ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Broken ชีวิตที่พังทลาย

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 16 : สอบปากคำ

    • อัปเดตล่าสุด 5 มิ.ย. 61


    ----เนื้อหาในตอนนี้จะมีการแก้ไขรีไรท์ในอนาคต เพราะมันอ่านแล้วขัดใจเกินไปค่ะ(??) ตอนนี้ขอลงเนื้อหาแบบพึลึกๆไปก่อนนะคะ ขออภัยในความขัดใจและสะดุดควํานี้ด้วยค่ะ---






    "............."

    "กินซุปมิโสะซะสิ"

    "............."


    บุคคลทั้งสามถูกมัดแขนขาและบังคับนั่งบนเก้าอี้ไม้ เบื้องหน้าของพวกเขามีโต๊ะยาววางตั้ง บนโต๊ะมีโคมไฟส่งแสงสลัว กล้องตั้งโต๊ะขนาดเล็ก และ.....ซุปมิโสะในถ้วยที่กำลังส่งกลิ่นหอมยั่วยวน


    "อ๊ะ---ลืมไป---โดนมัดมืออยู่นี่นะ ฮิๆๆๆๆ" เด็กสาวขอบตาคลํ้าหัวเราะอย่างซาดิสต์ ข้างๆมีไลคลอริสและอามายะยืนอยู่ไม่ห่าง

    "เลิกเล่นได้แล้ว เอซิด รีบถามพวกมันก่อนที่มันจะวางแผนทำอะไรแปลกๆ" ไลคลอริสกอดอก กำลังฟังเสียงการเต้นของหัวใจและการเคลื่อนไหวของคนทั้งสาม

    "โอ้! บางทีอาจจะต้องทรมาณหรือซ้อมซักสองสามทีก่อนล่ะ!!" อามายะพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จำมาจากในหนังบางเรื่องหรือข่าวในอดีต

    "โนๆๆ ไม่จำเป็น" เอซิดยกนิ้วส่ายส่งเสียงจิ๊จะ เธอมีวิธีที่ดีกว่านั้น




    ตุ้บ

    มือเล็กสีซีดวางบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา เรียกให้บุคคลทั้งสามเงยหน้ามอง

    "ใครสั่งให้มา" เด็กสาวโน้มตัวลง มองดูึวันซุปที่ลอยคลุ้ง

    ".........." เงียบ ไม่มีใครตอบ


    ".....สงสัยยาจะน้อยไป" เอซิดพูด เธอเห็นคนตัวเล็กสะดุ้ง

    "น-นายพลจวงจีอึน" สายตาเคร่งเครียดของซี15หันมามอง กัดฟันและมีเส้นเลือดขึ้นที่ขมับ

    "เอ๋? เชื่อได้ไหมนะ"

    "พ-พูดจริงๆนะ!! นายพลจวงจีอึนสั่งให้พวกเรา--" 

    "อี45!!"


    เอซิดมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง มองคนร่างเล็กอย่างอี45ส่ายหัวไปมาอย่างหวาดระแวง ราวกับกลัวว่ากำลังโดนจับตามอง

    "ฉันตัดสัญญาณในชุดและปิดระบบตามตัวไว้ชั่วคราวแล้ว และพร้อมเปิดใช้ทุกเมื่อ" ในมือเด็กสาวถือรีโมตทีวีเอาไว้ แน่นอนว่าในมือเธอไม่ใช่รีโมตธรรมดาอย่างที่เห็น

    สัญญาณที่อี45หรืออีกสองคนกลัว คือสัญญาณระเบิด

    ถ้าพูดหรือแพร่งพรายกระจายไปว่าใครออกคำสั่งขึ้นมา หัวของพวกเขาจะระเบิดโดยชิปที่ฝังอยู่ในสมอง

    "วางใจได้ อย่าลืมว่าฉันเคยเป็นใคร" เอซิดพาดพึ่งตำแหน่งเก่า ดวงตาของคนที่ตัวสั่นวูบไหวและพยักหน้าอย่างหวาดกลัว

    "มาต่อกัน คำสั่งที่ว่า คืออะไร"

