ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แรก...
ร่างสูงโปร่งนั่งรอพระองค์ชายน้อยนรินทร์พรที่ก้าวอี้ไม้บุนวมอย่างสงบ
ทั้งๆเวลาก็ได้ผ่านไปเกือบค่อนวันแล้ว ไม่มีทีท่าวี่แววหงุดหงิดใดๆ
เกิดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มเลยสักนิด บอกให้รู้ว่าคนที่เค้ารอจะมาหรือ
ไม่นั้นเค้าไม่สนใจ
ข้างๆห้องของชายหนุ่มมีเจ้าชายน้อยรูปงามพระองค์หนึ่งคอยมองความเป็นไป
ในห้องรับแขกผ่านม่านที่ถูกตกแต่งประดิษฐ์ประดอยอย่างที่คนภายนอกไม่มีทางรู้
ได้เลยว่าอีกห้องหนึ่ง
สามารถมองทะลุมาได้อย่างหงุดหงิดพระหฤทัยเป็นยิ่งนัก
\"ชิ~นายหน้าตายนั่นไม่เมื่อยบ้างรึไงนะ? นั่งอยู่ท่าเดิม หน้าเดิม!\"
พระพักตร์งามง้องุ้มอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ชายหนุ่มที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยแกล้งยิ่งนัก
จะทรงพระเกษมได้อย่างไรในเมื่อเหยื่อไม่ติดกับ ไม่เดินกระวนกระวายไปมา
ไม่ทำสีหน้าร้อนใจ
\"ก็ได้~~ออกไปเจอก็ได้ ฮึ? นึกว่าคนอย่างเราจะกลัวรึไง?\"
พระองค์ได้แต่นึกอยู่ในพระทัย
ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นถวายความเคารพอย่างสง่างามยิ่งเมื่อเห็นผู้ที่เข้ามา
ในห้องนั้นเป็นใคร
ไม่มีการเปิดฉากการสนทนาใดๆทั้งสิ้น
................................
\"เฮ้ นายจะไม่พูดอะไรหน่อยรึไง? รึว่าคนที่มาเป็นองครักษ์ฉันเป็นใบ้?\"
ทรงเอ่ยถามก่อน
ใบหน้าของคนที่ถูกถามปรากฏรอยยิ้มเหมือนเสียไม่ได้
\"จะให้หม่อมฉัน ทูลอะไรหล่ะพะยะคะ ก็ในเมื่อพระองค์เป็นคนสั่งให้นายทหาร
ไปเรียกหม่อมฉันบอกว่าทรงมีเรื่องจะประทาน หม่อมฉันก็กำลังรอพระราชดำริ
ของพระองค์ตามที่ได้ประสงค์ในตอนแรกไงหล่ะพะยะคะ...\"
น้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์
\"เอ่อ...ก็...ไม่มีอะไรมากหรอกแค่อยากรู้จักในฐานะที่นายจะ...เอ่อ...มาเป็น
องครักษ์ของเราไงละ!\"
เอ่ยอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจในตัวเองนักเพราะจุดประสงค์หลักมันไม่ใช่อย่างที่
พระองค์ทรงต้องการ
\"กระหม่อมชื่อ อนิก .\"
\"แค่นี้?\" น้ำเสียงเอ่ยขึ้นอย่างขัดพระทัยยิ่งนัก แหม~จะพูดอะไรยาวๆกับเค้า
ไม่เป็นรึไงนะถามคำตอบคำอย่างกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงอย่างในวรรณคดี
อย่างไงอย่างงั้น
\"ก็องค์ชายทรงอยากทราบอะไรก็ทรงถามมาเถอะพะยะค่ะ
ก็หม่อมฉันไม่ถนัดนักหรอก กับการพูดยาวๆถ้าไม่จำเป็น\"
ฮึ~~อย่างนี้เค้าเรียกว่าประชดเรารึเปล่านะ
\"ก็แค่ตอบว่าเคยทำอะไร ที่ไหน อย่างไร สั้นๆ เท่าที่จำเป็นก็ได้นี่นา\"
พระองค์ทรงเน้นเสียงคำว่า จำเป็น เป็นพิเศษ
ชายหนุ่มแอบอมยิ้มเมื่อทรงทอดพระเนตรไปทางด้านอื่น
\'หึหึ\' ทรงเป็นพระองค์ชายที่ขี้งอนเสียจริงแฮะ แค่เราไม่บ้าจี้กับการกระทำ
เด็กๆของพระองค์ พระองค์ก็แสดงออกหมดทางสีหน้าว่าทรงรู้สึกอย่างไร
แม้จะไม่ทรงพูดก็เถอะ แต่แค่ท่าทางของพระองค์ก็ทำให้อนิกเดาออกได้
ง่ายๆว่าทรงคิดอะไรในใจ...การเดาความคิดของคนที่เค้าเคยได้เรียนจากกองทับ
พิเศษยังยากกว่านี้หลายเท่านัก...
