คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คนในถ้ำ
หลังจากเล้งยี่ หรือ “เทียนเล้ง” (ต่อไปขอใช้ชื่อ “เทียนเล้ง” เพราะเล้งยี่เป็นชื่อที่อาจารย์เรีกด้วยความเอ็นดู) ได้ใช้วิชาตัวเบา พลิกตัวลงจากเขาก็วิ่งตะบึ่งมาทาง ด้านตะวันตก เป็นเวลา2 วันโดยไม่หยุดพัก
เพื่อที่จะทำให้ตัดใจจากการคิดถึงอาจารย์ จึงใช้วิชาตัวเบา “ท้าเท่าท่องดอกบัว”
ไปในการเดินทาง ทั้งเดินเป็นแนงตรง พุ่งเป็นแนวโค้ง ซิกแซก ขึ้นลงเป็นการทบทวนและปรับพลังให้ใช้ได้อย่างเหมาะสม อันท้าเท่าท่องดอกบัวนี้เมื่อใช้ออก จะมีลักษณะลมปราณแสดงรูปลักษคล้ายมีดอกบัวรองรับในการก้าวไปแต่ละก้าวที่ทิ้งเท้าลง
หลังจากที่อาจารย์ถ่ายทอดลมปราณของท่านให้ ตอนนี้ลมปราณของ เล้งยี่มีไม่ต่ำกว่า 100 ปี ทำให้ต้องปรับท่าทางการใช้พลังทั้งภายใน และภายนอกใหม่เพื่อให้ชิน หลังจากเดินทางและปรับพลังอย่างจดจอมาใน 2 วันนี้ ทำให้ลืมการคิดถึงอาจารย์ได้บาง เทียนเล้งเดินทางไม่ทราบว่าเป็นระยะทางเท่าไร หลังจากนั้นรู้สึกว่าหิวขึ้นมา จึงได้หาผลไม้ภายในป่ากินเพื่อประทั่งหิว
หลังจากเด็ดผลไม้ในป่าเพื่อที่จะหาที่พักชั่วคราวเพื่อรับประทาน พลันเดินมาพบเห็นบริเวณภูเขาเบื้องหน้ามีลักษณะแปลกประหลาด ไม่เป็นไปตามธรรมชาติจึงได้ใช้ความคิดทบทวนความรู้ ที่อาจารย์ได้สั่งสอนมาพบว่าเบื้องมีลักษณเป็นเหมือนกับ
ค่ายกลอันพิเศษ พิสดาร ซึ่งทำให้เทียนเล้งเกิดความคิดที่จะรองพิชิตค่ายกลพิสดารนี้ดู
จึงใช้ที่ว่างด้านหน้าเป็นกระดานขีดเขียนลักษณะต่างๆของค่ายกลและทำการทดสอบ เทียนเล้งใช้เวลาหมกมุ่น ครุ่นคิด แก้ค่ายกลพิสดารนี้เป็นเวลากว่า 7 วัน
จึงได้เข้าใจมาได้อย่างปรุโปร่ง ทำให้นึกนับถือผู้ที่ตั้งค่ายกลนี้ยิ่งนัก
เนื่องจากอจารย์ที่ได้สั่งสอนศาสตร์ค่ายกลให้แก้ เทียนเล้งยังมีค่ายกลใดที่คิดเกินกว่าสามวันมาก่อน แต่ค่ายกลนี้กลับต้องใช้เวลาถึง 7 วันเมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเกิดความเสื่อมใสนับถือต่อผู้สร้าง
หลังจากนั้นเทียนเล้งก็เดินเข้าไปในค่ายกล ตามแบบแผนที่คิด จนกระทั้งไปถึงใจกลางค่ายกล พบว่าภายในมีถ้ำอยู่จึงเขาไปยังข้างในถ้ำ
เมื่อเขาไปภายใน พบว่าภายในถ้ำประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมายมีทั้งห้องที่เป็นสมบัติ ห้องปรุงยา ห้องคำภีร์ต่างๆ แต่เทียนเล้งที่ได้อาจารย์อันเป็นผู้มีปริยัติธรรม
ภายในห้องต่างๆ ที่เห็นล้วนมีอันตรายแฝงอยู่ทั้งนั้นเป็นบทททดสอบจิตใจ ของผู้สร้างค่ายกลนี้ ว่าผู้ที่เข้ามานั้นนอกจากจะมีความสามารถแล้วยังเป็นคนดี ไม่มีความอยากได้ ของที่ไม่ใช้ของตน ทำให้ผ่านพ้อันนตรายมาได้
จนกระทั่งเทียนเล้งเดินเข้าไปในห้องในสุดพบว่ามีคนถูกหล่ามโซ่อยู่
ด้านในผมสีขาวที่ยาวปิดบังใบหน้า ผิวเหี่ยวย่น นั่งทำสมาธิอยู่ เมื่อเทียนเล้งเห็นให้คิดถึงอาจารย์ที่จากมา จึงเอ๋ยถามว่า
