ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Broken ชีวิตที่พังทลาย

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 11 : สิ่งที่ขาดหายไป

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 61


    เสียงของลม


    เสียงของลมพัดมาจางๆ อากาศโดยรอบเย็นและนํ้าที่แห้งเหือดนั้นแทบไม่ขยับ

    เสียงแมลงและสัตว์ไม่ดังออกมา พวกมันเริ่มเข้าสู่ภาวะหนึ่งที่ชื่อว่าจำศีล


    แม้แต่ในฐานลับเล็กๆยังไม่มีเสียงพูดคุย แสงของดวงจันทร์สอดลอดผ่านช่องว่างที่ถูกแผ่นไม้ปิดไว้ไม่มิด


    ในนั้น มีตะเกียงถูกเปิดใช้โดยมือของเด็กสาวผมสีเพลิง เธอหมุนอย่างเบามือและเงียบที่สุด ไม่ลืมที่จะหันไปมองคนที่นอนไม่ห่างแม้เขาจะหลับสนิทมากก็ตาม

    ไม่ตื่น

    "ดีนะที่เรนขี้เซา" รูบี้พูดเบาๆให้ตัวเองได้ยิน หูไม่ได้ยินอะไรเหมือนถูกลมอัดเข้าหู

    ".........." เมื่อมั่นใจว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้ออกไปหรือมีเรื่องอะไรอีก เธอจึงหยิบสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ในฟูกมาตลอดออกมา


    สมุดบันทึก


    ปกสีแดงซีดๆ เพราะเรื่องมากมายที่โถมเข้ามาและสองหนุ่มที่ไม่ค่อยยอมนอนหลับง่ายๆทำให้ช่วงสามสี่วันที่ผ่านมารูบี้ไม่มีเวลามาอ่านเจ้านี่เลย

    ตอนนี้ คืนนี้ คือโอกาศ

    พรึ่บ

    เด็กสาวพลิกกระดาษอย่างแผ่วเบา ผิวสัมผัสเรียบเหมือนของใหม่

    ".....?" แต่น่าแปลก ไม่มีอะไรเขียนอยู่บนกระดาษเลย

    'สมุดเปล่างั้นเหรอ?' คิดในใจพร้อมใช้มือลูบไปอย่างเสียดาย นึกว่าจะได้รู้อะไรมากขึ้น--


    "!"

    รูบี้เกือบส่งเสียงร้อง เธอยกมือตะปบปากไว้ได้ทัน ตกใจเกือบปล่อยสมุดหลุดออกจากมือ

    จู่ๆตัวอักษรก็ปรากฏขึ้น เหมือนเวทย์มนตร์

    'อะไรกันน่ะ จู่ๆก็มีตัวอักษรขึ้น' เด็กสาวสูดลมหายใจอย่างเงียบงัน ก่อนที่จะกวาดตาอ่านตัวหนังสือสีนํ้าตาลเหมือนรอยไหม้ที่เพิ่งโผล่ขึ้นมา

    ---------------------------------------------
    วันที่ 21 / 05 ปีที่ 15

    เสียดายที่สมุดเล่มนี้ไม่ได้ถูกใช้เพื่อเขียนบันทึกชีวิตประจำวัน

    พี่ชายมอบสมุดพวกนี้ให้กับฉัน เป็นคนที่เห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว ไม่คิดว่าฉันจะเหงาเลยรึไง

    ยังไงก็ตาม ท้ังปากกาและสมุดอีกสองเล่มนี้ เป็นของๆทุกคนที่เหลือไม่กี่ชิ้น ปากกานี้ก็เป็นของคุณแม่ด้วย 

    ทำไมเรื่องพวกนี้ต้องเกิดขึ้นกันนะ ฉันแค่อยากจะอยู่กับครอบครัวเท่านั้น 

    ขอโทษนะพี่ ฉันทนไม่เขียนถึงพ่อแม่หรือพี่ได้หรอก มันเหงามากเลย

    ----------------------------------------------

    เด็กสาวเอียงคอ ทำสีหน้าไม่เข้าใจ เหมือนเธอไม่ใช่คนที่เขียนข้อความพวกนี้

    'ทำไม......ถึงดูเหมือนคนอื่นเลยล่ะ' รูบี้นึกในใจ มือขยับพลิกหน้าและเลื่อนผ่านกระดาษอีกครั้ง

