ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Broken ชีวิตที่พังทลาย

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 : ออกตามหาและเพื่อนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 61


    เปรี๊ยะ เสียงกองไฟ


    "....งั้นเหรอ....นี่คือสาเหตุที่เธอตั้งใจจะออกไปสินะ" คนปริศนาหลับตาพูด ผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้เพื่อรักษาร่างกายที่เย็นเฉียบ รูบี้พยักหน้า


    เด็กสาวปริศนาที่รูบี้เจอ เธอมีชื่อว่า คิระ เป็นคนเร่ร่อนที่เดินทางไปเรื่อยๆ หาอาหารกินแล้วเดินทางออกไปอีก

    เป็นพวกไม่มีหลักแหล่ง สำหรับโลกในตอนนี้ ถือเป็นพวกที่กล้าหาญและมีประสบการณ์เอาตัวรอกสูง


    "แล้ว....จะให้ฉันไปช่วยเนี่ย....คิดของตอบแทนออกรึยัง" เอาตัวรอดเก่ง และไม่ลืมที่จะหาผลประโยชน์ด้วย.... รูบี้นั่งคิดหนัก

    เด็กสาวเสียความทรงจำ เธอไม่มีความทรงจำของโลกภายนอกมากมาย จึงไม่รู้ว่าอะไรที่จำเป็นกับคนเร่ร่อน

    อาหาร? นํ้า? ทาสรับใช้? อาวุธดีๆ?

    ท่ามกลางเสียงไฟที่ปะทุ และอากาศที่พอดีในรูเล็กๆ เด็กสาวก็นึกของง่ายๆแต่คุ้มค่าออก

    "ของตอบแทนคือ..........."









    "....เธออย่าใช้อาวุธประชิดตัว" คิระกำลังค้นในกล่องลายทหาร และไม่ลืมที่จะห้ามรูบี้ที่หยิบตะบองออกมา เธอเอียงคอ
    "ไม่เคยจับอาวุธใช่ไหมล่ะ? ถ้าถืออาวุธเข้าไปฟาด เกิดโดนสวนมา ไม่กระดูกหักก็ปางตายนะ" คนมากประสบการณ์ชี้ไม้ตำรวจไปที่ตัวของรูบี้ที่เปราะบาง เด็กสาวก้มตัวเหมือนป้องกันตัวทันที "น-น่ากลัวง่ะ..."
    "อย่างเธอ...ใช้นี่ดีกว่า" คิระยื่นของทรงกระบอกให้

    ปืน

    "ฉันยิงปืนไม่เป็นนะคะ..." รูบี้รับมา นํ้าหนักเบามาก
    "ไม่ต้องยิงหรอก ถือไว้เฉยๆก็พอ ขู่น่ะขู่" คิระมองปืนไรเฟิล เปิดดูกระสุน พบกับความว่างเปล่า
    "....กระสุนน้อยจังนะ ไม่ค่อยได้ออกไปหาเพิ่มเหรอ?" คำพูดของคิระทำให้รูบี้พูดว่าอ๊ะเบาๆ "หรือว่า....ที่ออกไปข้างนอกเพราะเพื่อไปหากระสุนเพิ่ม??"
    ".....เป็นไปได้....ในนี้มีของชำรุดอยู่ด้วย" มือคว้าหากระสุนใส่เข้าไป 



