ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝันรักกรุงโซล - Oh-my daring

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 50


                                                      ตอนที่เจ็ด

    ฉันเหลือบมองมือถือขนาดเล็กกระทัดรัดรุ่นฝาสไลด์สีดำโมเดลกลางเก่ากลางใหม่ที่ถูกวางบนโต๊ะเล็กเยื้องโคมไฟข้างเตียงด้วยสายตาภาคภูมิใจเพราะมันเป็นมือถือราคาไม่แพงนักแต่ก็เป็นเงินที่ฉันต้องเจียดออกจากบัญชีที่เตรียมมาสำหรับมาเที่ยวเกาหลีซื้อเองเมื่อวานนี้.ทั้งๆที่คนพาไปเขาก็เจ้ากี้เจ้าการจะซื้อให้แต่ฉันไม่อยากจะเป็นหนี้บุญคุณเขาและก็ไม่ต้องการให้เขาเห็นฉันเป็นสาวไทยที่หวังจะกอบโกยเงินจากเขา.เพราะก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ฉันก็เคยทำงานเป็นล่ามที่ประเทศไทยและก็มีเหตุการณ์ที่ฉันต้องคอยเป็นล่ามให้กับคนเกาหลีที่ติดหนึบหญิงไทยและบางคนถึงกับถูกล่อลวงเงินไปหลายตังค์ทั้งๆที่ฉันก็ไม่อยากรับรู้แต่ฉันก็พยายามจะบอกคนเกาหลีเอาไว้ว่าอย่าหน้ามืดตามัวโอนเงินให้ใครถ้าไม่จำเป็นและก่อนจะโอนเงินก็ควรจะตรวจดูให้แน่ชัดแต่ถ้าเขาไม่เชื่อมันก็เป็นเรื่องของเขาที่อยากจะเสียเงินโดยใช่เหตุ...และนั่นก็คือเหตุผลที่ฉันจะพยายามไม่ใช้เงินของเขาถึงแม้เขาจะพยายามเป่าหูว่าฉันเป็นคู่หมั้นของเขา(ถึงแม้ว่าจะแค่ชั่วคราวก็เหอะ).ฉันจะขอรับเฉพาะเงินที่ฉันควรได้.แค่ที่พักและอาหารที่เขาให้ฟรีมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเกรงใจสุดๆแล้ว.คิดไปคิดมาเหมือนกับตัวเองมาทำหน้าที่นางสาวไทยอย่างไงก็ไม่รู้แหะ...พอนึกมาถึงตรงนี้ทำให้ฉันหลุดปล่อยเสียงคิกๆคักๆให้คนที่ย่องเข้ามาเอียงคอมองพฤติกรรมฉันด้วยสายตาสงสัยก่อนจะกระแอมเบาๆให้ฉันรับรู้ว่าได้มีมนุษย์โลกคนอื่นล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของฉันโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาติ.
    “เตรียมตัวเสร็จรึยัง?”
    น้ำเสียงขรึมผิดกับแววตาระรื่นที่คงแอบขำกับพฤติกรรมเพี้ยนๆของฉัน.ฉันรีบเด้นตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนหยิบมือถือกระทัดรัดสีดำใส่กระเป๋าสะพายข้างใบใหม่สีแดงเลือดหมูที่หยิบยืมเงินจากเขาเมื่อวานนี้ซื้อมาแทนกระเป๋าใบเก่าที่ถูกขโมยพร้อมกับหันมาทำมือชูสามนิ้วเลียนแบบลูกเสือเยาวชนบอกให้เขารับรู้ว่าพร้อมออกรบได้ทุกเมื่อแทนการพูดตอบรับ.
