ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำหนักพรหมณ์พยศ

    ลำดับตอนที่ #3 : แรก...

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ค. 48


    ร่างสูงโปร่งนั่งรอพระองค์ชายน้อยนรินทร์พรที่ก้าวอี้ไม้บุนวมอย่างสงบ

    ทั้งๆเวลาก็ได้ผ่านไปเกือบค่อนวันแล้ว ไม่มีทีท่าวี่แววหงุดหงิดใดๆ

    เกิดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มเลยสักนิด บอกให้รู้ว่าคนที่เค้ารอจะมาหรือ

    ไม่นั้นเค้าไม่สนใจ



    ข้างๆห้องของชายหนุ่มมีเจ้าชายน้อยรูปงามพระองค์หนึ่งคอยมองความเป็นไป

    ในห้องรับแขกผ่านม่านที่ถูกตกแต่งประดิษฐ์ประดอยอย่างที่คนภายนอกไม่มีทางรู้

    ได้เลยว่าอีกห้องหนึ่ง

    สามารถมองทะลุมาได้อย่างหงุดหงิดพระหฤทัยเป็นยิ่งนัก



    \"ชิ~นายหน้าตายนั่นไม่เมื่อยบ้างรึไงนะ? นั่งอยู่ท่าเดิม หน้าเดิม!\"



    พระพักตร์งามง้องุ้มอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ชายหนุ่มที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยแกล้งยิ่งนัก

    จะทรงพระเกษมได้อย่างไรในเมื่อเหยื่อไม่ติดกับ ไม่เดินกระวนกระวายไปมา

    ไม่ทำสีหน้าร้อนใจ



    \"ก็ได้~~ออกไปเจอก็ได้ ฮึ? นึกว่าคนอย่างเราจะกลัวรึไง?\"

    พระองค์ได้แต่นึกอยู่ในพระทัย



    ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นถวายความเคารพอย่างสง่างามยิ่งเมื่อเห็นผู้ที่เข้ามา

    ในห้องนั้นเป็นใคร

    ไม่มีการเปิดฉากการสนทนาใดๆทั้งสิ้น

    ................................

    \"เฮ้ นายจะไม่พูดอะไรหน่อยรึไง? รึว่าคนที่มาเป็นองครักษ์ฉันเป็นใบ้?\"

    ทรงเอ่ยถามก่อน



    ใบหน้าของคนที่ถูกถามปรากฏรอยยิ้มเหมือนเสียไม่ได้

    \"จะให้หม่อมฉัน ทูลอะไรหล่ะพะยะคะ ก็ในเมื่อพระองค์เป็นคนสั่งให้นายทหาร

    ไปเรียกหม่อมฉันบอกว่าทรงมีเรื่องจะประทาน หม่อมฉันก็กำลังรอพระราชดำริ

    ของพระองค์ตามที่ได้ประสงค์ในตอนแรกไงหล่ะพะยะคะ...\"

    น้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์



    \"เอ่อ...ก็...ไม่มีอะไรมากหรอกแค่อยากรู้จักในฐานะที่นายจะ...เอ่อ...มาเป็น

    องครักษ์ของเราไงละ!\"

    เอ่ยอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจในตัวเองนักเพราะจุดประสงค์หลักมันไม่ใช่อย่างที่

    พระองค์ทรงต้องการ



    \"กระหม่อมชื่อ อนิก….\"

    \"แค่นี้?\" น้ำเสียงเอ่ยขึ้นอย่างขัดพระทัยยิ่งนัก แหม~จะพูดอะไรยาวๆกับเค้า

    ไม่เป็นรึไงนะถามคำตอบคำอย่างกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงอย่างในวรรณคดี

    อย่างไงอย่างงั้น

    \"ก็องค์ชายทรงอยากทราบอะไรก็ทรงถามมาเถอะพะยะค่ะ

    ก็หม่อมฉันไม่ถนัดนักหรอก กับการพูดยาวๆถ้าไม่จำเป็น\"