    "ค-คุณคิระคะ?" รูบี้พูดอย่างยากลำบาก เธอปืนออกจากหลุมหลังคิระ
    "อะไรเหรอ" แกร๊ก-เธอรีโหลดกระสุนปืนไรเฟิลหลังจากที่เก็บปืนพกและมีด
    "ถังดับเพลิง....ไม่หนักไปหน่อยเหรอคะ??" เด็กสาวลากถังสีแดงอย่างทุลักทุเล สิ่งที่รูบี้ได้รับคือปืน กระเป๋าสัมภาระ และ.....ถังดับเพลิงขนาดเล็ก
    "อย่างน้อยก็ใช้ซํ้าได้ 3 ครั้งเลย ถ้ามีศัตรูพุ่งเข้ามาเธอก็ปลดสลักแล้วฉีดสารใส่ ง่ายดีออก?" คิระพูดคล่องมากขึ้น หลังจากที่ได้คุยกับรูบี้สักพัก
    "ง-งั้นเหรอคะ.....ฮึบ!" รูบี้ยกถังขนาดไม่ใหญ่แต่หนักอึ้งไว้บนฝ่ามือ "ระวังทับเท้าล่ะ" พอได้ยินคิระเตือนเด็กสาวก็ทรุดตัวลง
    คิระหัวเราะเบาๆ ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมเด็กหนุ่มที่รูบี้กำลังจะออกตามหาถึงเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้




    3 ชั่วโมงต่อมา





    ด้านที่หนึ่ง 
    ณ ห้องแลปลับ


    "................."

    "................"


    สงครามความเงียบลากยาวมาเกิน 3 ชั่วโมง


    เด็กหนุ่มผมสีฟ้าถูกมัดติดเสาอยู่กลางห้อง เบื้องหน้าออกไปราว 4 เมตรมีกระจกนิรภัยกั้นระหว่างเขากับหญิงคนหนึ่ง

    เสื้อกาวน์สีขาว เห็นแค่นี้บอกได้เลยว่าเป็นนักวิจัยหรือพวกวิทยาศาสตร์ แต่ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์และผมมัดรวบที่เส้นผมพันกันยุ่งเหยิงดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่ไม่ค่อยรักษาภาพลักษณ์สักเท่าไหร่

    "อย่ามองแบบนั้นซี่---ขอโทษที่ทำรุนแรงไป นิ้ดดดดดนึง" สาวในชุดกาวน์ทำนิ้ว พยายามบ่งบอกความจริงใจทั้งรอยยิ้มกว้าง

    "............" เรนเงียบตอบ


    เธอถอนหายใจ ไม่ว่าจะขอโทษ ข่มขู่ หรือเอนเตอร์เทนขนาดไหน เด็กหนุ่มก็ทำหน้านิ่งและเงียบใส่เธอ


    "เฮ้อ....อึดอัดจัง....ไม่ตอบอะไรเลย....โอ้!! คิดออกแล้ว!!!" แล้วก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา เธอขยับเข้าไปใกล้กระจกขึ้นตะไคร่ "ฉันจะบอกเรื่องที่รู้แล้วเธอก็บอกเรื่องที่เธอรู้แลกกัน เอาม้า!!"

    เรนเบือนหน้า แต่อีกคนไม่สนใจ

    "ฉันชื่อนิโคล เอมบิออส เป็นรองหัวหน้านักวิจัยโปรเจกต์เฟนิกซ์จากรัสเซีย!!" สาวในชุดกาวน์ นิโคลพูดยืดอกอย่างเริงร่า ดวงตาที่เบิกกว้างมองที่เด็กหนุ่มพยายามส่งความเป็นมิตร

    "และ และ รู้อะไรมั้ย?? ฉันรู้จักคุณนะ" นิโคลทำให้เรนหันกลับมามอง ใบหน้ายังคงเรียบเฉย
    "ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่คิดจะทำอะไรคุณ ฉันแค่ต้องการจะคุยและแลกเปลี่ยน ขอสาบานได้เลยว่าหลังจากที่พอใจแล้วจะปล่อยไป" นิโคลยกนิ้วก้อยขึ้นมา ใบหน้ายังคงยิ้ม

    "คุณ707   ต้องขออภัยถ้าได้ออกไปแบบยากลำบาก.......มันควบคุมไม่ได้จริงๆ" จากนัั้นเธอก็พูดโทนเสียงปกติ ช่วยไม่ได้กับร่างกายและสติของเธอที่เริ่มฟั่นเฟืองและผิดปกติ เรนแสดงสีหน้าสงสัยออกมาครั้งแรก

