คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1
-ตอนที่1-
ดอกทานตะวัน
“นะกายนะ กูขอล่ะมึง”
“ไม่ได้ โกหกมันไม่ดีนะเว้ย ทำไมไม่ขอพี่แซนด์ดีๆเล่า”
“แต่ไม่ใช่กับน้องตัวเองไง นะมึงนะถ้าบอกพี่เขาไปว่ากูกลับพร้อมมึงเหมือนทุกวันก็จบ”
“...”
“เลี้ยงหมูทอดร้านป้าเขียวเลยเอ้า”
“...ครั้งนี้ครั้งเดียวพอนะ” ผมเหล่ตามองไอ้หล่อข้างผมที่ยิ้มจนปากแทบฉีกถึงรูหู ผมกับซันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วล่ะมั้งครับ พ่อแม่ผมกับพ่อแม่มันสนิทกัน บ้านก็ติดกันแถมระเบียงห้องยังติดกันอีก บางทีมันก็โดข้ามรั้วระเบียงมานอนห้องผมก็มี เจอหน้ากันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่เบื่อให้มันรู้ไป..แต่ผมไม่เบื่อหรอกนะ เป็นแบบนี้ได้ตลอดก็ดี
“...”
“ไอ้กายโว้ยยย”เสียงตะโกนของไอ้ซันทำเอาผมสะดุ้งอัตโนมัติพร้อมกับหน้าหล่อๆของมันที่ยื่นเข้ามาจนแทบจะติดกันจนเหมือนแฝดสยาม
“มึงหน้าแดงด้วยว่ะ ไม่สบายทำไมไม่บอกกูเล่า ไม่น่าล่ะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยิน”
“อ่า...” แล้วผมจะไม่หน้าแดงได้ยังไงกันในเมื่อคนตรงหน้าผมมันไม่ยอมเอาหน้ามันออกไปซักที
“อ้าวเฮ้ย..แม่งหน้าแดงกว่าเดิมอีก ไข้ขึ้นเหรอวะ”
โป๊ก!
“ทำบ้าอะไรเนี่ย ไอ้เตี้ยพีช”
“ก็มึงชอบแกล้งกีกี้นี่นา”จะว่าไปความจริงแล้วพีชมันก็ไม่ได้เตี้ยหรอกนะครับแค่เตี้ยมาก อยู่จนจะจบม.6แล้วส่วนสูงมันยัง 168 อยู่เลยผมจำได้ว่ามันสูงอยู่แค่นี้ตั้งแต่สามสี่ปีที่แล้วนะ สงสัยมันจะหยุดโตจริงๆซะแล้วล่ะ ดีหน่อยที่หน้าตามันออกแนวน่ารักเลยทำให้ค่อนข้างสมตัวมัน
“แล้วคนเนี้ยก็ยอมให้เขาแกล้งอยู่ได้”มือหนาๆของไอ้สนุกเกอร์ก็ขยี้หัวผมเข้าให้ หมอนี่ก็สูงเกินไปปีนี้ก็ปาไปจะ 190 อยู่แล้วเดินกับไอ้พีชทียังกะพ่อกับลูก สนุกเกอร์นี่ออกแนวสูงล่ำ ขาว ตี๋ครับเลยทำให้มันติดอันดับต้นๆของหนุ่มป็อบปูล่าร์ในโรงเรียนเลยเชียว
“พอเลยๆ กูไม่ได้กูแกล้ง โอเค๊ พวกมึงนี่ชอบโอเวอร์”
“ใช่ๆ กูแค่เห็นมันหน้าแดงเฉยๆหรอก”
“หื้ม? กีกี้ไม่สบายเหรอ”ว่าแล้วตัวเล็กมันก็แทบจะผลักไอ้ซันหน้าทิ่มแล้วเข้ามาดูผมแทน กีกี้นี่ก็ชื่อผมเองแหละครับ พีชมันตั้งให้ มันชอบตั้งให้ชาวบ้านเขาไปทั่วล่ะ กีกี้ ซันนี่ นุ๊กนิ๊ก เวซี่ พีชชี่ สารพัดครับ
“เปล่าหรอก อากาศมันร้อน”
