ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn I love you MyVongola10+++18+27(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่6เหตุผลที่แตกต่าง…….

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 53


    ตอนที่6เหตุผลที่แตกต่าง…….

    Tsuna Part

    “โอยถึงซะที=_=”ผมลงจากเครื่องบินพลางยืดเส้นยืดสาย บรื๋อ~~~ภาพที่แซนซัสกับสควอโล่นัวเนียกันมันยังติดตาผมอยู่เลยอ่ะT T สงสัยพอลงจากเกาะคงจะต้องไปล้างตาหน่อยแล้วมั้ง อา สดชื่นมากมาย เจ้ารีบอร์นมันหลอกผมอีกแล้ว ตั้งคืนนึงกว่าจะถึง ให้ตายสิ เอาของเข้าไปเก็บก่อนดีกว่า……

    “มานี่ ซาวาดะ ฉันถือให้”คุณฮิบาริเดินเข้ามาคว้าของในมือผมก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ผมยิ้มกริ่มอยู่นิดๆก่อนจะรีบตามเขาเข้าไปในบ้าน

    “สึนะกลางวันนี้ทำบาร์บีคิวกันมะ”ยามาโมโตะหันมาถาม ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินขึ้นไปสำรวจบริเวรห้องพัก ผมพบว่าห้องของผมเป็นห้องกว้างๆผนังสีฟ้า มีระเบียงให้มองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม ลมเย็นมากจนผมชักจะง่วง แต่ไม่เอาอ่ะ!!ได้มาทั้งทีขอเดินดูให้ทั่วๆดีกว่า ผมเดินสำรวจไปทั่วจนคุณฮิบาริเรียกกินข้าว ผมถึงลงไปข้างล่างพร้อมนั่งกินบาร์บีคิวอย่างอร่อย งั่มๆๆๆๆๆๆ มีความสุขมากมาย(มาที่นี่มีแต่ทูน่าที่มีความสุขสินะ มีความสุขที่มากิน=_=)

    “จริงสิ เซโนะพึ่งโทรบอกฉันว่าเครื่องจะลงแล้ว งั้นฉันไปรับเค้าดีกว่า”เบียคุรันซังผล่ะจากโทรศัพท์มาบอกพวกเรา ผมพยักหน้าแล้วเดินออกไปรับเค้าด้วย ตามด้วยคนอื่นๆ ยกเว้นสควอโล่กับแซนซัสที่ไปนัวเนียกันในห้องต่อแล้ว(มันยังเอาอีกเรอะ= =!)

    “ไงเซโนะ”เบียคุรันเป็นคนแรกที่เข้าไปทักทาย เซโนะสะดุ้งก่อนจะหันไปยิ้มเจื่อนๆให้จนผมเริ่มรู้สึกพิลึกกับอาการแบบนี้ ผมจึงเข้าไปทักทายเธอด้วยอีกคน

    “ไงเซโนะ เป็นอะไรน่ะ หน้าซีดเชียว กินยาแก้เมามั้ย”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะสึนะโยชิคุง ฉันแค่มีเรื่องที่ต้องคิดนิดหน่อย เอ่อ ช่วยเอาของไปไว้บนห้องให้ฉันทีนะคะ”เซโนะตอบแล้วหันไปสั่งพนักงานหนุ่มข้างๆ

    “หิวรึยัง ตอนนี้พวกเราทำบาร์บีคิวกันอยู่นะ ไม่รู้จะถูกใจเธอรึเปล่า”ยามาโมโตะเอ่ยปากชวนเซโนะ

    “ฉันกินมาแล้วล่ะค่ะ ไปกินข้าวกันต่อเถอะค่ะ ขอขึ้นไปนอนพักซักหน่อยนะคะ”เธอพูดแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง ผมมองไล่หลังขึ้นไปด้วยความสงสัย ก่อนจะก้าวท้าวเดินออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยทิ้งสิ่งที่ค้างคาใจไว้ในหัวอยู่อย่างนั้น……….

