คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6
ตอนที่หก
"เฮ้อ....เหนื่อยชะมัด"
ขาเล็กๆเรียวกว่าขาหมูเล็กน้อยยื่นไปตรงหน้าพร้อมด้วยมือชื้นเหงื่อของฉันเริ่มบีบเคล้นไล่ความปวดเมื่อย.ให้ตายสิ...เห็นด้านนอกนึกว่าจะเล็ก ที่ไหนได้ล่อไปเกือบสามชั่วโมง.
"อุ๊ย!!!"
ฉันถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีความรู้สึกว่ามีของร้อนๆบางอย่างถูกนำมาแนบกับแก้มด้านข้างของฉันทันที.
"ดื่มซะสิ,หนาวๆเหนื่อยๆแบบนี้,น้ำนมอุ่นๆอาจจะช่วยได้."
ฉันเสียสละมือข้างหนึ่งที่กำลังบีบขาแสนสวยของฉันยื่นไปรับน้ำกระป๋องที่เขายื่นมาให้.
"แกร๊ก."
เสียงเปิดกระป๋องน้ำพร้อมกับไออุ่นของลีโฮจุนที่เข้ามานั่งเบียดซะจนฉันเกือบตกม้านั่งไม้ข้างบ่อน้ำกลางพระราชวังคยองบกกุง.ให้ตายสิ....ก็มันอุ่นนี่นา...ฉันเลยนั่งนิ่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และไม่ทำท่าขยับหนีไอร้อนๆที่แผ่มาจากตัวเขา.ขณะที่หัวใจดวงน้อยแอบหวั่นไหวสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นน้ำสีเข้มข้นบ่งบอกว่าเป็นน้ำคนละชนิดกับของฉันโดยสิ้นเชิง.
"หยุ๊ดดดด"
เสียงสูงระดับนักร้องประสานเสียงยังอายของฉันถึงกับหยุดชะงักข้อมือของเขาที่กำลังกระดกน้ำกระป๋องเข้าปากทันใด.หึหึหึ...ให้มันรู้ฤทธิ์เจ้าแม่แก้วซะบ้าง.
"คุ๊ณ!! ทำไมต้องร้องซะเสียงหลงขนาดนั้นด้วย"
ในดวงตากลมโตออกแววหวานของเขาจ้องมาอย่างงงๆกับพฤติกรรมแปลกของฉัน.
"ทำไมคุณดื่มน้ำกาแฟแล้วทำไมฉันต้องดื่มนมละ?"
แหนะ!ยังทำหน้าซื่อไม่เข้าใจที่ฉันพูดอีก.ทำตาบ๊องแบ๊วอย่างนั้นก็ยังน่ารักอีกแฮะ...อยากจะบ้า....
"โลกไม่ยุติธรรมกับฉันเลยให้ตายสิ....ฉันก็อยากดื่มกาแฟเหมือนกันนะ....อากาศร้อนๆอย่างนี้มันต้องกาแฟสิ...ใครจะบ้ากินนมกัน...."
ฉันแกล้งทำหน้ามุ่ยเผื่อเขาจะเห็นใจยกน้ำกาแฟที่เพิ่งกระดกยังไม่ทันได้กินของเขาให้กับฉันแทน.คิกๆ แผนชั่วร้ายมาก....
"โห~...ไอ้เราก็เห็นเป็นผู้หญิง...ก็เลยอุตส่าห์ซื้อนมให้..."
นึกว่าทำเสียงละห้อยอย่างนั้นแล้วฉันจะหลงกลรึ?ยังไม่รู้ฤทธิ์นางแก้วซะแล้ว...
"ทำไม?เป็นผู้หญิงทำไมต้องกินนมด้วย?ชิ!...เอาของนายมาเปลี่ยนกับของฉันเลยนะ...ฉันก็อยากกินกาแฟด้วยนี่นา...เป็นผู้ชายก็ต้องให้เลดี้เฟริ๊ตเลือกก่อนสิ"
ฉันรีบเอากระป๋องนมอุ่นของฉันยัดใส่มือของเขาที่ว่างอยู่อีกข้างแล้วคว้ากระป๋องกาแฟที่ถูกเปิดฝาส่งกลิ่นหอมฉุยเตะจมูกขึ้นดื่มอึกๆทันทีด้วยความที่กลัวว่าเขาจะแย่งมันกลับคืน...แต่ทว่าฉันกลับได้ยินเสียงหึหึในลำคอพร้อมกับเสียงพึมพำเบาๆที่ฉันไม่อาจแปลออกได้ว่าเขาพูดอะไรแต่แน่นอนเขาคงกำลังบ่น(ไม่ใช่ด่านะแค่บ่น)สาวน้อยอย่างฉันชัวร์ยิ่งกว่าแช่แป้งเสียอีก.