    ฮึ~~อย่างนี้เค้าเรียกว่าประชดเรารึเปล่านะ

    \"ก็แค่ตอบว่าเคยทำอะไร ที่ไหน อย่างไร สั้นๆ เท่าที่จำเป็นก็ได้นี่นา\"

    พระองค์ทรงเน้นเสียงคำว่า จำเป็น เป็นพิเศษ



    ชายหนุ่มแอบอมยิ้มเมื่อทรงทอดพระเนตรไปทางด้านอื่น

    \'หึหึ\' ทรงเป็นพระองค์ชายที่ขี้งอนเสียจริงแฮะ แค่เราไม่บ้าจี้กับการกระทำ

    เด็กๆของพระองค์ พระองค์ก็แสดงออกหมดทางสีหน้าว่าทรงรู้สึกอย่างไร

    แม้จะไม่ทรงพูดก็เถอะ แต่แค่ท่าทางของพระองค์ก็ทำให้อนิกเดาออกได้

    ง่ายๆว่าทรงคิดอะไรในใจ...การเดาความคิดของคนที่เค้าเคยได้เรียนจากกองทับ

    พิเศษยังยากกว่านี้หลายเท่านัก...



    เค้าเกือบจะรู้ได้ทันทีเลยว่าพระองค์คงทรงตั้ง

    พระหฤทัยแกล้งเค้าแน่ๆเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง...หลังจากทหารได้

    พาเค้ามาที่ห้องนี้ ก็ไม่ได้พูดจาใดๆว่าทรงมีพระรับสั่งถึงเค้าอย่างไร แล้วก็ไม่มีสิ่งมี

    ชีวิตอื่นๆอีกเลยนอกจากเค้าในห้องนี้ แถมชายหนุ่มยังรู้สึกได้อีกว่ามีคนจ้องมองเค้า

    จากที่ใดที่หนึ่ง ทำให้เค้าต้องนั่งนิ่งๆพยายามไม่เคลื่อนไหวอยู่ในความสงบ

    เพราะนี่อาจจะเป็นการทดสอบจิตใจก็ได้...สำหรับเค้าแล้ว..แค่นี้จิ๊บจ๊อย...

    เมื่อทรงหันพระพักตร์กลับมาชายหนุ่มก็ปรับสีหน้าของตนให้ดูเรียบเฉยได้อย่างแนบเนียน



    \"กระผมเกิดที่เมืองเชียงเหนือแห่งนี้แต่เติบโตในต่างประเทศ

    ยังไม่เคยทำอะไรเป็นหลักแหล่ง\"



    ที่ว่าไม่เคยทำอะไรเป็นหลักแหล่งก็เนื่องจากว่าเค้าชอบการทหาร...และ รบในสนามจริง

    เป็นพิเศษ เมื่อรับการฝึกลับ ที่ต้องฝึกตั้งแต่เค้าอายุสิบกว่าขวบ เค้าก็ฝึกเต็มที่

    แต่เมื่อมีเวลาว่างหรือช่วงปิดเทอมเค้าก็จะอาสาไปเป็นทหารหน่วยกล้าตายให้กับกองทัพ อื่น

    ที่ต้องการคนเข้ามาช่วยเสริมกำลัง ตัวเค้าเองไม่ค่อยมีเวลาได้กลับบ้านนัก

    จึงทำให้ชายหนุ่มไม่ค่อยมีสังคมของที่นี่เท่าไหร่นอกจากครอบครัวของเค้าเอง



    และการเป็นองครักษ์ให้กับเจ้าชายพระพักตร์หวานๆตรงหน้านี้ก็ไม่ได้ทำให้อนิก

    รู้สึกลำบากเลยสักนิดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่เค้าได้ผ่านมาแล้ว



    \"มิน่า~~เราไม่เคยเห็นหน้านายเลย อนิก\"

    พระองค์พูดพร้อมกับทรงจ้องหน้าชายหนุ่ม



    \"แล้วทำไมนายไม่มารายงานตัวกับเรา ต้องให้เราส่งทหารไปตาม\"

    ทรงเอียงคอถามอย่างสงสัย



    \"กระผมต้องรอ พระราชโองการจากพระกระแสขององค์เจ้าหลวงแต่งตั้ง

    อย่างเป็นทางการก่อนค่อยเข้ามาทำหน้าที่พะยะคะ...

