ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝันรักกรุงโซล - Oh-my daring

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 51


    ตอนที่เก้า

    พอเปิดประตูห้องนอนได้ฉันก็รีบเดินเข้าไปล้มตัวฟุบคว่ำหน้าลงกับที่นอนตัวนุ่มราวกับนกปีกหักไร้ซึ่งเรี่ยวแรง อยากอยู่นิ่งๆอย่างนี้เพื่อสงบคลื่นอารมณ์บางอย่างที่แม้กระทั่งตัวของฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ และไม่ต้องการที่จะรับรู้คำตอบ

    ไม่รู้ว่าฉันได้นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานเท่าใดแล้วแต่จู่ๆเสียงตืดดดด เป็นสัญญาณเตือนว่ามีเมลล์มาทำให้ฉันค่อยๆลืมตาพลิกตัวชูแขนขึ้นราวกับจะขอพลังจากบรรยากาสรอบๆก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นเดินไปทรุดตัวบนเก้าอี้หน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับยกมือขึ้นลากเม้าท์คลิกเปิดหน้าจออีเมลล์

    จาก ลีโฮจุน

    ชื่อเรื่อง ลืมรึยัง?

    เนื้อความ : สวัสดี ลืมผมรึยังเนี๊ยะ? ผมไม่ได้ทวงนะ แต่ถ้ามีเงินคืนเมื่อไหร่ก็รีบเอามาซื้อกาแฟซักถ้วยสองถ้วยคืนก็แล้วกันนะ นี่คือเบอร์โทรผม xxxxxxxxxxx ติดต่อมาได้เสมอ ผมว่างเพื่อคุณตลอด จากลีโฮจุนเพื่อนใหม่ของคุณ

    เนื้อหาที่เขาเขียนมาสามารถเรียกรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของฉันได้ พร้อมกับมือที่เอื้อมไปหยิบมือถือในกระเป๋าที่ถูกโยนไปอยู่บนเตียงตั้งแต่แรกที่มาถึง กดหมายเลข ไม่กี่อึดใจก็ได้ยินเสียงนุ้มๆของอีกฝ่ายรับสาย

    ฮัลโหล

    เอ่อ... ฉันแก้วนะคะ

    คำพูดตะกุกตะกักเพราะไม่คุ้นกับการพูดภาษาเกาหลีผ่านทางโทรศัพท์ซึ่งถือว่าเป็นการสนทนาขั้นสูงนี้เท่าใดนัก

    แก้วเหรอ? คุณว่างแล้ว?

    เสียงกระตือรือร้นที่ตอบกลับบ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายยินดีที่จะสนทนากับหญิงสาว

    โฮจุน?

    ใช่ คุณว่างมาเจอผมเมื่อไหร่ แล้วนี่เบอร์โทรคุณใช่ไหม? ผมสามารถติดต่อผ่านเบอร์ที่โชว์นี่ได้เลยใช่ไหม?

    เธอเพิ่งจะพูดได้แค่ชื่อของเขาเท่านั้นแต่ชายหนุ่มกลับรัวคำถามเป็นชุดซะฟังไม่ถนัด

    แหม โฮจุน พูดช้าๆหน่อยสิคะ อย่าลืมซิว่าฉันเป็นคนต่างชาติ

    แฮะๆ ผมดีใจมากไปหน่อย เอาเป็นว่าคุณ ว่าง เมื่อไหร่?

    เสียงนุ้มๆพูดเน้นช้าๆให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายขึ้น

    พรุ่งนี้ได้ไหมคะ? ฉันว่างพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ เอาเป็นว่าเจอกันที่ร้านกุมเอเซซังดีไหม?แถวๆมยองดงอ่ะคะ

    ฉันเผลอพูดชื่อร้านที่เพิ่งไปมากับนายปาร์คจีซองออกไป คงเพราะการออกแบบและการตกแต่งร้านกระมังที่ทำให้ฉันติดใจจนอยากไปเป็นครั้งที่สองอีก

    โอเค ว่าแต่คุณรู้ได้ไง? ไหนว่าเพิ่งมาเที่ยวเกาหลีแต่กลับรู้ถึงร้านดังๆแถบนั้นด้วยแฮะ

    เอ่อ...รู้ก็แล้วกัน แค่นี้นะคะ ฉันต้องวางแล้ว

    ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ทักท้วงอะไรทั้งนั้นฉันก็รีบกดปิดสัญญาณทันที.