“หึหึหึ...อากาศมันร้อนหรือใครมันทำให้ร้อนกันแน่..” ในบรรดากลุ่มเพื่อนผม ผมล่ะกลัวไอ้บ้านี่ที่สุด เวสป้าชายหนุ่มมาดขรึมที่ชอบมาพร้อมกับแว่นกรอบดำอยู่เสมอ ในมือมันมีหนังสือแทบจะตลอดเวลาที่มันยังมีชีวิตอยู่ ความสูงก็พอๆกับไอ้สนุ๊กเพียงแต่มันเตี้ยกว่าหน่อยนึงและสาเหตุที่ผมโคตรกลัวมันเพราะมันชอบทำเหมือนรู้ความลับชาวบ้านเขาไปทั่ว
“แล้วไงไอ้ซัน แฟนคนปัจจุบันของมึงยังอยู่ดีมั้ยหรือว่าเปลี่ยนอีกแล้ว”สนุ๊กเกอร์พูดพร้อมกอดคอซันอย่างหยอกล้อ
“มึงนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว กูบอกแล้วไงว่าลินดาน่ะ รักจริงหวังแต่งโว้ย” ลินดา... ผมเกลียดผู้หญิงคนนี้แม้เจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง เธอเริ่มคบกับซันมาตั้งแต่ปีที่แล้วก็นานที่สุดในบรรดาคนที่ผมเคยเห็นซันมันคบมา ลินดาเป็นผู้หญิงที่สวย อ่อนหวาน น่ารักและขี้เล่น ไม่มีอะไรที่ทำให้ใครไม่รักเธอ แต่ผมคงจะเกลียดเธอเพียงเพราะได้คบกับไอ้ซันล่ะมั้ง..
“เอ๋ แล้วน้องแก้ม ลิลลี่ น้ำหวาน ปูเป้ ไหนจะน้องพลอยอีก ใครว๊า”พีชย้ายตัวเล็กๆของมันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเวสก่อนจะเริ่มนับนิ้วด้วยท่าทางที่น่ารักของมัน แต่คาดว่าคงจะน่าถีบสำหรับซันมัน
“เดี๋ยวเถอะไอ้พีช นั่นแค่กูหลงผิดโว้ย”
“เออใช่ แล้วน้องกีกี้ของเราล่ะ ภรรยามึงนะ!”จบประโยคซันก็พุ่งเข้าหาพีชจนมันเกือบลุกวิ่งหนีไม่ทัน..ภรรยางั้นเหรอ.. ผมก็คงได้แค่ตำแหน่งที่เพื่อนล้อล่ะมั้ง
กริ๊งงงง
“เฮ้ย! สองตัวนั้นน่ะ กริ่งดังแล้วเลิกวิ่งเล่นซะที เออกายมึงจะไปกับพวกกูปะ“ผมได้แต่เลิกคิ้วมองนุ๊กเกอร์ที่เตรียมสะพายกระเป๋าเรียบร้อยโดยช้างๆมีเวสยืนอยู่
“ไปไหน?”
“ไปร้องเกะกัน ไอ้พีชก็ไป วันนี้มึงก็ไม่ได้กลับกับไอ้ซันแล้วนิ มันทิ้งเพื่อนไปหาสาวแล้ว”เวสพูดเสริมก่อนจะเริ่มหยิบกระเป๋าพีชมาสะพายไว้บนหลังตัวเองอีกใบ
“ไปนะกีกี้!”พีชที่เพิ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องตบโต๊ะผมซะเสียงดัง
“ไม่ดีกว่า แม่ให้รีบกลับบ้านน่ะ”แม่ผมอยู่ซะที่นี่ไหน วันนี้เข้าเวรทั้งวัน
“โอเคงั้นไปกัน”ผมมองกลุ่มเพื่อนสามคนของผมเดินออกไปก่อนจะเห็นซันวิ่งกลับเข้ามาในห้องเรียน
“อ้าว ไอ้พีชกลับแล้วเหรอวะ”
“ไปเมื่อกี้นี้น่ะ ป่ะ กลับบ้านกัน”ผมหยิบกระเป๋ามาสะพายพร้อมกระเป๋าซันมาถืออย่างเคยชิน
“เฮ้ยๆ วันนี้กูไปกับลินดาไง มึงรีบรึไง” ลินดา..
