจังเลยนะคะ ลินดาสิต้องมายืนเปียกฝนอีก เฮ้อ”ผมเหล่มองลินดาที่ทำแก้มพองลมอย่างน่ารักในสายตาของไอ้ซันที่เอามือลูบหัวลินดาอย่างอ่อนโยน ผมมองนิ่งซักพักก่อนจะยัดร่มใส่มือไอ้ซันแล้วเตรียมเดินออกจากตึก

    “มึงจะทำอะไร”ผมเกือบหน้าทิ่มเพราะมันดึงแขนผมกลับมาถามพร้อมหน้าบึ้งตึง

    “...”

    “รอนี่แหละ กูไปส่งลินดาแปปเดี๋ยวกลับมารับ”ว่าแล้วมันก็กางร่มออกไปนอกตึกพร้อมลินดา แต่ผมคงไม่อยู่รอมัน เพราะทุกครั้งที่ผมหวังอะไรกับมัน ผมไม่เคยสมหวังซักหนเดียว

    .

    .

    .

    .

    .

    “กลับมาแล้วครับ”ผมพูดพลางถอดรองเท้า ปกติถ้าแม่ไม่อยู่ผมไม่พูดหรอกครับ แต่วันนี้แม่อยู่เพราะผมเห็นรองเท้าคู่งามของแม่วางอยู่

    “ตายแล้วพ่อตัวดี ทำไมตากฝนกลับบ้านล่ะลูก เป็นหวัดขึ้นทำไงหื้ม”ผมยิ้มแป้นให้กับผู้หญิงตรงหน้าผม ท่านเป็นผู้หญิงคนแรกและคงเป็นคนเดียวที่ผมจะรัก

    “กายลืมร่มครับแม่”

    “แต่ปกติถ้าฝนตกหนูกลับพร้อมซันนี่จ๊ะ ไหงวันนี้เป็นลูกหมาตกน้ำเชียว”แม่พูดล้อพลางเอาผ้าขนหนูมาโปะใส่หัวผมแล้วขยี้เบาๆอย่างอ่อนโยน

    “ลูกหมาตกท่อล่ะสิแม่”เฮียกันต์เดินคาบขนมปังออกมาจากครัวแล้วนั่งยองๆข้างแม่

    “งั้นกันต์ก็เป็นพี่หมาล่ะสิจ๊ะเนี่ย”

    “แม่อ่ะ! ผมไปดีกว่า”ทันทีที่แม่แซวคืนเฮียกันต์ลุกเตรียมหนีขึ้นห้องแต่แม่ห้ามไว้ซะก่อนเพื่อให้เอาผมขึ้นไปด้วยเพราะจะต้องไปเขาเวรกะดึกแล้ว

    “แม่กลับกี่โมงครับ”ผมยืนเช็ดหัวค ร่าวๆตรงหัวบันไดรอเฮียกันต์คุยกับแม่ แม่ผมเป็นหมอน่ะครับ แถมเป็นหมอที่ขยันเกินเหตุด้วยสิ เข้ามันทั้งกะเช้ากะบ่ายกะดึกจะมีซักวันสองวันที่จะอยู่บ้านมากกว่าหนึ่งชั่วโมงเพราะงั้นพวกเราพี่น้องเลยต้องคอยดูแลกันเองเป็นส่วนใหญ่

    “แม่คงเข้ากะเช้าด้วยน่ะลูก ดูแลน้องด้วยนะ แม่ไปแล้ว”แม่โบกมือลาผมกับพี่แล้วเดินกางร่มออกไป เฮียดันต์สาวเท้าเข้ามาคว้าคอผมลากขึ้นบันได

    “ไงแก เล่นเอ็มวีสนุกมั้ย กะเอายอดขายทะลุล้านล่ะสิ”