    "ทำลายเมืองแห่งนี้-ตามหารูบี้ เฟรย์และจับเป็นกลับไป" ซี15ตอบแทนคนที่เหลือ เอฟ07ไม่พร้อมพูดเพราะหัวบาดเจ็บอยู่ อี45หวาดกลัวจนไม่กล้าตอบอะไรมาก

    "ขี่ช้างจับตั๊กแตน" เอซิดพูดเมื่อได้ยินคำตอบที่ตรงกับที่คาดไว้ 

    "ส่งหัวกะทิมาถึงสามคน เพียงเพื่อจับตัวคนๆเดียว" ภาพของเส้นผมสีเพลิงปรากฏขึ้นบนหัว เด็กสาวผู้กึ่งอมตะคนนั้น

    "ตอนแรกได้รับรายงานข้อมูลภารกิจมา ว่ารูบี้ เฟรย์ เป็นทายาทตระกูลเฟรย์ที่เหลือไม่กี่คนที่สืบความสามารถด้านการต่อสู้ระดับปรมาจารย์มา แต่--" เอฟ07พูดออกมาอย่างลืมตัว ซี15อยากจะทุบหัวเจ้าหมอนี่ให้หลับไปอีกรอบไม่ก็ให้สมองกระทบกระเทือนไปเลย คนในทีมมีแต่พวกปากสว่าง

    "แต่รูบี้ เฟรย์ที่เจอ กลับเป็นแค่เด็กผู้หญิงบอบบางสู้ไม่ได้เรื่อง ใช่มั้ยล่ะ?" เอซิดใช้มือเท้าคางกับโต๊ะ โน้มหน้าเข้าใกล้ซี15ที่ทำสีหน้าตกใจ ดวงตาสีดำมองซึ่งกันและกัน

    "ไล่ตามล่าฆ่าแทบตายมาเกือบหนึ่งปีเต็ม พอเจออีกทีกลับกลายเป็นคนละคนกับตอนแรก" เธอจิ้มนิ้วกับโต๊ะและหมุนเป็นวงกลม

    "ฝีมือพวกตัวเองล้วนๆแล้วยังจะมาสับสนอีกนะ" รอยยิ้มว่างเปล่าฉีกยิ้มขึ้น ทุกอย่างไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด

    แต่

    "ไม่.....ที่อันตรายจริงๆไม่ใช่รูบี้ เฟรย์ พวกเราไม่ได้กังวลเรื่องการฆ่าลูกเจี้ยบเลยซักนิด คุณน้องสาว" ชายผู้เรียบนิ่งกล่าวขึ้น ส่งสายตาอ่านไม่ออกใส่น้องสาวเมื่อเธอเข้าใจผิดประเด็น เหมือนจะเยาะเย้ยราวกับบอกว่ายังอ่อนหัด

    "สัตว์ประหลาดที่อยู่กับหล่อนต่างหาก ที่อันตราย"














    "เอาล่ะ! สะอาดเอี่ยมอ่องเลย!!" รูบี้วางผ้าชุบนํ้าหมาดๆในมือลง หลังจากที่ทำการทำความสะอาดไข่นกยักษ์ในฉบับของตัวเองเสร็จ เปลือกไข่มันวับเป็นประกายเหมือนแร่หินอัญมณีสีดำขลับ

    "ร่าเริงจังนะบี้ ทั้งที่เมื่อวานเจอเรื่องแบบนั้นเข้าไป" คิระที่นั่งอยู่บนพื้นพูดขึ้น หนังสือการ์ตูนในมืออ่านไปได้ครึ่งเล่ม เด็กสาวส่ายหัวทั้งที่ยังยิ้ม 

    "ไม่หรอก ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปแค่ห้านาทีอยู่เลย" เด็กสาวผมสีเพลิงยกผ้าขึ้นคลุมเปลือกไข่ที่อุ่นอีกครั้ง ดวงตาสีทับทิมสะท้อนประกายบางอย่าง มือที่จับผ้ากำแน่น

    ".....บี้กลัวฉันเหรอ" คำถามของเด็กสาว(หนุ่ม)ฉุกให้อีกคนรู้ตัว 

    "ไม่ใช่หรอก! คิระน่ะใจดี ฉัน-"

    "ฉันเกือบฆ่าเธอไปนะ"

