ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Broken ชีวิตที่พังทลาย

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 12 : ไม่ให้พักเลย

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 61


    ".............."


    ท่ามกลางเกล็ดหิมะสีขาวที่โรยจากฟ้าลงมา บนทุ่งหญ้าสีดำมืดเหมือนถ่าน

    ในรูโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่ มีร่างหนึ่งกำลังนอนขดตัวบนกองซากไม้และหญ้าแห้ง


    หัวยืดยาวทั้งสองหันคนละทาง ลำตัวที่ปกคลุมไปด้วยขนขยับขึ้นลงช้าๆ ดูเหมือนกับก้อนลูกบอลที่หนาและดูนุ่มผิดธรรมชาติ


    "......นอน.....ทั้งๆที่ไม่น่าจะอยู่ได้เนี่ยนะ" คิระร่างผู้ชายที่แอบหลบอยู่หลังขอนไม้ขนาดใหญ่กับอีกสองคนพูดเบาๆ ถ้าจำไม่ผิดนกกระจอกเทษมันสัตว์ที่อยู่อาศัยในที่แห้งแล้งไม่มีหิมะ
    "สัตว์กลายพันธุ์.....ปรับร่างกายให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่อยู่....." เรนถือไม้ช๊อตไฟฟ้าเอาไว้ สายตาปรือเหมือนง่วงนอน
    "นายไปนอนเหอะ ฉันดูรูบี้ให้ได้" คิระเกาหัว ก่อนหน้านี้ก็พูดประโยคนี้ไปรอบหนึ่ง คนตรงหน้าก็ดันดื้อดึงไม่ยอมไปนอนมุ่งมั่นที่จะจับตาดูรูบี้อยู่ดี
    "......หรือว่าเพราะเมื่อคืน--"
    "ไม่---เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีหิมะ---" เรนปฏิเสธคำพูดของเด็กสาว เผลอหาวออกมาเมื่อพูดจบ
    "เป็นคนบอกว่าสัตว์จำศีลเองแล้วก็ง่วงนอนเอง....นายเป็นปลาไหลไฟฟ้ากลายพันธุ์รึไง" คิระหยิกผมสีฟ้าอย่างหมั่นไส้ เจ้าของเส้นผมมองเหม่อไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว "เหรอ.....ผมพูดสินะ"
    "เอ่อ--ฉันว่าเรนไม่ไหวแน่ๆเลย" รูบี้ยังมองออกว่าเกินเยียวยา คิดว่าแบบนี้เรนคงโดนเตะเป็นคนแรก
    "เฮ้อ....ขนาดง่วงยังทำตัวเหมือนแม่ขนาดนี้ อิจฉาเธอขึ้นมายังไงก็ไม่รู้" คิระเกือบนึกถึงอดีตของตัวเอง เขาทำให้เด็กสาวงุนงง



    พรึ่บ-

    "เอ๊ะ ฝนจะตก-" รูบี้พูดทักเมื่อจู่ๆรอบตัวก็มืดลง แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อยิ้มทักทายฝน

    แล้วก็เจอกับ---ดวงตากลมสีฟ้าหม่นและนํ้าลายที่ไหลยืดลงมา

    แปะ แปะ

    "........." ทั้งสามเงียบ มีเรนที่เงยหน้ามองขึ้นไปอีกคน

    "อ๊ะ มันตื่นแล้ว"




    โครม!!!




    ขาที่ใหญ่และแข็งแกร่งฟาดตะปบลงเข้ากลางวงคนทั้งสาม แรงนั้นมากพอที่จะบดไม้ท่อนข้างๆให้ละเอียดเป็นชิ้นๆได้ แรงนั้นทำให้ทั้งสามกระเด็นกระดอนแยกออกจากกัน

    "แกว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!" นกยักษ์กระทืบเท้าดังตึงตัง สะบัดหัวทั้งสองไปมาพร้อมเหวี่ยงอย่างมั่วซั่ว

    "วิ่ง!!" คิระที่มีสติรีบพูดบอกคนที่เหลือ ก่อนที่จะถีบเท้าเข้าเกียร์และวิ่งแยกกันออกไป





    ตึกตึกตึกตึก

    "....รัง-รัง-รัง" คิระที่วิ่งเร็วที่สุดมุ่งเข้าหารังใต้ต้นไม้ ไม่ลืมที่จะหันไปมองข้างหลังเพื่อดูว่ามีอะไรตามมาบ้าง

    ตึง ตึง ตึง

    "เวรเอ้ย!! จะเร็วไปไหน!" เขาสถบเสียงดังด้วยใบหน้าหวาดผวา เพราะนกตัวนั้นวิ่งไม่กี่ก้าวก็เข้าใกล้ตัวเขาได้แล้ว!!



