ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาลครั้งหนึ่ง ใน Reflection Season

    ลำดับตอนที่ #3 : Part2-ผู้ร่วมทางคนที่1(60%)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 54


    Part2

    หากคนเราสามารถเชื่อใจกันได้ ฉันคงไม่เจ็บปวด

    หากคนเราสามารถรักกันได้ ฉันคงไม่ต้องผิดหวัง

    และหากคนเราสามารถอยู่ด้วยกันได้..ฉันคงไม่สูญเสียคนที่ฉันเชื่อใจ

    ..และคนที่ฉันรักสุดหัวใจ

    ............................................................

    เชนตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดและเหนื่อยล้า ผ้าห่มอุ่นๆกับหมอนนุ่มเว้นแต่พื้นที่ไม่ค่อยนุ่มเท่าไหร่ทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากจะลุกขึ้นมาเลย

    ตอนที่ฉันฝันครั้งนั้น มันนานขนาดไหนนะ?’

    เชนค่อยๆลุกขึ้น ตัวของเขาหนักอึ้งจนแทบจะยืนไม่ไหว

    “ที่ไหนเนี่ย...”เด็กหนุ่มลุกออกมาจากเต็นท์ มองบรรยากาศธรรมชาติรอบตัวที่สดชื่นเย็นสบายและสดชื่นจนเคลิ้ม แล้วก็มีกลิ่นหอมๆมาสะดุดให้เด็กหนุ่มหันไปมองรอบตัว

    ตื่นแล้วเหรอ

    แปะ..

    “ว๊ากกกกก”เชนร้องลั่นอย่างลืมตัว เมื่อมีฝ่ามือปริศนาวางลงบนไหล่ของเขา

    “เฮ้ยๆจะตกใจอะไรนักหนา ไม่ต้องกลัวหรอกน่า”เชนค่อยๆหันไปมองเจ้าของฝ่ามือนั้น ก็พบร่างสูงของชายหนุ่มผมสีดำสนิท ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่ยืนจับบ่าเขาอยู่

    “คุณ..เป็นใครฮะ?

    คำถามคลาสสิคที่เวลาไม่ว่าใครก็ต้องเคยถาม...

    ชายหนุ่มขยับริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย ก็จะโค้งแนะนำตัว

    “ฉันชื่อเอสยินดีที่ได้รู้จักนะ..เชน”เมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกชื่อของตนเอง เด็กหนุ่มก็ขยับตัวออกห่างเล็กน้อย

    “คุณรู้ชื่อผมได้ไงฮะ?

    ชายหนุ่มยกนิ้วแตะริมฝีปากของตัวเอง

    “..ความลับ..”เชนมองกริยาของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา ไม่รู้ด้วยความรู้สึกอะไร มันคงเป็นความรู้สึกคุ้นเคย…ราวกับเคยพบกันที่ไหนมาก่อน

    “มากินข้าวก่อนเถอะ”เด็กหนุ่มค่อยๆเดินไปรับอาหารหน้าตาน่ากินจากอีกฝ่ายมา ความรู้สึกแรกที่เขารู้สึกได้..คือเขาต้องใช้ช้อนตักอาหารใส่ปากสินะ..

    “โอ้ย!!”แต่แล้วเด็กหนุ่มกลับชะงักปล่อยช้อนลงพื้น ก่อนจะคลำข้อศอกที่พันด้วยผ้าพันแผลของตนเองด้วยความเจ็บ..แต่ว่า..แผลนี่ได้มาตั้งแต่เมื่อไรนะ

    อ้อ..จริงสิ..คงได้มาตอนที่ฆ่าคนพวกนั้นสินะ..ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย

    เด็กหนุ่มคิดในใจ ก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหารต่อไปอย่างทุลักทุเล

    ในขณะเดียวกัน เอสแอบมองอยู่ไกลๆ ราวกับจะรับรู้สิ่งที่เด็กหนุ่มคิดได้ในทันที ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนะนึกย้อนไปถึงวันเวลาเก่าๆ

    ตอนที่เราฝึกเราก็หวั่นไหวเหมือนกัน

    และแล้วความทรงจำเก่าๆก็ย้อนกลับเข้ามาทำร้ายตัวเอง..