    เสียงนั้นไม่ได้พูดอย่างสบายอารมณ์ มันหนักแน่นและไม่ได้ล้อเล่นตลก

    "........" รูบี้หันมามอง คนที่บาดเจ็บยกหนังสือขึ้นปิดหน้า บังไม่ให้เห็นว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่

    "ถ้าฉันไม่ประมาทล่ะก็....เธอก็คงไม่ต้อง........" เขาพยายามเก็บความรู้สึก รู้สึกเหมือนตัวเองนั้นไร้ประโยชน์

    เขาก็แค่คิด คิดว่าถ้าตัวเองพุ่งเข้าตะปบเจ้านั่นซะตั้งแต่แรก ถ้าไม่มัวแต่ตกใจที่มีดถูกแย่งไปล่ะก็--

    "ไม่หรอก" 



    "ไม่หรอก ไม่ว่าคิระจะฆ่าฉันหรือไม่ฆ่าฉันตั้งแต่แรก" รูบี้หลับตาลง  พูดด้วยเสียงที่ปลอบโยน

    "ฉันไม่หนักใจ เกลียด หรือโมโหหรอก มันเกิดขึ้นเร็วมากนี่นา แม้แต่เอซิดหรือเรนยังนึกไม่ถึงเลย แล้วฉันกับคิระยิ่งแล้วใหญ่" เด็กสาวนั่งลงใกล้กับคนที่มุดหน้ากับหนังสือ

    "ตอนนี้ฉันก็ยังหายใจและนั่งคุยกับคิระอยู่นะ อย่าคิดว่าฉันโดนเธอฆ่าไปแล้วเลย" เธอยิ้ม ยิ้มด้วยความบริสุทธิ์ใจ

    "........." คิระมุดหน้ากลับลงไปในหนังสือที่เปิดค้างไว้ เด็กสาวข้างๆยังคงนั่งและไม่ขยับไปไหน

    "....ขอบคุณ" เสียงขอบคุณที่แผ่วเบา นํ้าเสียงเดาได้ยากว่ากำลังดีใจหรือเศร้าอยู่ 

    รูบี้ผู้ใสซื่อไม่ได้ยิน 

    "เอ๋? พูดเบาจัง ขอโทษนะ พูดอีก--"

    "ขอบคุณ ขอบคุณที่ไม่โกรธ---"


    "หวา!! คิระ! ทำใจดีๆไว้!!"






    แปะ 

    "........" เรนที่ตัวเปียกยืนอยู่หน้าประตูได้ยินทุกอย่าง แม้ไม่ได้เปิดเข้าไปก็ได้ยินเสียงสนทนาปลอบโยนนั้น ใบหน้าของเขาคาดเดาอารมร์ไม่ออก มันเรียบนิ่งเกินไป

    "....ยัยบ้า" เขาพูดเบาๆ กำมือแน่น อารมณ์มากมายกำลังผุดขึ้นมาในตัว 

    "จะกี่ครั้งก็ยัง---เหมือนเดิมเลย"



















    "คนร้ายหนีไปซะแล้วล่ะน้า" มือของเด็กผู้ร่าเริงยกขึ้น ไม่สนใจสีหน้าเงิบๆของคนในห้อง

    "น-หนีไปแล้ว" คิระไม่อยากเชื่อหู ทำอีท่าไหนให้ตัวอันตรายหลุดออกมาง่ายๆกัน

    "โดนหลอกประสาทเข้าให้อ่ะนะ หนีเก่งกว่าสู้จริงๆเล้ย" อามายะยกมือยักไหล่ทำสีหน้าบอกว่าช่วยไม่ได้

    "พูดความจริง เพราะกลัวระเบิด" เอซิดโยนรีโมตในมือลงบนพื้น เธอแค่บลัฟไปว่าสามารถควบคุมระเบิดได้ ความจริงก็แค่ฝากเรนกับอามายะคอยรบกวนสัญญาณให้ พายุฝนฟ้าคะนองทำให้สัญญาณไม่ดี เมื่อพวกนั้นพูดอะไรออกมาสัญญาณคลื่นก็พลอยไม่ได้รับสัญญาณไปด้วยจากการที่ถูกรบกวนโดยไฟฟ้าและฝนที่หนาแน่นผิดปกติ

