ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11 : สิ่งที่ขาดหายไป
เสียงของลม
เสียงของลมพัดมาจางๆ อากาศโดยรอบเย็นและนํ้าที่แห้งเหือดนั้นแทบไม่ขยับ
เสียงแมลงและสัตว์ไม่ดังออกมา พวกมันเริ่มเข้าสู่ภาวะหนึ่งที่ชื่อว่าจำศีล
แม้แต่ในฐานลับเล็กๆยังไม่มีเสียงพูดคุย แสงของดวงจันทร์สอดลอดผ่านช่องว่างที่ถูกแผ่นไม้ปิดไว้ไม่มิด
ในนั้น มีตะเกียงถูกเปิดใช้โดยมือของเด็กสาวผมสีเพลิง เธอหมุนอย่างเบามือและเงียบที่สุด ไม่ลืมที่จะหันไปมองคนที่นอนไม่ห่างแม้เขาจะหลับสนิทมากก็ตาม
ไม่ตื่น
"ดีนะที่เรนขี้เซา" รูบี้พูดเบาๆให้ตัวเองได้ยิน หูไม่ได้ยินอะไรเหมือนถูกลมอัดเข้าหู
".........." เมื่อมั่นใจว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้ออกไปหรือมีเรื่องอะไรอีก เธอจึงหยิบสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ในฟูกมาตลอดออกมา
สมุดบันทึก
ปกสีแดงซีดๆ เพราะเรื่องมากมายที่โถมเข้ามาและสองหนุ่มที่ไม่ค่อยยอมนอนหลับง่ายๆทำให้ช่วงสามสี่วันที่ผ่านมารูบี้ไม่มีเวลามาอ่านเจ้านี่เลย
ตอนนี้ คืนนี้ คือโอกาศ
พรึ่บ
เด็กสาวพลิกกระดาษอย่างแผ่วเบา ผิวสัมผัสเรียบเหมือนของใหม่
".....?" แต่น่าแปลก ไม่มีอะไรเขียนอยู่บนกระดาษเลย
'สมุดเปล่างั้นเหรอ?' คิดในใจพร้อมใช้มือลูบไปอย่างเสียดาย นึกว่าจะได้รู้อะไรมากขึ้น--
"!"
รูบี้เกือบส่งเสียงร้อง เธอยกมือตะปบปากไว้ได้ทัน ตกใจเกือบปล่อยสมุดหลุดออกจากมือ
จู่ๆตัวอักษรก็ปรากฏขึ้น เหมือนเวทย์มนตร์
'อะไรกันน่ะ จู่ๆก็มีตัวอักษรขึ้น' เด็กสาวสูดลมหายใจอย่างเงียบงัน ก่อนที่จะกวาดตาอ่านตัวหนังสือสีนํ้าตาลเหมือนรอยไหม้ที่เพิ่งโผล่ขึ้นมา
---------------------------------------------
วันที่ 21 / 05 ปีที่ 15
เสียดายที่สมุดเล่มนี้ไม่ได้ถูกใช้เพื่อเขียนบันทึกชีวิตประจำวัน
พี่ชายมอบสมุดพวกนี้ให้กับฉัน เป็นคนที่เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ไม่คิดว่าฉันจะเหงาเลยรึไง
ยังไงก็ตาม ท้ังปากกาและสมุดอีกสองเล่มนี้ เป็นของๆทุกคนที่เหลือไม่กี่ชิ้น ปากกานี้ก็เป็นของคุณแม่ด้วย
ทำไมเรื่องพวกนี้ต้องเกิดขึ้นกันนะ ฉันแค่อยากจะอยู่กับครอบครัวเท่านั้น
ขอโทษนะพี่ ฉันทนไม่เขียนถึงพ่อแม่หรือพี่ได้หรอก มันเหงามากเลย
----------------------------------------------
เด็กสาวเอียงคอ ทำสีหน้าไม่เข้าใจ เหมือนเธอไม่ใช่คนที่เขียนข้อความพวกนี้
'ทำไม......ถึงดูเหมือนคนอื่นเลยล่ะ' รูบี้นึกในใจ มือขยับพลิกหน้าและเลื่อนผ่านกระดาษอีกครั้ง
-----------------------------------------------
วันที่ 07/06 ปีที่ 15
ฉันตายครั้งที่ 10
นับตั้งแต่ที่หนีมา ฉันตัดสินใจพลาดไปบ่อยมาก โชคดีที่แถวนี้มีตึกร้างเยอะ ฉันเลยหลบซ่อนตัวรอเวลาตายได้ แต่ไม่ควรจะวางใจสินะ อีกสักพักพวกเขาอาจจะระเบิดพื้นที่นี้ทิ้งในอีกไม่นาน
เหนื่อยจัง
พี่เห็นแก่ตัวที่สุด คำสัญญานั่นด้วย
-----------------------------------------------
เนื้อหาสั้นลง ลายมือตวัดเหมือนรีบเขียนและมีรอยด่างปรากฏจางๆที่คำสุดท้าย
พรึ่บ กึก
"??"