    เมื่อกินข้าวกันเสร็จแล้ว ทุกคนสินใจลงเล่นน้ำทันที โดยผมก็เล่นด้วย ผมกำลังนั่งมองทุกคนอยู่ริมชายหาดเพราะยังไม่กล้าลงเล่น ก่อนที่สายตาของผมจะหันไปเจอกับเซโนะในชุดกระโปรงสั้นสีฟ้ารองเท้าแตะ กับหมวกฟาง ชายกระโปรงและผมที่พริ่วไปตามลมทำให้เธอดูน่ารัก แต่ผมคงพูดว่าเธอน่ารักได้ไม่เต็มปากเต็มคำเพราะถ้าผมยังสงสัยในจุดนั้นอยู่นะ

    “ไม่ลงไปเล่นน้ำเหรอเซโนะ”

    “ไม่ค่ะ ฉันอยากนั่งอยู่แบบนี้มากกว่า”เธอพูดปัดๆก่อนที่จะนั่งลงข้างๆผม

    “......เซโนะพักนี้เธอดูแปลกไปนะ ถ้าไม่บอกความจริง เดี่ยวเบียคุรันซังเขาจะเป็นห่วงนะ......”ผมพูดเบาๆ แต่เซโนะก็สะดุ้งหันมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ

    “ทำไมสึนะโยชิคุงถึงคิดแบบนั้นละคะ”

    “ก็แหม...ก็ถ้าคนที่เรารักทำตัวแปลกๆไป ไม่ว่าใครก็ต้องเป็นห่วงกันทั้งนั้นแหล่ะนะ เธอเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ ก็ได้รับความรักจากเบียคุรันขนาดนั้นแหล่ะนะ”

    “....มันก็อาจจะจริงอย่างที่คุณว่าก็ได้นะ ถ้างั้นฉันขอถามอะไรซักหน่อยจะได้ไหมคะ”

    “อะไรเหรอ”

    “ทำไมสึนะโยชิคุงถึงชอบฮิบาริซังล่ะคะ”เธอถาม ผมอึ้งไปซักพัก ก่อนที่จะตอบไปว่า

    “ความรักน่ะ มันไม่ต้องมีเหตุผลหรอกนะ แต่เท่าที่พี่คิด มันไม่จำเป็นที่จะต้องมีเหตุผล ขอแค่เรารักเขาแค่นั้นก็พอแล้วล่ะ ถึงแม้เราจะรักเขาข้างเดียวก็เถอะนะ”

    “งั้นเหรอคะ งั้นฉันขอตัวไปนอนต่อดีกว่า ลมทะเลมันทำให้ง่วง ฮ้าววว”เธอพูดอย่างงัวเงียก่อนที่จะกลับขึ้นห้องไปนอน โดยที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของผมอีกเลย...........

    .....................................................................

    สายลมอ่อนๆพัดยอดไม้ให้พลิ้วไปตามลม ร่างของเด็กชายนั่งอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งในป่า สายตาทอดมองไปยังบ้านพักที่ส่งแสงเรืองรอง เผยให้เห็นว่าคนในบ้านกำลังทำกิจกรรมอะไรกันอยู่บ้าง เด็กชายเอามือเท้าคาง ดวงตามองไปข้างหน้าที่เดิมอย่างเย็นชาไร้ความรู้สึก ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี พลันนั้นสายตาที่เย็นชากลับไหววูบ ถึงแม้จะไม่แสดงออกมาให้เห็น แต่ก็มีความรู้สึกอยู่ในดวงตาสีฟ้าใสนั้นอยู่บ้าง ต่างกับเมื่อครู่ เด็กชายก้มมองที่คอของตน เผยให้เห็นสร้อยคอที่เป็นรูปไม้กางเขนสีขาว ขอบดำ สร้อยเป็นผ้ายืดสีดำลายขาว ในไม้กางเขนสลักภาษาอัลฟาเบทตัวเขียนไว้ ก่อนที่จะมีคำพูดคำหนึ่งเลื่อนลอยออกมาจากปากของเด็กหนุ่ม

    …I’m sorry but I love you…

    .....................................................................