    -----------------------------------------------
    วันที่ 07/06 ปีที่ 15

    ฉันตายครั้งที่ 10

    นับตั้งแต่ที่หนีมา ฉันตัดสินใจพลาดไปบ่อยมาก โชคดีที่แถวนี้มีตึกร้างเยอะ ฉันเลยหลบซ่อนตัวรอเวลาตายได้ แต่ไม่ควรจะวางใจสินะ อีกสักพักพวกเขาอาจจะระเบิดพื้นที่นี้ทิ้งในอีกไม่นาน

    เหนื่อยจัง 

    พี่เห็นแก่ตัวที่สุด คำสัญญานั่นด้วย

    -----------------------------------------------

    เนื้อหาสั้นลง ลายมือตวัดเหมือนรีบเขียนและมีรอยด่างปรากฏจางๆที่คำสุดท้าย



    พรึ่บ กึก

    "??"

    พอกำลังจะพลิกหน้าต่อไป ก็มีบางอย่างถูกวางคั่นเอาไว้

    ผ้าไหมขาดๆเปื้อนสีนํ้าตาลเข้ม เหมือนมันห่ออะไรบางอย่างเอาไว้ ดูน่าสงสัย

    รูบี้ไม่รอช้าที่จะเปิดผ้าออกเพื่อดูของข้างใน แล้วเธอก็นิ่งไป


    สร้อยคอ สายสีดำของมันขาดแต่ยังคล้องกับโลหะของตัวจี้ที่เป็นสีทอง

    มีฝาปิดอยู่ ดูคล้ายกับจี้ใส่รูปหรือนาฬิกา สลักรูปลวดลายสวยงามเหมือนภาพวาดฝาผนังในโบสถ์

    กริ๊ก

    เด็กสาวเปิดฝาออก ไม่ทันแปลกใจที่ตัวเองรู้วิธีเปิด

    ในนั้น มีเศษหินใสสีแดงอยู่ เทียบดูแล้วขนาดเล็กกว่าตัวจี้เหมือนมันแตกหายไป หายไปถึง 3 ใน 4

    อัญมณีติดกับขอบบนของจี้วงกลม เด็กสาวมองมันโดยไม่ละสายตาหรือกระพริบตา

    เธอเอื้อมมือขึ้น ช้าๆเหมือนเหม่อลอยในห้วงภวังค์



    กึก


    ทันทีที่สัมผัสหินสีแดง ทุกอย่างก็เหมือนถูกดูดเข้าไป






    ภาพและเสียงรายล้อมตัว ดังก้องและสะท้อนในหัวอย่างรวดเร็ว

    สีแดง เข็ม สมุด มือเปื้อนเลือด เหล็ก ดอกไม้ สีเปลวเทียน 

    หมุนเร็วจนสีสันซีดจางราวถูกแต้มด้วยสีดำ สิ่งที่ตามมาจากภาพคือเสียงไม้ที่เผาไหม้รอบหู

    "รูบี้---ตามหา---------ฮวง---" 



    ริมฝีปากนั้นขยับ ดวงตาที่เบิกกว้างของเธอก็ขยับ กลิ่นเหม็นคาวคลุ้งในลำคอจนแทบอาเจียน ลมหายใจนั้นติดขัดจะขาดห้วง ความมืดค่อยๆถูกสัมผัสเปียกเหนียวตรงมือทำให้หายไป

    ใบหน้าตรงหน้าเธอนั้น ตรงเบ้าตา

    ว่าง เปล่า






    "กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!"

    โครม!!!



    เสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัวปลุกให้คนที่หลับไหลตื่นขึ้น ร่างเล็กที่มีเส้นผมสีเข้มเบิกตากว้างและผลักประตูบ้านของตนเองออก มือตวัดคมมีดที่กุมเอาไว้และจับขอบบ้านพร้อมส่งกวาดสายตาไปทั่ว

    "เกิดอะไรขึ้น!! รูบี้!!" คิระถามเสียงดัง ดวงตาเหมือนสัตว์ป่ามองในที่มืด ไปทางด้านข้างที่เพื่อนอีกสองคนนอนอยู่

    เขาเห็นเส้นผมสีฟ้าของเรนอยู่ข้างมือ เด็กหนุ่มผู้หวาดกลัวเสียงดังดีดตัวนั่งผิงกับกล่องและหอบหายใจ

    "เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น??" คิระพูดเสียงตํ่าเคาะหัวคนใกล้มือ

    "ม--ไม่รู้ เพิ่งตื่นเหมือนกัน" เรนพูดตอบ ดวงตาค่อยๆมองหาสีเส้นผมของเธอ



    "ฮึก--"

