คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Part2-ผู้ร่วมทางคนที่1(60%)
Part2
หากคนเราสามารถเชื่อใจกันได้ ฉันคงไม่เจ็บปวด
หากคนเราสามารถรักกันได้ ฉันคงไม่ต้องผิดหวัง
และหากคนเราสามารถอยู่ด้วยกันได้..ฉันคงไม่สูญเสียคนที่ฉันเชื่อใจ
..และคนที่ฉันรักสุดหัวใจ
............................................................
เชนตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดและเหนื่อยล้า ผ้าห่มอุ่นๆกับหมอนนุ่มเว้นแต่พื้นที่ไม่ค่อยนุ่มเท่าไหร่ทำให้เด็กหนุ่มไม่อยากจะลุกขึ้นมาเลย
‘ตอนที่ฉันฝันครั้งนั้น มันนานขนาดไหนนะ?’
เชนค่อยๆลุกขึ้น ตัวของเขาหนักอึ้งจนแทบจะยืนไม่ไหว
“ที่ไหนเนี่ย...”เด็กหนุ่มลุกออกมาจากเต็นท์ มองบรรยากาศธรรมชาติรอบตัวที่สดชื่นเย็นสบายและสดชื่นจนเคลิ้ม แล้วก็มีกลิ่นหอมๆมาสะดุดให้เด็กหนุ่มหันไปมองรอบตัว
“ตื่นแล้วเหรอ”
แปะ..
“ว๊ากกกกก”เชนร้องลั่นอย่างลืมตัว เมื่อมีฝ่ามือปริศนาวางลงบนไหล่ของเขา
“เฮ้ยๆจะตกใจอะไรนักหนา ไม่ต้องกลัวหรอกน่า”เชนค่อยๆหันไปมองเจ้าของฝ่ามือนั้น ก็พบร่างสูงของชายหนุ่มผมสีดำสนิท ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่ยืนจับบ่าเขาอยู่
“คุณ..เป็นใครฮะ?”
คำถามคลาสสิคที่เวลาไม่ว่าใครก็ต้องเคยถาม...
ชายหนุ่มขยับริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย ก็จะโค้งแนะนำตัว
“ฉันชื่อเอสยินดีที่ได้รู้จักนะ..เชน”เมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกชื่อของตนเอง เด็กหนุ่มก็ขยับตัวออกห่างเล็กน้อย
“คุณรู้ชื่อผมได้ไงฮะ?”
ชายหนุ่มยกนิ้วแตะริมฝีปากของตัวเอง
“..ความลับ..”เชนมองกริยาของอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา ไม่รู้ด้วยความรู้สึกอะไร มันคงเป็นความรู้สึกคุ้นเคย
ราวกับเคยพบกันที่ไหนมาก่อน
“มากินข้าวก่อนเถอะ”เด็กหนุ่มค่อยๆเดินไปรับอาหารหน้าตาน่ากินจากอีกฝ่ายมา ความรู้สึกแรกที่เขารู้สึกได้..คือเขาต้องใช้ช้อนตักอาหารใส่ปากสินะ..
“โอ้ย!!”แต่แล้วเด็กหนุ่มกลับชะงักปล่อยช้อนลงพื้น ก่อนจะคลำข้อศอกที่พันด้วยผ้าพันแผลของตนเองด้วยความเจ็บ..แต่ว่า..แผลนี่ได้มาตั้งแต่เมื่อไรนะ
‘อ้อ..จริงสิ..คงได้มาตอนที่ฆ่าคนพวกนั้นสินะ..ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย’
เด็กหนุ่มคิดในใจ ก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหารต่อไปอย่างทุลักทุเล
ในขณะเดียวกัน เอสแอบมองอยู่ไกลๆ ราวกับจะรับรู้สิ่งที่เด็กหนุ่มคิดได้ในทันที ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนะนึกย้อนไปถึงวันเวลาเก่าๆ
‘ตอนที่เราฝึกเราก็หวั่นไหวเหมือนกัน’
และแล้วความทรงจำเก่าๆก็ย้อนกลับเข้ามาทำร้ายตัวเอง..