    “เอ้า รออะไรอยู่ล่ะ ฆ่ามันซะสิ”ผู้ที่เป็นอาจารย์เอ่ยสั่งลูกศิษย์ที่ดูแล้วไม่น่าจะอายุถึง10ขวบเลยด้วยซ้ำ

    เด็กน้อยมองกระต่ายน้อยสีขาวน่ารักตรงหน้าอย่างสับสน

    “แต่ว่า...”

    เพียะ!!!!

    มือที่ใหญ่กว่าใบหน้าของเด็กน้อยซะอีกฟาดลงไปบนใบหน้าของเด็กน้อยอย่างไม่ออมแรงจนเด็กน้อยกระเด็นไปไกล

    “อย่าหวั่นไหว...เจ้าเป็นนักฆ่า เป็นนักฆ่าถึงแม้จะเป็นใคร เด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ หรือจะเป็นครอบครัว สิ่งที่เจ้ารักที่สุด..เจ้าก็จะต้องฟันมันลงให้ได้..จำไว้!!

     

    …………………………………………

    ผมมาแล้วฮะ~’เด็กหนุ่มวิ่งขึ้นไปยืนข้างชายหนุ่มคนเดิมที่เขาเคยเห็นก่อนจะยื่นดอกไม้ช่อนึงให้

    ขอบคุณที่อุตส่าห์ไปซื้อมาให้ฉันนะชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะเดินลงเนินไปยัง..หลุมศพที่ตั้งอยู่ในร่มเงาของต้นไม้ต้นหนึ่ง

    ชายหนุ่มวางดอกไม้ลงหน้าหลุมศพ

    นี่คือหลุมศพของใครกันเหรอฮะ’…..’’

    ชายหนุ่มชะงักก่อนจะยิ้มอย่างอ่อยโยนระคนเศร้าสร้อย

    คนที่ฉันรัก...’

    “เชน!!!”เด็กหนุ่มสะดุ้งมองใบหน้าของชายหนุ่มผมสีดำสนิทตรงหน้า

    เอส…?

    “ฉันเรียกตั้งนานแล้วนะ มัวเหม่ออะไรเหรอ”อีกฝ่ายถาม

    “เอ่อ..คือไม่มีอะไรหรอกนะครับ”ที่จริง เมื่อกี้เขาใกล้จะเคลิ้มหลับไป แล้วเขาก็เห็นภาพพวกนั้นอีกแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในรถไฟที่เป็นห้องFirst Class ตอนแรกเขาก็อึ้งนิดหน่อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาขึ้นรถไฟ แถม..เป็นห้องชั้นหนึ่งด้วยอีกแน่ะ

    ย้อนกลับไปตอนที่เขาคุยกับเอส

    คุณทำงานอะไรเหรอฮะ?’

    อ่อ ฉันเป็นนักล่าน่ะ

    เอ๋ นักล่าเหรอ

    ก็เป็นอาชีพที่จ้างวานให้ไปหาสิ่งต่างๆน่ะ แต่ปกติฉันจะไม่รับงานอะไรง่ายๆหรอกนะถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่ฉันสนใจ

    เด็กหนุ่มมองไปยังใบหน้าของเอสที่มองไปนอกหน้าต่างนั่น แล้วคิดในใจว่า

    ทำไมนะ ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่คนรู้จัก ทั้งๆที่เราเป็นเพียงคนแปลกหน้า ทำไม..ถึงได้ช่วยกัน ถึงได้พามาด้วยกันล่ะ

    ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำน่ะสิจู่ๆชายหนุ่มตรงหน้าก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนเขาสะดุ้ง เอาอีกแล้ว อ่านใจเขาอีกแล้ว..