"คุณนี่...คนอุตส่าห์หวังดี อยากให้ผิวของคุณขาวผ่องเป็นยองใย อย่างที่พวกผู้หญิงส่วนใหญ่เขาต้องการ ขนาดขาวแล้วก็ยังอยากจะขาวอีก...หึหึหึ...ชอบกินกาแฟอย่างนี้สิ ถึงได้ตัวดำ."
"เฮ้?..."
พอได้ยินคำว่าดำเท่านั้นแหละ ฉันรีบหันควับกลับไปมองคนด้านข้างตาเรืองแสงนิดๆ.
"ผมล้อเล่น...ก็คุณเล่นดื่มกาแฟ อึกๆ...ไม่สนใจผมเลยนี่นา...ขอบคุณซักคำก็ไม่มี."
เสียงหวานๆพูดอ้อนๆ...ให้ตายสิ...คนอะไร มันน่าจับมากัดให้ละลายในปากเสียนี่กระไร (แม่คุณ...คนนะไม่ใช่ลูกอม เอ็มแอนเอ็ม)
"ขะ...ขอบคุณ...แหะๆ...ลืมไป....แหม..คุณก็รู้นี่นา...ว่าฉันไม่มีเงิน...พอเห็นของร้อนๆ น่ากินอยู่ตรงหน้าแบบนี้มันก็อดเผลอไปอ่ะนะ...เห็นใจกันหน่อยบ้างสิ."
"โอเค...แล้วคุณจะไปไหนต่อละ? เราเดินเที่ยวจนหมดพระราชาวังแล้วนะ..."
"ว๊าย!!"
ฉันรีบเด้งลุกขึ้นมาจากที่นั่งทันทีเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาพร้อมกับคำสั่งของใครบางคนที่ผุดขึ้นมาในสมอง.
"ฉันคงต้องรีบไปแล้วล่ะ...แล้วเจอกันคราวหน้านะ..ฉันมีธุระ"
ขาบวมๆเริ่มซอยถี่ไปยังประตูทางออกพระราชวังพร้อมกับปากที่ขยับขึ้นลงไม่หยุด.
"เฮ้!คุณ...จะรีบไปไหน?แล้วคุณจะไปยังไง?"
"นั่งแท๊กซี่."
"คุณมีเงินเหรอ,แก้ว?"
ขาที่กำลังจ้ำอ้าวของฉันถึงกับชะงักกึกราวกับถูกตรึงด้วยกาวตราช้ง. บ้าจริง,ทำไมฉันถึงลืมเรื่องสำคัญไปได้นะว่าฉันไม่มีเงิน...ก็เพราะลีโฮจุนเพื่อนใหม่หน้าหวานที่คอยเทคแคร์อย่างดีเยี่ยมคนนี้น่ะสิ ที่ทำให้ฉันลืมซะสนิท.พอนึกขึ้นได้ฉันก็รีบหันหลังควับกลับไปฉีกรอยยิ้มพิมพ์ใจระดับนางงามเมืองอีสานที่แม่หนูเห็นยังใจสลายพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆว่า...
"แหะๆ...แก้วขอยืมเงินคุณประมาณหมื่นวอนได้เปล่า?เดี๋ยวพอกลับถึงบ้านแล้ววันหลังจะเอามาคืนให้..."
ลีโฮจุนไม่พูดไม่จาแต่กลับหยิบกระเป๋าเงินที่สอดเอาไว้ที่กระเป๋าหลังควับแบ๊งสีเขียวๆออกมาสองใบยื่นมาให้ตรงหน้าฉันอย่างอ่อนโยน...แต่พอฉันจะคว้าเท่านั้นแหละ,เขากลับชูมือข้างที่ยื่นมาตรงหน้าฉันสูงเกินกว่าที่แขนเรียวๆของฉันจะคว้าถึง....ให้ตายสิ...นี่เขากำลังแกล้งฉันใช่ไหม...แต่พอฉันกำลังจะอ้าปากพูดเท่านั้นแหละ...ลีโฮจุนก็รีบยื่นปากกากับกระดาษสีขาวสะอาดตาที่ไม่รู้ว่าเขาหยิบขึ้นมาจากไหนให้กับฉันแทนแผ่นกระดาษสีเขียวๆเมื่อกี้นี้.