    เฮ้อ...

    ฉันถอนหายใจไร้ซึ่งสาเหตุแหละเหตุผลที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกหนักอกยิ่งนัก.ขอให้แต่ล่ะวันผ่านไปได้ด้วยดีด้วยเถอะนะ พระเจ้า... (ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่คริสเตียน คริสตังที่ไหน แต่ก็เชื่อในพระเจ้าทุกองค์ ไม่ว่าจะชาติไหนทั้งนั้น)

    ด้วยความที่วันนี้เหนื่อยล้ามาทั้งวันทำให้ฉันผล่อยหลับทั้งๆที่ยังไม่ได้อาบน้ำ(จริงๆแล้วฉันไม่ใช่คนสกปรกนะ สาบานได้) ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วแต่ไอ้ความรู้สึกแปลกๆเหมือนไอ้ป๊อกกี้(หมาที่บ้านที่ฉันเป็นคนเอามาเลี้ยงแต่มันไม่เคยฟังคำสั่งฉันเลยนอกจากแม่คงเพราะเป็นคนที่ให้อาหารมันล่ะมั้ง)มาเลียแถวๆหน้าผากพอฉันเบือนหน้าหนีเท่านั้นแหละก็ได้ยินเสียงหึหึหึของใครบางคนที่คุ้นหูฉันเหลือเกินทำให้ฉันถึงกับขมวดคิ้วทั้งๆที่หลับตาด้วยความขี้เซาจึงสามารถเรียกเสียงหัวเราะเบาๆคล้ายกับเกรงว่าฉันจะตื่น พอสติสัมปชัญญะได้ที่ปุ๊บไอ้อาการง่วงงุนก็หายไปทุนที ฉันรีบลืมตาปริบๆสองสามทีพลางหันขวับไม่กลัวคอเคล็ดไปที่ต้นตอทันที

    โอ๊ย

    แก้วเป็นอะไรไป?

    ปาร์คจีซองนั่งลงพร้อมกับชะโงกหน้าจนจมูกคมๆแทบจะกดจมูกได้รูปนิดๆของฉันแบบจมไปกับปฐภีเลยทีเดียว การที่ฉันร้องเสียงหลงก็ไม่ใช่เพราะเจ็บอะไรนักหนาแต่นั่นเป็นเพราะคนตรงหน้าต่างหากเล่า ช่างไม่รู้ตัวเลยตัวเองน่ะ หล่อร้ายกาจขนาดไหน ความหล่อ(ในสายตาฉันนะ คนอื่นเห็นเป็นไงฉันไม่รู้หรอก แต่ไอ้หน้าตาแบบนี้น่ะ มันเสป็คของฉันเลยนี่นา)แบบไม่เกรงใจใครของเขาทำให้ฉันเห็นภาพหลอนของดอกกุหลาบสีชมพูที่เข้ากับห้องเป็นอย่างดีแถมยังมีวงแหวนเหนือศรีษะได้รูปนั่นอีก และก็เพราะภาพนั้นเองที่ทำให้ฉันถึงกับตาเกือบบอดจนต้องเผลอร้องอุทานออกมาให้คนตรงหน้าตกใจจนแทบเผลอเขย่าตัวฉันให้หัวสั่นหัวคลอน นี่ถ้าไม่คิดว่าฉันป่วยหรือบ้าล่ะก็เขาคงทำไปแล้ว

    แก้ว? คุณตอบผมมาสิ

    พอเขาเอาหน้าผากกลมเกลี้ยงไร้สิวให้รำคาญใจของเขาสัมผัสกับหน้าผากฉันเท่านั้นแหละ ความร้อนที่มีในร่างกายของฉันมันเหมือนถูกสูบขึ้นมาจากปลายเท้าวิ่งสู่หน้าผากทันใด ร้อนยิ่งกว่าหม้อที่ใช้ต้มน้ำเดือดจนปรอทวัดแทบแตก