    “เฮีย..ฮัดชิ่ว”ผมยังไม่ทันโต้ตอบอะไรกลับก็จามใส่หน้าเฮียเรียบร้อย แหน่ะ ก็ถือโต้ตอบด้วยน้ำลายแล้วกันนะเฮีย แต่แทนที่เฮียจะโวยวายเหมือนปกติ กลับเอามือมาอังหน้าผากผมแทน

    “สัด ตัวร้อนนี่หว่า ไม่น่าล่ะหน้าแกแดงชิบ”

    “บ้าเหรอเฮียตากฝนแปปเดียวเองนะ”ผมปัดมือเฮียออกแล้วเดินนำขึ้นบันไดแทน

    “แกกินเที่ยงรึเปล่าล่ะ”จะว่าไปแล้ว...เพราะผมหลบหน้าไอ้ซันมันก็เลยไปช่วยอาจารย์จัดเอกสาร ว่าจะกินหมูหมูทอดร้านป้าเขียวก่อนกลับบ้านแต่ฝนดันตกซะก่อน เลยทำให้ผมต้องเจอกับซันพร้อมลินดา...มันจะกลับมารับผมจริงรึเปล่านะ...

    “อ้าว เงียบ ไม่ได้กินล่ะสิ”ผมสะดุ้งได้สติเพราะเสียงเฮียที่ลอดเข้าหูและเกือบตกบันไดเพราะเฮียเดินมายืนจ้องหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ น่าตกใจชะมัด

    “เพราะแกไม่กินข้าวแล้วมาตากฝน จะไม่ไข้ขึ้นได้ไง แถมเมื่อวานร้องไห้เป็นเต่าเผาขนาดนั้น เดี๋ยวแกลงมากินมาม่ากับยาด้วยล่ะ วันนี้อาจารย์นัดซะด้วยแม่ง แกอยู่คนเดียวไหวมั้ย?”เฮียกันต์ร่ายยาวเหยียด ผมเลยพยักหน้ายิ้มๆให้เฮีย ดูสิครับ นี่ขนาดน้องป่วยนะยังจะให้กินมาม่าอีก เฮ้อ สารอาหารจ๋า กายลาก่อน

    “ไปนอนพักซะไป เดี๋ยวฉันไปล่ะ” ผมพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องมาแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนะรีบเดินไปนอนห่มผ้าบนเตียงมองฝนผ่านช่องว่างใต้หน้าต่างจุดเดิม ทำให้ผมเห็นว่าตอนเช้ามันปากระดาษนานแค่ไหน...

    .

    .

    .

    .

    .

    “อืม..”ผมรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นๆที่แตะลงกลางหน้าผากผมก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะสะดุ้งเล็กน้อยแล้วแตะหน้าผากผมอีกครั้ง

    “มิน่าล่ะ..ไม่พูดไม่จา แม่งไข่ขึ้นนี่เอง”

    “...”ใครกันนะ เฮียกันต์เหรอ ทำไมกลับมาเร็วจัง ผมคุ้นเสียงนี้มากแต่ตอนนี้ผมนึกไม่ออก มันปวดหัวจี๊ดขึ้นมาสมองแบบนี้ ผมจำใครไม่ได้ทั้งนั้นแหละครับ อยากจะเอ่ยปากถาม แต่ผมไม่มีเสียงพอจะพูด เหมือนอีกคนรู้ความสึกผมดีเลยเอาน้ำพร้อมยาให้ผมกิน

    “ไอ้กาย...กินยาแล้วลุกมากินข้าวก่อน”มือคู่นั้นประคองผมพิงหัวเตียงแล้วตักอะไรซักจ่อมาจ่อชิดปากผม

    “...”