พอกำลังจะพลิกหน้าต่อไป ก็มีบางอย่างถูกวางคั่นเอาไว้
ผ้าไหมขาดๆเปื้อนสีนํ้าตาลเข้ม เหมือนมันห่ออะไรบางอย่างเอาไว้ ดูน่าสงสัย
รูบี้ไม่รอช้าที่จะเปิดผ้าออกเพื่อดูของข้างใน แล้วเธอก็นิ่งไป
สร้อยคอ สายสีดำของมันขาดแต่ยังคล้องกับโลหะของตัวจี้ที่เป็นสีทอง
มีฝาปิดอยู่ ดูคล้ายกับจี้ใส่รูปหรือนาฬิกา สลักรูปลวดลายสวยงามเหมือนภาพวาดฝาผนังในโบสถ์
กริ๊ก
เด็กสาวเปิดฝาออก ไม่ทันแปลกใจที่ตัวเองรู้วิธีเปิด
ในนั้น มีเศษหินใสสีแดงอยู่ เทียบดูแล้วขนาดเล็กกว่าตัวจี้เหมือนมันแตกหายไป หายไปถึง 3 ใน 4
อัญมณีติดกับขอบบนของจี้วงกลม เด็กสาวมองมันโดยไม่ละสายตาหรือกระพริบตา
เธอเอื้อมมือขึ้น ช้าๆเหมือนเหม่อลอยในห้วงภวังค์
กึก
ทันทีที่สัมผัสหินสีแดง ทุกอย่างก็เหมือนถูกดูดเข้าไป
ภาพและเสียงรายล้อมตัว ดังก้องและสะท้อนในหัวอย่างรวดเร็ว
สีแดง เข็ม สมุด มือเปื้อนเลือด เหล็ก ดอกไม้ สีเปลวเทียน
หมุนเร็วจนสีสันซีดจางราวถูกแต้มด้วยสีดำ สิ่งที่ตามมาจากภาพคือเสียงไม้ที่เผาไหม้รอบหู
"รูบี้---ตามหา---------ฮวง---"
ริมฝีปากนั้นขยับ ดวงตาที่เบิกกว้างของเธอก็ขยับ กลิ่นเหม็นคาวคลุ้งในลำคอจนแทบอาเจียน ลมหายใจนั้นติดขัดจะขาดห้วง ความมืดค่อยๆถูกสัมผัสเปียกเหนียวตรงมือทำให้หายไป
ใบหน้าตรงหน้าเธอนั้น ตรงเบ้าตา
ว่าง เปล่า
"กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!"
โครม!!!
เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวปลุกให้คนที่หลับไหลตื่นขึ้น ร่างเล็กที่มีเส้นผมสีเข้มเบิกตากว้างและผลักประตูบ้านของตนเองออก มือตวัดคมมีดที่กุมเอาไว้และจับขอบบ้านพร้อมส่งกวาดสายตาไปทั่ว
"เกิดอะไรขึ้น!! รูบี้!!" คิระถามเสียงดัง ดวงตาเหมือนสัตว์ป่ามองในที่มืด ไปทางด้านข้างที่เพื่อนอีกสองคนนอนอยู่
เขาเห็นเส้นผมสีฟ้าของเรนอยู่ข้างมือ เด็กหนุ่มผู้หวาดกลัวเสียงดังดีดตัวนั่งผิงกับกล่องและหอบหายใจ
"เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น??" คิระพูดเสียงตํ่าเคาะหัวคนใกล้มือ
"ม--ไม่รู้ เพิ่งตื่นเหมือนกัน" เรนพูดตอบ ดวงตาค่อยๆมองหาสีเส้นผมของเธอ
"ฮึก--"
รูบี้---เด็กสาวผู้ส่งเสียงร้องนั่งกอดเข่า ในมือถืออะไรบางอย่างไว้แน่น ตัวสั่นระริกและส่งเสียงร้องสะอื้น
"......." เรนตกใจ เขาไม่เคยเห็นเธอร้องไห้กลัวบางอย่างขนาดนี้มากก่อน ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม
"บี้?" คิระลดมีดในมือลง มือที่เกาะกล่องไม้ผ่อนแรงลง มองเรนที่ขยับเข้าหารูบี้ช้าๆ
พึ่บ
มือของเด็กหนุ่มลูบเข้าที่หัวของเด็กสาว เส้นผมสีเพลิงขยับไหวเบาๆ
"ร-เรน??" เธอยังพูดได้อยู่ แม้จะร้องไห้ก็ตาม ดวงตาที่เปียกนํ้าตามองที่เด็กหนุ่ม
".....อืม" เรนยกมือออก และถอยห่างจากเด็กสาวที่สงบมากขึ้น เธอยังสะอึกจากความเศร้า
"เกิดอะไรขึ้นบี้? ฝันร้ายเหรอ" คิระโน้มตัวออกจากกล่อง ถามอย่างเป็นห่วง
เด็กสาวมองพื้น ยังส่งเสียงร้องสะอื้นไม่หยุด เรนเห็นท่าทีของเธอแล้วก็ทำสีหน้าซึม
"จำได้----" เหมือนหูฟาดไป เรนเบิกตากว้างก่อนที่จะเงยหน้ามองเด็กสาว
"จำ---พี่-----" เธอพูดลอยๆจับใจความลำบาก
"----ต้องตามหา---" ดวงตาปรือเหมือนจะหลับ หัวและร่างกายขยับวูบไหวเหมือนเสียการทรงตัว
พึ่บ
เรนลุก
เขาลุกครึ่งหนึ่ง และรับร่างเด็กสาวที่โน้มลงมาข้างหน้าได้พอดี สีหน้าของเด็กหนุ่มสับสนและขึ้นประกายบางอย่าง
"อะไร อะไร? ฝันร้ายเหรอ หรือว่าละเมอ"
คิระรู้สึกจืดจาง ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เช้าวันต่อมา
"พี่ชาย.....พี่โมรา...." รูบี้นั่งขมวดคิ้ว เธอหยุดร้องไห้แล้ว ตอนนี้กำลังดึงความทรงจำแสนเลือนลางออกมา
"พี่ชาย? เธอมีพี่ชายด้วย?" คิระหยุดซดปลากระป๋องและถามออกมา
"อือ.....น่าจะตายไปแล้ว" ค่อก- พอได้ยินก็สำลักปลา เด็กสาว(หนุ่ม)ทุบอกตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด ส่วนเรนมองคนที่สำลักปลาด้วยสีหน้าสะใจเบาๆ
"ขอให้ตามหาฮวง....ฮวงคืออะไรอ่ะ" รูบี้เกาแก้มอย่างไม่เข้าใจคำพูดตัวเอง นึกไม่ออกว่าฮวงที่ว่าคืออะไร
"เป็นชื่อตระกูล.....มีคนที่เป็นเผ่านกเพลิงอยู่" เรนช่วยเสริมสิ่งที่ว่างเปล่าให้เด็กสาว เธอทุบมือเหมือนเข้าใจแล้ว
"อ๋อ---ไม่คุ้นเลยอ่ะ" และก็คอตกอีกรอบ ในใจแทบจะหลั่งนํ้าตาออกมา