    ชายหนุ่มตรงหน้าไม่พูดพร่ำทำเพลงหันหลังก้าวท้าวยาวๆเดินออกจากห้องด้วยท่าทางเนิบนาบแต่มันก็ทำให้ฉันถึงกับต้องวิ่งตาม.ก็แหม...นึกว่าเขาจะพูดกับฉันซักสองสามประโยคเป็นพิธีก็ยังดีแต่นี่อะไรกัน..มาถึงปุ๊บก็เดินจากไปปั๊บ...มันตั้งตัวไม่ติดนี่นา(จะมีอะไรต้องเตรียมอีก...เขาอุตส่าห์ให้เวลาแต่งตัวสวย?ไปนั่งรถไฟชมวิว)
    วิ่งตามลงมาถึงหน้าบ้านไม่ทันไรฉันก็แอบเห็นร่างท้วมๆของแม่บ้านวิ่งตามหลังฉันอีกทอดหนึ่ง(ทำกันเป็นขบวน)ราวกับกลัวไม่ทันเราสองคน.ป้ารีบร้องเสียงหลงเรียกเราเอาไว้เพื่อมอบปิ่นชิสโตคิมปับ(ข้าวห่อสาหร่ายรสชีส)เอาไว้ทานตอนกลางวัน.ช่างเป็นป้าที่ประเสริฐอะไรเยี่ยงนี้... แต่อีตาบ้ากลับพยักหน้ารับนิ่งๆพลางยื่นมือไปรับก่อนจะเดินนำออกไปนอกบ้าน...ฉันได้แต่มองเขาตาขวางก่อนจะหันไปทำหน้าที่นางสาวไทยกล่าวขอบคุณความใจดีของป้าหลังจากนั้นก็รีบวิ่งตามหนุ่มตี๋ขวางโลกคนนั้นไปติดๆ.ให้ตายสิ...รู้งี้ไม่ยอมให้เขาเป็นไกด์พาเที่ยววันนี้หรอก(ตอนแรกกะว่าจะไปคนเดียวแต่เขาไม่ยอม.กลัวจะเป็นเหมือนเมื่อวาน).ชิ...จะปลื้มดีไหมเนี๊ยะ....
    “เฮ้!รอด้วยสิ...นี่ถ้าอยู่เมืองไทยละก็ฉันคงถามว่าควายหายรึไงแต่ว่าที่นี่เป็นเกาหลีหรอกนะ...เลยไม่พูด”
    ฉันอดไม่ได้จึงได้เอ่ยปากขอให้เขารอทั้งๆที่ไม่ค่อยอยากจะเสียฟอร์มเท่าไหร่แต่ทว่ามันน่าหมั่นใส้ยิ่งนักที่เขาทำเพียงหันมามองฉันด้วยหางตาเล็กน้อย...ให้ตายสิ...นี่เขายังงอนที่ฉันไม่ยอมให้เขาจูบเมื่อวานรึเปล่านะ? บ้าจริง...ผู้ชายอะไรขี้งอนชะมัด... ฉันเป็นผู้หญิงนะ... พอเรื่องอย่างนี้ทำมาเป็นสุภาพบุรุษ ผู้หญิงบ้าที่ไหนเขาจะอนุญาติกันเล่า ถ้าอยากจูบก็จูบเลยสิ อย่าทำตัวตักบาตรถามพระได้ไหม... ตอนแรกที่เราเจอกันไม่เห็นต้องมาขอ. ทีนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นมากัน! เฮ๊ย!ยัยแก้วบ้า...นี่หล่อนคิดทะลึ่งอะไรเนี๊ยะ... เธอไม่ได้ชอบเขานี่นา แล้วทำไมถึงอยากให้เขาจูบหล่อนด้วยยะ... คิดเองก็น่าแดงเอง... พอเงยหน้าอีกที คนบ้านั่นก็จ้ำอ้าวไม่สนใจฉันไปไกลเกือบร้อยเมตรแล้ว... บ้าๆๆๆ...บ้าที่สุด...
    ฉันกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยพลางจ้ำเท้าที่เชื่องช้าลงเพราะความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองเมื่อครู่พร้อมกับพยายามสะบัดความคิดเลอะเทอะนั่นออกจากสมองให้รวดเร็วที่สุด... ทันใดนั่นเองจู่ๆความเจ็บปวดก็แล่นจี๊ดขึ้นสมองน้อยๆของฉันจนทำให้เข่าทั้งสองข้างอ่อนแรงทรุดลง...
    “โอ๊ย!!!”
    พอชายหนุ่มได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวเขาก็รีบหันควับเห็นร่างบางล้มลงกับพื้นถนนฟุตบาท,ใบหน้าซีดเซียว.พร้อมกับวิ่งกลับมายังที่เกิดเหตุประคองหญิงสาวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว.ปาร์คจีซองนิ่วหน้ามองแก้วด้วยสายตาเป็นห่วงพร้อมกับใช้มืออีกข้างหนึ่งที่เหลือเช็ดเหงื่อที่แย่งกันผุดขึ้นบนหน้าผากมน.