“เดี๋ยวเดินไปส่งหน้าโรงเรียนไง”ผมรีบเดินนำออกมาจากห้องทันทีเพราะถ้าอยู่นานกว่านั้น มันคงได้เห็นผมร้องไห้
“พี่ซันคะ!” พอเดินมาถึงหน้าโรงเรียนก็เจอลินดายืนโบกมือรออยู่แล้วพอเห็นแบบนั้นซันมันก็หยิบกระเป๋าจากมือผมแล้ววิ่งไปหาลินดาทันที ท่าทางของคนสองคนที่เป็นคู่รักยืนพลอดรักกันกลางสาธารณะชนน่ะผมเจอมาบ่อยแล้ว แต่กลับคู่นี้ผมไม่ยักกะชินซักที...รีบกลับบ้านดีกว่า
“อ๊ะ! พี่กายสวัสดีค่ะ!” ไม่ทันที่ผมจะเดินหนีไปไหน ลินดาก็เดินสง่าเข้ามาทักทายผมอย่างยิ้มแย้ม ในขณะที่ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ
“สวัสดีครับน้องลินดา อยากอยู่คุยด้วยนะครับ แต่พอดีพี่ไม่ว่าง” ผมรีบบอกปัดๆไปก่อนจะเดินกลับบ้านทันที
“พี่กายคะ อย่าเพิ่งกลับเลยค่ะ ไปกินข้าวด้วยกันนะคะ”
“อ่า...”
“นะคะ หรือว่า...พี่กายรังเกียจลินดา”ผมมองลินดาที่ทำหน้าเศร้าอย่างตื่นตระหนก จะว่าไป..ผมก็ไม่ได้รังเกียจเธอนักหรอกครับ
“นะมึง ไปด้วยกัน เดี๋ยวลินดาเข้าใจผิดนะเว้ย”ซันมันพูดสมทบแล้วเดินเข้ามากอดคอผมเข้าไปใกล้...บางทีผมอาจแค่ไม่ชอบลินดา..ที่ได้อยู่ในสายตาของคนที่กอดคอผมแค่นั้นเอง
“ไปก็ได้ครับ”
.
.
.
“นี่ครับปูผงกระหรี่ของโปรดลินดา ซันตักให้นะครับ”
“แหม..ไม่ต้องตักให้ลินดาก็ได้ค่ะ เขินคนอื่นเขา”ผมนั่งมองคู่รักที่ตักอาหารใส่จานกันไปมาพร้อมเสียงหัวเราะขวยเขิน ปกติผมมองแล้วคงจะยิ้มกับความน่ารักไม่ก็คงเริ่มแซว แต่กลายเป็นว่ากับคู่นี้ พูดตรงๆครับ ผมอยากจับแย่งออกจากกัน
“อ้าว.. มึงไม่กินวะไอ้กาย เหม่ออยู่ได้”อาจเป็นเพราะผมนั่งจ้องพวกมันเพลินไปมันถึงได้สังเกตว่าผมไม่ได้แตะอาหารใดๆบนโต๊ะ ก็ดูเมนูแต่ละอย่างสิครับ อาหารทะเลทั้งนั้น...
“นี่ค่ะพี่กาย ปูตัวสุดท้ายพอดี เขาว่าชิ้นสุดท้ายได้แฟนสวยนะคะ”ผมมองปูตัวใหญ่ที่ลอยมาอยู่บนข้าวผมเรียบร้อยก่อนจะเงยหน้ามองไอ้ซัน มึงลืมอะไรไปแล้วสินะ
“น่ะ ลินดาอุตส่าห์ตักให้มึงเลยนะเว้ย กินให้หมดล่ะมึง”
“คือ...”