ทั้งๆที่ความทรงจำกลับมาแล้ว แต่กลับยังนึกไม่ออกอยู่ดี
"แต่-- พูดจริงเหรอว่าแค่ แตะ ก็นึกออกเลยน่ะฮะ?" คิระกลืนปลาที่ติดคอลงไปได้ในที่สุด เงยหน้าที่หายม่วงขึ้นถาม
"ใช่ พอจับปุ๊ป ก็นึกออกเลยอ่ะ---แต่น่ากลัวมากเลย" รูบี้ไม่ลืมความรู้สึกหลากหลายที่แล่นผ่านไปเสี้ยววินาที ภาพชายผิวแทนที่ดวงตากลวงโบ๋ด้วย
"นึกชื่อไม่ออกจริงๆใช่มั้ย.....ชื่อของหินน่ะ" เรนมองที่จี้ในมือของรูบี้ เขาจำสีแดงที่เหมือนดวงตาของเธอได้
"ไม่เลย......ทั้งๆที่น่าจะสำคัญมากแท้ๆ....." รูบี้ลูบนิ้วไปบนผิวโลหะ สับสนกับความทรงจำของตัวเอง
"หรือว่า ถ้ามันแตกกระจายออกก็จะทำให้นึกได้น้อยลง?" คิระวางกระป๋องปลาที่ว่างเปล่าลงกับพื้น
"น่าจะใช่......" เด็กสาวยกของคู่กายอยู่ในระดับสายตา รู้สึกผูกพันกับมัน
"....งั้นถ้าเราซ่อมมันได้ก็จะนึกทุกอย่างออก---" และตอนที่ตายด้วย เธอกลืนนํ้าลายทั้งที่ยังพูดไม่จบ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ถ้าเกิดว่าหินนี้ทำให้จำได้ทุกอย่าง ถ้าเกิดมันถูกรวบรวมให้เป็นชิ้นเท่าเดิม ความทรงจำจะกลับมามากขึ้น
ภาพและสัมผัสก่อนตายก็จะจำได้ทั้งหมดด้วย..ใช่ไหม
"จะไปตามหาเหรอ" เรนช่วยดึงเด็กสาวให้กลับมาจากความคิดเรื่อยเปื่อย "อ๊ะ"
".......เธอไหวรึเปล่า" เขาทำสีหน้าที่ไม่เหมือนทุกที ดวงตาสีฟ้าอ่อนดูเป็นห่วง
"......ยังเอาเหล็กออกไม่หมดสินะ"
"กินปลาไปเงียบๆเลยเจ้ากุ้ง"
/"อัญมณีสีแดง สีเหมือนดวงตา อืมมม..."/ ถึงเวลาพึ่งคนที่น่าจะรู้ทุกอย่าง โชคดีที่จู่ๆเอซิดก็ติดต่อมาหาด้วยสาเหตุง่ายๆว่าคิดถึง
/"ไม่เคยได้ยิน มีเยอะ"/ เอซิดนึกสักพักแล้วตอบ คำตอบทำให้เด็กสาวเหงื่อตก
แม้แต่อัจฉริยะผู้รอบรู้ยังบอกไม่ได้ น่าเหลือเชื่อสุดๆ
/"มีเยอะมาก---- แต่ เจ้านั่น มีของ คล้ายๆกันไว้"/ เสียงนั้นเหมือนนึกบางอย่างออก
/"สัตว์กลายพันธุ์ กระจอกเทศสีดำทั้งตัว มีข่าว"/ เอซิดพูดขาดๆหายๆ คนฟังถึงกับเหงื่อตกเพราะต้องรอแกะความหมายอีกที รวบรวมประโยคให้เป็นคำพูดคนด้วยน่ะนะ
/"อือ----ลำบาก-----แป๊ปนะ"/ เสียงไมโครโฟนกระทบเส้นผมสะท้อนมา เรนที่ได้ยินเสียงชัดกว่าคนอื่นเลิกคิ้วอย่างงุนงง
/".........."/ ฟู่ว--มีแต่เสียงลมที่ดังขึ้นทีละนิด เด็กหนุ่มเผลอเอามือกอดแขนทั้งสองทำสีหน้าไม่จืด
"?" คิระผู้ประสาทสัมผัสดีได้ยินเสียงหายใจจางๆก็ทำสีหน้างุนงง ทั้งเสียงประหลาดและท่าทีตลกๆของเรน
"ฮะๆ เรนทำหน้าเหมือนตอนกินปลาหมึกสดเลย"
"หมอนั่นเคยกินด้วยเหรอ"
/"โอเค----"/ ระหว่างที่คุยกันเบาๆ เสียงเรียบก็ดังขัดจังหวะ