    เปรี๊ยะ!!

    กระแสไฟฟ้าแล่นวูบ ทำให้ร่างใหญ่นั้นกระตุกวูบ ส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด

    "อา---ช๊อตไฟ" เรนพูดเหมือนยํ้าว่าตัวเองทำอะไรลงไป ดวงตาสีซีดกำลังจะปิดเต็มที ในมือถืออาวุธค้างไว้อยู่

    "ฝากด้วย!!" คิระตะโกนบอกเรน เขาวิ่งเข้าใกล้เศษหญ้าแห้งๆนั่นแล้ว



    "แกว๊กกกกกกกกกกกก!!!"

    พรึ่บ!!

    "อ๊ะ---"

    หัวของนกกระจอกเทศโน้มลงใกล้ตัวเด็กหนุ่มที่ไม่ระวังตัว จะงอยปากงับเข้าที่หมวกเสื้อและยกขึ้นโดยมีเสียงร้องอย่างงุนงงเพียงอย่างเดียว


    ผลั๊วะ!!!

    "!!!!!"

    ขานกที่ใหญ่และแข็งแกร่งของมันพุ่งขึ้นข้างบนอย่างรวดเร็วและเตะเข้าใส่กลางตัวของเป้าหมาย ร่างของเขาถูกผลักไปตามแรงก่อนที่จะพุ่งไปเกลือกกลิ้งบนพื้นสีดำโดยไม่ทันได้ร้องอะไร ถ้าเป็นคนธรรมดาคงแค่กระดูกหักโชคร้ายหน่อยก็กระดูกทิ่มปอดตายแทบทันที

    "เรนนนน!!!" รูบี้ร้องอย่างตกใจ แรงเตะนั้นแรงมากจนร่างบางบิดงอ เธอที่บังเอิญหันไปเห็นจึงร้องออกมาดังลั่น


    นกกระเทศที่หูดีอยู่แล้ว หันไปมองเด็กสาว

    "!!!" คิระเข้าใกล้รังได้แล้ว---แต่สิ่งที่เห็นทำให้เบี่ยงความสนใจไปจนหมด


    รูบี้ยืนนิ่ง สีหน้าตื่นตกใจ  มองร่างใหญ่ที่วิ่งเข้าใกล้ขึ้นทุกที


    "แกว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!"

    "ร------"




    ฉึก



    หูของเขาได้ยินบางอย่าง

    คิระกลืนเสียงลงไปในลำคอ ได้ยินเสียงเหมือนบางอย่างปักเข้าเนื้อ


    ฉึก


    โครม!!


    นกยักษ์ตัวกระตุกครั้งที่สอง เหมือนกับโดนไฟช๊อต แล้วสุดท้ายมันก็เหวี่ยงหัวทั้งสองไปมาแล้วล้มลงอย่างแรงจนพื้นสั่นสะเทือน

    "..................."

    รูบี้ยืนค้าง

    ในมือที่มักจะถูกปิดด้วยแขนเสื้อยาวถือบางอย่างสะท้อนแสงเอาไว้ เธอหอบหายใจและขยับมือที่ไขว้กันไว้ออกอย่างเก๋ๆกังๆ

    "บี้!!" คิระเลิกสนรังขนาดใหญ่แล้ววิ่งไปหาเด็กสาวที่อยู่ไม่ไกล ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สัมผัสได้ว่าเสียงหัวใจของนกนั้นเต้นช้าลงมาก