“พี่กายไม่ชอบปูเหรอคะ งั้นกินปลาหมึกมั้ยคะ”และแล้วปลาหมึกก็ลอยมาอยู่ข้างปูที่บนข้าวผมอีกรอบ นั่นทำให้ผมเริ่มขมวดคิ้วมองหน้าไอ้ซัน
“เฮ้ย ลินดาอุตส่าห์ตักให้นะเว้ย รักษาน้ำใจแฟนกูหน่อยสิ”
“พอดีกูนึกขึ้นได้ว่าวันนี้แม่กลับเร็ว กูไปก่อนล่ะกัน” ผมรีบเก็บกระเป๋ามองจ้องหน้าทั้งคู่อีกครั้งก่อนจะเดินออกมา
“พี่กายไม่ชอบลินดาจริงๆด้วย...ฮึก..”
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนดี มันคงรีบกลับบ้านจริง ไม่คิดมากนะ”ผมยืนพิงเสาที่ไม่ไกลนักฟังบนสนทนาของทั้งคู่ก่อนที่ผมเริ่มรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นทุกที...ถ้าให้กูรักษาน้ำใจแฟนมึง กูต้องแลกด้วยชีวิตใช่มั้ย..มึงสนใจแต่แฟนมึงจนลืมไปรึเปล่า..ว่ากูแพ้อาหารทะเล
.
.
.
ผมนอนเอาแขนก่ายหน้ามองจ้องรูปมันที่ติดบนเพดานอย่างนิ่งเงียบ ผมนอนอยู่แบบนี้ตั้งแต่กลับมาแล้วล่ะครับ นอนจ้องรูปผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ชื่อซัน ผู้ชายที่ทำให้ผมหัวเราะเสมอ คนที่ทำให้ผมตกหลุมรักและคนที่ทำให้ผม...เจ็บปวดได้อย่างรวดร้าวเช่นกัน
ตึ่ง!
ผมมองกระจกระเบียงที่สั่นสะเทือนเล็กน้อยก่อนจะรับรู้ทันทีว่ามันกลับมาแล้ว แต่ตอนนี้ผมคงไม่อยากเจอหน้ามันซักเท่าไหร่
ตึ่ง! ตึ่ง!
“อย่ากวนน่า..”
ตึ่ง!ตึ่ง!ตึ่ง!
“ไอ้บ้าซัน!!” สุดท้ายผมก็ลุกจากเตียงเปิดระเบียงไปด่ามันที่ยืนอยู่ระเบียงฝั่งตรงข้าม แถมทำตาเขียวปั๊ด ไม่ต้องเดาก็รู้ครับว่าเรื่องอะไร
“ไอ้กาย อีกแล้วนะมึง ทำน้องลินดากูเสียใจไอ้สัด”มันว่าพลางปาก้อนกระดาษยัดก้อนกรวดอาวุธประจำเวลามันจะปลุกผมปาใส่ผมอีกรอบ น้องลินดามึงแค่เสียใจ.. แต่มึงรู้มั้ย กูน่ะ ใจเสีย
“ก็กูรีบจริงนี่นา”ผมได้แต่บอกปัดอีกครั้งก่อนจะหยิบก้อนกระดาษทิ้งลงถังขยะแล้วทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ที่ระเบียง
“รีบมานอนเนี่ยนะ? มึงนี่แม่ง”ซันบ่นฟึดฟัดก่อนจะทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ตรงระเบียงมันเช่นกัน บ้านผมกับบ้านมันอยู่ติดกันครับ มันส่งผลให้ระเบียงเราห่างกันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำไป ชนิดที่ว่าปีนข้ามมายังได้
“ก็ดูมึงสิ”
“กูทำไม กูทำอะไรวะ น้องเขาตักให้มึงก็ไม่กินเนี่ย ความผิดกูไง?”นั่นสินะ ไปโทษมันก็คงไม่ถูก ผมความสำคัญไม่พอที่มันจะมาเอาใจใส่อะไรผมขนาดนั้น
“เฮ้อ...ช่างแม่งเถอะ”
“มึงไม่ต้องมาทำเหี่ยวใส่กูเหมือนดอกทานตะวันมึงเลยนะ”ดอกทานตะวัน.. ผมเสมองกระถางอันเล็กที่ตั้งอยู่ข้างตัวก่อนจะพบว่ามันเริ่มเหี่ยวลงเล็กน้อย สงสัยตอนเช้าผมจะลืมรดน้ำมัน จะตายมั้ยเนี่ย ว่าแล้วผมก็ได้แต่รีบกุลอกุจอหาน้ำมารดดอกไม้ของผมทันที
“มึงนี่ชอบดอกทานตะวันขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ไอ้ซันลุกขึ้นมาเกาะราวระเบียงชะโงกมองผมพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปม
“กูชอบดอกไม้แล้วมันแปลก?”