เค้าเกือบจะรู้ได้ทันทีเลยว่าพระองค์คงทรงตั้ง
พระหฤทัยแกล้งเค้าแน่ๆเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง...หลังจากทหารได้
พาเค้ามาที่ห้องนี้ ก็ไม่ได้พูดจาใดๆว่าทรงมีพระรับสั่งถึงเค้าอย่างไร แล้วก็ไม่มีสิ่งมี
ชีวิตอื่นๆอีกเลยนอกจากเค้าในห้องนี้ แถมชายหนุ่มยังรู้สึกได้อีกว่ามีคนจ้องมองเค้า
จากที่ใดที่หนึ่ง ทำให้เค้าต้องนั่งนิ่งๆพยายามไม่เคลื่อนไหวอยู่ในความสงบ
เพราะนี่อาจจะเป็นการทดสอบจิตใจก็ได้...สำหรับเค้าแล้ว..แค่นี้จิ๊บจ๊อย...
เมื่อทรงหันพระพักตร์กลับมาชายหนุ่มก็ปรับสีหน้าของตนให้ดูเรียบเฉยได้อย่างแนบเนียน
\"กระผมเกิดที่เมืองเชียงเหนือแห่งนี้แต่เติบโตในต่างประเทศ
ยังไม่เคยทำอะไรเป็นหลักแหล่ง\"
ที่ว่าไม่เคยทำอะไรเป็นหลักแหล่งก็เนื่องจากว่าเค้าชอบการทหาร...และ รบในสนามจริง
เป็นพิเศษ เมื่อรับการฝึกลับ ที่ต้องฝึกตั้งแต่เค้าอายุสิบกว่าขวบ เค้าก็ฝึกเต็มที่
แต่เมื่อมีเวลาว่างหรือช่วงปิดเทอมเค้าก็จะอาสาไปเป็นทหารหน่วยกล้าตายให้กับกองทัพ อื่น
ที่ต้องการคนเข้ามาช่วยเสริมกำลัง ตัวเค้าเองไม่ค่อยมีเวลาได้กลับบ้านนัก
จึงทำให้ชายหนุ่มไม่ค่อยมีสังคมของที่นี่เท่าไหร่นอกจากครอบครัวของเค้าเอง
และการเป็นองครักษ์ให้กับเจ้าชายพระพักตร์หวานๆตรงหน้านี้ก็ไม่ได้ทำให้อนิก
รู้สึกลำบากเลยสักนิดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่เค้าได้ผ่านมาแล้ว
\"มิน่า~~เราไม่เคยเห็นหน้านายเลย อนิก\"
พระองค์พูดพร้อมกับทรงจ้องหน้าชายหนุ่ม
\"แล้วทำไมนายไม่มารายงานตัวกับเรา ต้องให้เราส่งทหารไปตาม\"
ทรงเอียงคอถามอย่างสงสัย
\"กระผมต้องรอ พระราชโองการจากพระกระแสขององค์เจ้าหลวงแต่งตั้ง
อย่างเป็นทางการก่อนค่อยเข้ามาทำหน้าที่พะยะคะ...