    "ต-ตกใจหมดเลย" รูบี้พยายามหายใจให้ทั่วปอด ขาทั้งสองทรุดลงนั่งกับพื้นหญ้า

    "บี้ ไม่เป็นไรใช่ไหม" คิระชะลอความเร็วเมื่อเข้าใกล้ มองนกยักษ์ที่นอนไม่ห่างจากตัวเด็กสาวเกิน 20 เซน

    "ย-ยังไม่โดนจิกหรือเตะนะ......จู่ๆมันก็ล้มลง" ดวงตาสีทับทิมมองที่นกลิ้นห้อยอย่างหวาดผวา เมื่อกี้อีกนิดเดียวก็จะโดนเตะหรือจิกตายแล้ว

    "เอ๋ ไม่ใช่ว่าบี้จัดการมันเองเหรอ" 

    "??" 

    เด็กสาวไม่รู้ตัว เธอเอียงคอทำหน้าตางุนงง

    "เออ.....บี้ยังกำไว้อยู่เลยนะ....ของในมือน่ะ"




    เธอไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าตัวเองถือเข็มบางยาวประมาณ 15 เซนติเมตรไว้ในมือร่วม 8 อัน


    "หว่า!! มาจากไหนอ่ะ" รูบี้กางมือออก เข็มบางๆร่วงกราวลงบนพื้นหญ้าสีดำ 

    คิระหัวเราะเบาๆ สายตาเหลือบไปมองร่างตรงหลัง


    เสียงหัวใจเงียบไปแล้ว 


    "ก่อนที่จะไปรังของมัน ไปหาเจ้าไฟฟ้าก่อนดีกว่า" คิระเห็นเส้นผมสีฟ้าลู่กับลมแล้วอดพูดไม่ได้ ในหัวนึกภาพตัวคนหักครึ่งท่อนไว้เรียบร้อย 












    "หลับอยู่ล่ะ" รูบี้ใช้เข็มจิ้มใบหน้าที่หลับตา สภาพของเรนไม่ได้หักบิดเหมือนที่คิดไว้ ตัวยังตรงและกระดูกติดกันดีอยู่ 

    "อึดชมัดยาก ขนาดโดนเข้าจังๆยังหายใจอยู่" คิระแปลกใจ ทั้งตอนลงท่อผิดท่าหรือตอนนี้เรนก็ยังไม่ตาย เริ่มคิดว่าร่างกายของเจ้านี่เป็นหุ่นยนต์ขึ้นมาตะหงิดๆ 

    "เจ็บโครต----" เรนพูดอย่างสะลึมสะลือ ดวงตาปิดแน่นและสั่นเหมือนยังไม่ลืม

    "ดูท่าจะยังมีสติอยู่.......รีบไปแล้วรีบกลับกันเถอะ"


















    ในรังขนาดใหญ่ ข้างในที่อยู่หลังเศษไม้ที่กองบนพื้น มีของที่กำลังแข่งกันส่งแสงประกายวิ้งวับ

    "ว้าววว ปิ๊งๆล่ะ"

    รูบี้ทำสีหน้าตื่นเต้น มีของที่ไม่คุ้นอยู่เต็มไปหมด

    "บี้ตามหาหิน ส่วนฉันจะหาของไปให้งูพิษ" คิระเดินเข้าหากองสิ่งของที่ส่งแสง เด็กสาวพยักหน้า "...แล้ว....ผมล่ะ" เรนถามหาหน้าที่ตัวเอง

    "ลุกขึ้นได้เมื่อไหร่ก็มาช่วยละกัน" เรนนอนฟุบกับพื้น ส่งเสียงอือก่อนที่จะก้มหน้าลงหลับต่อ

    "ฮะๆๆ...." รูบี้หัวเราะแห้งๆ เห็นคนที่ปกติก็ง่วงอยู่แล้วง่วงหนักขนาดนี้ ทำให้เธออยากรีบพากลับยังไงก็ไม่รู้

    'รีบหาดีกว่า จะได้กลับเร็วๆ' คิดแบบนั้นแล้วก็หันไปข้างๆ

    กึก

    เท้าของเด็กสาวโดนอะไรยางอย่าง เธอชงักและก้มหน้าลงไปมอง


    ลูกบอล?