    "แฮะๆ ก่อนอื่น ฉันจะเล่าเรื่องที่รู้ให้ฟังก่อน.....อย่าลืมเล่าถึงสาวน้อยที่อยู่กับคุณด้วยล่ะ คุณ707"







    ด้านที่สอง
    ณ เมืองที่อยู่ไม่ไกล


    "เอื้อ!!" พล๊อก

    ชายผ้าโผกหัวสีเหลืองล้มลงนํ้าลายฟูมปากบนพื้น ลำคอถูกหักจนเคล็ด

    "เอาล่ะ.....ดูเหมือนจะหลงทางนะ....บี้...." เสียงของเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นทั้งรอยยิ้มไม่สู้ดี พร้อมกับคว้าข้อมือของเด็กสาวที่ยืนอึ้งและพาวิ่งไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

    ตึกตึกตึก

    "เฮ้ย!! หนีไปแล้ว!!" เสียงตะโกนไล่มาจากข้างหลัง กลุ่มโจรผ้าเหลืองวิ่งไล่ตามทั้งสอง


    "ไปไหนแล้วเนี่ย!!??"  "ทางนู้น!!"

    เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย พวกโจรตามหาเป้าหมายทั้งสองไม่เจอ จึงวิ่งไปอีกทางแทน



    "........."

    ไม่มีใครสังเกตุถังขยะ


    "ไปกันแล้ว....." เด็กหนุ่มกวาดสายตาสีนํ้าตาลเหมือนสัตว์ป่าไปรอบๆ "ออกมาได้......เป็นอะไรไปเหรอ?" เขาหันมามองเด็กสาวที่เบิงตาสีแดงใสใหญ่เกือบเท่าไข่ห่าน

    "คุณ....กลายเป็นผู้ชาย.....???" รูบี้ไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนหรือมองอะไร เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่โจรบุกเข้ามา


    จู่ๆร่างเล็กของคิระก็สูงขึ้นและ....เสียงก็ทุ้มกลายเป็นผู้ชาย

    ไม่ใช่แค่นั้น ดวงตา โครงหน้า หรือเส้นผมสั้นลง ทุกอย่างเข้ารูปและดูเหมือนผู้ชาย!!

    "จริงสิ ลืมบอกไปซะสนิทเลย" คิระเพิ่งนึกได้ อาจจะเพราะเวลามันน้อย เลยลืมไป

    "ฉันโดนผลของสารพิษ ร่างกายเลยเปลี่ยนเพศไปมาได้" เด็กหนุ่มเปิดฝาถังขยะออกก่อนที่จะปีนออกมา "สารพิษ?"

    "เรนนั่นคงไม่ได้เล่าให้เธอฟัง.....หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปเดี๋ยวจะอธิบายให้" คิระกวักมือให้รูบี้เดินตาม เด็กสาวเดินเข้าไปใกล้

    'ส-สูงจัง' รูบี้เดินใกล้คิระ แต่ความรู้สึกต่างออกไป ตอนที่ออกมาช่วงแรกๆยังขนาดตัวพอๆกันอยู่เลย ตอนนี้คิระสูงกว่าเธอไป 10 เซนได้








    "ฟีนิกซ์"

    นกเพลิง หรือชื่อสากล ฟีนิกซ์

    ชื่อของนกที่ทำหน้าที่ขับขานบทเพลงให้แก่เทพอพอลโล เทพแห่งสุริยัน

    เมื่อมันแก่ตัวจนไม่สามารถเปล่งเสียงได้ มันจะก่อกิ่งไม้บนยอดเขาสูงขึ้นไป และอ้อนวอนต่อเทพเจ้าให้ดลบัลดานให้มันขับขานบทเพลงได้อย่างเก่า

    สายฟ้าฟาดลงมา แผดเผาร่างกายที่เหี่ยวย่นจนเป็นเถ้าธุลี

    เมื่อนั้น มันจะได้เกิดใหม่ ในร่างของนกเพลิงวัยหนุ่มสาวที่นํ้าเสียงไพเราะเสนาะหู และทำหน้าที่มอบความบันเทิงตลอดไป

