ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Myfalse...ความผิดของผมคือรักเพื่อนสนิท [yaoi/boys love]

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 61


    -ตอนที่1- 
    ดอกทานตะวัน



    นะกายนะ กูขอล่ะมึง

    ไม่ได้ โกหกมันไม่ดีนะเว้ย ทำไมไม่ขอพี่แซนด์ดีๆเล่า

    แต่ไม่ใช่กับน้องตัวเองไง นะมึงนะถ้าบอกพี่เขาไปว่ากูกลับพร้อมมึงเหมือนทุกวันก็จบ

    “...”

    เลี้ยงหมูทอดร้านป้าเขียวเลยเอ้า

    “...ครั้งนี้ครั้งเดียวพอนะผมเหล่ตามองไอ้หล่อข้างผมที่ยิ้มจนปากแทบฉีกถึงรูหู ผมกับซันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วล่ะมั้งครับ พ่อแม่ผมกับพ่อแม่มันสนิทกัน บ้านก็ติดกันแถมระเบียงห้องยังติดกันอีก บางทีมันก็โดข้ามรั้วระเบียงมานอนห้องผมก็มี เจอหน้ากันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่เบื่อให้มันรู้ไป..แต่ผมไม่เบื่อหรอกนะ เป็นแบบนี้ได้ตลอดก็ดี

    “...”

    ไอ้กายโว้ยยยเสียงตะโกนของไอ้ซันทำเอาผมสะดุ้งอัตโนมัติพร้อมกับหน้าหล่อๆของมันที่ยื่นเข้ามาจนแทบจะติดกันจนเหมือนแฝดสยาม

    มึงหน้าแดงด้วยว่ะ ไม่สบายทำไมไม่บอกกูเล่า ไม่น่าล่ะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยิน

    อ่า...แล้วผมจะไม่หน้าแดงได้ยังไงกันในเมื่อคนตรงหน้าผมมันไม่ยอมเอาหน้ามันออกไปซักที

    อ้าวเฮ้ย..แม่งหน้าแดงกว่าเดิมอีก ไข้ขึ้นเหรอวะ

    โป๊ก!

    ทำบ้าอะไรเนี่ย ไอ้เตี้ยพีช

    ก็มึงชอบแกล้งกีกี้นี่นาจะว่าไปความจริงแล้วพีชมันก็ไม่ได้เตี้ยหรอกนะครับแค่เตี้ยมาก อยู่จนจะจบม.6แล้วส่วนสูงมันยัง 168 อยู่เลยผมจำได้ว่ามันสูงอยู่แค่นี้ตั้งแต่สามสี่ปีที่แล้วนะ สงสัยมันจะหยุดโตจริงๆซะแล้วล่ะ ดีหน่อยที่หน้าตามันออกแนวน่ารักเลยทำให้ค่อนข้างสมตัวมัน

    แล้วคนเนี้ยก็ยอมให้เขาแกล้งอยู่ได้มือหนาๆของไอ้สนุกเกอร์ก็ขยี้หัวผมเข้าให้ หมอนี่ก็สูงเกินไปปีนี้ก็ปาไปจะ 190 อยู่แล้วเดินกับไอ้พีชทียังกะพ่อกับลูก สนุกเกอร์นี่ออกแนวสูงล่ำ ขาว ตี๋ครับเลยทำให้มันติดอันดับต้นๆของหนุ่มป็อบปูล่าร์ในโรงเรียนเลยเชียว

    พอเลยๆ กูไม่ได้กูแกล้ง โอเค๊ พวกมึงนี่ชอบโอเวอร์

    ใช่ๆ กูแค่เห็นมันหน้าแดงเฉยๆหรอก

    หื้ม? กีกี้ไม่สบายเหรอว่าแล้วตัวเล็กมันก็แทบจะผลักไอ้ซันหน้าทิ่มแล้วเข้ามาดูผมแทน กีกี้นี่ก็ชื่อผมเองแหละครับ พีชมันตั้งให้ มันชอบตั้งให้ชาวบ้านเขาไปทั่วล่ะ กีกี้ ซันนี่ นุ๊กนิ๊ก เวซี่ พีชชี่ สารพัดครับ