"เขียนที่อยู่ติดต่อคุณให้กับผมหน่อยสิ...อ๊ะๆ...อย่าเพิ่งพูด...ผมรู้ว่าคุณไม่โกงผมหรอก...แต่เผื่อคราวหน้าผมอยากเจอคุณจะได้ติดต่อคุณถูกไงละ? คุณอย่าลืมสิว่าเราไม่รู้จักเรื่องของกันและกัน...นอกจากชื่อเท่านั้นเอง..."
เออแฮะ...พูดอีกก็ถูกอีก...ถ้าฉันยืมเงินเขาแล้วจะเอาคืนเขายังไงกันละเนี๊ยะ...ชิ...โง่จัง...ยัยแก้ว...
ฉันรีบลงมือเขียนเบอร์อีเมลล์ที่เป็นเพียงเบอร์ติดต่อหนึ่งเดียวที่สามารถติดต่อฉันได้ในขณะนี้ยื่นให้เขาทันที...ลีโฮจุนเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพลางมองหน้าฉันราวกับจะถามแต่ก็ไม่ยักมีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากงามนั่น.
"โอเค...คราวนี้คุณได้เบอร์ติดต่อฉันไปแล้วเดี๋ยวคราวหน้าฉันจะเอาเงินมาคืนคุณก็แล้วกัน...อ้อ...แล้วเงินนั่นให้ฉันยืมได้รึยัง?"
เงินแบ๊งค์สีเขียวสองใบที่เห็นในตอนแรกถูกวางบนมือที่แบอยู่ของฉันทันที...
"ทำไมให้ตั้งสองหมื่นละ?ไม่กลัวฉันโกงรึไง?แค่หมื่นเดียวก็น่าจะพอค่าแท็กซี่แล้ว..."
แต่พอฉันหยิบเงินจะคืนเขา,ลีโฮจุนก็รีบเอามือไขว้กันที่ด้านหลังทันที.
"ก็ได้,งั้น...สองหมื่นวอนนี่...ฉันขอยืมไปก่อนนะ,เดี๋ยวคราวหน้าเจอกันแล้วจะคืนให้...ฉันต้องรีบไปแล้วนะ...เดี๋ยวโดนยักษ์เกาหลีกินหัว..."
ฉันวิ่งหน้าเลิศพร้อมกับแอบปล่อยมุกที่ลีโฮจุนฟังแล้วไม่เข้าใจ.....แต่มันกลับทำให้ฉันถึงกับเสียวสันหลังทันทีเมื่อนึกถึงท่าทางหงุดหงิดของนายนั่น,ฉันไม่ได้ตั้งใจลืมสัญญากินข้าวเที่ยงของเขานะ(ก็คนมันลืมนี่นา)....กว่าจะนึกออก...เวลาก็ปาไปบ่ายสี่โมงเย็นเข้าไปแล้ว....
"ลุง...ช่วยไปส่งที่แถวๆสถานีชีช่องหน่อยนะคะ."
ฉันรีบพูดสถานที่ที่ต้องการไปกับลุงแท็กซี่คันแรกที่จอดรับฉันทันทีอย่างรวดเร็ว.และลุงคงจะรู้มั้งว่าฉันรีบ,ลุงถึงกับเหยียบคาร์ทจนฉันที่เพิ่งก้าวขาเข้ามานั่งภายในรถถึงกับหงายหลังหัวแทบโขกกับผนักเก้าอี้.
"อู๊ย~ลุง,ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้หรอก."
"โทษที,เห็นอย่างนี้ลุงก็นักซิ่งเก่าเหมือนกันนะเนี๊ยะ.อืมมม...พูดสำเนียงแปลกๆแบบนี้เป็นคนประเทศไหนกันละ?"
"ลุงคิดว่าหน้าแบบนี้น่าจะเป็นคนประเทศไหนคะ?"
"อืม....ลุงก็ไม่ค่อยรู้หรอก...แต่ที่รู้แน่ๆ...เอเชียใช่ปะ?"
แหม...ลุง...ตรงแป๊ะเชียว...ใครไม่รู้ก็แย่แล้ว...ผมดำตาดำ แถมตัวยังดำแบบนี้...จะทักว่าเป็นคนยุโรปก็บ้านะสิ.