    “อร่อยจริงๆเลยน้า กับข้าวฝีมือยามาโมโตะก็อร่อยอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ”ผมลูบท้องเบาๆแล้วหันไปยิ้มร่าให้ยามาโมโตะ

    “แหะๆ เกินไปมั้งสึนะ ว่าแต่เซโนะหายไปไหนแล้วหล่ะ เมื่อกี้ฉันเห็นเขากินแค่นิดเดียวแล้วก็เดินหายไปเลย”

    “เซโนะช่วงนี้แปลกๆ ไม่เป้นไรหรอกน่า วัยรุ่นก็อย่างนี้แหล่ะ พวกเราเองก็เคยเป็นนี่เนอะ”

    “นั่นสินะ มา กินกันต่อๆ”ยามาโมโตะยิ่มให้ผม ก่อนจะลงมือยำอาหารต่อโดยที่คนอื่นๆก้กินเช่นกัน โดยลืมข้อสงสัยเมื่อครู่ไปซะสนิท.........

    .....................................................................

    เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เด็กหนุ่มก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นไม่เปลี่ยนแปลงจนชักง่วง เด็กหนุ่มหาววอดๆ ก่อนที่จะมีเสียงๆหนึ่งแทรกเข้ามาจนเขาลืมตาตื่น

    “ยังไม่เลิกระรานชีวิตชาวบ้านเค้าอีกเหรอไงโซล”เด็กหนุ่มหันขวับไปมองก็พบร่างของหญิงสาวผมสีดำขลับอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ข้างๆตัวเขา เด็กหนุ่มยันกายให้ลุกขึ้นก่อนจะหันหน้ำไปมองร่างของหญิงสาว

    “หึ..หึ..หึ ตราบใดที่พี่เลิกระรานชีวิตชาวบ้านเค้านั่นแหล่ะ”เด้กหนุ่มส่งเสียงหัวเราะเย็นยะเยือก จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้

    น่ากลัว...

    “หึ...ไอ้นิสัยแย่ๆแบบนี้คงเอามาจากนายบ้านั้นสินะ”

    “แล้วทำไม พี่เกี่ยวอะไรด้วย”

    “ก็เปล่านี่...เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า นายตามฉันมาทำไม”

    “ผมนั่นแหล่ะที่ต้องพูดคำนั้นน่ะ พี่คิดจะทำอะไรกันแน่”

    “นายตอบไม่ตรงคำถามนะ”ถึงความเย็นชาของเด็กหนุ่มจะทำให้เธออึดอัดอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ต้องปรัปสีหน้าให้ปกติที่สุด ถ้าเธอยังต้องการจะปิดบังความลับที่ว่านั่นเอาไว้

    “....ก็ได้ครับ ผมยอมแพ้แล้ว ผมแค่อยากตามพี่มาแค่นั้นแหล่ะมีอะไรรึเปล่า”

    “นายไม่รู้สึกถึงจิตสังหารที่ฉันปล่อยออกมาบ้างรึไง”

    “จิตสังหารของพี่มันเรื่องขี้ประติ๋วสำหรับผมไปแล้วล่ะนะ ไม่รู้ว่าพี่เอาเวลาทั้งหมดไปไว้ไหนกัน จิตสังหารตกลงไปเยอะเลย”เด็กหนุ่มยังคงมองร่าของคนที่ได้ศักดิ์ว่าเป็นรุ่นพี่ของตนด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม แต่ด้วยคำถามที่เหมือนจะเป็นการเย้ยหยันเด็กสาวอยู่บ้าง เด็กสาวเริ่มขมวดคิ้วอย่าหงุดหงิด แต่ก็ยังไม่ทำอะไรนอกเหนือไปกว่านี้