    "ไม่เก็บตัวไว้จะดีกว่า พวกนั้นเป็นถึงทหารพิเศษที่ถูกองค์กรโลกเลี้ยงมา" ไลคลอริสพูดเสริม เป็นความจริงที่ว่าพวกนั้นอาจจะหักหลังหรือตีลับหลังเมื่อไหร่ก็ได้ 

    "เอาล่ะๆ ช่างเรื่ององค์กรนั่นก่อน พวกเธอทั้งสองเป็นใครอ่ะ?" อามายะยังไม่รู้จักเพื่อนใหม่ทั้งสอง จึงถามด้วยเสียงที่ร่าเริง

    "เมื่อกี้วุ่นวายมากนี่นะ คนหัวฟ้าขี้เก๊กชื่อเรน ส่วนผู้หญิงใจดีนี่ชื่อรูบี้" คิระแนะนำตัวทั้งสองแบบเรียบง่ายและรวดเร็ว พร้อมกับไม่ลืมที่จะกัดคนที่ทำหน้าดุใส่

    "เราชื่ออามายะ ยินดีที่ได้รู้จัก เย้" อามายะชูสองนิ้ว ใบหน้ากลมน่ารักและยิ้มแฉ่ง รูบี้พยักหน้าพลางคิดในใจว่าคนๆนี้ดูร่าเริงดี

    ไม่เหมือนเอซิดที่ยิ้มตลอดเวลาหรือแอลที่ดูมีลับลมคมใน อามายะยิ้มเหมือนคนขี้เล่นและชวนให้รู้สึกสบายใจมากกว่า

    "เมื่อกี้ได้เรนมาช่วยงานด้วยล่ะ ขอบใจด้วยนะ" อามายะพูดขอบคุณเรน เขาพยักหน้าเงียบๆ

    "....?" รูบี้เห็นท่าทีของเรนแล้วเธอเกิดรู้สึกแปลกๆขึ้นมา เขาดูเงียบผิดปกติหลังจากเรื่องเมื่อวานมาก ยังกังวลอะไรอยู่รึเปล่านะ

    "ไม่มีอะไร" เรนเหมือนจะเห็นใบหน้าสงสัยของรูบี้ เขาเบือนหน้าหลบและบอกออกไปแบบนั้น

     ไม่ใช่แล้ว....มีปัญหาในใจชัดๆ รูบี้คิดแบบนั้น ตอนนี้เธอได้ความทรงจำกลับมาบ้างแล้ว ทำให้เธอคิดและอ่านสถาณการณ์ได้ดีขึ้นมากโข

    "......." เอซิดมองเห็นบรรยากาศอึดอัดลางๆแม้ทั้งห้องจะกำลังพูดคุยสบายอารมณ์กันก็ตาม

    "นิโคลอยากจะคุยด้วย"  "?"

    เด็กสาวพูดขัดขึ้น จงใจให้เรนได้ยิน

    "จะต้องอยู่ด้วยกัน แนะนำให้รู้กันทั่ว"















    ".....เรื่องใหญ่กว่าที่คิดแฮะ" คิระที่ได้ฟังเรื่องจากเสียงของนิโคลผ่านจอคอมพิวเตอร์ นึกไม่ถึงว่าการได้เจอกับรูบี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้

    /"รู้สึกผิดนิดๆนะเนี่ยที่ลากเด็กแบบพวกเธอมาเกี่ยวถึง 6 คน"/ นิโคลเกาหัว รู้สึกแย่ที่ลากคนอายุน้อยกว่าตัวเองร่วมสิบปีมาร่วมชะตากรรม

    "งั้นแสดงว่าพี่รูบี้โดนเล็งมาตั้งแต่หนึ่งปีที่แล้วน่ะสิ?" อามายะยกมือชี้จรดปาก นิโคลพยักหน้า

    /"ในช่วงนั้นฉันวุ่นกับการหาที่หลบภัย กับช่วยรักษาแพทตี้ด้วย"/ เด็กผู้หญิงที่ใบหน้ามีรอยปะโผล่หัวขึ้นมา ใช้นิ้วจิ้มบนหน้าจอ