    ช่วงนี้หม่อมฉันก็เก็บของเตรียมย้ายมาอยู่ใกล้ๆพระองค์

    เพื่อจะได้ดูแลเป็นองครักษ์ของพระองค์ได้อย่างเต็มที่\"



    \"ว่าไงนะ? อยู่ใกล้ๆเรา?\"

    ทรงทำพระเนตรโตเชียว



    \"พะยะค่ะ\" คนตอบ ตอบหน้าตาย



    \"ทำไม นายแค่มาเช้าเย็นกลับก็ได้นี่นา ที่นี่ทหารออกเยอะแยะ\"

    พระองค์รีบตอบปฏิเสธ ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เห็นหน้าอนิกทีไร ทรงหมั่นใส้

    ท่าทางหยิ่งๆของเค้าทุกทีสิหน่า



    \"พระองค์ทรงทูลถามองค์เจ้าหลวงเองจะดีกว่านะพะบะค่ะ..

    กระหม่อมเองก็แค่ได้รับพระกระแสรับสั่งมาอีกทีก็เท่านั้น\"

    ชายหนุ่มตอบสีหน้าจริงจังผิดกับน้ำเสียงเอื่อยๆ



    …………………………………………………………….



    \"ว๊าย~~ นารีวิ่งเร็วๆสิ เดี๋ยวไม่ทันได้เห็นหน้าขององครักษ์องค์ไหม่หรอก\"



    หญิงรับใช้คนสนิทค่อยๆผ่อนฝีเท้าแล้วก็หยุดลงในที่สุด หลังจากตามเสด็จ

    พระองค์หญิงเล็กไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จึงได้แต่ทิ้งตัวทรุดกายลงซ่อนหน้า

    ไว้ที่หัวเข่าของตนอย่างหมดแรง



    \" มะ..ไม่ไหวแล้วเพคะ นารี ยอม..แพ้....ยกธงขาวเพคะ\" คนพูดๆตะกุกตะกัก

    หอบแหกๆน้ำเสียงบอกได้ถึงความเหนื่อยหล้าที่เกิดขึ้นกับตน



    พระองค์หญิงนทีมารค(ดั่งสายน้ำ) ชายพระเนตรไปที่หญิงรับใช้คนสนิทพร้อมกับ

    ทรงทำสีหน้ากระเง้ากระงอด

    \"แหม~นารี...อีกแค่นิดเดียวเองนะ นะ...ไปแอบดูเค้าเป็นเพื่อนหญิงหน่อยน้า..\"



    นารีสาวใช้ประจำตัวพระองค์เห็นพระพักตร์ออดอ้อนนั่นแล้วก็รู้ตัวว่าคงปฏิเสธพระองค์

    ไม่ได้เป็นแน่แท้… ตนคงไม่สามารถพักได้อย่างที่ต้องการ



    \"โหย~~องค์หญิงเพคะ~~เราิวิ่งมาตามทางลดเลี้ยวเคียวคดของพระองค์นี่เกือบ

    สามสิบนาทีแล้วนะคะ...เห็นใจคนสาวเหลือน้อยด้วยเถอะค่ะ\"

    คนบ่นเิริ่มค่อยๆลุกขึ้นเดินเอื่อยๆไปตามคนที่เสด็จนำหน้า



    \"คิกๆ แหมแค่สามสิบเอง ว่าตัวเองแก่แล้วเหรอจ๊ะ?\"