ช่วงนี้หม่อมฉันก็เก็บของเตรียมย้ายมาอยู่ใกล้ๆพระองค์
เพื่อจะได้ดูแลเป็นองครักษ์ของพระองค์ได้อย่างเต็มที่\"
\"ว่าไงนะ? อยู่ใกล้ๆเรา?\"
ทรงทำพระเนตรโตเชียว
\"พะยะค่ะ\" คนตอบ ตอบหน้าตาย
\"ทำไม นายแค่มาเช้าเย็นกลับก็ได้นี่นา ที่นี่ทหารออกเยอะแยะ\"
พระองค์รีบตอบปฏิเสธ ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เห็นหน้าอนิกทีไร ทรงหมั่นใส้
ท่าทางหยิ่งๆของเค้าทุกทีสิหน่า
\"พระองค์ทรงทูลถามองค์เจ้าหลวงเองจะดีกว่านะพะบะค่ะ..
กระหม่อมเองก็แค่ได้รับพระกระแสรับสั่งมาอีกทีก็เท่านั้น\"
ชายหนุ่มตอบสีหน้าจริงจังผิดกับน้ำเสียงเอื่อยๆ
.
\"ว๊าย~~ นารีวิ่งเร็วๆสิ เดี๋ยวไม่ทันได้เห็นหน้าขององครักษ์องค์ไหม่หรอก\"
หญิงรับใช้คนสนิทค่อยๆผ่อนฝีเท้าแล้วก็หยุดลงในที่สุด หลังจากตามเสด็จ
พระองค์หญิงเล็กไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จึงได้แต่ทิ้งตัวทรุดกายลงซ่อนหน้า
ไว้ที่หัวเข่าของตนอย่างหมดแรง
\" มะ..ไม่ไหวแล้วเพคะ นารี ยอม..แพ้....ยกธงขาวเพคะ\" คนพูดๆตะกุกตะกัก
หอบแหกๆน้ำเสียงบอกได้ถึงความเหนื่อยหล้าที่เกิดขึ้นกับตน
พระองค์หญิงนทีมารค(ดั่งสายน้ำ) ชายพระเนตรไปที่หญิงรับใช้คนสนิทพร้อมกับ
ทรงทำสีหน้ากระเง้ากระงอด
\"แหม~นารี...อีกแค่นิดเดียวเองนะ นะ...ไปแอบดูเค้าเป็นเพื่อนหญิงหน่อยน้า..\"
นารีสาวใช้ประจำตัวพระองค์เห็นพระพักตร์ออดอ้อนนั่นแล้วก็รู้ตัวว่าคงปฏิเสธพระองค์
ไม่ได้เป็นแน่แท้ ตนคงไม่สามารถพักได้อย่างที่ต้องการ
\"โหย~~องค์หญิงเพคะ~~เราิวิ่งมาตามทางลดเลี้ยวเคียวคดของพระองค์นี่เกือบ
สามสิบนาทีแล้วนะคะ...เห็นใจคนสาวเหลือน้อยด้วยเถอะค่ะ\"
คนบ่นเิริ่มค่อยๆลุกขึ้นเดินเอื่อยๆไปตามคนที่เสด็จนำหน้า
\"คิกๆ แหมแค่สามสิบเอง ว่าตัวเองแก่แล้วเหรอจ๊ะ?\"
พระองค์หญิงหันหน้ามาตอบพร้อมกับสาวพระบาทให้ช้าลงเพื่อเป็นการช่วยนารีอีกแรง
\"พ้นสวนนี้ไปก็จะถึุงที่ๆเราสามารถแอบดูได้แล้วนี่นา...ทำอย่างกับไม่เคยมากะเรางั้นแหละ\"
\"ก็แหม~~เพคะ หม่อมฉันมาบ่อย...ก็พระองค์ทรงลากหม่อมฉันมาด้วยนี่เพคะ
แถมครั่งนี้ิเราวิ่งมานะคะ ไม่ได้ค่อยๆเดินกินลมเอ้อละเหยเหมือนคราวก่อนๆ\"
องค์หญิงทรงมองไปที่แม่สาวเหลือน้อยพร้อมกับเสด็จอ้อมไปด้านหลังคนสนิท
\"ว้าย~~ตายแล้ว..องค์หญิงทรงทำอะไรหน่ะเพคะ..หยุดนะเพคะ หม่อมฉันจะหกกะล้ม\"
นารีรีบบอกอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกถึงแรงที่ทรงผลักมาที่จากด้านหลัง
\"จะได้เร็วขึ้นไง นารีก็ไม่ต้องเหนื่อยด้วย หญิงช่วย\"
พร้อมใช้พระหัตถ์ทั้งสองข้างของพระองค์ออกแรงดันเพื่อทำให้นารีได้เดินเร็วขึ้น
\"ว้ายๆ~~หม่อมฉันกลัวนะเพคะ\"
..