    มะ ไม่เป็นไร

    ฉันรีบตอบเขาอย่างตะกุกตะกักพลางเบี่ยงหน้าหนีทั้งๆที่ขัดกับความรู้สึกภายในยิ่งนัก แต่ฉันก็ต้องพูดออกมาก่อนที่เขาจะทำอะไรไปมากกว่านี้ให้ฉันได้หัวใจวายไปเฝ้าพระยายม

    จริงนะ?

    พร้อมกับหรี่ตาตี๋ๆนั่นอย่างไม่ค่อยไว้ใจในคำพูดฟังไม่ขึ้นของฉันนัก

    อืม

    แต่คุณตัวร้อนนะ ไปหาหมอไหม? ผมจะพาไป?

    เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ แต่มันกลับแล่นจี๊ดสู่หัวใจอันหงอยเหงาและโดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนคอยดูแลมาตลอดยี่สิบห้าฝนยี่สิบห้าหนาว ราวกับเป็นเครื่องปั๊มหัวใจของหมอที่ช่วยให้หัวใจของคนใกล้ตายกลับฟื้นขึ้นมาเต้นตุบตับได้ แต่พอนึกได้ว่าเขาคงพูดเพราะความเป็นห่วงในฐานะคนรู้จักและคนร่วมงาน? เหมือนกับมีเข็มนับพันทิ่มหัวใจพองโตนั่นให้แฟบลงภายในพริบตา

    ไม่เป็นไรหรอก

    ไม่เป็นไร? ทำไมพูดด้วยน้ำเสียงอย่างนั้นล่ะ?

    แบบไหน?

    ฉันรีบสวนคำถามนั้นอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติแต่กลับฟังแล้วระคายหูเหลือเกิน

    ก็ฟังแล้วรู้สึกเหมือนคนห่างเหินยังไงไม่รู้ เมื่อวานผมทำอะไรผิดรึเปล่า? แต่ที่นึกๆ ก็เป็นปกติดีทุกอย่างนี่นา

    เมื่อวาน?

    ฉันทวนคำพูดด้วยน้ำเสียงสูงปรี๊ดอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อนักกับคำพูดนั้นของเขาพลางเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียมพร้อมกับก้มมองสภาพตัวเองที่ยังในเครื่องแบบเมื่อวานครบชุดทุกประการ

    ทำไม?

    ดูเหมือนว่าปาร์คจีซองจะยังไม่เข้าใจกับพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของฉันที่จู่ๆก็ทำตัวอย่างกับผีเข้าซะงั้น

    เปล่า....ว่าแต่คุณเถอะ เข้ามาในห้องฉันทำไม

    ฉันรีบปรับสีหน้าพร้อมกับนึกได้ว่านี่มันห้องนอนส่วนตัวของฉันนี่นาแล้วคนตัวตัวที่นั่งมองฉันราวกับเห็นสัตว์ประหลาดจากนอกโลกนี่มาอยู่ในอาณาจักรส่วนตัวของฉันอย่างนี้ได้ไงกัน

    ผมก็แค่อยากเข้ามาเอ่ยอรุณสวัสดิ์กับคุณก็แค่นั้นเอง รอคุณอยู่ที่ห้องอาหารตั้งนานจนผมกินอิ่มแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววของคุณซักนิด เลยขึ้นมาหาคุณก็เท่านั้น

    เห็นแล้วก็รีบไปทำงานซะสิ

    เมื่อเห็นสภาพของเขาที่สวมชุดสูทเต็มขั้นก็พอจะเดาได้ว่าเขาคงกำลังออกไปทำงานและการที่เขาเข้ามาในห้องของฉันโดยที่ฉันยังไม่ได้อาบน้ำแต่งหน้า สภาพแบบว่าธรรมชาติลงโทษสุดๆแบบนี้ทำให้ฉันไม่อาจทนสู้หน้าเขาได้ จึงเสไล่เขาออกจากห้องแทนความเขินที่รุมเร้าพร้อมกับเอามือปิดปากกลัวว่าเขาจะได้กลิ่นขี้ฟัน(พูดไปตั้งหลายประโยคแล้วเจ้ กว่าจะปิดมันไม่สายไปหน่อยเหรอ)