“ท่านผู้มีอาวุโส..... ท่านผู้มีอาวุโส...... ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครถึงอยู่ที่นี้”
ชายชราถูกล่ามโซ่อยู่นี้ตอนที่ เทียนเล้งเดินเข้ามาก็คิดว่าตัวเองฝันไปไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาในที่นี้ได้หลังถูกกักขังมานานกว่า 60 ปี พอได้ยินเสียงกอเทียนเล้งจึงลืมตาขึ้นและมองมาที่กอเทียนเล้ง “เจ้าหนุ่มเจ้าเป็นใครเข้ามาที่นี้ได้อย่างไร”
“ข้าผ่านค่ายกลเข้ามา” “พอเดินมาห้องในสุดก็พบผู้อาวุโสอยู่ที่นี้”
“โอสวรรค์..ยังมีความปราณีต่อเราผู้เฒ่าที่ได้สร้างปาปมามาก”เสียงชายชรารำพึ่งขึ้น
“ท่านผุ้อาวุโสทำไม่ถูกจองจำอยู่นี้”
“เรามีนามว่า” หม่าจิ้นฟง เมื่อก่อนไม่กลัวฟ้ากลัวดินกระทำตามนิสัยตน
หลังสำเร็จวิชาออกท่องยุทธจักร เข่นฆ่าทั้งธรรมะทั้งอธรรมทำตามใจตนเองจนไม่มีใครกล้าต่อกร ต่อมาเดินทางไประหว่างพบกับนักพรตเห็นเป็นที่ขัดตาจึงลงมือ แต่ไม่คิดว่านักพรตที่ลงมือต่อสู้ด้วยนั้นคือนักพรตฟ้ามหากาฬ ซึ่งมีวิชาเก่งกล้าและกำลังจะสำเร็จเป็นเซียน ท่านได้จองจำเราไว้เพื่อให้สำนึกผิดและกลับตัว
ทั้งยังบอกว่าถ้าเจ้าสามารถอยู่ได้จนผ่าน 60 ปีไปแล้ว จะมีผู้ที่มีความสามารถผ่านค่ายกล ฟ้ามหากาฬ มาได้เจ้าอาจจะรอดเราจะทิ้งคำสั่งเสียไว้ในห้องถัดไป”
เมื่อเทียนเล้ง ได้ยินดังนั้นก็เดินไปยังห้องถัดไปพบว่าบนโต๊ะกลางห้องมีกล่อง เล็กๆว่าอยู่จึงเดินไปเปิดออกพบว่าด้านในมี แผ่นหนังไม่รู้ว่าเป็นแผ่นอะไร ฟอกจนอ่อนนุ่มและมีอักษรเขียนไว้ว่า เมื่อท่านมาถึงห้องนี้ละเปิดกล่องออกแสดงว่าท่านเป็นบุคคลผู้มีความสามารถ และไม่มีความโลภ ไร้กิเลสแล้ว ข้านักพรตมหากาฬขอมอบกระบี่ฟ้ากำหนด ที่อยู่ทีพาน ใต้รูปของเรา และยาเม็ดฟ้ากำหนดจำนวน12 เม็ดเพื่อให้ไว้ช่วยผู้เดือดร้อน ส่วนคนที่ถูกขังอยู่ห้องข้างๆนั้น แล้วแต่ท่านจะพิจารณา ตามสมควร
จาก นักพรตฟ้ามหากาฬ
หลังจากเทียนเล้งอ่านข้อความเสร็จ ก็เดินไปที่หน้ารูปวาดนักพรตพร้อมคุกเข่าโขกศรีษะ 9 ครั้ง
พลันตัวกระบี่ที่อยู่บนพานคลายมีญาญวิเศษ พลันลอยเข้ามายังมือ เทียนเล้ง
“เทียนเล้ง” เมื่อรับกระบี่ได้ทำการชักออกมาดูภายในห้องบังเกิดเป็นประกายแสงแดง
ส่องสว่างออกมาจากตัวกระบี่
อันตัวกระบี่ฟ้ากำหนดนี้ ยาวประมาณ 80 ซ.ม. ด้ามกระบี่เป็นรูปมังกรอ้าปากตัวกระบี่เป็นลิ้นมังกรสีแดง สลักอักษรตรงกลางมีร่องยาวทั้งสองข้างสลักอักษรโบราณ ฝักกระบี่มีลายเฆมลอย เมื่อกระบี่อยู่ในฝักเหมือนมังกรด้นเฆม กระบี่ฟ้ากำหนดนี้นักพรตฟ้ามหากาฬได้นำหินอุตการบาตที่ตกลงมาจากฟ้า พร้อมเลือดมักกรทำการหลอมตีเป็นกระบี่ขึ้นมาภายใน 49 วันใช้ทั้งกำลังภายในและญาณบารมี ทั้งยังสลักคำสวดส่งวิณญาณ กระบี่นี้จึงสามารถป้องกันทั้งคุนสัย และวิญาณต่างๆได้ทั้งตัวกระบี่ยังบี่ยังมีญาณวิเศษด้วย