    รูบี้---เด็กสาวผู้ส่งเสียงร้องนั่งกอดเข่า ในมือถืออะไรบางอย่างไว้แน่น ตัวสั่นระริกและส่งเสียงร้องสะอื้น

    "......." เรนตกใจ เขาไม่เคยเห็นเธอร้องไห้กลัวบางอย่างขนาดนี้มากก่อน ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตาม

    "บี้?" คิระลดมีดในมือลง มือที่เกาะกล่องไม้ผ่อนแรงลง มองเรนที่ขยับเข้าหารูบี้ช้าๆ


    พึ่บ

    มือของเด็กหนุ่มลูบเข้าที่หัวของเด็กสาว เส้นผมสีเพลิงขยับไหวเบาๆ

    "ร-เรน??" เธอยังพูดได้อยู่ แม้จะร้องไห้ก็ตาม ดวงตาที่เปียกนํ้าตามองที่เด็กหนุ่ม

    ".....อืม" เรนยกมือออก และถอยห่างจากเด็กสาวที่สงบมากขึ้น เธอยังสะอึกจากความเศร้า

    "เกิดอะไรขึ้นบี้? ฝันร้ายเหรอ" คิระโน้มตัวออกจากกล่อง ถามอย่างเป็นห่วง

    เด็กสาวมองพื้น ยังส่งเสียงร้องสะอื้นไม่หยุด เรนเห็นท่าทีของเธอแล้วก็ทำสีหน้าซึม

    "จำได้----" เหมือนหูฟาดไป เรนเบิกตากว้างก่อนที่จะเงยหน้ามองเด็กสาว

    "จำ---พี่-----" เธอพูดลอยๆจับใจความลำบาก 

    "----ต้องตามหา---" ดวงตาปรือเหมือนจะหลับ หัวและร่างกายขยับวูบไหวเหมือนเสียการทรงตัว




    พึ่บ

    เรนลุก


    เขาลุกครึ่งหนึ่ง และรับร่างเด็กสาวที่โน้มลงมาข้างหน้าได้พอดี สีหน้าของเด็กหนุ่มสับสนและขึ้นประกายบางอย่าง


    "อะไร อะไร? ฝันร้ายเหรอ หรือว่าละเมอ"

    คิระรู้สึกจืดจาง ไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น












    เช้าวันต่อมา



    "พี่ชาย.....พี่โมรา...." รูบี้นั่งขมวดคิ้ว เธอหยุดร้องไห้แล้ว ตอนนี้กำลังดึงความทรงจำแสนเลือนลางออกมา
    "พี่ชาย? เธอมีพี่ชายด้วย?" คิระหยุดซดปลากระป๋องและถามออกมา
    "อือ.....น่าจะตายไปแล้ว" ค่อก- พอได้ยินก็สำลักปลา เด็กสาว(หนุ่ม)ทุบอกตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด ส่วนเรนมองคนที่สำลักปลาด้วยสีหน้าสะใจเบาๆ
    "ขอให้ตามหาฮวง....ฮวงคืออะไรอ่ะ" รูบี้เกาแก้มอย่างไม่เข้าใจคำพูดตัวเอง นึกไม่ออกว่าฮวงที่ว่าคืออะไร
    "เป็นชื่อตระกูล.....มีคนที่เป็นเผ่านกเพลิงอยู่" เรนช่วยเสริมสิ่งที่ว่างเปล่าให้เด็กสาว เธอทุบมือเหมือนเข้าใจแล้ว
    "อ๋อ---ไม่คุ้นเลยอ่ะ" และก็คอตกอีกรอบ ในใจแทบจะหลั่งนํ้าตาออกมา