    หรืออะไรที่เหมือนลูกบอลสีดำขลับขนาดเท่าลูกแตงโมกลิ้งบนพื้น รูบี้หยิบมันขึ้นอย่างสงสัย นํ้าหนักก็เหมือนกับตอนที่ยกถังนํ้าที่เติมนํ้าจนเต็ม

    'หิน? แต่อันใหญ่จัง ไม่ส่งแสงวิ้งๆด้วย' รูบี้อุ้มของปริศนาเอาไว้ เจ้านี่ไม่ใช่ของที่ส่งแสงวิ้งวับ เพราะงั้นนกตัวก่อนหน้านี้ไม่น่าจะขนของแบบนี้มาไว้ในรังนี่นา

    "บี้ เจอรึยัง--- อะไรน่ะ" คิระยกตู้ไมโครเวฟสีเทาขึ้นแล้วหรี่ตาลงมองของในมือเด็กสาว ได้ยินเสียงบางอย่างจากในนั้น

    "ไม่รู้สิ.....หินมั้ง?" 

    "มันเรียบไปนะบี้ ไม่ใช่หินแล้ว"

    "ไข่"

    จู่ๆเรนก็พูดออกมา ทำให้ทั้งสองหันขวับอย่างพร้อมเพรียง

    "วางไข่ปีละฟอง......เพราะกลายพันธุ์.....หาววว" เรนพลิกมานอนหงาย มือยกมาปิดปาก ดวงตามีนํ้าตาไหล

    "ข-ไข่-----ไอ้นกตัวยักษ์นั่น----ตัวเมีย??" เหมือนคิระไม่อยากจะเชื่อ คิ้วกระตุกและรอยยิ้มเก้ๆกังๆ

    "อ๋ออออ ก็ว่าทำไมมันอุ่นๆ-"








    3 ชั่วโมงต่อมา


    "อือ....ทำหน้าตาน่ากลัวจังนะครับ...." ตอนนี้ทั้งสามได้ทำการเดินทางมาส่งของให้เอซิด และในจังหวะที่กำลังจะเคาะประตูห้องของหล่อนก็เจอเข้ากับไลคลอริสและแอล
    "....บี้.....เอามันกลับไปวางที่เดิมเถอะ" คิระทำสีหน้าอ้อนวอน อยากให้คนที่กอดไข่สีดำเปลี่ยนใจ
    "ไม่ได้นะ คิระ!! ถ้าปล่อยไว้มันก็จะตายนะสิ!!" รูบี้แข็งขืนกระชับไข่ลูกนกยักษ์ไว้ในแขน 
    "ดูสนิทกันมากขึ้นนะ ไปทำอะไรมากันรึเปล่า" ไลคลอริสเหมือนจะจับความเปลี่ยนแปลงของเด็กสาวได้ คนที่โดนเรียกสะอึกทีนึง
    "แค่ขู่ไว้ว่าจะริบอาหารของเจ้ากุ้งถ้าเถียงกับเธอน่ะ" เรนโกหกหน้าตาย ตอนนี้เขาตื่นและไม่ง่วงนอนแล้ว
    "ขู่ไว้แปลกจริงนะ....แต่ถ้าเป็นคิระก็ไม่แปลก"
    "ห-หมายความว่ายังไง?? จะว่าฉันเห็นแก่กินเหรอ"
    "อ้าวๆ มุงอะไรกัน เข้ามาสิ" เอซิดแง้มประตูออก ดูเหมือนจะรู้ว่ามีคนยืนอยู่ถึง 5 คน






    "เห้? เป็นตัวเมีย ฆ่าเอาไข่มา" เอซิดมองไข่ขนาดใหญ่สีดำที่วางไว้บนหมอน ห่อเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูหลายชั้น เธอเคาะเปลือกด้วยนิ้วเบาๆ
    "อุ่นๆอยู่ด้วยล่ะ ยังมีชีวิตอยู่นะ!" รูบี้อยากจะยื้อชีวิตของลูกนกตัว(ไม่)น้อย คิระอยากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก 

    ทำไมน่ะเหรอ?