    ก็ตอนแรกว่าจะออกไปเงียบๆแล้วล่ะ แต่พอดีคุณตื่น ไหนๆก็ตื่นแล้ว จูบให้กำลังใจผมก่อนออกไปทำงานหน่อยสิ

    คนหน้าไม่อายยื่นหน้าเข้ามาหา เล่นเอาฉันถึงกับรีบผง่ะไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

    บ้า

    เร็วๆสิคุณ ถ้าคุณไม่จูบผมไม่ยอมไปทำงานด้วยเอ๊า

    บ้าไปกับเขาสิ ตัวโตซะเปล่า ทำเหมือนเด็กๆไปได้ ฉันได้แต่ส่ายหน้านิดๆแต่ก็ไม่ยอมเขาหรอก แค่คนทำงานร่วมกัน มีที่ไหน คิสกันบนเตียงเสียศักดิ์ศรีหมด

    ฉันยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน ปากเหม็น

    ฉันพูดพลางเขยิบตัวหนีเขาอีกนิด และดูเหมือนเขาจะเพิ่งสังเกตุเห็ตอาการปิดปากพูดของฉันได้จึงได้ ตาหยีๆนั่นจึงได้เล็กลงแต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนนัยตาพราววิบวับนั่นได้

    ผมไม่ถือ

    พลางยื่นมือข้างหนึ่งดึงมือฉันออกพร้อมกับออกแรงกระตุกนิดแต่มันก็ทำให้ฉันถึงกับเซไปจุ๊บปากของเขาเบาๆได้

    บ้า!”

    คงมีแต่คำนี้เท่านั้นที่สามารถออกมาจากปากฉันได้ เพราะในหัวมันว่างเปล่า ไม่สามารถสร้างเอาคำศัพท์มาสร้างเป็นประโยคได้อย่างเคย

    ผมไปทำงานก่อนละนะ ที่รัก เดี๋ยวกลับมาเจอกัน

    ปาร์คจีซองขยิบตาให้ก่อนจะเดินผิวปากออกจากห้องนอนฉันอย่างมีความสุขที่สามารถแกล้งฉันให้เขินได้

    บ้า บ้า บ้า!!!”

    ผั๊วะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    หลังเสียงบริพาษก็ตามด้วยเสียงผั๊วะๆของหมอนหนุนฝาดกระทบกับที่นอนด้วยแรงทั้งหมดที่ฉันมีจนในที่สุดฉันก็ต้องหยุดไปเองด้วยความเหนื่อย เพราะเริ่มสำนึกได้ว่าถึงแม้ฉันจะลงมือลงไม้กับหมอนและที่นอนมากแค่ไหน คนบ้า คนผีทะเลนั่นก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บอย่างที่ฉันเริ่มรู้สึกปวดแขนตุ๊บเนื่องจากเขาที่เป็นสาเหตุนั่นได้

    คอยดูเถอะ ถ้ามีโอกาสล่ะก็...ฮื่มๆๆ

    ก็ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปเท่านั้นแหละ พอเจอตัวทีไรฉันกล้าทำอะไรที่ไหนล่ะ พอเหลือบมองนาฬิกาข้างฟาปุ๊บ เข็มนาฬิการาวกับทวนพุ่งเสียบก้นกบทำให้ฉันรีบเด้งกระโดดออกจากเตียงราวกับนั่งอยู่บนกองไฟ

    ว๊าย...บ้าจริง สายขนาดนี้แล้ว?

    อีกสองช.ม.จะถึงเวลานัดของฉันกับโฮจุน ไหนจะอาบน้ำแต่งตัวไหนจะใช้เวลาเดินทางอีก ฉันรีบคว้าผ้าขนวิ่งเข้าห้องน้ำทันที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×