ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 : พลังพิเศษและผลจากสารพิษ
วันต่อมา เวลาเช้า
"เอ๋? เป็นอะไรไปเหรอแอล หน้าตาดูไม่ดีเลย" รูบี้ผู้กำลังจะกินไส้กรอกย่างในมือถามแอลอย่างเป็นห่วง เด็กหนุ่มยิ้มตอบเสียงค่อย
"ไม่มีอะไรมากครับ....แค่อยาก"
"วันนี้ท้องฟ้าดูไม่ค่อยดีเลยเนอะ ฮ่าๆๆๆ" คิระพูดเสียงดังตัดเสียงของแอล มากพอจะกลบคำน่าขนลุกได้
"อ้า! คิระอย่าตะโกนสิ! เสียมารยาทนะ!" รูบี้ผู้ใสซื่อยกส้อมในมือใส่คิระร่างผู้หญิง
"เอเอ--ขอโทษน้าาา" ยังคงพูดเสียงดัง กลบไม่ให้แอลพูดถึงอวัยวะร่างกายอย่างสันหลังหรือหัว
"แหะๆๆ.....แค่อยากหาอะไรทานเพิ่มครับ" สุดท้ายก็เปลี่ยนประโยคที่จะพูด แอลลุกขึ้นและเดินออกไปสั่งอะไรที่หน้าร้านเพิ่ม
"อ๊ะ ไปด้วยสิ" คิระลุกขึ้นพรวด ไม่สนสายตาคนโต๊ะข้างๆที่มองมา
จานและถ้วยถูกวางไว้พูนโต๊ะ.....ถ้าไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ตามสั่งล่ะก็หมดเงินไปเกินพันแน่
"คิระ.....กินเยอะจังเนอะ" รูบี้ยกนํ้าขึ้นดื่ม คุยกับเรนที่นั่งก้มหน้าใส่ฮู้ด "อือ"
"รูบี้ก็ควรจะกินเยอะๆ...." ไลคลอริสหยิบนํ้าของแอลที่ดื่มไม่หมดมาดื่มต่อ ดวงตายังปิดแน่น
"อือ! แต่ ทำไมคลอริสถึงต้องหลับตาตลอดเวลาเลยอ่ะ?" รูบี้ถามอย่างใสซื่อ
"ฉันตาบอด ลืมตาไปก็ไม่มีประโยชน์" เธอวางแก้วนํ้าลงเมื่อได้ยินเสียงเดินเข้ามาใกล้
"อ๊ะ!! ขอโทษนะ" คนถามแสดงสีหน้าแตกตื่น
"ฉันไม่ถือ" ไลคลอริสส่ายมือตอบ
"ไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าบี้จะจุดไฟได้" คิระกลืนเนื้อย่างชิ้นสุดท้ายลงท้อง พูดถึงเรื่องเมื่อคืน
"อ้าว ไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้เหรอ" รูบี้ใช้แขนเสื้อยาวๆวางไว้ตรงปาก สีหน้าแสดงความไม่เข้าใจ
"ไม่นะบี้....คนธรรมดาไม่มีไฟลุกขึ้นตัวหรอก"
เรื่องเมื่อคืนมีอยู่ว่า ตอนที่เรนและคิระกลับไปรับรูบี้
พวกเขาสติแทบกระเจิงเมื่อเห็นร่างเด็กสาวมีไฟลุกท่วม และทำตัวไม่ถูกเมื่อเธอลุกขึ้นพร้อมกับไฟที่จู่ๆก็หายไป
รอยยิ้มในตอนนั้น บ่งบอกได้ว่าไม่รู้ตัวว่าทำเรื่องเหนือมนุษย์เข้าให้แล้ว
"คล้ายกับพวกนกเพลิงเลยนะครับ" เสียงค่อยทำให้เด็กหนุ่มผมสีฟ้าไม่อยู่นิ่ง
ดวงตาสีอิฐมองที่ดวงตาสีฟ้าอ่อน รอยยิ้มดูอ่อนนวลผุดขึ้น
"เพราะเป็นเพื่อนของคิระคุง ผมจะบอกให้ฟรีๆเลย" แอลยิ้ม ดวงตานั้นพยายามบดบังสิ่งที่ต้องการลึกๆ