    “ทำไมล่ะฮะ?

    “หึ..ไม่เห็นต้องมีเหตุผลเลยนี่”ชายหนุ่มหัวเราะ ก่อนหันมามองหน้าของเชน

    “เป็นแบบนี้ผมจะแย่เอานะครับดันเป็นคำตอบที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะฮะ กับคนที่ผมไม่เคยได้เจอ ไม่เคยรู้จัก ผม..ผม..ฮึก”จู่เสียงของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น เด็กหนุ่มก้มหน้าลงแล้วร้องไห้ออกมา สีหน้าของชายหนุ่มนั้นเศร้าสลดราวกับ..ได้เจอคำพูดที่ทำให้เขาเจ็บปวด ก่อนจะลูบหัวเชนเบาๆ

    “ต่อจากนี้ฉันจะดูแลนายเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ต่อจากนี้นายก็คือคนสำคัญคนหนึ่งของฉัน

    หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ขอตัวออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งอยู่กับเก้าอี้อย่างเหนื่อยหน่าย..กระซิบคำพูดประโยคหนึ่งกับตัวเองอย่างเงียบเชียบ

    นี่เธอ..ลืมไปแล้วจริงๆเหรอ?

    ……………………………………………………

    “นี่ อบพายแอปเปิ้ลเสร็จรึยัง ลูกค้ารอนานแล้วนะ!!

    “ครับพี่! จะยกออกไปเดี๋ยวนี้แหล่ะครับ”นี่ก็เป็นอีกกิจวัตรประจำวันหนึ่งของผม

    บ้านของผมเป็นร้านเบเกอรี่ร้านเล็กๆที่มีลูกค้าแวะเวียนมามากมาย ผมกับพี่สาว และครอบครัวของผมทำงานอย่างแข็งขันทุกวัน ร้านที่ตั้งแต่รุ่นก่อนๆสืบทอดมาให้ จนถึงเวลานี้ มันก็ดูคล้ายจะเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

    “เหนื่อยมั้ยล่ะเอลิธ”พี่สาวของผม แอนนา หันมาพูดกับผมด้วยความอ่อนโยน

    “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่แอน”

    “แต่ก็ต้องพักบ้างนะ เอางี้ละกัน! เธอออกไปยืนพักนั่งพักที่สวนหลังบ้านก่อนนะ จะได้ไปเก็บมะเขือเทศกับดอกลิลลี่มาให้พี่พิซซ่ากับใส่แจกันด้วย เอาตะกร้าไปซะแล้วออกไปได้แล้ว”พี่สาวของผมยื่นตะกร้ามาให้ ผมรับมันก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เดินข้ามเนินเตี้ยๆไปอีก ก่อนจะถึงสวนที่ผมและพี่ของผมปลูกกันเอง ผมเดินไปก่อนจะนั่งลงที่ชิงช้าสีขาวใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่อย่างสบายใจ..แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับไป..

    โครม!!เพล้ง!!

    กรี๊ด!!!!” เสียงพี่แอนนากรีดร้องอย่างตกใจระคนหวาดกลัวทำให้ผมตื่นวิ่งไปที่บ้านซึ่งเป็นร้าน แล้วก็พบกับ

    ข้าวของที่หล่นกระจาย แจกันและแก้วแตกบนพื้น ทุกสิ่งทุกอย่างกระจัดกระจายไปหมด ด้วยฝีมือของ..นักเลงกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่เต็มร้าน

    “เฮ้ย!!พวกแก ยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าบ้านเลยนะ”

    “แต่พวกเราจ่ายครบตามกำหนดแล้ว..

    เพียะ!!