    “ไอ้กายร้านป้าเขียวเชียวนะ”เอ๊ะ...ร้านป้าเขียวงั้นเหรอ ผมพยายามฝืนลืมตามองอีกคน...ไอ้ซันจริงๆด้วยหรือว่านี่ผมกำลังฝันไปกันนะ ถ้าเป็นความฝัน คงเป็นฝันดีแน่ๆ

    “อ้าปากเร็วมึง”ผมทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งอ้าปากมันป้อนข้าวหมูทอดให้ผมทีละนิดจนหมดจาน ก่อนที่มันจะเดินกลับมาลูบหัวผมอย่างทะนุถนอมอีกครั้ง มันคงเป็นแค่ความฝันจริงๆนั่นแหละ...

     “กูบอกแล้วว่ารอที่ตึก เสือกเดินกลับมาก่อน ดีนะกูฉุกคิดว่ามึงไม่ได้แดกข้าว”ผมปัดมือมันทิ้งเบาๆแล้วลงตัวลงนอนต่อโดยหันหลังให้มัน

    “วันหลังไม่สบายก็บอกกันสิวะ กูนึกว่ามึงงี่เง่าซะอีก”ผมมองจ้องมันด้วยสายตาพร่ามัว ก่อนจะพยายามเค้นเสียงตอบมัน

    “มึงต้องไปส่งแฟน เพื่อนอย่างกูกลับเองได้”

    “อ๋อ..กูรู้แล้ว...”มันยิ้มเหมือนเด็กที่ถูกขโมยของเล่นไปแล้วได้คืนก่อนจะปีนขึ้นเตียงมานอนกระแซะผม

    “มึงลงไปเลยนะ แค่กๆ”ผมผวารีบไล่มันพลางเขยิบติดขอบเตียง ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ถ้ามันต้องติดหวัดเพราะผม ผมคงทนไม่ได้

    “มึงเป็นประเภทหวงเพื่อนใช่ป่ะล่ะ”

    “???”นี่มัน...คิดอะไรได้แค่นี้จริงๆสินะ

    “ไอ้กาย...มึงจำเหตุการณ์ที่ศาลาริมน้ำได้มั้ย”ผมจำได้ดีครับ วันนั้นไอ้กายต้องโดนรุมกระทืบเพื่อช่วยผม ปกติคนไร้ฝีมือพวกนี้ทำอะไรมันไม่ได้หรอกครับ แต่ครั้งนี้มันต่างกันออกไปเพียงเพราะมันตอบโต้ไม่ได้ สาเหตุก็มาจากหัวหน้าแก็งที่ชื่อวิทขู่จะผลักผมลงน้ำถ้าตอบโต้พวกมัน ผมทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งพวกนั้นเลิกรากลับไป

    “ฮือ...กายขอโทษนะ ฮึก..ซันเจ็บมากมั้ย”มือป้อมปาดน้ำตาตัวเองลวกๆแล้วรีบวิ่งมาดูเพื่อนที่นอนกลิ้งอยู่กับพื้น

    “ไม่ใช่ความผิดกายซะหน่อยนะ อย่าร้องไห้สิ พวกนั้นน่ะจ้องจะเล่นงานซันอยู่แล้วล่ะ ขอโทษนะที่ดึงกายมาเกี่ยวด้วย”นอกจากซันจะไม่ร้องไห้และโกรธเขาแล้วยังดึงผมไปกอดปลอบอีกต่างหาก

    “ฮือ...ถ้ากายไม่อ่อนแอซันจะไม่เจ็บตัวใช่มั้ย...”

    “ไม่ใช่หรอก อ่อนแอสิดีออกซันจะได้ปกป้องกายเอง เพราะกายคือเพื่อนคนพิเศษไงล่ะ จากนี้และตลอดไปด้วยนะ สัญญาเลย!”


    “ใครจะไปลืมลง...”