"นกเพลิง? นกเหรอ" รูบี้ดูอยากรู้เต็มทน ทำให้เด็กหนุ่มคนขายข่าวหัวเราะเสียงแห้ง "มาใกล้ๆสิ ผมจะเล่าให้ฟัง"
เฟนิกซ์ หรือเผ่านกเพลิง(ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ)
อาจจะเป็นนกฟลามิงโก้ที่คล้ายคน หรือคนที่กลายพันธุ์เป็นนกฟลามิงโก้ คำตอบไม่ถูกเปิดเผยออกมา
ว่ากันว่าเป็นชนเผ่าที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มโลก มนุษย์พื้นเมืองที่อาศัยอยู่แถบนั้นกลายพันธุ์กันโดยไม่รู้ตัวและตัดสินใจหลบหนีไปอยู่อาศัยในถํ้าข้างใต้ทะเลสาปแห่งหนึ่ง
ทะเลสาปเต็มไปด้วยสารพิษร้ายแรงขนาดปลิดชีพปลาที่เคยอาศัยอยู่แถวนั้นได้ มีเพียงนกและสัตว์กลายพันธุ์บางชนิดที่อาศัยอยู่ได้ และมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่เองก็ด้วย
รูปร่างลักษณะยังไม่แน่ชัด คำบอกกล่าวจากนักวิทยาศาสตร์บอกว่ามีรูปร่างสูงโปร่งกว่ามนุษย์ปกติ ใบหน้ามีเค้าโครงเหมือนนกกระสา มีขนสีแดงเหมือนเปลวเพลิงเทียนไข มีปีกที่แผ่นหลังไม่สามารถบินได้
วิธีการสื่อสารกับพวกเขาเป็นปริศนา การจะเข้าไปหาถึงถิ่นก็อันตรายด้วยสารพิษของทะเลสาปที่ลอยออกมารอบๆ
คนที่รอดกลับมาและสมองเสียหายน้อยที่สุดบอกได้แค่เพียงพวกเขาสามารถจุดไฟบนร่างกายได้ ราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน ร่างกายอุ่นและร้อนมาก แค่ยืนใกล้ๆก็ตัวแทบละลาย
ชาวบ้านผูกลักษณะรูปร่างของคนในเผ่าที่ได้ยินเทียบกับนกฟินิกซ์
แต่ในเวลาไม่นาน เรื่องราวชนเผ่าลึกลับนี้ได้หายสาบสูญไปกับเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายทางการเมืองไปเรียบร้อย
"แม้แต่ที่ตั้งก็หายไป แผนที่ไหนๆก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์" ทั้งร้านไม่มีคน มีเพียงกลุ่มของพวกเขาที่นั่งอยู่
"ยังมีคนถกเถียงกันว่าสรุปแล้วเป็นนกหรือคนกันแน่อยู่.... ผมสามารถบอกได้นะว่าเป็นแบบไหนกันแน่" แอลยิ้มด้วยดวงตาที่สนุกสนาน คลอริสนั่งเงียบ รูบี้กำมือฟังทำหน้าตื่นเต้น
"ขอ------ไม่มีอะไรครับ" ยังไม่ทันได้บอกขอของตอบแทน ดวงตากดดันทั้งสองก็พุ่งเข้าใส่แอล เขาบอกปัดอย่างเศร้าๆจนเด็กสาวงงเล็กน้อย
"เป็น คน แน่นอนครับ ถึงจะบอกว่าเหมือนนก ยังไงก็เป็นคน" เรนส่งสายตาถามอ้อมๆประมาณ "ทำไมถึงคิดแบบนั้น"
".....รูบี้ฟังเรื่องโหดร้ายได้ใช่ไหมครับ ยังอยากฟังอยู่รึเปล่า"
"........"
เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าฟัง เด็กสาวก็ชะงักและคิดอยู่พักหนึ่ง
"ฟังสิ" เธอไม่ได้ใช้เสียงเริงร่า รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่สดใสแน่
อยากรู้ แอบสงสัยว่าทำไมถึงอยากรู้มากกว่านี้ รูบี้ตั้งใจฟังเรื่องที่แอลกำลังจะพูด
"งั้น ต่อไปนี้ เป็นข่าวที่เสี่ยงมาก ผมไปรู้มาจากนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง"
"หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดนิวเคลียร์ได้ไม่กี่ปี่ ผู้คนบนโลกก็เริ่มป่วยและมีอาการแปลกๆกัน บางคนอาเจียนเป็นเลือดทั้งวัน บางคนจู่ๆร่างกายก็แข็งแรงเหมือนนักกีฬาทีมชาติ" เจ้าของร้านเห็นดวงตาสีซีดของไลคลอริสก็พยักหน้าและเปลี่ยนป้ายหน้าร้านเป็นอีกด้าน
"เมื่อลองตรวจสอบดู ทางการแพทย์ไม่สามารถหาสาเหตุที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงกระทันหันได้ บอกว่าดีก็ไม่ได้เพราะบางคนถึงขั้นต้องตัดอวัยวะทิ้ง" พนักงานคนหนึ่งหยิบจานที่พูนโต๊ะใส่ถาดของตน และแบกออกไปเรื่อยๆ
เสียเวลาตรวจสอบเป็นเดือน ก็ได้ข้อสันนิษฐานแปลกๆมา
[กลายพันธุ์] [โรคล้างโลก] [สมดุลผิดเพี้ยน] พวกนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกประกาศให้ประชาชนได้รับรู้ทั้งๆที่ความจริงยังไม่ถูกไขกระจ่าง
มนุษย์พากันสูญเสียร่างกายและได้รับร่างกายแปลกๆมามากขึ้นเรื่อยๆ พอใกล้จะถึงจุดเริ่มต้นประท้วง
จู่ๆก็มีพวกบุคคลปริศนาที่สวมชุดคลุมสีแดงปรากฏตัวขึ้นและแจกจ่ายเซรุ่มที่เชื่อว่าบรรเทาอาการของโรคประหลาดได้
ชื่อของกลุ่มคนพวกนั้น คือ นกสีแดง
เซรุ่มนั้นแจกฟรีและพกติดตัวไว้ได้ บรรจุลงในกำไลที่ออกแบบพิเศษ เมื่ออาการกำเริบ เซรุ่มจะฉีดออกมาและทำให้อาการของโรคนั้นบรรเทาลงได้ ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แล้วมันก็แย่ลงชนิดที่โลกเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง"
แอลหยิบของบางอย่างขึ้นมาวางบนโต๊ะ
หลอดใส่ของเหลวขนาดเท่านิ้วก้อย ในนั้นมีของเหลวเรืองแสงสีแดงสดไม่ตกตะกอน ทั้งที่หลอดใส่นั้นขึ้นตะไคร่สีเขียว
"พอหยุดแจกจ่ายยาแค่วันเดียว---ผู้คนกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ที่พึ่งยานั้น ร่างกายก็เกิดไหม้เกรียมขึ้น" รูบี้สะดุ้งเฮือก ภาพซอมบี้ดำๆผุดขึ้นมาในหัว
"อีก 30 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ.....ร่างกายของพวกเขาพิกลพิกาลกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีเนื้อหนังมนุษย์ อวัยวะไม่อยู่ที่เดิมและใช้ชีวิตอยู่ไม่ได้ พอเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น.....โลกก็เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
ที่นึงเกิดการแย่งชิงเซรุ่มที่มีจำนวนจำกัด ที่นึงก่อตั้งกลุ่มประท้วงกฏหมายแบ่งแยกคนติดเชื้อกับคนธรรมดา ที่นึงเกิดการไล่ล่าสังหารบางอย่าง ยังไม่รู้ว่าสังหารอะไรและไม่สำคัญมาก ผมจะไม่พูดถึง"
"ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงเป็นโลกแบบที่เราอยู่.....เมื่อราวๆ 20 ปีก่อนในเวลาเพียง 1 สัปดาห์" แอลยิ้มเหมือนเล่าใกล้จบ
"เด็กที่เกิดหลังโลกเปลี่ยนแปลง ทุกคนเกิดมีพลังพิเศษติดตัวขึ้นมา สาเหตุมาจากสารพิษที่กระจายไปทั่วโลกและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป"
"คลอริสมีร่างกายที่ไม่มีวันเหนื่อย เธอสามารถทำเรื่องฝืนตัวเองอย่างยกรถไฟได้"
รูบี้ทำหน้าเหวอ คิระหลับตายิ้มแห้ง เคยเห็นมากับตาตัวเองเมื่อไม่กี่ปีก่อน
"ส่วนผม ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้เร็ว "
"คนส่วนใหญ่กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ คนธรรมดาไม่มีพลังอะไรจะหลบหนีไปอยู่ในเมืองหลวงกันหมด"
"เพราะงั้น มนุษย์กลายพันธุ์ที่พูดถึง มีโอกาศที่จะเป็นคน"
แปะ แปะ
"ฮิๆๆ ฮิๆๆ" เสียงหัวเราะสูงดังขึ้นพร้อมปรบมือชื่นชม ท้ังโต๊ะยกเว้นไลคลอริสหันไปมองด้านข้าง
ผู้หญิงคนหนึ่ง....ประมาณวัยรุ่น เส้นผมยาวสีไม้แดง ใต้ดวงตาดำบวมคลํ้าเหมือนคนอดนอน สวมเสื้อกันหนาวคลุมไหล่หลวมๆ เฮดโฟนเชื่อมสายเข้ากับอุปกรณ์ทรงสี่เหลี่ยมไม่คุ้นตา เธอนั่งอยู่บนโต๊ะอย่างไม่เกรงใจ
"เอซิด" ไลคลอริสพูดชื่อของหล่อนออกมา เด็กสาวคนนั้นหัวเราะต่อ
"ฮิๆๆๆ มาฟังนิทานเอง เล่าแบบไม่ขอค่าตอบแทน มันหายาก" เอซิดหัวเราะไม่หยุด เธอกระโดดลงจากโต๊ะ
"หืม? ผมสีสวยดีนะ" เธอเดินเข้ามาใกล้และยื่นหน้าเข้าหารูบี้ที่นั่งติดกกับทางเดิน "ขอบคุณค่ะ??" รูบี้เอียงคอ
"....เสียงเพราะด้วย นกคานาเรีย น่ารักจัง"
"????"