    เป็นวัฏจักรหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ตาย--->เกิดใหม่----->ตาย------->เกิดใหม่

    แทบจะบอกได้ว่ามันเป็นอมตะและขัดกฏวงจรชีวิตโดยสิ้นเชิง


    "รู้จักตำนานพวกนี้อยู่แล้วสินะ.....พอฉันบอกไปข้อมูลพวกนั้นคงจะโผล่เข้าหัวคุณทันที" เหมือนนิโคลอ่านใจได้ เด็กหนุ่มตัวกระตุกเล็กน้อย ดวงตาจ้องเขม็ง
    "ฉันไม่ได้มุ่งร้าย " เธอยกมือสองข้างขึ้น "บอกแล้วด้วยว่าเป็นนักวิจัยโครงการระดับโลก ถึงจะเป้นแค่รองหัวหน้าก็เถอะ"

    เธอหัวเราะ เขาไม่ไว้ใจ

    "โครงการนี้ถูกเรียกผ่านประชาชนว่านกสีแดง เบื้องหน้าคือโครงการที่จะแจกจ่ายเซรุ่มที่รักษาได้ทุกโรคซึ่งสกัดจากนกสีแดงที่ถูกค้นพบในถํ้าแห่งหนึ่งในประเทศเคนยา ข้างทะเลสาบนากูรู"
    "เบืองหลังเป็นความจริงอันโหดร้าย....ฉันจะพูดสั้นๆเพื่อไม่ให้บัคในตัวคุณกำเริบหนัก" นิโคลเหมือนจะรู้กลไกร่างกายของเรน เขาขมวดคิ้ว ข้อมูลที่ไม่เคยพบเจอ มันจึงไม่ได้ผุดเข้าสมองของเขา หรืออาจจะเพราะยังไม่เจอ คีย์หลัก

    "ตระกูลเฟรย์ ตระกูลเฟนิคอน ตระกูลฮวง" คำพูดสั้นๆ ทำให้ดวงตาของเด็กหนุ่มย้อมเป็นสีดำ กระแสไฟฟ้าแล่นส่งประกายเข้าสู่สายตาของคนที่อยู่อีกฝั่งอย่างน่าหวาดเสียว

    "........ใจเย็นๆไว้ก่อนนะ ฉันยังเล่าไม่จบ" นิโคลยิ้มแห้ง เห็นปฏิกริยาแล้วยิ่งก้มหัวลงแสดงความยอมจำนน ดวงตาสีดำและริมฝีปากที่อาบไปด้วยเลือดสีข้นขยับถาม 

    "ภ---พวกแกทำำำ แบบ  นี้ ----ทำ-----ไ--ห/*ม*" 

    คำพูดติดขัด แต่มีสติ สีหน้าบ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ได้เรียบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้

    ".....ฉันเพิ่งรู้ถึงสิ่งที่ทำลงไปในภายหลัง อย่างที่คุณรู้ ถ้าไม่ใช่หัวหน้าตัวแทนประเทศ คนอื่นๆในหน่วยจะได้รับคำสั่งมาว่า [หาวิธีสกัดสารเร่งแอนติบอดี้ออกมาจากเลือดของนกฟลามิงโกสายพันธุ์ใหม่]" 

    ไม่ได้โกหก

    กลไกการบิดเบือนของเรนจับคำโกหกไม่ได้ หรือก็คือถ้าหล่อนโกหกหรือคิดพูดโกหกออกมาแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ เส้นเสียงและหลอดลมของนิโคลจะถูกดึงออกมาอยู่ในมือของเขาทันที


    การที่นิโคลพูดต่อจนจบได้ แปลว่าพูดความจริง ไม่โกหก


    เธอยังคงยกมือค้างไว้ ไม่ยอมขยับ ดวงตาหรี่เข้าออกอย่างควบคุมไม่อยู่


    "หนึ่งในคนที่โดนทดลองสารสกปรกนั่น คือฉัน" นิโคลมองไปยังเด็กที่ยืนข้างๆ ใบหน้าซีกหนึ่งที่มีรอยปะแสดงดวงตาเตือนถึงบางอย่าง "ขอเวลาหน่อยนะ แพทตี้" เธอยิ้มบางๆตอบ