    “เหอะๆ นายเองก็เหมือนกันนี่ ไม่รู้ว่าจะยังเป็นเด็กขี้แงคนก่อนที่ฉันพามาจากสถาบันวิจัยบ้าๆนั่นรึเปล่า แต่ถ้าพูดเอาความจริง นายเองก็ไม่ได้แตกต่างจากแม่เลย ถึงจะเป็นลูกครึ่งก็เถอะ”เซโนะพูดกับเด็กหนุ่ม สายตาจ้องหน้าของเขาไม่กระพริบ ดูเหมือนว่าคำพูดของเด็กสาวจะเริ่มไปกระทบกับจิตใจของเด็กหนุ่มบ้างแล้ว เด็กหนุ่มเริ่มปล่อยจิตสังหารออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเก็บมันไว้ แล้วมองเด็กสาวอย่างจริงจัง

    “พี่คิดจะทำอะไรกันแน่ บอกผมมาสิ!!”เด็กหนุ่มพูดอย่างเหลืออด จนอัปกริยาที่ขาแสดงออกมาตอนนี้ไปทำให้ความอดทนของเด็กสาวหมดลงเพียงเท่านี้

    “ขอโทษ ที่ฉันบอกนายไม่ได้ นายเป็นอะไร อยากรู้ความจริงจนถึงขนาดตามฉันมาเชียวรึ”

    “ขอโทษ ที่ผมปล่อยพี่ไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นบอกมาซะ!!”เด็กหนุ่มยังคงดื้อด้านต่อไปจนเด็กสาวถอนหายใจก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

    “ถ้านายคิดจะเอาคำตอบ เราคงต้องมา สู้กัน ซะแล้วล่ะ”เด็กสาวพูดด้วยสายตาที่มุ่งมั่น เด็กหนุ่มสะอึก เหมือนมีอะไรมาจุกแน่นที่ลำคอ คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายลงไปทันที

    “....!!”กว่าเด็กหนุ่มจะรุ้สึกตัวอีกทีก็มีเชือกสีเทาพันธนาการเขาไว้แน่น เขาไม่ได้ตุกติกอะไรยังคงยืนอยู่ทั้งๆที่ถูกมัดเอาไว้อย่างนั้น

    “หึ....”เด็กสาวยิ้มกริ่มก่อนที่จะมองไปที่ร่างของเด็กหนุ่มที่โดนพันธนาการไว้

    “อะ..อึ้ก!”เด็กหนุ่มร้องครางด้วยความเจ็บเมื่อเชือกถูกรัดแน่นขึ้นก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงไปนั่งบนกิ่งไม้อย่างหมดสภาพ

    “นายนะ ก็ไม่แตกต่างจากแม่ของนายเลย ไม่เลยซักนิดเดียว”ร่างของเด็กสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนที่จะกระโดดหนีไป

    “......”ดูเหมือนว่าคำว่าแม่ จะเป็นคำที่ทำร้ายเด็กหนุ่มไม่น้อย ดวงตาไหววูบ ราวกับมีภาพความทรงจำที่อยากลืม เด็กหนุ่มยันตัวให้ตนพิงกับต้นไม้อย่างทะลักทุเล ขาที่ชันเข่าข้างหนึ่งระนาบไปกับกิ่งไม้แข็งแรงนั่น

    และเชือกสีเทาที่หลุดหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้!!

    เด็กหนุ่มนั่งนิ่ง หลับตาเหมือนตั้งใจทำสมาธิ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาโดยคงสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม เด้กหนุ่มล้วงมือเข้าไปในเสื้อ ล้วงไม้กางเขนสีขาวดำนั่นออกมา ก่อนที่ริมฝีปากบาง จะเลื่อนลอยคำพูดคำนึงออกมา

    “พี่ไม่รู้จริงๆนะเหรอ ถึงข้อความที่ซ่อนอยู่ในไม้กางเขนนี่ สิ่งที่พี่สอนให้ผมเชื่อมั่นในศรัทธานี่น่ะ โธ่ พี่ครับ พี่ทำให้ผมเจ็บตัวอีกแล้วนะ”เด็กหนุ่มตัดพ้อเบา ก่อนที่ล้มตัวลงนอน ปล่อยเพียงให้เรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันของเขาเท่านั้น........