"หนูคนไทยค่ะ."
"เหรอ? ลุงก็เคยไปเมืองไทยนะ..."
"อ๋อ...เหรอคะ?"
ฉันพูดถามไปงั้นๆ.ไม่ได้มีอารมณ์อยากจะสนใจประวัติของลุงเท่าไหร่.ปากก็พูดถามแต่ใจฉันก็แล่นไปหานายเกาหลีตาตี๋ที่ป่านนี้คงกำลังโมโหฉันน่าดู.ลุงยังคงชวนฉันพูดโน่นพูดนี่ไม่หยุดแต่ฉันก็ได้แต่อือๆออๆ...ถ้าลุงเขาถามกลับฉันคงไม่อาจตอบลุงได้.แต่ดีหน่อยที่ลุงเขาเป็นคนชอบพูดไม่ชอบซักฉันเลยรอดตัวไป.
รถแท็กซี่สีขาวเลี้ยวขาวปุ๊บสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นตึกสูงๆมากมายและหนึ่งในนั้นก็มีตึกที่ฉันเพิ่งเดินออกมาเมื่อเช้านี้รวมอยู่ด้วย.และในวินาทีต่อมาหัวใจที่เต้นตึกตักๆก็ค่อยๆแผ่วลงเรื่อยๆจนแทบจะหยุดเต้นและมันก็กลับเต้นตูมตามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อฉันเห็นเงาเล็กๆของใครบางคนที่กำลังยืนพิงต้นไม้ไม่มีใบ, มือถือบุหรี่ ควันขาวที่ถูกปล่อยออกมาจากปากบางๆนั่นค่อยๆลอยขึ้นสูงอย่างช้าๆ. มันดูสวยราวกับภาพวาดแต่ฉันกลับไม่อาจดื่มด่ำกับความงามนั้นได้. ใบหน้าที่เห็นเพียงครึ่งซีกในตอนแรกค่อยๆหันมาเมื่อรถที่ฉันนั่งอยู่จอดลงด้านข้างของเขาอย่างนอบน้อม. ฉันรีบยื่นแบงค์เหมื่นวอนให้ลุงมือสั่นจนแทบไม่อาจรับเงินทอนที่ลุงยื่นให้กับฉันได้. ท่าทางเขาที่ฉันแอบมองด้านหางตาก็ดูเรื่อยๆสบายๆแต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าท่าทางอย่างนี้แหละที่มันทำให้ฉันแทบหัวใจวาย.และก็ไม่รู้ทำไมอีกนั่นแหละที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าถ้าเขาโกรธหงุดหงิดฟึดฟัดเหมือนยักษ์ที่ฉันคาดการณ์เอาไว้ในตอนแรกยังดูปลอดภัยกว่าท่าทางเรื่อยๆอย่างนี่เสียอีก.
ฉันพยายามบังคับขาที่ยื่นออกนอกรถแท็กซี่ไม่ให้สั่นยืดไหล่ก้มหน้านิดๆเดินไปหาเขาอย่างคนรู้ตัวว่าทำผิด.เมื่อเขายังคงเงียบฉันเองก็เป็นคนเอ่ยปากพูดขึ้นก่อนเพื่อพยายามทำลายความอึดอัดที่แทบกดฉันให้แบนติดกับดิน.
"ขอโทษ"
น้ำเสียงที่คิดว่าดังกลับแผ่วราวกับเสียงแมงหวี่.เขากลับยกมือข้างที่ถือบุหรี่ขึ้นสูบอัดเข้าไปหนักๆราวกับไม่ได้ยินเสียงที่ฉันแทบจะกัดปากตัวเองพูดไปนั่น.
"ขอโทษ"
คราวนี้เสียงเล็กๆนั่นได้ถูกเปร่งออกมาไม่ผิดกับเสียงตะโกนราวกับพยายามจะระบายความอึดอัดที่กดทับอยู่ในใจนั้นให้ออกมาให้หมดในคราวเดียว.แต่เขากลับมองฉันด้วยสายตาสงบกับน้ำเสียงที่เยือกเย็นยิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็งในคั่วโลกเหนือ.
"รู้ตัวรึเปล่าว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วง"
ท่าทางที่ยืนพิงต้นไม้ในตอนแรกกลับค่อยๆยืดตัวหันมาพูดกับฉันเสมือนว่าตัวเขาคือผู้คุมกฏกับฉันที่เป็นเพียงนักโทษที่น่าสงสาร.และฉันจะทำไรได้นอกจากเพียงผงักหน้ารับหงึกๆ ยอมรับผิดแต่โดยดี.