    “หุบปากไปเลยยัยแก่เอ้ย!!แล้วดอกเบี้ยของฉันล่ะ ฉันยังไม่ได้คิดเลยนะเว้ย”นักเลงคนนั้นฟาดแม่จนแม่ลอยไปไกล พี่แอนนาตามไปด้วยความเป็นห่วงก่อนจะมองพวกนั้นอย่างแค้นเคือง

    “นี่แก!!ทำร้ายแม่ของฉันเหรอ!!”พี่แอนนาเตรียมจะลงมือ แต่ก็ถูกไอ้คนนั้นรวบตัวเข้าไป

    “หึ..หน้าตาก็สวยใช้ได้เลยนี่หว่า..เอางี้ละกัน ฉันจะจับตัวแม่นี่ กับยายแก่คนนั้นไปเป็นตัวประกันก่อน ถ้าลูกชายมันหาเงินมาให้ฉันไม่ได้ ก็คงรู้นะว่าจะเป็นยังไง หึหึ”ผมที่พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบวิ่งพรวดออกไปหน้าบ้านทัน

    กึก!!โครม!!

    ผมสะดุด ล้มลงตรงเศษแก้วจนมันทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ ผมเจ็บมากเพราะตรงขาที่โดยเศษแก้วทำให้ผมลุกขึ้นไม่ได้ โธ่เอ๊ย!!!

    แม่!!!! พี่แอน!!!...ม่ายยยยยยยย!!!

    …………………………………………………

    “ถึงแล้วล่ะเมืองดีมิท”เอสก้าวลงจากรถไฟโดยมีเชนตามมาติด เอสกุมมือเชน ก่อนจะลากเดินดุ่มๆไปหาที่พัก

    “มีดอกไม้สวยๆกับผักผลไม้เต็มไปหมดเลยฮะ!”เชนมอของข้างทางด้วยใบหน้าตื่นเต้น

    “เพราะชื่อเมืองๆนี้มาจากชื่อของเทพีแห่งพืชผลการเกษตรยังไงล่ะ”

    “อ๋อ เพราะมีพืชผลเยอะเลยตั้งแบบนั้นสินะฮะ”

    “ฉลาดนี่..”เอสยิ้ม ก่อนจะรีบเดินต่อ

    ทันใดนั้นดวงตาคมสีน้ำเงินก็เหลือบไปเห็น ร้านเบเกอรี่ร้านเล็กๆตั้งอยู่ด้านขวาของถนน ร้านนั้นปิดอยู่ แต่ก็มี เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลปนส้มๆ ดวงตาสีเขียวอ่อนๆ นั่งอยู่หน้าร้านด้วยสภาพมีผ้าพันแผล

    “โฮ่ว..เดี๋ยวชะตา..คงจะมาบรรจบกันสินะ”เขาพึมพำก่อนจะเดินไปที่โรงแรมที่อยู่ข้างร้านนั้น

    “ขอจองห้องพักที่ดีที่สุดของที่นี้ ส่วนบิลก็”เอสไปกระซิบกระซาบกับแคชเชียร์ พอเสร็จแล้ว เชนสังเกตแคชเชียร์ทำหน้าราวกับเห็นผี ก่อนจะรีบโทรศัพท์เป็นการใหญ่

    “ไปกระซิบอะไรกับเค้าเหรอฮะ”เชนกระตุกแขนเสื้ออีกฝ่ายเบาๆด้วยความอยากรู้

    “ไม่มีอะไรหรอก..”เอสยิ้ม ก่อนจะรับกุญแจห้องแล้วถือเป้ขึ้นไปบนห้องทันที

    เป็นอะไรของเค้ากันน้า เอสเนี่ย

    เวลาผ่านไป

    ตุบ!!