“แปลก ก็อยู่ดีๆมึงก็ซื้อมาปลูกกูเลยงงๆ ไม่เคยเห็นมึงสนใจดอกไม้” ก็จริงอย่างมันว่าครับ ผมไม่เคยสนใจดอกไม้ต้นไม้เท่าไหร่ ผมว่ามันเลี้ยงดูยาก ลืมรดน้ำก็ตายเปราะบางเกินไป ก่อนที่ผมจะเริ่มเปลี่ยนความคิด ตอนไปอ่านเจอบทความดอกทานตะวันเข้า
“มึงรู้จักตำนานของดอกทานตะวันมั้ยล่ะซัน”
“มันมีด้วยเหรอวะ”
“ตามตำนานของกรีกเขาบอกว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเธอชื่อว่าไคลทีเอ แต่ด้วยความที่เธองดงามมากเลยทำให้พ่อของเธอต้องขังเธอไว้ในโบสถ์ ทุกวันเธอได้แต่เห็นแสงสว่างอย่างเจิดจ้าที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างทุกวัน เธอจึงเกิดความสงสัยจึงตัดสินใจหนีทหารยามออกมาข้างนอก ในตอนนั้นเองเทพอพอลโลก็ได้ขี่รถม้าผ่านมาให้แสงอาทิตย์พอดี ทันทีที่นางไคลทีเห็นนางก็ตกหลุมรักทันที หลังจากนั้นเธอก็หนีออกมาเฝ้ารอทุกวันไม่ว่าจะโดนลงโทษหนักหนาแค่ไหน สุดท้ายนางก็หนีออกมาจากโบสถ์ แต่เทพอพอลโลไม่เคยคิดสนใจนาง นางเลยเกิดความทุกข์ระทมและตรอมใจตาย ก่อนตายนางได้อฐิษฐานว่า” ด้วยความรักที่นางมอบให้ชายคนหนึ่งด้วยความบริสุทธิ์ใจตลอดมา หากเธอลับลาไปขอให้เธอได้เป็นทวยเทพแห่งผกา ที่ตั้งมั่นอยู่ตราบสิ้นแสงอัจจิมาตลอดกาล” จากนั้นขานางก็หยั่งรากลงพื้นดินแขนขากลายเป็นใบสีเขียว ใบหน้าและเส้นผมเธอกลายเป็นสีทองอร่ามและได้สะพรั่งเฝ้าแหงนตามชายที่นางรักตลอดกาล”
“โห...โง่ชิบหายเลยว่ะ ผู้ชายแม่งไม่รักยังจะรออีก หาว...กูไปนอนละ ฝันดี” ไอ้ซันมันพูดจบมันก็ดินเข้าห้องมันพร้อมปิดม่านและหลับสบายบนเตียงของมัน แต่ผมนี่สิคงนอนไม่หลับซะแล้ว
..ผมยอมรับ ผมคงโง่จริงๆ...แต่ผมก็ยังคงรักเหมือนที่นางไคลทีเอหลงรักเทพอพอลโล...นั่นเพราะถ้าผมเป็นดอกทานตะวัน มันก็คงเป็นดวงตะวันของผมตลอดกาล
ความคิดเห็น