    พระองค์หญิงหันหน้ามาตอบพร้อมกับสาวพระบาทให้ช้าลงเพื่อเป็นการช่วยนารีอีกแรง



    \"พ้นสวนนี้ไปก็จะถึุงที่ๆเราสามารถแอบดูได้แล้วนี่นา...ทำอย่างกับไม่เคยมากะเรางั้นแหละ\"



    \"ก็แหม~~เพคะ หม่อมฉันมาบ่อย...ก็พระองค์ทรงลากหม่อมฉันมาด้วยนี่เพคะ

    แถมครั่งนี้ิเราวิ่งมานะคะ ไม่ได้ค่อยๆเดินกินลมเอ้อละเหยเหมือนคราวก่อนๆ\"



    องค์หญิงทรงมองไปที่แม่สาวเหลือน้อยพร้อมกับเสด็จอ้อมไปด้านหลังคนสนิท



    \"ว้าย~~ตายแล้ว..องค์หญิงทรงทำอะไรหน่ะเพคะ..หยุดนะเพคะ หม่อมฉันจะหกกะล้ม\"

    นารีรีบบอกอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกถึงแรงที่ทรงผลักมาที่จากด้านหลัง



    \"จะได้เร็วขึ้นไง นารีก็ไม่ต้องเหนื่อยด้วย หญิงช่วย\"

    พร้อมใช้พระหัตถ์ทั้งสองข้างของพระองค์ออกแรงดันเพื่อทำให้นารีได้เดินเร็วขึ้น



    \"ว้ายๆ~~หม่อมฉันกลัวนะเพคะ\"

    ……………………………………………………………………..



    \"โหย~~ นี่เรารอมาทั้งวันแล้วนะ? ไหนนารีบอกเราว่าองครักษ์คนใหม่มาพบท่านพี่วันนี้ไง?\"

    สาวใช้คนสนิทมองพระพักตร์หวานออกเข็มๆของพระองค์หญิงตรงหน้าก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ



    \"แหม~~เราจะรู้ได้ไงละเพคะ ว่าเค้าจะเดินเข้า เดินออกตรงไหน ทางเดินก็ตั้งกว้าง\"



    \"อ๊ะ! องค์หญิง~~นั่นเพคะ นั่น~~\"



    องค์หญิงทรงรีบหันพระพักตร์ตามทิศทางที่นิ้วชี้ของนารียกขึ้น

    \"โห~~เท่ห์~~ซะไม่มี~ขนาดเห็นไกลๆยังดูดีขนาดนี้ ถ้าเห็นใกล้มิแย่งหัวใจนารีของเราไปแล้ว

    เหรอเนี๊ยะ\"



    องคหญิงนทีมารคทรงพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาที่มองอย่างเคลิบเคลิ้มตามหลัง

    ขององครักหนุ่มไม่กระพริบ



    \"แหม~~องคหญิงละก็..ล้อนารีอีกแล้วนะเพคะ...ถ้านารียังสาวๆละก็ ไม่แน่หรอกค่ะ\"



    \"อ้าวแล้วตอนนี้ไม่สาวรึไงจ๊ะ?\" คนพูดพูดกลัวเสียงหัวเราะในลำคอ



    \"อย่ามาหรอกคนแก่ให้ดีใจเลยเพคะ...ว่าแต่ว่าทรงอยากมาดูตัวเค้าทำไมกันละเพคะ? \"

    สาวใช้มองดวงพระพักตร์ที่ดูเหมือนจะผุดแววเจ้าเลห์ขึ้นมา



    \"หึหึ เรื่องอะไรเราจะบอก\" สายพระเนตรที่จ้องตามหลังชายหนุ่มที่เดินพ้นสวนออกไปลิบๆ

    แฝงด้วยความหมาดหมายอะไรซักอย่างที่นารีไม่สามารถเดาได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×