    /"เรื่องภายในอะไรนั่นฉันไม่ค่อยรู้มาก แต่ที่รู้คือเผ่านกเพลิงยังไม่ได้ถูกกวาดล้างไปทั้งหมด"/ นิโคลปัดหน้าจอ ปรากฏภาพบางอย่างขึ้นบนจอฝั่งของเอซิด ทุกคนเขยิบเข้าใกล้

    /"ตระกูลเฟนิคอนถูกยืนยันว่าเหลือไม่ถึง 20 คน ตระกูลเฟรย์ยืนยันไม่ได้ ส่วนตระกูลฮวงไม่มีข้อมูล พวกเฟนิคอนหนีไปหลบอยู่ใต้ดินตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว แถมยังตัดขาดกับโลกภายนอกโดยสมบูรณ์"/ 

    "คนที่ออกมาข้างนอก ถูกเจอ แค่รูบี้" เอซิดพูดสรุปง่ายๆ 

    "แล้วจะไล่จับไปทำไมล่ะ ในเมื่อพวกนี้ตายไม่ได้??" คิระงุนงง มันดูแปลกๆพิกล จับไปก็วุ่นวาย ทั้งก่อกบฏหรือฟื้นคืนชีพมาไล่ล้างแค้นอีก

    /"จริงอยู่ที่ฆ่าตายแล้วจะฟื้นขึ้นมาไร้บาดแผล เพราะงั้นเลยถูกจับเป็นกันทั้งหมดเลยไงล่ะ"/ 

    รูบี้ตัวเย็นเฉียบ

    /"ควักลูกตาทิ้งโดยไม่ให้ถึงตายป้องกันไม่ให้หนี ตรึงร่างโดยโซ่ล่ามหรือปักหมุด"/ 

    "ง-งั้น พี่ก็--"

    /"ยังยืนยันไม่ได้แน่นอนหรอก สาวน้อย บางคนหนีไปได้ทั้งๆที่ตาบอดหรือขาขาดไปแล้ว"/ นิโคลรีบพูด แต่ไม่ได้ช่วยให้รูบี้เบาใจขึ้น

    /" เอซิด เธอพอจะเดาคำตอบได้ใช่ไหม?.....สิ่งที่ฉันต้องการน่ะ?"/ หญิงสาวเล่ามาทั้งหมดไม่ได้มีเป้าหมายอย่างต้องการให้ตามหาคน

    ".......ฮะๆๆ"

    เอซิดหัวเราะ หัวเราะด้วยเสียงที่เหมือนหัวเราะใส่เด็กๆ

    "พันธมิตร สร้างกองทัพ" หลายคนหันมามองเอซิดอย่างแตกตื่น 

    /"ฉันรู้สึกผิดนะ....แต่ก็ตามนั้นแหละ" นิโคลขอโทษ ขอโทษที่ตัวเองขออะไรที่มันเกินตัวและลำบาก

    /"รวบรวมผู้คน-และบุกเข้าไปช่วยคนในนั้น"/ คำขอที่เห็นแก่ตัวแต่ก็รู้ตัวดี

    /"ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา ฉันผิดเองที่ไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้"/ เธอลูบหัวของแพทตี้ น้องสาวเพียงคนเดียวของเธอ

    /"ขอโทษด้วยที่ฉันเห็นแก่ตัว-"/

    "ไม่"

    นิโคลพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงของเด็กสาวผมสีเพลิงพูดขัด ดวงตาของเธอแน่วแน่

    "คุณไม่ได้เห็นแก่ตัว คุณแค่อยากช่วยเหลือคนอื่น.." รูบี้พูดความคิดของตนออกไป

    /".....ฮ่าๆๆ เดี๋ยวนี้ฉันต้องโดนเด็กปลอบใจแล้วงั้นเหรอ แก่ซะแล้วสิ"/ นิโคลยิ้มทั้งที่ถอนหายใจ 

    "บอกแผนมาเลย คุณพี่สาว" เอซิดเห็นท่าทีไม่ปฏิเสธของทุกคน เธอจึงตัดสินใจไปว่าทุกคนคงเห็นด้วยที่ว่าจะช่วยคนนับร้อย 

    /"ฉันต้องใช้ของนิดหน่อยกับขอร้องเอซิดให้สร้างอะไรอีดนิด.....พวกเรามีเวลาสักสามปีได้ เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องรีบจนเกินไป"/









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×