“เอ้า รออะไรอยู่ล่ะ ฆ่ามันซะสิ”ผู้ที่เป็นอาจารย์เอ่ยสั่งลูกศิษย์ที่ดูแล้วไม่น่าจะอายุถึง10ขวบเลยด้วยซ้ำ
เด็กน้อยมองกระต่ายน้อยสีขาวน่ารักตรงหน้าอย่างสับสน
“แต่ว่า...”
เพียะ!!!!
มือที่ใหญ่กว่าใบหน้าของเด็กน้อยซะอีกฟาดลงไปบนใบหน้าของเด็กน้อยอย่างไม่ออมแรงจนเด็กน้อยกระเด็นไปไกล
“อย่าหวั่นไหว...เจ้าเป็นนักฆ่า เป็นนักฆ่าถึงแม้จะเป็นใคร เด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ หรือจะเป็นครอบครัว สิ่งที่เจ้ารักที่สุด..เจ้าก็จะต้องฟันมันลงให้ได้..จำไว้!!”
‘ผมมาแล้วฮะ~’เด็กหนุ่มวิ่งขึ้นไปยืนข้างชายหนุ่มคนเดิมที่เขาเคยเห็นก่อนจะยื่นดอกไม้ช่อนึงให้
‘ขอบคุณที่อุตส่าห์ไปซื้อมาให้ฉันนะ’ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะเดินลงเนินไปยัง..หลุมศพที่ตั้งอยู่ในร่มเงาของต้นไม้ต้นหนึ่ง
ชายหนุ่มวางดอกไม้ลงหน้าหลุมศพ
‘นี่คือหลุมศพของใครกันเหรอฮะ’
..’’
ชายหนุ่มชะงักก่อนจะยิ้มอย่างอ่อยโยนระคนเศร้าสร้อย
‘คนที่ฉันรัก...’
“เชน!!!”เด็กหนุ่มสะดุ้งมองใบหน้าของชายหนุ่มผมสีดำสนิทตรงหน้า
“
เอส
?”
“ฉันเรียกตั้งนานแล้วนะ มัวเหม่ออะไรเหรอ”อีกฝ่ายถาม
“เอ่อ..คือไม่มีอะไรหรอกนะครับ”ที่จริง เมื่อกี้เขาใกล้จะเคลิ้มหลับไป แล้วเขาก็เห็นภาพพวกนั้นอีกแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในรถไฟ
ที่เป็นห้องFirst Class ตอนแรกเขาก็อึ้งนิดหน่อยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาขึ้นรถไฟ แถม..เป็นห้องชั้นหนึ่งด้วยอีกแน่ะ
ย้อนกลับไปตอนที่เขาคุยกับเอส
‘คุณทำงานอะไรเหรอฮะ?’
‘อ่อ ฉันเป็น’นักล่า’น่ะ’
‘เอ๋ นักล่าเหรอ’
‘ก็เป็นอาชีพที่จ้างวานให้ไปหาสิ่งต่างๆน่ะ แต่ปกติฉันจะไม่รับงานอะไรง่ายๆหรอกนะถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่ฉันสนใจ’
เด็กหนุ่มมองไปยังใบหน้าของเอสที่มองไปนอกหน้าต่างนั่น แล้วคิดในใจว่า
‘ทำไมนะ ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่คนรู้จัก ทั้งๆที่เราเป็นเพียงคนแปลกหน้า ทำไม..ถึงได้ช่วยกัน ถึงได้พามาด้วยกันล่ะ’
“ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำน่ะสิ”จู่ๆชายหนุ่มตรงหน้าก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนเขาสะดุ้ง เอาอีกแล้ว อ่านใจเขาอีกแล้ว..