เอซิดไม่พูดตอบรูบี้ เหมือนพูดกับตัวเอง
"สีเหมือนไฟเทียน จุดได้ด้วยตัวเอง" รูบี้ไม่อาจพูดกลับได้ ไม่เข้าใจการกระทำของเด็กสาวนามเอซิดเลย มือขาวซีดลูบเส้นผมของเธออย่างแผ่วเบา
ดวงตาเหมือนปลาตายเหลือบมองร่างที่มีเส้นผมสีฟ้า ใบหน้าของเธอขยับนิ่งเพียงชั่ววูบ แล้วยิ้มออกมา
"ฮิๆๆๆ.... บัค" คำพูดสั้นๆหลังเสียงหัวเราะทำให้เรนที่นั่งเงียบมือกระตุก
"ฮืม~ น่าสนใจ แสงจากจอตกกระทบเข้าตา การกลายพันธุ์จากพลังงาน--"
"หยุดพล่ามเรื่องแปลกๆแล้วกลับไปได้แล้ว แอลกำลังจะเอายาเธอไป"
เอซิดปัดมือเด็กหนุ่มดังเพี๊ยะพร้อมหัวเราะเสียงเหมือนตัวตลก เธอขยับแขนเสื้อเข้าใกล้ตัวและถอยออกจากรูบี้
"ฮิๆๆๆ กลัวแล้ว ขอบคุณนะฮิกังบานะ" เด็กสาวกวักมือและโน้มตัวลงทั้งใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนที่จะยอมหันหลังเดินออกไป
"คนประหลาดนั่นชื่อเอซิด หนึ่งในผู้รักษาความสงบของเมือง" ไลคลอริสไม่รอให้ใครถาม ดวงตาสีซีดเปิดออก
"ไม่ชอบเลย เสียงกับกลิ่นแบบนั้น"
"ยัยนั่นไปจริงๆแล้วรึยัง " คิระเคาะนิ้วบนโต๊ะไม้ เรียกให้ไลคลอริสได้ยิน เพราะคนที่ชื่อเอซิดไม่ใช่พวกคนธรรมดาซักเท่าไหร่ บางทีอาจจะยังแอบอยู่ฟังต่อหลังประตู
"อืม ว่าแต่ ไม่ได้รู้สึกแปลกๆกันใช่ไหม" จู่ๆไลคลอริสก็ทำหน้าเครียด แม้จะยืนยันได้ว่าเอซิดออกไปไกลแล้วจริงๆก็ตาม
"แปลกๆ? หมายถึงยังไงอ่ะ" รูบี้กลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิม อย่างรวดเร็ว
"แหะๆ เอซิดติดนิสัยชอบฉีดยาพิษใส่คนอื่นครับ ผมอยากโดนจัง" แอลเก็บหลอดของเหลวปริศนาลงกระเป๋าเสื้อ รูบี้ไม่ผ่อนคลายตามไปด้วย "ยาพิษ!!"
"แค่พิษอ่อนๆ ไม่ต้องห่วง" รูบี้ได้ยินคำตอบจากสาวตาบอดแล้วก็โล่งอก นึกว่าจะเป็นพิษที่ฆ่าคนได้
"เอ่อ....ฉันไม่แน่ใจนะ" คิระเหลือบตามองร่างข้างๆ ที่ไม่มีใครสังเกตุมาตลอด
นอนฟุบ ตัวชักกระตุก ไม่มีเสียง
คนที่มีอาการนี้คือเรน
"เรนนนนน!!!!"
มื้อเช้าจบลงด้วยการที่มีคนโดนฉีดพิษใส่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น