    “จนตอนนี้กูก็ยังรักษาสัญญาอยู่นะ ลินดาไม่ได้มาแทนที่มึง เขาแค่เข้ามาเพิ่ม มึงยังเป็นเพื่อนคนพิเศษของกูเสมอ จากนี้และตลอดไปเลย”ทำไมความรู้สึกมันถึงได้ต่างกันตอนเด็กผมดีใจจนเลิกร้องไห้ได้กับคำว่าเพื่อนคนพิเศษ แต่ตอนนี้คำๆนี้กลับเกือบทำให้ผมร้องไห้ต่อหน้ามัน ผมรู้ว่าลินดาไม่มาแทนที่ผมหรอก ผมมากกว่าที่อยากไปแทนที่ลินดา เพราะงั้นผมไม่ควรใจอ่อนอีกแล้ว ผมจะไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บอีกแล้ว ผมไม่อยากรักอีกแล้ว ผมอยากรักมันแบบเพื่อน แต่คำแค่คำเดียว ทำไมกำแพงที่ผมพยายามสร้างขึ้นมันกลับพังครืนลงอย่างง่ายดาย

    “อื้ม...”

    “เยี่ยมเลย เฮ้อ กูละเป็นห่วงเกือบตาย”

    “กูไม่สบายนะ ไม่ใช่กำลังจะตาย ลงไปได้แล้ว”ผมพูดพลางเอาเท้าเขี่ยๆผมลงจากเตียง จนมันทำหน้าบึ้งใส่ก่อนจะยีหัวผมอีกรอบ

    “นี่สิไอ้กายของกู ยินดีต้อนรับกลับ”

    “มึงนี่...”

    กริ๊ง...กริ๊ง...

    ผมชะงักคำพูดทั้งหมดไว้แล้วมองมันเดินออกไปรับมือถือหน้าระเบียงห้อง แค่เห็นมันยิ้มขนาดนั้นผมก็รู้คนที่โทรมาหาทันที แต่แล้วจู่ๆมันก็ทำหน้าซีเรียสขึ้นมาซะเฉยๆแล้วรีบวิ่งไปหน้าประตูห้องนอนผม

    “มึงจะรีบไปไหนวะ”

    “ลินดาไม่สบายว่ะ สงสัยโดนฝนตอนวิ่งไปหลบที่ตึกแหงๆ ยามึงอยู่บนโต๊ะนะอย่าลืมกินล่ะ”มันไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดแล้วรีบวิ่งออกไปทันที ผมได้แต่นั่งนิ่งเงียบก่อนที่แขนจะรู้สึกถึงความเย็นของหยดน้ำ มือผมยกขึ้นปาดแก้มโดยไม่รู้ตัว ผมร้องไห้งั้นเหรอ...นี่อาจเป็นความหมายของความแตกต่างระหว่างเพื่อนกับแฟนที่ผมไม่เคยเข้าใจก็ได้ คงต้องขอบคุณมันที่สอนผมอีกเรื่อง

    .

    .

    .

    .

    .

    ติ๊ดติ๊ดติ๊ด....ติ๊ดติ๊ดติ๊ด...

    “อืม...”ผมควานหามือถือบนหัวเตียงท่ามกลางความมืดในห้องหรือาจเป็นเพราะผมยังไม่ยอมลืมตานะ...ใครกันนะโทรมาตอนหลับเนี่ย ถ้าเป็นพวกไอ้สนุ๊กจะด่าให้เละเชียว ในที่สุดมือผมก็คว้าเข้าที่มือถือจนได้ ผมพยายามหยีตาขึ้นมองชื่อโทรเข้าเพื่อที่ผมจะได้ด่าถูกตัวไงล่ะครับ

    ...ซัน....

    ชื่อที่ปรากฏหน้าจอทำเอาผมลืมตาเต็มตื่นทันที โทรมาหาแป๊ะมันตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ รู้อยู่ว่าผมไม่สบายจะโทรปลุกทำไมเนี่ย...

    “อื้อ...พี่ซันคะ..อ๊ะ..อ๊า..”ทันทีที่เสียงปลายสายลอดผ่านหูผม ก็ทำเอามือถือผมลงพื้นไปโดนทันที...







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×