    เปล่าหรอก อากาศมันร้อน

    หึหึหึ...อากาศมันร้อนหรือใครมันทำให้ร้อนกันแน่..ในบรรดากลุ่มเพื่อนผม ผมล่ะกลัวไอ้บ้านี่ที่สุด เวสป้าชายหนุ่มมาดขรึมที่ชอบมาพร้อมกับแว่นกรอบดำอยู่เสมอ ในมือมันมีหนังสือแทบจะตลอดเวลาที่มันยังมีชีวิตอยู่ ความสูงก็พอๆกับไอ้สนุ๊กเพียงแต่มันเตี้ยกว่าหน่อยนึงและสาเหตุที่ผมโคตรกลัวมันเพราะมันชอบทำเหมือนรู้ความลับชาวบ้านเขาไปทั่ว

    แล้วไงไอ้ซัน แฟนคนปัจจุบันของมึงยังอยู่ดีมั้ยหรือว่าเปลี่ยนอีกแล้วสนุ๊กเกอร์พูดพร้อมกอดคอซันอย่างหยอกล้อ

    มึงนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว กูบอกแล้วไงว่าลินดาน่ะ รักจริงหวังแต่งโว้ยลินดา... ผมเกลียดผู้หญิงคนนี้แม้เจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง เธอเริ่มคบกับซันมาตั้งแต่ปีที่แล้วก็นานที่สุดในบรรดาคนที่ผมเคยเห็นซันมันคบมา ลินดาเป็นผู้หญิงที่สวย อ่อนหวาน น่ารักและขี้เล่น ไม่มีอะไรที่ทำให้ใครไม่รักเธอ แต่ผมคงจะเกลียดเธอเพียงเพราะได้คบกับไอ้ซันล่ะมั้ง..

    เอ๋ แล้วน้องแก้ม ลิลลี่ น้ำหวาน ปูเป้ ไหนจะน้องพลอยอีก ใครว๊าพีชย้ายตัวเล็กๆของมันขึ้นไปนั่งบนโต๊ะเวสก่อนจะเริ่มนับนิ้วด้วยท่าทางที่น่ารักของมัน แต่คาดว่าคงจะน่าถีบสำหรับซันมัน

    เดี๋ยวเถอะไอ้พีช นั่นแค่กูหลงผิดโว้ย

    เออใช่ แล้วน้องกีกี้ของเราล่ะ ภรรยามึงนะ!”จบประโยคซันก็พุ่งเข้าหาพีชจนมันเกือบลุกวิ่งหนีไม่ทัน..ภรรยางั้นเหรอ.. ผมก็คงได้แค่ตำแหน่งที่เพื่อนล้อล่ะมั้ง

    กริ๊งงงง

    เฮ้ยสองตัวนั้นน่ะ กริ่งดังแล้วเลิกวิ่งเล่นซะที เออกายมึงจะไปกับพวกกูปะผมได้แต่เลิกคิ้วมองนุ๊กเกอร์ที่เตรียมสะพายกระเป๋าเรียบร้อยโดยช้างๆมีเวสยืนอยู่

    ไปไหน?”

    ไปร้องเกะกัน ไอ้พีชก็ไป วันนี้มึงก็ไม่ได้กลับกับไอ้ซันแล้วนิ มันทิ้งเพื่อนไปหาสาวแล้วเวสพูดเสริมก่อนจะเริ่มหยิบกระเป๋าพีชมาสะพายไว้บนหลังตัวเองอีกใบ

    ไปนะกีกี้!”พีชที่เพิ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องตบโต๊ะผมซะเสียงดัง

    ไม่ดีกว่า แม่ให้รีบกลับบ้านน่ะแม่ผมอยู่ซะที่นี่ไหน วันนี้เข้าเวรทั้งวัน

    โอเคงั้นไปกันผมมองกลุ่มเพื่อนสามคนของผมเดินออกไปก่อนจะเห็นซันวิ่งกลับเข้ามาในห้องเรียน

    อ้าว ไอ้พีชกลับแล้วเหรอวะ

    ไปเมื่อกี้นี้น่ะ ป่ะ กลับบ้านกันผมหยิบกระเป๋ามาสะพายพร้อมกระเป๋าซันมาถืออย่างเคยชิน

    เฮ้ยๆ วันนี้กูไปกับลินดาไง มึงรีบรึไงลินดา..