    ทั้งๆที่ความทรงจำกลับมาแล้ว แต่กลับยังนึกไม่ออกอยู่ดี

    "แต่-- พูดจริงเหรอว่าแค่ แตะ ก็นึกออกเลยน่ะฮะ?" คิระกลืนปลาที่ติดคอลงไปได้ในที่สุด เงยหน้าที่หายม่วงขึ้นถาม
    "ใช่ พอจับปุ๊ป ก็นึกออกเลยอ่ะ---แต่น่ากลัวมากเลย" รูบี้ไม่ลืมความรู้สึกหลากหลายที่แล่นผ่านไปเสี้ยววินาที ภาพชายผิวแทนที่ดวงตากลวงโบ๋ด้วย
    "นึกชื่อไม่ออกจริงๆใช่มั้ย.....ชื่อของหินน่ะ" เรนมองที่จี้ในมือของรูบี้ เขาจำสีแดงที่เหมือนดวงตาของเธอได้
    "ไม่เลย......ทั้งๆที่น่าจะสำคัญมากแท้ๆ....." รูบี้ลูบนิ้วไปบนผิวโลหะ สับสนกับความทรงจำของตัวเอง
    "หรือว่า ถ้ามันแตกกระจายออกก็จะทำให้นึกได้น้อยลง?" คิระวางกระป๋องปลาที่ว่างเปล่าลงกับพื้น 
    "น่าจะใช่......" เด็กสาวยกของคู่กายอยู่ในระดับสายตา รู้สึกผูกพันกับมัน
    "....งั้นถ้าเราซ่อมมันได้ก็จะนึกทุกอย่างออก---" และตอนที่ตายด้วย  เธอกลืนนํ้าลายทั้งที่ยังพูดไม่จบ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ถ้าเกิดว่าหินนี้ทำให้จำได้ทุกอย่าง ถ้าเกิดมันถูกรวบรวมให้เป็นชิ้นเท่าเดิม ความทรงจำจะกลับมามากขึ้น


    ภาพและสัมผัสก่อนตายก็จะจำได้ทั้งหมดด้วย..ใช่ไหม


    "จะไปตามหาเหรอ" เรนช่วยดึงเด็กสาวให้กลับมาจากความคิดเรื่อยเปื่อย "อ๊ะ"
    ".......เธอไหวรึเปล่า" เขาทำสีหน้าที่ไม่เหมือนทุกที ดวงตาสีฟ้าอ่อนดูเป็นห่วง
    "......ยังเอาเหล็กออกไม่หมดสินะ"  
    "กินปลาไปเงียบๆเลยเจ้ากุ้ง"








    /"อัญมณีสีแดง สีเหมือนดวงตา อืมมม..."/ ถึงเวลาพึ่งคนที่น่าจะรู้ทุกอย่าง โชคดีที่จู่ๆเอซิดก็ติดต่อมาหาด้วยสาเหตุง่ายๆว่าคิดถึง

    /"ไม่เคยได้ยิน มีเยอะ"/ เอซิดนึกสักพักแล้วตอบ คำตอบทำให้เด็กสาวเหงื่อตก

    แม้แต่อัจฉริยะผู้รอบรู้ยังบอกไม่ได้ น่าเหลือเชื่อสุดๆ

    /"มีเยอะมาก---- แต่ เจ้านั่น มีของ คล้ายๆกันไว้"/ เสียงนั้นเหมือนนึกบางอย่างออก

    /"สัตว์กลายพันธุ์ กระจอกเทศสีดำทั้งตัว มีข่าว"/ เอซิดพูดขาดๆหายๆ คนฟังถึงกับเหงื่อตกเพราะต้องรอแกะความหมายอีกที รวบรวมประโยคให้เป็นคำพูดคนด้วยน่ะนะ

    /"อือ----ลำบาก-----แป๊ปนะ"/ เสียงไมโครโฟนกระทบเส้นผมสะท้อนมา เรนที่ได้ยินเสียงชัดกว่าคนอื่นเลิกคิ้วอย่างงุนงง

    /".........."/ ฟู่ว--มีแต่เสียงลมที่ดังขึ้นทีละนิด เด็กหนุ่มเผลอเอามือกอดแขนทั้งสองทำสีหน้าไม่จืด

    "?" คิระผู้ประสาทสัมผัสดีได้ยินเสียงหายใจจางๆก็ทำสีหน้างุนงง ทั้งเสียงประหลาดและท่าทีตลกๆของเรน

    "ฮะๆ เรนทำหน้าเหมือนตอนกินปลาหมึกสดเลย"

    "หมอนั่นเคยกินด้วยเหรอ"

    /"โอเค----"/ ระหว่างที่คุยกันเบาๆ เสียงเรียบก็ดังขัดจังหวะ

    /"นกกระจอกเทศกลายพันธุ์ชื่อที่ชาวบ้านเจอตั้งไว้คือJosieรหัสทางการชั่วคราวJ1475ทำการอาละวาดและถล่มสวนสัตว์เก่าที่เคยอาศัยอยู่สาเหตุเป็นเพราะพันธุกรรมเปลี่ยนแปลงโดยสารพิษMA-07เข้าเส้นเลือดผ่านระบบหายใจรูปร่างมีหัวงอกออกมาสองข้างลำตัวขยายใหญ่ขึ้นเป็น12เมตรโดยประมาณกะจากสายตาขาและส่วนลำตัวไม่มีการกลายพันธุ์มากมันคอยเก็บสิ่งต่างๆที่เป็นประกายไว้กับตัวโดยไม่ทราบสาเหตุปัจจุบันมีเพียงตัวเดียวอยู่ในรังแถบทุ่งหญ้าอาบีสรังอยู่ไม่ห่างจากทะเลสาปอยู่ใกล้ต้นไม้ต้นยักษ์เข้าใกล้เกินระยะ30เมตรรอบต้นไม้ไม่ได้"/