หางตาของฉันเห็นมือของเขาที่ทำท่าเหมือนจะยื่นมาทางฉัน,ฉันก็รีบถอยหลังกลัวเขาจะทำร้ายให้ได้เจ็บตัวแต่ทว่าเขากลับขยับตามคว้าตัวฉันเข้าไปกอดอย่างนุ่มนวลและมือข้างหนึ่งที่เย็นเฉียบบ่งบอกว่าเขาคงยืนแช่ความหนาวเย็นของฤดูหนาวนี่เป็นเวลานานของเขากลับกดศีรษะของฉันกับหน้าอกเขา,ริมฝีปากของเขาแนบเขากับใบหูของฉันพร้อมกับกระซิบเสียงเบา.ท่าทางอย่างนี้ของเขาทำให้ฉันถึงกับตะลึงยอมให้เขากอดกลางถนนอย่างง่ายดาย.
"อย่าทำอย่างนี้อีกนะ,รู้ไหมว่าแก้วทำให้ฉันเป็นห่วงมากแค่ไหน. คิดนู่นคิดนี่ไปสารพัดสารเพ. กลัวว่าแก้วจะหลงทาง. กลัวว่าแก้วจะหนีไปไม่กลับ. อยากจะไปตามหาแต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปตามที่ไหน. แล้วผมก็กลัวอีกว่าจะคลาดกัน ถ้าผมไปตามแก้วแล้วแก้วกลับมาก่อนระหว่างที่ผมไปตาม...จะทำไง... ไม่ได้แล้ว...เดี๋ยวเราไปซื้อมือถือด้วยกัน ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมจะได้ติดต่อแก้วได้."
ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นกำลังจะเอ่ยปฏิเสธมือถือที่เขาเสนอให้แต่พอเห็นแววตาจริงใจนั่นมันก็ทำให้ฉันถึงกับปิดปากเงียบรับข้อเสนอของเขาไปโดยอัตโนมัติ.
พอพูดจบเขาก็ปล่อยฉันออกจากอ้อมแขนของเขา,และการที่เขาทำอย่างนั้นมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเสียดายความอบอุ่นและรู้สึกเย็นยะเยือกเพราะลมหนาวที่พัดผ่านของฤดูหนาวทันที.แต่ทว่าความอบอุ่นหนึ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่นั่นก็คือมือใหญ่ของเขาที่ยังคงกุมมือฉันเอาไว้พร้อมกับกระตุกให้ฉันก้าวตาม.
"จะไปไหน?"
เขายังคงเงียบไม่ตอบ.
ระหว่างที่เราเดินอยู่นั่นเองฉันก็ได้กลิ่นเหม็นจึงได้เงยหน้าขึ้นหันรีหันขวางหาต้นตาแต่จู่ๆมือใหญ่ที่กุมฉันเอาไว้ก็ดึงเข้าไปหาตัวเขาพร้อมกับมืออีกข้างก็ดึงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อสูทของเขาขึ้นปิดจมูกให้ฉันแต่ก่อนที่ฉันจะผงะเมินหน้าหนีก็ได้ยินเสียงนุ่มๆของเขาเอ่ยขึ้น.
"ปิดไว้จะได้ไม่เหม็น....รถขยะน่ะ...เดี๋ยวก็หายเหม็นแล้วทนหน่อยนะ."
ปากและจมูกถูกปิดเอาไว้ทำให้ฉันพูดได้ไม่ถนัดแต่เขาคงสังเกตุเห็นสายตาของฉันมั้งเขาถึงได้พูดต่ออีกนิด.
"ผมไม่เป็นไรหรอก..."
ให้ตายสิ...จะโรแมนติกดีไหมเนี๊ยะ...ไอ้ความเอื้อเฟื้อที่เขาคิดถึงตัวฉันมันก็ทำให้ฉันปลื้มอยู่หรอกนะแต่ไอ้ขยะนี่...มันไม่ค่อยน่าศิวิไลเท่าไหร่...แต่จะขำมันก็ขำไม่ออก.
....................
แหะๆ...เอามาแปะแล้วนะ...เด็กดีเข้ายากมากๆ...ล่มประจำ...เฮ้อ...
ความคิดเห็น