     

    .....................................................................

    โอ้ มาอัพแล้วนะคะ ท่านต้องอ่านดีๆท่านถึงจะจับพิรุทของแต่ตัวละครได้ ฮะๆ วันนี้ข้าน้อยเบื้องหลังละครมาฝากเจ้าค่า>_<<<<<<

    เอ่อ วันนี้เข้ากองถ่ายวันแรก ทุกคนค่อนข้างไร้ปัญหา พวกเราเลยเริ่มถ่ายกันเลยค่ะ ตอนแรกก็ไม่มีปัญญาหา ปัญหาคือตอนที่สอง ทำให้ท่นฮิร้องไห้เท่านั้นแหล่ะ

    ทูน่า-เอาน่าเคียวยะ ร้องให้หน่อยเถอะ

    ฮิ-ร้องไม่เป็น= =

    ทูน่า-เอาเถอะน่า เคียวยะ ร้องหน่อยเถอะ

    ฮิ-ร้องไม่เป้นจริงๆ

    ยามะ-โธ่ หือ อื้อ อ้อ อ๊า โอ้ะ(ร้องอะไรของมันนี่)เอางี้สิ

    ยามาโมโตะเข้าไปยืนข้างหลังท่านฮิ ก่อนจะหยิบพริกไทยมาโรยเจ้าค่ะ ท่านฮิร้องไห้ ก่อนจะรีบเอามือปิดจมูกเพื่อไม่ให้ไอ เอ้า เพอร์เฟกต์โว้ย

    ตัดฉับไปที่กองถ่ายละครตอนที่5 ตอนนี้มีตัวละครใหม่โผล่มาด้วยสินะ

    เค้าคนนั้นคือ.........

    โซลคุง!(ไม่ใช่โซล โซลอีทเตอร์นะ คนนี้น่ารักกว่าเยอะ)

    โซลคุง-สวัสดีครับ ผทจะมาร่วมกองถ่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะฮะ

    เซจัง(เซโนะ)-คนนี้น่ะเหรอ ที่จะมาเปิดโปงความชั่วของฉันน่ะ น่ารักเกินไปมั้ย

    Me-ไม่หรอก ถึงจะน่ารักแต่ก็เก่งนะเอ้อ ^ ^’’

    ข้าน้อยพูดยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหันไปหาโซลคง ส่งสายตาประมาณว่า ช่วยพี่ด้วยเถอะนะ โซลคุงก็ส่งสายตากลับมาว่า ครับๆ= =’’

    จบการถ่ายทำละครตอนที่5 เซโนะถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นรังสีอมหิตของจริงของโซลคุง ขอบคุณมากที่ช่วยพี่นะน้องงงงงงT T

    การถ่ายละครตอนที่6 วึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ต้องใช้ฝีมือในการแสดงของเซโนะกับโซลคุงด้วย เมื่อถึงฉากที่ต้องยืนบนต้นไม้ โซลคุงก็เก่งมาก เหมือนลิงจริงๆเลยล่ะเออ

    โซลคุง-ผมเซียนแล้วฮะพี่ ผมไม่ใช่ลิง-*-

    ไม่ใช่ลิงก็ไม่ใช่จ้ะ เอาเป้นว่าขอจบเพียงเท่านี้ เพราะขี้เกียจแฉแล้ว หิวค่าT TTT

    ขอไปนี้ก่อนนะคะ ไว้เจอกันในตอนที่7นะคะ บายบี^_^’’

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×