/"นกกระจอกเทศกลายพันธุ์ชื่อที่ชาวบ้านเจอตั้งไว้คือJosieรหัสทางการชั่วคราวJ1475ทำการอาละวาดและถล่มสวนสัตว์เก่าที่เคยอาศัยอยู่สาเหตุเป็นเพราะพันธุกรรมเปลี่ยนแปลงโดยสารพิษMA-07เข้าเส้นเลือดผ่านระบบหายใจรูปร่างมีหัวงอกออกมาสองข้างลำตัวขยายใหญ่ขึ้นเป็น12เมตรโดยประมาณกะจากสายตาขาและส่วนลำตัวไม่มีการกลายพันธุ์มากมันคอยเก็บสิ่งต่างๆที่เป็นประกายไว้กับตัวโดยไม่ทราบสาเหตุปัจจุบันมีเพียงตัวเดียวอยู่ในรังแถบทุ่งหญ้าอาบีสรังอยู่ไม่ห่างจากทะเลสาปอยู่ใกล้ต้นไม้ต้นยักษ์เข้าใกล้เกินระยะ30เมตรรอบต้นไม้ไม่ได้"/
นิ่ง
คร่าวนี้ไม่ใช่เสียงโทนน่าขนลุกพูด แต่เป็นเสียงเรียบเหมือนนักวิชาการและพูดโดยไม่หยุดหายใจ ข้อมูลปริมาณมากและละเอียดจนไม่จำเป็นถูกพูดออกมาจากปากเด็กสาวที่มักพูดไม่จบประโยค
/"ฮึบ-------ฟิ้ว-----นานเลยที่ไม่ได้เรียงคำพูด"/ เอซิดที่พูดสำเนียงเหมือนคนปกติสูดและปล่อยลมหายใจ
"ว้าวววว เอซิดร่างสอง!!" รูบี้ตั้งฉายาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
/"ได้ไม่นานนักหรอก ยิ่งเค้นสมองเรียงคำพูดออกมามากฉันยิ่งอยากยา"/ เอซิดพูดอย่างรวดเร็ว ไม่ได้เป็นประโยคขาดๆเชื่องช้าเหมือนทุกที
"....อย่าเพิ่งพูดเรื่องยาเลย เข้าประเด็นเถอะ" คิระใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อบนใบหน้าออก นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเด็กสาวแสดงความฉลาดออกมาขนาดนี้
/"นั่นสิ อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ ถ้าฟังไม่ทันก็ไม่เป้นไร หูฟังนั่นบันทึกเสียงเอาไว้ได้"/ เอซิดรู้ว่าไม่มีใครฟังทัน เธอจึงบันทึกเสียงเอาไว้เสร็จสรพพ
/"ทุ่งหญ้าอาบีสอยู่ไม่ไกลมาก อยู่ไม่ไกลจากเมืองห้างร้างๆ สังเกตุได้ว่าทุ่งหญ้าจะมีสีดำทั้งๆที่ใบไม่ได้เหี่ยวหรือไหม้ นกกระจอกเทศตัวนั้นเก็บอัญมณีไว้ด้วย ไม่รู้ว่ามีของรูบี้มั๊ย และอีกอย่าง"/ เธอหยุดเว้นช่วงพักหนึ่ง
/"มีของพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย ถ้าเอามาให้จะขอบคุณมากเลย"/ ไม่ลืมที่จะขอส่วนแบ่ง
"......เดี๋ยวเอาไปฝากให้" คิระทำหน้าเหนื่อยใจ คนที่นั่งอยู่หน้าจอคนนั้นไม่คิดจะทำอะไรด้วยตัวเองบ้างเลย
/"ฮิๆๆ เริ่มหลอนแล้วล่ะ ขอพอแค่นี้ก่อนละกัน อาดิโอสส"/
พึ่บ
"นกกระจอกเทศ......หมายถึงนกที่ตัวใหญ่ๆแต่บินไม่ได้สินะ" รูบี้นึก มันคือนกที่ใหญ่ที่สุดบนโลกและบินไม่ได้
"ใช่แล้ว เท่าที่ฟังมารู้สึกจะเป็นพวกกลายพันธ์ุด้วย" คิระนึกภาพ นกสองหัวตัวอ้วนๆขาใหญ่ๆ แล้วนํ้าลายไหล-
"ถ้ากลายพันธุ์ก็คงกินไม่ได้ และขนาดตัวใหญ่ตั้ง 12 เมตรสู้ไปก็เปลืองทรัพยากรเปล่าๆ แอบไปขโมยของในรังน่าจะดีกว่า" เรนไม่คิดจะฆ่านกยักษ์ ทำให้คิระส่งเสียงร้องอย่างเสียดาย "อ่าวววว"
"จะดีเหรอเรน ถ้าเกิดว่ามันรู้ตัวแล้ววิ่งกลับมาเตะเราล่ะ" รูบี้ถาม คิระพยายามส่งแรงเชียร์ว่าจะฆ่าให้ได้ในใจ
"ไม่ได้แปลว่ามันจะตื่นมาเตะเราทั้งวัน" เรนขยับหูฟัง
"ช่วงนี้ สัตว์จำศีลใช่ไหมล่ะ?"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น