    เพราะก่อนหน้านี้  หลังจากที่รูบี้เก็บเศษหินสีแดงเล็กๆได้ เธอก็พูดและเปลี่ยนท่าทีไปเล็กน้อย

    ดูเหมือนเด็กที่โตขึ้น การคิดไม่ได้คิดง่ายๆแบบเด็กๆ ดวงตาแน่วแน่

    เปลี่ยนไปแต่ก็ดูไม่ขัดแย้งมาก ถึงอย่างนั้นคิระก็ปรับตัวไม่ทัน


    "ช่าย--ยังมีชีวิตอยู่" เอซิดใช้มือทั้งสองจับเปลือกไข่ ดวงตามองที่เด็กสาวผมสีเพลิง "แต่จะฟักรึเปล่า"

    "......" รูบี้หยุดหายใจไปห้วงนึง

    "ฮิๆๆๆ ใจเย็นๆ แค่ยังไม่ถึงเวลา" เอซิดหัวเราะที่แกล้งเด็กสาวได้สำเร็จ ไลคลอริสทำสีหน้าไม่ชอบใจ

    "ขอบคุณ ไมโครเวฟ" ตุ้บ เอซิดยกกล่องที่ชื่อว่าไมโครเวฟขึ้นจากพื้น และวางไว้บนที่นอนตัวเองที่อยู่ไม่ห่าง

    "สไปเดอร์ลิลลี่  มีอะไร" เอซิดหยิบสายไฟที่ขดอยู่ในตัวเก็บสายของเครื่อง เรนกระตุกคิระกับรูบี้ว่ากลับกันได้แล้ว

    "คนขององค์การโลกเริ่มทำตัวไร้สาระอีกแล้ว เธอรู้รึยัง" 


    กึก


    มือที่ขยับจับสายไฟสีดำหยุดชะงัก ใบหน้าของเธอหุบยิ้มและดวงตาเปิดออก

    "ผมรู้ตอนที่ไปเดินเล่นข้างนอกรั้วไฟฟ้า พวกคนใส่ชุดน่าสงสัยเกือบสิบคนกำลังเดินตรวจหาบางอย่าง" แอลไม่พูดจาน่าขนลุกหรือเอนอ่อน เขาพูดเหมือนแค่จะบอกเรื่องที่รู้ด้วยเสียงเรียบเฉย

    "เอ..... หรือว่า จะโดนเจอ" เอซิดขยับหูฟังให้เข้าหูมากขึ้น ใบหน้าไม่ได้ยิ้มระรื่น

    "เฮ้ๆ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวพวกเราใช่มั้ย" คิระยกมือขึ้นถาม ใบหน้าของเด็กสาวอัจฉริยะพยักตอบ

    "แผนกวาดล้าง4.0 กำจัดพวกกลายพันธุ์และผู้มีพลังพิเศษ" เอซิดกัดเล็บตัวเอง เธอไม่รู้ตัวได้ยังไงกัน

    "ก-กำจัด??" รูบี้ไม่ใจเย็นหรือทำสีหน้างุนงง เธอพูดเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง

    "อือ.....เคยเกิดขึ้นมา 3 ครั้งแล้ว ครั้งนี้ครั้งที่ 4" แอลผิงประตูไม้ มือเลื่อนไปจับลูกบิด

    "เมืองนี้มีรั้วล้อมไว้อยู่ แต่แทรกเข้ามาผ่านจุดที่ชำรุดได้" ไลคลอริสเขยิบไม้เท้าในมือ เธอไม่ได้ยินเสียงประหลาดจึงพอคลายความระแวงได้บ้าง

    "......จะบอกว่าให้ระวังตัวงั้นเหรอ" เรนลองถามจุดสำคัญที่ถูกยกขึ้นมาคุย 

    "ประมาณนั้น แอลก็ตายได้ ถ้าไปเจอ" รูบี้เผลอสูดลมหายใจเสียงดังเมื่อได้ยิน แอลที่บอกว่าตัวเองพลังฟื้นฟูเร็วน่ะเหรอ ตายได้เลย

    "อืม---เมืองนี้โดนเล็ง เป็นไปได้สูง" เอซิดปล่อยมือจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ เดินเข้าไปใกล้ตู้เก็บขวดยา

    "ง-งั้น ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็อันตรายน่ะสิ?" รูบี้มองขวดยาที่ถูกหยิบออกมาจากตู้ 