    เสียงดังราวกับมีคนตีกันจากด้านล่างดังขึ้นจนเอสออกไปยืนนอกหน้าต่างเพื่อดูสถานการณ์

    “ฉันไปล่ะ!!”เอสวิ่งออกไปจากห้อง

    “เอ๋ ผมไปด้วยสิ”เชนทำหน้าเป๋อเหลอ ก่อนจะวิ่งตามไปอีกคน

    ที่ข้างล่างนั้น เอลิธกำลังถูกรุมทำร้ายจากฝีมือพวกนักเลงที่บุกยึดร้านของเขาเมื่อวันก่อน เอลิธแทบจะทำอะไรไม่ได้ เพราะแผลที่ยังหายไม่สนิท บวกกับจำนวนที่มีมากกว่าของคนพวกนั้นทำให้เขาได้แต่ใช้มือปัดป้องไปเท่านั้น

    “นี่..พวกแกน่ะ”เสียงๆหนึ่งเรียกความสนใจของนักเลงกลุ่มนั้นไปได้ในทันที

    สนใจจะมาลองฟัดกับฉันซักทีมั้ย ไอ้พวกหน้าบาก

    และจะบอกไว้อย่าง..

     ว่าเจ้าของเสียงที่หาเรื่องและเย้ยหยันโค ตะ ระ นั่น…

    เป็นเสียงของเอส….

    “เอ็งว่าใครหน้าบากห๊า หน้าฉันออกจะหล่อ อย่างอ๊อฟ ปองศักดิ์”

    คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนแถวนั้นคิดได้พร้อมกันทันทีว่า โหย ถ้าหน้าเอ็งหล่อแบบออฟ ปองศักดิ์จริง ข้าว่าคนเก็บขยะแถวบ้านข้ายังหล่อกว่าเล้ย

    “เฮ้ย นายน่ะ หลับตาซะ”เอสหันมาพูด เอลิธที่ยังงงๆแต่ก็หลับตาทันที

    อุ๊บ!!อ๊าก!!อ๊อก!!เอื้อก!!อื้ยย!!อู้ย!!โอ๊กกก!!อั่ก!!

    สารพัดเสียงสุดหน้ากลัวสร้างความหวั่นใจให้กับทั้งเชนและเอลิธเป็นอย่างมาก

    “เรียบร้อย”

    “ว้าว เอสเก่งจังฮะ”เอสยื่นมือไปฉุดเอลิธขึ้นมาจากพื้น

    “นายชื่ออะไร?

    “อะ..เอลิธ”เขาตอบแบบยังงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

    “ทำไม..นายถึงได้โดนซ้อมแบบนั้นน่ะ”

    “..ก็เพราะมันขี้โกง คิดดูเบี้ยที่ฉันจ่ายไปแล้วมาทบอีกน่ะสิ ทั้งๆที่หนี้ก็หมดแล้วแท้ๆ แม่ของฉัน กับพี่สาวฉัน ก็เลยโดนจับตัวไป ถ้าฉันยังหาเงินไปให้พวกมันไม่ได้ภายในวันพรุ่งนี้ แม่กับพี่ของฉันคง”เอลิธพูดไปก็อยากร้องไห้ไป เอสตบบ่าเบาๆ

    “ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยนายกับครอบครัวของนายเอง”

    “ยังไงล่ะ/ยังไงเหรอฮะ”เชนเละเอลิธถามขึ้นมาพร้อมกัน

    ฉันมีแผนน่ะ

    ……………………………….

    “สุดยอด…..”เอลิธมองมังกรสีแดงที่เขาขี่อยู่อย่างไม่เชื่อสายตา

    “ได้มาตอนที่หาของน่ะยกให้เลยละกัน นายขี่เป็นไม่ใช่เหรอ”ชายหนุ่มขยับยิ้ม

    “รู้ได้ยังไง?

    “บอกก็ไม่สนุกน่ะสิ”เอสเอ่ย แล้วหันไปอุ้มเด็กน้อยนามเชนขึ้น

    ….”เชนมองการกระทำของคนที่อุ้มตนเองอยู่

    “ไปกันดีกว่าเนอะ เชน”เอสขยับยิ้มอ่อนโยน ราวกับพ่อพูดกับลูกชายของตัวเอง เชนพยักหน้ารับเบาๆ เกาะแขนเอสที่ขึ้นไปขี่มังกรสีดำแน่น

    ทั้งสองคนขยับปากพึมพำเวทบทหนึ่ง แล้วกุมบังเหียนบังคับให้มังกรออกบินไปทันที

    ส่วนเชนนั้น เมื่อได้ลมเย็นๆปะทะใบหน้า เด็กน้อยก็สลบคอพับไปทันที

    ………………………………….