    นิ่ง

    คร่าวนี้ไม่ใช่เสียงโทนน่าขนลุกพูด แต่เป็นเสียงเรียบเหมือนนักวิชาการและพูดโดยไม่หยุดหายใจ ข้อมูลปริมาณมากและละเอียดจนไม่จำเป็นถูกพูดออกมาจากปากเด็กสาวที่มักพูดไม่จบประโยค

    /"ฮึบ-------ฟิ้ว-----นานเลยที่ไม่ได้เรียงคำพูด"/ เอซิดที่พูดสำเนียงเหมือนคนปกติสูดและปล่อยลมหายใจ 

    "ว้าวววว เอซิดร่างสอง!!" รูบี้ตั้งฉายาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย 

    /"ได้ไม่นานนักหรอก ยิ่งเค้นสมองเรียงคำพูดออกมามากฉันยิ่งอยากยา"/ เอซิดพูดอย่างรวดเร็ว ไม่ได้เป็นประโยคขาดๆเชื่องช้าเหมือนทุกที

    "....อย่าเพิ่งพูดเรื่องยาเลย เข้าประเด็นเถอะ" คิระใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อบนใบหน้าออก นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเด็กสาวแสดงความฉลาดออกมาขนาดนี้

    /"นั่นสิ อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ ถ้าฟังไม่ทันก็ไม่เป้นไร หูฟังนั่นบันทึกเสียงเอาไว้ได้"/ เอซิดรู้ว่าไม่มีใครฟังทัน เธอจึงบันทึกเสียงเอาไว้เสร็จสรพพ

    /"ทุ่งหญ้าอาบีสอยู่ไม่ไกลมาก อยู่ไม่ไกลจากเมืองห้างร้างๆ สังเกตุได้ว่าทุ่งหญ้าจะมีสีดำทั้งๆที่ใบไม่ได้เหี่ยวหรือไหม้ นกกระจอกเทศตัวนั้นเก็บอัญมณีไว้ด้วย ไม่รู้ว่ามีของรูบี้มั๊ย  และอีกอย่าง"/ เธอหยุดเว้นช่วงพักหนึ่ง

    /"มีของพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย ถ้าเอามาให้จะขอบคุณมากเลย"/ ไม่ลืมที่จะขอส่วนแบ่ง

    "......เดี๋ยวเอาไปฝากให้" คิระทำหน้าเหนื่อยใจ คนที่นั่งอยู่หน้าจอคนนั้นไม่คิดจะทำอะไรด้วยตัวเองบ้างเลย

    /"ฮิๆๆ เริ่มหลอนแล้วล่ะ ขอพอแค่นี้ก่อนละกัน อาดิโอสส"/

    พึ่บ



    "นกกระจอกเทศ......หมายถึงนกที่ตัวใหญ่ๆแต่บินไม่ได้สินะ" รูบี้นึก มันคือนกที่ใหญ่ที่สุดบนโลกและบินไม่ได้

    "ใช่แล้ว เท่าที่ฟังมารู้สึกจะเป็นพวกกลายพันธ์ุด้วย" คิระนึกภาพ นกสองหัวตัวอ้วนๆขาใหญ่ๆ แล้วนํ้าลายไหล-

    "ถ้ากลายพันธุ์ก็คงกินไม่ได้ และขนาดตัวใหญ่ตั้ง 12 เมตรสู้ไปก็เปลืองทรัพยากรเปล่าๆ แอบไปขโมยของในรังน่าจะดีกว่า" เรนไม่คิดจะฆ่านกยักษ์ ทำให้คิระส่งเสียงร้องอย่างเสียดาย "อ่าวววว"

    "จะดีเหรอเรน ถ้าเกิดว่ามันรู้ตัวแล้ววิ่งกลับมาเตะเราล่ะ" รูบี้ถาม คิระพยายามส่งแรงเชียร์ว่าจะฆ่าให้ได้ในใจ

    "ไม่ได้แปลว่ามันจะตื่นมาเตะเราทั้งวัน" เรนขยับหูฟัง 

    "ช่วงนี้ สัตว์จำศีลใช่ไหมล่ะ?"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×