    เดี๋ยวเดินไปส่งหน้าโรงเรียนไงผมรีบเดินนำออกมาจากห้องทันทีเพราะถ้าอยู่นานกว่านั้น มันคงได้เห็นผมร้องไห้

    พี่ซันคะ!” พอเดินมาถึงหน้าโรงเรียนก็เจอลินดายืนโบกมือรออยู่แล้วพอเห็นแบบนั้นซันมันก็หยิบกระเป๋าจากมือผมแล้ววิ่งไปหาลินดาทันที ท่าทางของคนสองคนที่เป็นคู่รักยืนพลอดรักกันกลางสาธารณะชนน่ะผมเจอมาบ่อยแล้ว แต่กลับคู่นี้ผมไม่ยักกะชินซักที...รีบกลับบ้านดีกว่า

    อ๊ะพี่กายสวัสดีค่ะ!” ไม่ทันที่ผมจะเดินหนีไปไหน ลินดาก็เดินสง่าเข้ามาทักทายผมอย่างยิ้มแย้ม ในขณะที่ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ

    สวัสดีครับน้องลินดา อยากอยู่คุยด้วยนะครับ แต่พอดีพี่ไม่ว่างผมรีบบอกปัดๆไปก่อนจะเดินกลับบ้านทันที

    พี่กายคะ อย่าเพิ่งกลับเลยค่ะ ไปกินข้าวด้วยกันนะคะ

    อ่า...

    นะคะ หรือว่า...พี่กายรังเกียจลินดาผมมองลินดาที่ทำหน้าเศร้าอย่างตื่นตระหนก จะว่าไป..ผมก็ไม่ได้รังเกียจเธอนักหรอกครับ

    นะมึง ไปด้วยกัน เดี๋ยวลินดาเข้าใจผิดนะเว้ยซันมันพูดสมทบแล้วเดินเข้ามากอดคอผมเข้าไปใกล้...บางทีผมอาจแค่ไม่ชอบลินดา..ที่ได้อยู่ในสายตาของคนที่กอดคอผมแค่นั้นเอง

    ไปก็ได้ครับ

    .

    .

    .

    นี่ครับปูผงกระหรี่ของโปรดลินดา ซันตักให้นะครับ

    แหม..ไม่ต้องตักให้ลินดาก็ได้ค่ะ เขินคนอื่นเขาผมนั่งมองคู่รักที่ตักอาหารใส่จานกันไปมาพร้อมเสียงหัวเราะขวยเขิน ปกติผมมองแล้วคงจะยิ้มกับความน่ารักไม่ก็คงเริ่มแซว แต่กลายเป็นว่ากับคู่นี้ พูดตรงๆครับ ผมอยากจับแย่งออกจากกัน

    อ้าว.. มึงไม่กินวะไอ้กาย เหม่ออยู่ได้อาจเป็นเพราะผมนั่งจ้องพวกมันเพลินไปมันถึงได้สังเกตว่าผมไม่ได้แตะอาหารใดๆบนโต๊ะ ก็ดูเมนูแต่ละอย่างสิครับ อาหารทะเลทั้งนั้น...

    นี่ค่ะพี่กาย ปูตัวสุดท้ายพอดี เขาว่าชิ้นสุดท้ายได้แฟนสวยนะคะผมมองปูตัวใหญ่ที่ลอยมาอยู่บนข้าวผมเรียบร้อยก่อนจะเงยหน้ามองไอ้ซัน มึงลืมอะไรไปแล้วสินะ

    น่ะ ลินดาอุตส่าห์ตักให้มึงเลยนะเว้ย กินให้หมดล่ะมึง

    คือ...