เมื่อเทียนเล้ง เก็บกระบี่เขาฝักแล้วมองไปยังพาน พบว่ายังมียาเม็ดบรรจุอยู่ในขวด
จึงทำการเก็บขวดยาเข้าไปไว้ในอกเสื้อ แล้วเดินไปยังห้องที่ “หม่าจิ้นฟง” ถูกล่ามโซ่อยู่ เมื่อ “หม่าจิ้นฟงเห็น” กอเทียนเล้งเดินถืดกระบี่ฟ้ากำหนดมาก็ให้ดีใจนัก
เอ่ยขึ้นว่า “ ท่านจะช่วยข้าออกไปหรือไม่”
“ได้ข้าจะช่วยผุ้อาวุโสออกจากโซ่นี้”
“ แต่ผู้อาวุโสต้องกลับตัวใหม่ไม่ฆ่าใครอีกท่านจะสัญญาญได้หรือไม่”
“ ได้ซิท่านข้าได้คิดแล้วและสาบานว่าจะติดตามคนที่ช่วยข้าออกไปเป็นข้ารับใช้ให้”
“ไม่ต้องเป็นข้ารับใช้ข้าหลอกท่านผู้อาวุโส”
“ไม่ได้ข้าสาบานไว้แล้ว”
“งั้นตกลง” เอาเป็นว่าให้ผู้มีอาวุโสเป็นผู้ช่วย แนะนำ เป็นที่ปรึกษาของข้า
ในการเข้าสู้ยุกธจักรในครั้งนี้เป็นเวลา 3 ปี
เมื่อพ้น 3 ปีแล้วผู้อาวุโสเป็นอิสระจากข้าพเจ้า
“ หม่าจิ้นฟงหยุดคิดนิด” “ตกลงอย่างนั้นก็ได้”
“ เทียนเล้งชักกระบี่ออกชี้ไปยังที่ล่าม” “หม่าจิ้นฟง” ทันที่ เสียงดังเปรี้ยง ปรากฏอักษรบนตัวกระบี่เจิดจ้า โซ่ขาดจากกันออก
อันโซ่ที่ล่าม “หม่าจิ้นฟง” อยู่นี้เป็นโซ่ล่ามมังกร ที่ใช้เหล็กเย็นจากใต้ทะเลลึกมาทำ สามารถทนต่อการทำลายกำลังภาย บนตัวมีอักษรฟ้าสลักอยู่ มีแต่เพียงกระบี่ฟ้ากำหนดเท่านั้นที่จะทำลายได้ส่วนการใช้นั้น จะมีคาถาท่องให้เปิดออกและใช้คู่กับกระบี่ฟ้ากำหนดเท่านั้น เมื่อ “เทียนเล้ง” ช่วย “หม่าจิ้นฟง” ออกจากที่ล่ามโซ่แล้วเนื่องจากถูกล่ามอยู่นานและยังเกร็งพลังเพื่อที่จะทำลายโซ่ทำให้ร่างกายของ “หม่าจิ้นฟง” อ่อนแอ่ ทรุดโทรมลง เทียนเล้งจึงมอบยาฟ้ากำหนดให้กิน 1เม็ดเพื่อฟื้นฟูสภาพ หลังกนยาและโคจรลมปราณอีก2 ชั่วยาม
ทั้งสองก็เดินทางออกจากค่าย และใช้ในวิชาตัวเบาทะย้าน ออกมาเพื่อเข้าสู้โลกเบื้องนอก “หม่าจิ้นฟง”ใช้วิชาตัวเบาจิ้งจอกเหินฟ้า ซึ่งเป็นยอดวิชาที่มันคิดขึ้นเมื่อตอนเห็นการเคลื่อนไหวของจิ้งจอกฟ้าตัวหนึ่ง ซึ่งเมื่อใช้ออกทำให้เห็นเป็นเพียงเงาวาบไป วาบมาเท่านั้น
แม้ “หม่าจิ้นฟง” จะใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาจิ้งจอกเหินฟ้า ก็ยังไม่สามารถหนีห่างหรือยืดระยะจาก เทียนเล้งได้ จึงทำให้ภายในใจของ “หม่าจิ้นฟง” อดรู้สึกนับถือละชื่นชมในตัวเทียนเล้ง ด้วยที่มีวัยยังเป็นหนุ่มอยู่นี้แม้ฝึกจากครรภ์มารดาก็ไม่น่าจะมีฝีมือขนาดนี้ ทำให้ได้คิดว่า เทียนเล้งจะต้องมีประสบการ์ณปฏิหารหรือมีอาจารย์ที่ล่ำเลิศฝึกสอน
เมื่อเทียนเล้งเห็น “หม่าจิ้นฟง” จะใช้ออกด้วยวิชาตัวเบาจะใช้ออกด้วยวิชาตัวเบา จึงใช้วิชาท้าวดอกบัวออกมา ติดตามไป เมื่อ“หม่าจิ้นฟง” เห็นวิชาท้าวดอกบัวอันเป็นวิชาที่สาปสูญจากการถ่ายถอดไปนานปรากฏต่อหน้าก็ให้แปลกใจยิ่ง ว่าเทียนเล้งไปเรียนมาจากที่ใดมา แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามความเป็นมา
ความคิดเห็น