    “แก้ว? คุณเป็นไงบ้าง?”
    ความเจ็บปวดที่เข้ามารุมเร้าในตอนแรกกลับบรรเทาจางหายไปในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา.ฉันเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพยายามเค้นรอยยิ้มขี้เล่นขึ้นเพื่อกลบอาการที่ค่อยๆจางไปอย่างรวดเร็ว.
    “หลงกลแล้วสิ?”
    นายปาร์คจีซองขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับท่าทางที่ขัดกันกับภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่นี้ของฉัน.เมื่อความเจ็บปวดที่จี๊ดขึ้นสมองเมื่อครู่อันตธานหายไปจนหมดฉันก็เริ่มเอ่ยประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังน่าหมั่นใส้ที่สุดที่ฉันสามารถทำได้.
    “อุ้มหน่อย?”
    ชายหนุ่มที่ประคองฉันอยู่เมื่อกี้กลับสะบัดตัวออกอย่างรวดเร็วเมื่อเขาคิดว่าเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งที่ฉันบรรจงสร้างขึ้น.
    “น่า..นะ?...พี่ชายยยย....”
    ฉันทำเสียงออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน.ให้ตายสิ...มารยาหญิงเกวียนที่หนึ่งร้อยเก้า....ขอขุดขึ้นมาใช้หน่อยแล้วกันก่อนที่มันจะขึ้นสนิม...
    แววตาของเขาที่เคยแสดงความเป็นห่วงเป็นใยในตัวฉันกลับกลายเป็นประกายสะท้อนความแปลกใจกับท่าทางที่เขาก็ไม่เคยเห็นว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวฉันได้และแฝงความประหลาดใจกับท่าทางออดอ้อนอย่างนี้ของฉันแต่ไม่นานนักสายตานั่นกลับเปลี่ยนเป็นหวานเชื่อมในวินาทีต่อมา. โอ้มายก๊อด... อย่าทำสายตาอย่างนั้นได้ไหม? ถ้ายังไม่อยากให้ฉันละลาย...หัวใจวายที่ตรงนี้...คนบ้าอะไร... อยู่ใกล้แล้วไม่รู้สึกเบื่อเลย.
    “ก็ได้...แต่...”
    เสียงพูดเนิบนาบชวนให้คนฟังใคร่อยากจะฟังประโยคต่อไปด้วยความสงสัย.
    “ต้องให้ผมจูบ?”
    “บ้า!!!”
    “ไม่ใช่จูบแบบธรรมดาๆนะ...แต่ต้องเป็นจูบแบบดูดดื่ม...เร่าร้อน...และแสนหวานนนน...”
    ปาร์คจีซองพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนให้มือที่สั่นเทาของฉันสะบัดไปวางบนใบหน้าหล่อๆนั่นชะมัด.คำพูดที่ไม่รู้ว่าล้อเล่นหรือเอาจริงของเขากลับทำให้ใบหน้าที่ซีดเผือดกลับแดงแปร๊ดยิ่งกว่าเจ้าหญิงสโนไวท์ในนิทานที่เคยได้ยินตอนเด็กๆเสียอีก.ฉันแกล้งทำตาเขียวใส่เขาเพื่อกลบเกลื่อนหัวใจที่เริ่มเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาข้างนอกให้เขาได้เห็น.แต่เขากลับแกล้งทำหน้าเป็นพร้อมกับหันหลังนั่งยองๆ กวักมือเรียกฉันอีกแหน่ะ.
    “นายทำอะไรอ่ะ?”
    “อ้าว? ก็อยากจะให้ผมอุ้มไม่ใช่เหรอ? แต่ผมไม่ใช่พระเอกหนังหรอกนะที่จะสามารถอุ้มผู้หญิงตัวโตๆอย่างคุณได้อย่างสบายๆ... ขอเปลี่ยนจากอุ้มเป็นแบกหลังก็แล้วกัน โอเค?”
    เขาเอี้ยวหน้าหันมาพูดพร้อมกับกวักมือเรียกซ้ำ.