    พี่กายไม่ชอบปูเหรอคะ งั้นกินปลาหมึกมั้ยคะและแล้วปลาหมึกก็ลอยมาอยู่ข้างปูที่บนข้าวผมอีกรอบ นั่นทำให้ผมเริ่มขมวดคิ้วมองหน้าไอ้ซัน

    เฮ้ย ลินดาอุตส่าห์ตักให้นะเว้ย รักษาน้ำใจแฟนกูหน่อยสิ

    พอดีกูนึกขึ้นได้ว่าวันนี้แม่กลับเร็ว กูไปก่อนล่ะกันผมรีบเก็บกระเป๋ามองจ้องหน้าทั้งคู่อีกครั้งก่อนจะเดินออกมา

    พี่กายไม่ชอบลินดาจริงๆด้วย...ฮึก..

    โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับคนดี มันคงรีบกลับบ้านจริง ไม่คิดมากนะผมยืนพิงเสาที่ไม่ไกลนักฟังบนสนทนาของทั้งคู่ก่อนที่ผมเริ่มรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นทุกที...ถ้าให้กูรักษาน้ำใจแฟนมึง กูต้องแลกด้วยชีวิตใช่มั้ย..มึงสนใจแต่แฟนมึงจนลืมไปรึเปล่า..ว่ากูแพ้อาหารทะเล

    .

    .

    .

    ผมนอนเอาแขนก่ายหน้ามองจ้องรูปมันที่ติดบนเพดานอย่างนิ่งเงียบ ผมนอนอยู่แบบนี้ตั้งแต่กลับมาแล้วล่ะครับ นอนจ้องรูปผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ชื่อซัน ผู้ชายที่ทำให้ผมหัวเราะเสมอ คนที่ทำให้ผมตกหลุมรักและคนที่ทำให้ผม...เจ็บปวดได้อย่างรวดร้าวเช่นกัน

    ตึ่ง!

    ผมมองกระจกระเบียงที่สั่นสะเทือนเล็กน้อยก่อนจะรับรู้ทันทีว่ามันกลับมาแล้ว แต่ตอนนี้ผมคงไม่อยากเจอหน้ามันซักเท่าไหร่

    ตึ่งตึ่ง!

    อย่ากวนน่า..

    ตึ่ง!ตึ่ง!ตึ่ง!

    ไอ้บ้าซัน!!” สุดท้ายผมก็ลุกจากเตียงเปิดระเบียงไปด่ามันที่ยืนอยู่ระเบียงฝั่งตรงข้าม แถมทำตาเขียวปั๊ด ไม่ต้องเดาก็รู้ครับว่าเรื่องอะไร

    ไอ้กาย อีกแล้วนะมึง ทำน้องลินดากูเสียใจไอ้สัดมันว่าพลางปาก้อนกระดาษยัดก้อนกรวดอาวุธประจำเวลามันจะปลุกผมปาใส่ผมอีกรอบ น้องลินดามึงแค่เสียใจ.. แต่มึงรู้มั้ย กูน่ะ ใจเสีย

    ก็กูรีบจริงนี่นาผมได้แต่บอกปัดอีกครั้งก่อนจะหยิบก้อนกระดาษทิ้งลงถังขยะแล้วทิ้งตัวนั่งลงกับเก้าอี้ที่ระเบียง

    รีบมานอนเนี่ยนะ? มึงนี่แม่งซันบ่นฟึดฟัดก่อนจะทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ตรงระเบียงมันเช่นกัน บ้านผมกับบ้านมันอยู่ติดกันครับ มันส่งผลให้ระเบียงเราห่างกันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำไป ชนิดที่ว่าปีนข้ามมายังได้

    ก็ดูมึงสิ

    กูทำไม กูทำอะไรวะ น้องเขาตักให้มึงก็ไม่กินเนี่ย ความผิดกูไง?”นั่นสินะ ไปโทษมันก็คงไม่ถูก ผมความสำคัญไม่พอที่มันจะมาเอาใจใส่อะไรผมขนาดนั้น