“ทำไมล่ะฮะ?”
“หึ..ไม่เห็นต้องมีเหตุผลเลยนี่”ชายหนุ่มหัวเราะ ก่อนหันมามองหน้าของเชน
“เป็นแบบนี้ผมจะแย่เอานะครับ
ดันเป็นคำตอบที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้
แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะฮะ กับคนที่ผมไม่เคยได้เจอ ไม่เคยรู้จัก ผม..ผม..ฮึก”จู่เสียงของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้น เด็กหนุ่มก้มหน้าลงแล้วร้องไห้ออกมา สีหน้าของชายหนุ่มนั้นเศร้าสลดราวกับ..ได้เจอคำพูดที่ทำให้เขาเจ็บปวด ก่อนจะลูบหัวเชนเบาๆ
“ต่อจากนี้ฉันจะดูแลนายเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ต่อจากนี้
นายก็คือคนสำคัญคนหนึ่งของฉัน”
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ขอตัวออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งอยู่กับเก้าอี้อย่างเหนื่อยหน่าย..กระซิบคำพูดประโยคหนึ่งกับตัวเองอย่างเงียบเชียบ
“นี่เธอ..ลืมไปแล้วจริงๆเหรอ?”
“นี่ อบพายแอปเปิ้ลเสร็จรึยัง ลูกค้ารอนานแล้วนะ!!”
“ครับพี่! จะยกออกไปเดี๋ยวนี้แหล่ะครับ”นี่ก็เป็นอีกกิจวัตรประจำวันหนึ่งของผม
บ้านของผมเป็นร้านเบเกอรี่ร้านเล็กๆที่มีลูกค้าแวะเวียนมามากมาย ผมกับพี่สาว และครอบครัวของผมทำงานอย่างแข็งขันทุกวัน ร้านที่ตั้งแต่รุ่นก่อนๆสืบทอดมาให้ จนถึงเวลานี้ มันก็ดูคล้ายจะเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“เหนื่อยมั้ยล่ะเอลิธ”พี่สาวของผม แอนนา หันมาพูดกับผมด้วยความอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่แอน”
“แต่ก็ต้องพักบ้างนะ เอางี้ละกัน! เธอออกไปยืนพักนั่งพักที่สวนหลังบ้านก่อนนะ จะได้ไปเก็บมะเขือเทศกับดอกลิลลี่มาให้พี่พิซซ่ากับใส่แจกันด้วย เอาตะกร้าไปซะแล้วออกไปได้แล้ว”พี่สาวของผมยื่นตะกร้ามาให้ ผมรับมันก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เดินข้ามเนินเตี้ยๆไปอีก ก่อนจะถึงสวนที่ผมและพี่ของผมปลูกกันเอง ผมเดินไปก่อนจะนั่งลงที่ชิงช้าสีขาวใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่อย่างสบายใจ..แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับไป..
โครม!!เพล้ง!!
“กรี๊ด!!!!” เสียงพี่แอนนากรีดร้องอย่างตกใจระคนหวาดกลัวทำให้ผมตื่นวิ่งไปที่บ้านซึ่งเป็นร้าน แล้วก็พบกับ
ข้าวของที่หล่นกระจาย แจกันและแก้วแตกบนพื้น ทุกสิ่งทุกอย่างกระจัดกระจายไปหมด ด้วยฝีมือของ..นักเลงกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่เต็มร้าน
“เฮ้ย!!พวกแก ยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าบ้านเลยนะ”
“แต่พวกเราจ่ายครบตามกำหนดแล้ว..”
เพียะ!!