    "ตอนนี้ฉันอายุ 59 โดนทดลองสารตอนอายุ 38 ผ่านมาร่วม 21 ปีได้แล้ว" ใบหน้าเรียบเนียน ร่างกายเหมือนเด็กวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 

    "ขอนอกประเด็น พวกนกเพลิงที่ฉันเจอ ทุกคนจะพกเครื่องประดับอย่างหนึ่งเอาไว้" ดวงตาของนิโคลกลอกไปมองประตูข้างหลังที่ส่งเสียงกุกกักดังขึ้นเรื่อยๆ มือของเด็กข้างๆจับแขนเสื้อของนิโคลไม่ห่าง

    "แล้ว-"  
    "อัญมณีที่สีเหมือนดวงตาของพวกเขา" 

    สิ่งที่นิโคลบอก ทำให้เรนชะงักหยุดถามกลับ

    "หนึ่งในกุญแจหลักของข้อมูลในเผ่านั้น คือชื่อของอัญมณีชิ้นนั้น ชิ้นที่สาวน้อยเคยพกเอาไว้" 
    ปัง! ปัง!! เสียงทุบประตูเหล็กดังขึ้นเรื่อยๆเด็กน้อยที่มีรอยปะกอดพี่สาวของตนไว้แน่น

    "ขอโทษนะ วันนี้เวลาไม่เหมาะเลย ถ้าติดต่อได้เมื่อไหร่ ขอคุยกับสาวน้อยที่เหลือรอดด้วย" นิโคลกลอกตาที่รูม่านตาหดเขาออก เธอยิ้มจางๆ ก่อนที่จะกอดตัวสาวน้อยแล้ววิ่งหายเข้าไปในตู้หลอดแก้วข้างๆ

    "....เข้าใจแล้ว" เรนปิดดวงตาที่ดำมืดลง รวบรวมสมาธิ แยกแยะของในสถานที่นี้ที่อยากจะให้หายไป








    ฉัวะ!!


    เลือดสีข้นพุ่งผ่านใบหน้าของรูบี้ เธอร้องอี้ด้วยสีหน้าขยะแขยงและขยับหน้าเข้าชิดแผ่นหลังเด็กหนุ่มมากขึ้น

    "เขตซอมบี้....หลงทางหนักขึ้นแหะ" คิระตั้งมีดเสมอกับศอก ทำท่าเตรียมฟันเป้าหมายข้างหน้า มีแต่รูบี้ถือถังดับเพลิงไว้อย่างลืมความหนักที่ไม่พร้อมสู้

    คนในชุดขาดหลุดรุ่ย ใบหน้าลำตัวดำไหม้เกรียม ส่งเสียงร้องอืออากัน

    ซอมบี้....?


    "พ-พวกเขาไม่กลัวเลยเหรอคะ??? เพื่อนก็โดนท-แทงไปแล้ว!!" เด็กสาวตัวสั่น ไม่เคยเห็นอะไรที่ไร้ชีวิตชีวามากขนาดนี้
    "ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก พวกนี้คือศพเดินได้" "ศ-ศพ!!??"


    เป็นเรื่องใหญ่สำหรับรูบี้ที่ความจำเสื่อม ลำพังแค่คำว่า โลกนี้อันตราย ก็อธิบายได้ไม่ครอบคลุมสักเท่าไหร่

    ทั้งมนุษย์กลายพันธุ์ ซอมบี้ สารพิษที่รั่วไหล สิ่งมีชีวิตแปลกๆที่กำลังจะครองโลก คนเสียสติพบเห็นได้ทั่วไปอย่างกับอยู่ในสถานบำบัด








    เรนที่บอกแค่ โลกภายนอกตอนนี้อันตราย ไม่พอที่จะทำให้เด็กสาวหวาดกลัวได้ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×