    เฮ้อ...ช่างแม่งเถอะ

    มึงไม่ต้องมาทำเหี่ยวใส่กูเหมือนดอกทานตะวันมึงเลยนะดอกทานตะวัน.. ผมเสมองกระถางอันเล็กที่ตั้งอยู่ข้างตัวก่อนจะพบว่ามันเริ่มเหี่ยวลงเล็กน้อย สงสัยตอนเช้าผมจะลืมรดน้ำมัน จะตายมั้ยเนี่ย ว่าแล้วผมก็ได้แต่รีบกุลอกุจอหาน้ำมารดดอกไม้ของผมทันที

    มึงนี่ชอบดอกทานตะวันขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้ซันลุกขึ้นมาเกาะราวระเบียงชะโงกมองผมพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปม

    กูชอบดอกไม้แล้วมันแปลก?”

    แปลก ก็อยู่ดีๆมึงก็ซื้อมาปลูกกูเลยงงๆ ไม่เคยเห็นมึงสนใจดอกไม้ก็จริงอย่างมันว่าครับ ผมไม่เคยสนใจดอกไม้ต้นไม้เท่าไหร่ ผมว่ามันเลี้ยงดูยาก ลืมรดน้ำก็ตายเปราะบางเกินไป ก่อนที่ผมจะเริ่มเปลี่ยนความคิด ตอนไปอ่านเจอบทความดอกทานตะวันเข้า

    มึงรู้จักตำนานของดอกทานตะวันมั้ยล่ะซัน

    มันมีด้วยเหรอวะ

    ตามตำนานของกรีกเขาบอกว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเธอชื่อว่าไคลทีเอ แต่ด้วยความที่เธองดงามมากเลยทำให้พ่อของเธอต้องขังเธอไว้ในโบสถ์ ทุกวันเธอได้แต่เห็นแสงสว่างอย่างเจิดจ้าที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างทุกวัน เธอจึงเกิดความสงสัยจึงตัดสินใจหนีทหารยามออกมาข้างนอก ในตอนนั้นเองเทพอพอลโลก็ได้ขี่รถม้าผ่านมาให้แสงอาทิตย์พอดี ทันทีที่นางไคลทีเห็นนางก็ตกหลุมรักทันที หลังจากนั้นเธอก็หนีออกมาเฝ้ารอทุกวันไม่ว่าจะโดนลงโทษหนักหนาแค่ไหน สุดท้ายนางก็หนีออกมาจากโบสถ์ แต่เทพอพอลโลไม่เคยคิดสนใจนาง นางเลยเกิดความทุกข์ระทมและตรอมใจตาย ก่อนตายนางได้อฐิษฐานว่า ด้วยความรักที่นางมอบให้ชายคนหนึ่งด้วยความบริสุทธิ์ใจตลอดมา หากเธอลับลาไปขอให้เธอได้เป็นทวยเทพแห่งผกา ที่ตั้งมั่นอยู่ตราบสิ้นแสงอัจจิมาตลอดกาล จากนั้นขานางก็หยั่งรากลงพื้นดินแขนขากลายเป็นใบสีเขียว ใบหน้าและเส้นผมเธอกลายเป็นสีทองอร่ามและได้สะพรั่งเฝ้าแหงนตามชายที่นางรักตลอดกาล

    โห...โง่ชิบหายเลยว่ะ ผู้ชายแม่งไม่รักยังจะรออีก หาว...กูไปนอนละ ฝันดีไอ้ซันมันพูดจบมันก็ดินเข้าห้องมันพร้อมปิดม่านและหลับสบายบนเตียงของมัน แต่ผมนี่สิคงนอนไม่หลับซะแล้ว

    ..ผมยอมรับ ผมคงโง่จริงๆ...แต่ผมก็ยังคงรักเหมือนที่นางไคลทีเอหลงรักเทพอพอลโล...นั่นเพราะถ้าผมเป็นดอกทานตะวัน มันก็คงเป็นดวงตะวันของผมตลอดกาล

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×