“หุบปากไปเลยยัยแก่เอ้ย!!แล้วดอกเบี้ยของฉันล่ะ ฉันยังไม่ได้คิดเลยนะเว้ย”นักเลงคนนั้นฟาดแม่จนแม่ลอยไปไกล พี่แอนนาตามไปด้วยความเป็นห่วงก่อนจะมองพวกนั้นอย่างแค้นเคือง
“นี่แก!!ทำร้ายแม่ของฉันเหรอ!!”พี่แอนนาเตรียมจะลงมือ แต่ก็ถูกไอ้คนนั้นรวบตัวเข้าไป
“หึ..หน้าตาก็สวยใช้ได้เลยนี่หว่า..เอางี้ละกัน ฉันจะจับตัวแม่นี่ กับยายแก่คนนั้นไปเป็นตัวประกันก่อน ถ้าลูกชายมันหาเงินมาให้ฉันไม่ได้ ก็คงรู้นะว่าจะเป็นยังไง หึหึ”ผมที่พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบวิ่งพรวดออกไปหน้าบ้านทัน
กึก!!โครม!!
ผมสะดุด ล้มลงตรงเศษแก้วจนมันทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ ผมเจ็บมาก
เพราะตรงขาที่โดยเศษแก้วทำให้ผมลุกขึ้นไม่ได้ โธ่เอ๊ย!!!
“แม่!!!! พี่แอน!!!...ม่ายยยยยยยย!!!”
“ถึงแล้วล่ะ
เมืองดีมิท”เอสก้าวลงจากรถไฟโดยมีเชนตามมาติด เอสกุมมือเชน ก่อนจะลากเดินดุ่มๆไปหาที่พัก
“มีดอกไม้สวยๆกับผักผลไม้เต็มไปหมดเลยฮะ!”เชนมอของข้างทางด้วยใบหน้าตื่นเต้น
“เพราะชื่อเมืองๆนี้มาจากชื่อของเทพีแห่งพืชผลการเกษตรยังไงล่ะ”
“อ๋อ เพราะมีพืชผลเยอะเลยตั้งแบบนั้นสินะฮะ”
“ฉลาดนี่..”เอสยิ้ม ก่อนจะรีบเดินต่อ
ทันใดนั้นดวงตาคมสีน้ำเงินก็เหลือบไปเห็น ร้านเบเกอรี่ร้านเล็กๆตั้งอยู่ด้านขวาของถนน ร้านนั้นปิดอยู่ แต่ก็มี เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลปนส้มๆ ดวงตาสีเขียวอ่อนๆ นั่งอยู่หน้าร้านด้วยสภาพมีผ้าพันแผล
“โฮ่ว..เดี๋ยวชะตา..คงจะมาบรรจบกันสินะ”เขาพึมพำก่อนจะเดินไปที่โรงแรมที่อยู่ข้างร้านนั้น
“ขอจองห้องพักที่ดีที่สุดของที่นี้ ส่วนบิลก็
”เอสไปกระซิบกระซาบกับแคชเชียร์ พอเสร็จแล้ว เชนสังเกตแคชเชียร์ทำหน้าราวกับเห็นผี ก่อนจะรีบโทรศัพท์เป็นการใหญ่
“ไปกระซิบอะไรกับเค้าเหรอฮะ”เชนกระตุกแขนเสื้ออีกฝ่ายเบาๆด้วยความอยากรู้
“ไม่มีอะไรหรอก..”เอสยิ้ม ก่อนจะรับกุญแจห้องแล้วถือเป้ขึ้นไปบนห้องทันที
‘เป็นอะไรของเค้ากันน้า เอสเนี่ย’
เวลาผ่านไป
ตุบ!!