    “เชน..

    “ใครน่ะ?

    “เชน..

    “อยู่ที่ไหนกันนะ

    “ฉันอยู่ตรงนี้ไง”

    “ข้างหลังผม?”เชนหันไปมอง ก็พบเด็กหนุ่มผมสีเงิน ดวงตาสีเงินที่ข้างซ้ายถูกปิดบังไว้ด้วยผ้าผืนดำผืนหนึ่ง

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ..”เด็กหนุ่มขยับยิ้ม เชนมองคนเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ ถึงจะจำไม่ได้ทั้งหมด เชนก็รู้ดีว่าคนๆนี้เป็นใคร

    เวส

    และเรียกอย่างมั่นคงไม่แม้แต่ลังเล

    …………………………….

    “อ้ะ”เชนสะดุ้งตื่น และพบว่าตัวเองยังคงถูกอุ้มอยู่ในอ้อมกอดของเอสที่มาถึงที่หมายพร้อมกับมังกรเรียบร้อย

    “หืม?ตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะต้องทิ้งไว้บนนี้แล้วนะเนี่ย”เอสยิ้ม เชนเบ้ปาก

    “ถ้าคุณทำอย่างนั้นผมจะโกรธจริงๆด้วย”

    ..อย่างอนเลยนะ”เอสยกมืออย่างยอมแพ้ นึกในใจว่าต้านอารมณ์แบบที่เด็กๆมีไม่ได้เลย

    “แล้วจะให้ทำยังไงต่อล่ะ?”เอลิธหันมาถาม

    “เผาบ้านนั้นทิ้งไปเลย แล้วเดี๋ยวฉันจะเข้าไปช่วยพี่กับแม่ของนายเอง”เอสยิ้ม สวมผ้าคลุมมีหมวกยาวถึงข้อเท้าสีดำเพื่อพรางตา

    “เอ๋ แล้วผมล่ะ?”เชนชี้หน้าตัวเอง

    “หึ อยากเข้าไปด้วยงั้นเหรอ ก็เอาสิ”ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมให้เชน แล้วอุ้มเชนเดินอย่างไร้เสียงเข้าไปในบ้านราวกับไม่มีตัวตน

    “เฮ้อเดย์เผาบ้านนั้นทิ้งให้ที”เอลิธลูบหัวมังกรสีแดงนามว่าเดย์แล้วออกคำสั่ง ดวงตาสีเขียวของมังกรตัวนั้นราวกับจะบอกว่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง แล้วอ้าปากพ่นไฟออกไป ทำให้บ้านหลังนั้นติดไฟลุกพรึ่บขึ้นทันที

    ถ้าแผนการของเอสสำเร็จก็ดีสิ

    ……………………………………..

    “พวกนี้นี่อ่อนแอจังเลยเนอะว่ามั้ย”ชายหนุ่มวางเชนลง แล้วย่อตัวชี้ให้ดูพวกอันธพาลทั้งหลายที่สลบเหมือดเพราะขาดอากาศ

    “ถ้าเอสว่าอย่างนั้นนะฮะ”เชนพยักหน้ารับเบาๆ แล้วเดินตามเอสที่เดินนำหน้าไปติดๆ

    “ไม่เห็นมีเลยหรือพวกนั้นจะเอาไปซ่อนไว้ที่อื่น”ชายหนุ่มปาดเหงื่อที่ไหลออกมาเพราะความร้อนของบ้านที่กำลังถูกเผา

    “ผมว่าไม่น่าจะใช่นะฮะ”เด็กน้อยเอ่ยขัด ก่อนจะมองไปที่หีบไม้ใหญ่ที่วางอยู่มุมห้อง เชนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ป้ายของเหลวสีแดงเข้มติดนิ้วมา..