    หนอยแหนะ...หาว่าฉันอ้วนรึไงยะ! ฉันหน่ะน้ำหนักหญิงไทยมาตรฐานแป๊ะๆนะ... ชิ... ฉันพูดเล่นๆแต่เมื่อนายอยากทำเท่ห์ละก็...ได้...ยัยแก้วคนนี้จะสมนาคุณให้...
    ฉันรีบใช้สองมือโอบรอบคอนั่งลงบนหลังที่นั่งยองๆรอในตอนแรกพร้อมกับทิ้งน้ำหนักลงไปเต็มที่แต่เขากลับไม่ยักล้มลงไปกับพื้น.ปาร์คจีซองยืดตัวขึ้นพร้อมกับเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าช้าๆ...
    “นี่คุณ...ผมขอเตือน...”
    “ให้ตายสิ...คุณปาร์คจีซอง...เวลาคุณพูดอะไร. อย่าพูดแบบเนิบๆ ไม่ยอมจบประโยค ได้ไหม? ฉันขี้เกียจลุ้น...”
    ฉันอดพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้กับความอืดอาดของเขาที่มักจะสะกิดต่อมอยากรู้ของฉันให้สำแดง.
    “ใครบอกให้คุณลุ้นเล่า...เข้าเรื่องดีกว่า...ขี้เกียจพูด. ถ้าคุณไม่อาย ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณอายละก็จะซบหน้าคุณกับซอกคอของผมก็ได้นะ...ผมอนุญาต ไม่คิดตังค์..หึหึหึ”
    ปาร์คจีซองยังคงพูดเนิบนาบน้ำเสียงนุ่มทุ้มเหมือนเดิมราวกับไม่สนใจเสียงบ่นของฉันเมื่อกี้ราวกับมันเป็นเพียงเสียงนกเสียงกากระนั้นแต่คราวนี้น้ำเสียงน่าหมั่นใส้นั่นกลับปนเสียงหัวเราะเพิ่มดีกรีให้อยากหากระถางต้นไม้หนักๆซักสิบกิโลมาทุ่มหัวเขาให้หายซ่าชะมัด.
    “ทำไมฉันจะต้องอายแล้วไปซบซอกคอคุณให้เปลืองตัวด้วยละ? บ้ารึเปล่า?”
    พูดจบประโยคยังไม่ทันไร.ฉันก็เริ่มรู้สึกถึงสายตาหลายคู่ของใครบางคนที่ทิ่มแทงมาจากด้านข้างจนฉันรับรู้ได้.พอฉันหันซ้ายหันขวา... ประชาชนที่อยู่รอบข้างกลับพากันชักชวนหันมามองเราสองราวกับตัวประหลาด.. จะไม่ให้แปลกได้อย่างไรก็ในเมื่อเขา...นายปาร์คจีซองกำลังแบกสาวสวยผิวคล้ำจากไทยแลนด์อย่างยัยแก้วแบบนี้เดินกลางกรุงเพื่อไปสถานีรถไฟใต้ดินที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อไปนั่งรถไฟชมเมืองเกาหลี(รถไฟใต้ดินของเกาหลีเป็นรถไฟที่เชื่อมระหว่างบนดินและใต้ดินเข้าด้วยกันเพราะฉะนั้นบางครั้งก็อยู่ใต้ดินบางครั้งก็โผล่ขึ้นไปบนดินสามารถชมเมืองเกาหลีได้และราคาไม่แพงเท่านั่งรถชมวิว). และเมื่อเห็นดังนั้นหน้าฉันก็รีบซุกเข้ากับแผ่นหลังของเขาอย่างรวดเร็ว.
    และการกระทำอย่างนั้นของฉันมันกลับทำให้เสียงหัวเราะหึหึในลำคอของใครบางคนดังลั่นยิ่งกว่าเดิม.แต่ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรใครคนนั้นได้นอกจากมุดหน้าให้ได้มิดชิดที่สุดพร้อมกับขมุบขมิบให้พรนายปาร์คจีซองเบาๆแต่คนที่ฉันกำลังให้พรกลับเดินลงสถานีรถไฟแรกที่เห็นด้วยฝีเท้าที่มั่นคงราวกับไม่รับรู้กับสิ่งรอบข้างและเสียงสวดเบาๆของฉัน.