เสียงดังราวกับมีคนตีกันจากด้านล่างดังขึ้นจนเอสออกไปยืนนอกหน้าต่างเพื่อดูสถานการณ์
“ฉันไปล่ะ!!”เอสวิ่งออกไปจากห้อง
“เอ๋ ผมไปด้วยสิ”เชนทำหน้าเป๋อเหลอ ก่อนจะวิ่งตามไปอีกคน
ที่ข้างล่างนั้น เอลิธกำลังถูกรุมทำร้ายจากฝีมือพวกนักเลงที่บุกยึดร้านของเขาเมื่อวันก่อน เอลิธแทบจะทำอะไรไม่ได้ เพราะแผลที่ยังหายไม่สนิท บวกกับจำนวนที่มีมากกว่าของคนพวกนั้นทำให้เขาได้แต่ใช้มือปัดป้องไปเท่านั้น
“นี่..พวกแกน่ะ”เสียงๆหนึ่งเรียกความสนใจของนักเลงกลุ่มนั้นไปได้ในทันที
“สนใจจะมาลองฟัดกับฉันซักทีมั้ย ไอ้พวกหน้าบาก
”
และจะบอกไว้อย่าง..
ว่าเจ้าของเสียงที่หาเรื่องและเย้ยหยันโค ตะ ระ นั่น
เป็นเสียงของเอส
.
“เอ็งว่าใครหน้าบากห๊า หน้าฉันออกจะหล่อ อย่างอ๊อฟ ปองศักดิ์”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนแถวนั้นคิดได้พร้อมกันทันทีว่า โหย ถ้าหน้าเอ็งหล่อแบบออฟ ปองศักดิ์จริง ข้าว่าคนเก็บขยะแถวบ้านข้ายังหล่อกว่าเล้ย
“เฮ้ย นายน่ะ หลับตาซะ”เอสหันมาพูด เอลิธที่ยังงงๆแต่ก็หลับตาทันที
อุ๊บ!!อ๊าก!!อ๊อก!!เอื้อก!!อื้ยย!!อู้ย!!โอ๊กกก!!อั่ก!!
สารพัดเสียงสุดหน้ากลัวสร้างความหวั่นใจให้กับทั้งเชนและเอลิธเป็นอย่างมาก
“เรียบร้อย”
“ว้าว เอสเก่งจังฮะ”เอสยื่นมือไปฉุดเอลิธขึ้นมาจากพื้น
“นายชื่ออะไร?”
“อะ..เอลิธ”เขาตอบแบบยังงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“ทำไม..นายถึงได้โดนซ้อมแบบนั้นน่ะ”
“..ก็เพราะมันขี้โกง คิดดูเบี้ยที่ฉันจ่ายไปแล้วมาทบอีกน่ะสิ ทั้งๆที่หนี้ก็หมดแล้วแท้ๆ แม่ของฉัน กับพี่สาวฉัน ก็เลยโดนจับตัวไป ถ้าฉันยังหาเงินไปให้พวกมันไม่ได้ภายในวันพรุ่งนี้ แม่กับพี่ของฉันคง
”เอลิธพูดไปก็อยากร้องไห้ไป เอสตบบ่าเบาๆ
“ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยนายกับครอบครัวของนายเอง”
“ยังไงล่ะ/ยังไงเหรอฮะ”เชนเละเอลิธถามขึ้นมาพร้อมกัน
“ฉันมีแผนน่ะ”
.
“สุดยอด
..”เอลิธมองมังกรสีแดงที่เขาขี่อยู่อย่างไม่เชื่อสายตา
“ได้มาตอนที่หาของน่ะ
ยกให้เลยละกัน นายขี่เป็นไม่ใช่เหรอ”ชายหนุ่มขยับยิ้ม
“รู้ได้ยังไง?”
“บอกก็ไม่สนุกน่ะสิ”เอสเอ่ย แล้วหันไปอุ้มเด็กน้อยนามเชนขึ้น
“
.”เชนมองการกระทำของคนที่อุ้มตนเองอยู่
“ไปกันดีกว่าเนอะ เชน”เอสขยับยิ้มอ่อนโยน ราวกับพ่อพูดกับลูกชายของตัวเอง เชนพยักหน้ารับเบาๆ เกาะแขนเอสที่ขึ้นไปขี่มังกรสีดำแน่น
ทั้งสองคนขยับปากพึมพำเวทบทหนึ่ง แล้วกุมบังเหียนบังคับให้มังกรออกบินไปทันที
ส่วนเชนนั้น เมื่อได้ลมเย็นๆปะทะใบหน้า เด็กน้อยก็สลบคอพับไปทันที
.