    "อืม" ตอบสั้นๆ เอซิดกำลังใช้สมาธินึกคำนวณบางอย่าง ขณะที่นิ้วมือก็ขยับเข็มฉีดยาให้สูบของเหลวในขวดออกมา

    "อามายะน่าจะจัดการไหวอยู่ ถึงจะเป็นฤดูหนาวก็เถอะ" ไลคลอริสปิดจมูก เหมือนได้กลิ่นฉุนรุนแรง

    "อืม" เด็กสาวตอบสั้นๆ เธอฉีดของเหลวบางอย่างเข้าร่างกายตัวเอง รูบี้สงสัยว่ามันคือยาอะไรในขณะเดียวกันก็ไม่อยากถาม

    "อยากให้ถ่วงเวลา"

    "?" ไลคลอริสเงยหน้าที่ก้มอยู่ขึ้น ทั้งสงสัยและรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างลางๆ

    "ยิ่งโต้กลับไปเยอะ ฆ่าไปเยอะ ยิ่งเป็นจุดเด่น จะลำบาก" เอซิดสูดลมหายใจเมื่อของเหลวในหลอดถูกฉีดจนหมด 

    "เหรอ----!!!" ไลคลอริสรู้สึกได้ยินบางอย่าง หัวของเธอหันขวับ ดวงตาสีซีดมองไปทางประตูที่แอลกับรูบี้ยืนอยู่ เด็กสาวผมสีเพลิงทำสีหน้าตกใจ "ค-คลอริส??"






    "12 คน"


    โครม!!!

    ครืนนนน


    ปัง!
    "คิระ เรน รูบี้ รีบออกไป!!" เอซิดทุบมือลงกับโต๊ะ ดวงตาที่ดำคลํ้าเบิกกว้างเหมือนตกใจ เพราะเสียงระเบิดหรืออาจจะเพราะบางอย่างที่ยิ่งกว่าระเบิด

    "อ-เอ๋!!? เกิดอะไรขึ้น!!" รูบี้ถามอย่างสับสน พื้นสั่นไหวเหมือนเกิดแผ่นดินไหว คนในห้องพากับคว้าหรือจับผนังเพื่อทรงตัวกัน

    "ชิ--เสียงมัน---" ไลคลอริสโมโห แก้วหูปวดไปหมดเพราะมีเสียงมากมายดังขึ้นทั้งเสียงคนบนถนน เสียงแผ่นดินที่เคลื่่อนไหว เสียงเครื่องจักรไอนํ้าที่กระทบเคร้งครัง

    "รูบี้ห้ามใช้ไฟหรือให้ใครเห็นสีผม เรนเตรียมรับคลื่นจากนิโคล คิระคอยป้องกันทั้งสอง" เอซิดขยับตัวพุ่งเข้าที่คอมพิวเตอร์ ปากสั่งและนิ้วมือพิมพ์ลงไปบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว

    เรนไม่รอช้าที่จะคว้าคิระและรูบี้ที่อยู่ข้างๆและพลักประตูวิ่งออกไป





    "ฮิกังบานะ แอล อยู่กับฉัน รอสัญญาณจากอามายะ" เอซิดกวาดสายตามองข้อมูลบนจอที่ถูกพิมพ์ หน้าต่างกล้องวงจรปิดถูกเปิดอย่างต่อเนื่อง เธอลากบางส่วนออกมาไว้ข้างนอกจอ


    แอลปิดหูของไลคลอริส มองดูคนตรงหน้าและเสียงพิมพ์อย่างร้อนใจ


    จริงอยู่ที่เขานั่นไม่ตายง่ายๆ จะออกไปเหวี่ยงอาวุธสู้กับคนเลยก็ได้ 

    เพียงแต่มีเงื่อนไขที่ทำให้ไปไม่ได้


    เขาสู้ไม่เป็น



    "ทั้งสามคน....ขอให้รอดตายนะ" แอลภาวนา






















    "-ซ่า- ขอยํ้าอีกครั้ง ให้ทำลายทุกอย่างพร้อมจับเป็นรูบี้ เฟรย์"

    "และหากพบ The giltch ให้กำจัดได้ทันทีไม่ต้องรอคำสั่ง"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×