    “นี่ใช่เลือดไหมฮะ”เชนหันไปถามเอส เอสย่อตัวลง ก่อนจะเปิดหีบออกอย่างแช่มช้า

    …!!”เอสเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆจะไม่รู้เลย ส่วนเชนที่เห็นของในหีบนั้นก็ปิดปากแน่น กันไม่ให้มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากปาก

    …………………………………….

    “ไหนล่ะ แม่กับพี่สาวของฉัน”เอลิธมองเอสด้วยดวงตาแข็งกร้าว เอสเงียบ ก่อนจะเปิดหีบไม้ที่เขาลากออกมาให้เอลิธดู

    มะไม่ไม่จริง”เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลส้มทรุดลงไปกับพื้น เพราะสิ่งที่เขาเห็นในหีบคือ..

    ร่างของแม่และพี่สาวของเขาที่ถูกแทงจนพรุน ดวงตาของทั้งสองเบิกกว้างด้วยความทรมาน ร่างกายบิดงอด้วยความเจ็บปวด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว

    เอลิธปิดตาของตัวเองแน่น น้ำใสๆไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาสีเขียวอย่างไม่หยุดหย่อน เชนได้แต่เงียบ หันไปพยักหน้ากับเอส แล้วเดินไปปลอบใจเอลิธ

    “อย่าร้องไห้สิฮะเรามาปิดตาให้พวกท่านกันดีกว่านะ จะได้หลับสบายๆไง”

    พร้อมกับขยับยิ้มอ่อนโยน

    “อะ..อืม”เอลิธพยักหน้ารับ แล้ววางฝ่ามือพาดผ่านดวงตาของทั้งแม่และพี่สาวของตัวเอง

    หลับให้สบายนะครับ แม่ครับ พี่แอน

    …………………………………………….

    “อือ”เอสพลิกตัวไปมาอยู่บนผ้านวม ห่มผ้าห่มจนถึงจมูก ใบหน้าคมนั้นกำลังหลับตาพริ้ม คิดว่าคงจะหลับลึกทีเดียว

    “คงจะเหนื่อยสินะครับ เลยหลับสนิทแบบนี้”เชนหัวเราะ แล้วหันไปมองเอลิธที่ยังตื่นเป็นเพื่อนเขาข้างๆ

    “เชนรู้จักเอสมานานแล้วเหรอ?

    “เมื่อสองวันก่อนนี้เองฮะ”เชนยิ้ม

    “หา?”เอลิธขมวดคิ้ว

    “ผมหนีออกมาจากที่ๆหนึ่งแล้วก็สลบไป เอสผ่านมาก็เลยช่วยผมไว้น่ะ”

    “ที่ๆหนึ่งเหรอ?

    “ผมไม่รู้หรอกครับ แม้กระทั่งตอนที่ผมตื่นมา ผมก็ไม่รู้ว่าผมคือใคร มาจากไหน ผมไม่รู้อะไรเลย ก็แค่นั้นแหล่ะครับ”

    ….”ชายหนุ่มเงียบไป

    “แต่ผมว่า ต้องมีความทรงจำของผมอยู่ที่ไหนซักที่แน่ๆเลยฮะ ถ้าออกเดินทางไปกับเอส ผมอาจจะเจอสิ่งที่ผมตามหาก็ได้”เชนยิ้มกว้างจนตาปิด

    “ฮึ..หลับเถอะเชน  ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันอีกนะ”เอลิธลูบหัวเชนเบาๆ แล้วมองเชนที่หลับไปยิ้มๆ

    บางที..ถ้าเราเดินทางไปด้วย อาจจะเจอก็ได้นะ

    …………………………………………

    Talk

              ในที่สุดก็เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ ตอน3เดี๋ยวอีกซักครู่จะทยอยลงนะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×