“เชน..”
“ใครน่ะ?”
“เชน..”
“อยู่ที่ไหนกันนะ
”
“ฉันอยู่ตรงนี้ไง”
“ข้างหลังผม?”เชนหันไปมอง ก็พบเด็กหนุ่มผมสีเงิน ดวงตาสีเงินที่ข้างซ้ายถูกปิดบังไว้ด้วยผ้าผืนดำผืนหนึ่ง
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ..”เด็กหนุ่มขยับยิ้ม เชนมองคนเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ ถึงจะจำไม่ได้ทั้งหมด เชนก็รู้ดีว่าคนๆนี้เป็นใคร
“เวส”
และเรียกอย่างมั่นคงไม่แม้แต่ลังเล
.
“อ้ะ
”เชนสะดุ้งตื่น และพบว่าตัวเองยังคงถูกอุ้มอยู่ในอ้อมกอดของเอสที่มาถึงที่หมายพร้อมกับมังกรเรียบร้อย
“หืม?ตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะต้องทิ้งไว้บนนี้แล้วนะเนี่ย”เอสยิ้ม เชนเบ้ปาก
“ถ้าคุณทำอย่างนั้นผมจะโกรธจริงๆด้วย”
“..อย่างอนเลยนะ”เอสยกมืออย่างยอมแพ้ นึกในใจว่าต้านอารมณ์แบบที่เด็กๆมีไม่ได้เลย
“แล้วจะให้ทำยังไงต่อล่ะ?”เอลิธหันมาถาม
“เผาบ้านนั้นทิ้งไปเลย แล้วเดี๋ยวฉันจะเข้าไปช่วยพี่กับแม่ของนายเอง”เอสยิ้ม สวมผ้าคลุมมีหมวกยาวถึงข้อเท้าสีดำเพื่อพรางตา
“เอ๋ แล้วผมล่ะ?”เชนชี้หน้าตัวเอง
“หึ อยากเข้าไปด้วยงั้นเหรอ ก็เอาสิ”ชายหนุ่มสวมผ้าคลุมให้เชน แล้วอุ้มเชนเดินอย่างไร้เสียงเข้าไปในบ้านราวกับไม่มีตัวตน
“เฮ้อ
เดย์
เผาบ้านนั้นทิ้งให้ที”เอลิธลูบหัวมังกรสีแดงนามว่าเดย์แล้วออกคำสั่ง ดวงตาสีเขียวของมังกรตัวนั้นราวกับจะบอกว่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง แล้วอ้าปากพ่นไฟออกไป ทำให้บ้านหลังนั้นติดไฟลุกพรึ่บขึ้นทันที
‘ถ้าแผนการของเอสสำเร็จก็ดีสิ’
..
“พวกนี้นี่อ่อนแอจังเลยเนอะว่ามั้ย”ชายหนุ่มวางเชนลง แล้วย่อตัวชี้ให้ดูพวกอันธพาลทั้งหลายที่สลบเหมือดเพราะขาดอากาศ
“ถ้าเอสว่าอย่างนั้นนะฮะ”เชนพยักหน้ารับเบาๆ แล้วเดินตามเอสที่เดินนำหน้าไปติดๆ
“ไม่เห็นมีเลย
หรือพวกนั้นจะเอาไปซ่อนไว้ที่อื่น”ชายหนุ่มปาดเหงื่อที่ไหลออกมาเพราะความร้อนของบ้านที่กำลังถูกเผา
“ผมว่าไม่น่าจะใช่นะฮะ”เด็กน้อยเอ่ยขัด ก่อนจะมองไปที่หีบไม้ใหญ่ที่วางอยู่มุมห้อง เชนเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ป้ายของเหลวสีแดงเข้มติดนิ้วมา..