    “คนบ้า..คนผีทะเล...คนหน้าไม่อาย..ปล่อยฉันลงนะ...”
    เสียงของฉันคงเบาเกินไปกระมังเขาถึงยังเดินเฉย.ฉันจึงเพิ่มระดับเสียงให้ดังกว่าเดิมเล็กน้อยพูดประโยคเดิมอีกครั้งแต่กลับไม่มีปฏิกริยาจากอีกฝ่ายซักนิด...จนฉันอ่อนใจ...
    ฉันลองแกล้งพูดคำที่เขาอยากให้ฉันเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเป็นการทดสอบหูของเขาว่าไอ้ที่ฉันพูดในตอนแรกเขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินหรือไม่ได้ยินจริงๆกันแน่...
    “พี่...พี่ชาย...”
    แค่นั่นแหละ.คนผีทะเลกลับหันควับมาทางฉันพร้อมกับเลิกคิ้วแทนคำถาม.
    “บ้า...”
    พอรู้ว่าเขาแกล้งเท่านั้นแหละปากฉันก็งับเข้ากับไหล่กว้างของเขาทันที.
    “โอ๊ย!”
    เขาเผลอร้องเสียงโอ๊ยขึ้นมาเบาๆและไม่กี่อึดใจต่อมาปาร์คจีซองก็เม้มปากของตนแน่นอดทนต่อความเจ็บปวดที่ฉันเป็นคนก่อ.และในที่สุดฉันก็ไม่อาจใจร้ายกัดเขาให้เต็มแรงมากไปกว่านี้.บ้าจริง...จริงๆแล้วฉันน่าจะกัดเขาให้แดดิ้นแต่ทำไม...ฉันถึงใจอ่อนอย่างนี้นะ...ยัยแก้วบ้า..บ้าๆๆๆๆ...
    ในขณะที่ฉันกำลังโทษตัวเองอยู่นั่นเอง.ปาร์คจีซองก็ชะงักยืนอยู่หน้าเส้นเหลืองซึ่งเป็นสัญญานให้ยืนรอรถไฟห้ามเข้าไปใกล้มากกว่าที่เขากำหนด.ปาร์คจีซองนั่งยองๆทำทีให้ฉันลงออกจากหลังเขา.ยังไม่ทันได้ยืนได้ถนัดนัก.ปาร์คจีซองตี๋หน้าหล่อก็ยืดตัวขึ้นพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งรัดเอวฉันกระชับตัวเข้าไปหาเข้าพลางก้มหน้าลงประทับริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของฉัน.และในความชุลมุนเขากลับแทรกลิ้นของเขาเข้ามาซ้อนทับลิ้นของฉันอย่างรวดเร็วจนฉันไม่ทันได้ตั้งตัวได้แต่เบิกตากว้างมองการกระทำอันอุกอาจของเขาอย่างคนทำอะไรไม่ถูก.พอฉันรู้ตัวว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ในที่สาธารณะฉันก็รีบเม้มปากพลางเมินหน้าหนีแต่เขากลับใช้มืออีกข้างช้อนคอของฉันตรึงเอาไว้พร้อมกับใช้ลิ้นของเขาสำรวจภายปากของฉัน.
    เรี่ยวแรงที่มีของฉันราวกับถูกเขาสูบเอาไปจนหมดทำให้ฉันไม่อาจยืนด้วยสองเท้าของตัวเองได้ถนัดจึงต้องเอนตัวไปพิงเขาพร้อมกับใช้สองมือโอบรอบคอเขาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวของฉันต้องทรุดลงไปนั่งกับพื้น.นานเท่าไหร่ฉันก็ไม่อาจรับรู้ได้...แต่มันก็ทำเอาฉันแทบหน้ามืดไปกับรสจูบอันอุกอาจนั่น...
    ยัยแก้วบ้า...ยัยแก้ว...ต้องห้ามเขานะ...ห้ามเขา...ห้ามเขา...ห้าม....เสียงจ๊อกแจ๊กรอบข้างค่อยๆเบาลง...เบาลง...เบา...และในที่สุดความรู้สึกก็ดับวูบลงจมดิ่งอยู่กับความอ่อนหวานและเร่าร้อนที่เขาเป็นคนมอบให้.

    ..................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×