“นี่ใช่เลือดไหมฮะ”เชนหันไปถามเอส เอสย่อตัวลง ก่อนจะเปิดหีบออกอย่างแช่มช้า
“
!!”เอสเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆจะไม่รู้เลย ส่วนเชนที่เห็นของในหีบนั้นก็ปิดปากแน่น กันไม่ให้มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากปาก
.
“ไหนล่ะ แม่กับพี่สาวของฉัน”เอลิธมองเอสด้วยดวงตาแข็งกร้าว เอสเงียบ ก่อนจะเปิดหีบไม้ที่เขาลากออกมาให้เอลิธดู
“มะ
ไม่
ไม่จริง”เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลส้มทรุดลงไปกับพื้น เพราะสิ่งที่เขาเห็นในหีบคือ..
ร่างของแม่และพี่สาวของเขาที่ถูกแทงจนพรุน ดวงตาของทั้งสองเบิกกว้างด้วยความทรมาน ร่างกายบิดงอด้วยความเจ็บปวด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
เอลิธปิดตาของตัวเองแน่น น้ำใสๆไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาสีเขียวอย่างไม่หยุดหย่อน เชนได้แต่เงียบ หันไปพยักหน้ากับเอส แล้วเดินไปปลอบใจเอลิธ
“อย่าร้องไห้สิฮะ
เรามาปิดตาให้พวกท่านกันดีกว่านะ จะได้หลับสบายๆไง”
พร้อมกับขยับยิ้มอ่อนโยน
“อะ..อืม”เอลิธพยักหน้ารับ แล้ววางฝ่ามือพาดผ่านดวงตาของทั้งแม่และพี่สาวของตัวเอง
“หลับให้สบายนะครับ แม่ครับ พี่แอน”
.
“อือ
”เอสพลิกตัวไปมาอยู่บนผ้านวม ห่มผ้าห่มจนถึงจมูก ใบหน้าคมนั้นกำลังหลับตาพริ้ม คิดว่าคงจะหลับลึกทีเดียว
“คงจะเหนื่อยสินะครับ เลยหลับสนิทแบบนี้”เชนหัวเราะ แล้วหันไปมองเอลิธที่ยังตื่นเป็นเพื่อนเขาข้างๆ
“เชนรู้จักเอสมานานแล้วเหรอ?”
“เมื่อสองวันก่อนนี้เองฮะ”เชนยิ้ม
“หา?”เอลิธขมวดคิ้ว
“ผมหนีออกมาจากที่ๆหนึ่งแล้วก็สลบไป เอสผ่านมาก็เลยช่วยผมไว้น่ะ”
“ที่ๆหนึ่งเหรอ?”
“ผมไม่รู้หรอกครับ แม้กระทั่งตอนที่ผมตื่นมา ผมก็ไม่รู้ว่าผมคือใคร มาจากไหน ผมไม่รู้อะไรเลย ก็แค่นั้นแหล่ะครับ”
“
.”ชายหนุ่มเงียบไป
“แต่ผมว่า ต้องมีความทรงจำของผมอยู่ที่ไหนซักที่แน่ๆเลยฮะ ถ้าออกเดินทางไปกับเอส ผมอาจจะเจอสิ่งที่ผมตามหาก็ได้”เชนยิ้มกว้างจนตาปิด
“ฮึ..หลับเถอะเชน ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันอีกนะ”เอลิธลูบหัวเชนเบาๆ แล้วมองเชนที่หลับไปยิ้มๆ
“บางที..ถ้าเราเดินทางไปด้วย อาจจะเจอก็ได้นะ”
Talk
ในที่สุดก็เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ ตอน3เดี๋ยวอีกซักครู่จะทยอยลงนะคะ
ความคิดเห็น