\"โหย~~ นี่เรารอมาทั้งวันแล้วนะ? ไหนนารีบอกเราว่าองครักษ์คนใหม่มาพบท่านพี่วันนี้ไง?\"
สาวใช้คนสนิทมองพระพักตร์หวานออกเข็มๆของพระองค์หญิงตรงหน้าก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ
\"แหม~~เราจะรู้ได้ไงละเพคะ ว่าเค้าจะเดินเข้า เดินออกตรงไหน ทางเดินก็ตั้งกว้าง\"
\"อ๊ะ! องค์หญิง~~นั่นเพคะ นั่น~~\"
องค์หญิงทรงรีบหันพระพักตร์ตามทิศทางที่นิ้วชี้ของนารียกขึ้น
\"โห~~เท่ห์~~ซะไม่มี~ขนาดเห็นไกลๆยังดูดีขนาดนี้ ถ้าเห็นใกล้มิแย่งหัวใจนารีของเราไปแล้ว
เหรอเนี๊ยะ\"
องคหญิงนทีมารคทรงพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาที่มองอย่างเคลิบเคลิ้มตามหลัง
ขององครักหนุ่มไม่กระพริบ
\"แหม~~องคหญิงละก็..ล้อนารีอีกแล้วนะเพคะ...ถ้านารียังสาวๆละก็ ไม่แน่หรอกค่ะ\"
\"อ้าวแล้วตอนนี้ไม่สาวรึไงจ๊ะ?\" คนพูดพูดกลัวเสียงหัวเราะในลำคอ
\"อย่ามาหรอกคนแก่ให้ดีใจเลยเพคะ...ว่าแต่ว่าทรงอยากมาดูตัวเค้าทำไมกันละเพคะ? \"
สาวใช้มองดวงพระพักตร์ที่ดูเหมือนจะผุดแววเจ้าเลห์ขึ้นมา
\"หึหึ เรื่องอะไรเราจะบอก\" สายพระเนตรที่จ้องตามหลังชายหนุ่มที่เดินพ้นสวนออกไปลิบๆ
แฝงด้วยความหมาดหมายอะไรซักอย่างที่นารีไม่สามารถเดาได้
ทั้งๆเวลาก็ได้ผ่านไปเกือบค่อนวันแล้ว ไม่มีทีท่าวี่แววหงุดหงิดใดๆ
เกิดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มเลยสักนิด บอกให้รู้ว่าคนที่เค้ารอจะมาหรือ
ไม่นั้นเค้าไม่สนใจ
ข้างๆห้องของชายหนุ่มมีเจ้าชายน้อยรูปงามพระองค์หนึ่งคอยมองความเป็นไป
ในห้องรับแขกผ่านม่านที่ถูกตกแต่งประดิษฐ์ประดอยอย่างที่คนภายนอกไม่มีทางรู้
ได้เลยว่าอีกห้องหนึ่ง
สามารถมองทะลุมาได้อย่างหงุดหงิดพระหฤทัยเป็นยิ่งนัก
\"ชิ~นายหน้าตายนั่นไม่เมื่อยบ้างรึไงนะ? นั่งอยู่ท่าเดิม หน้าเดิม!\"
พระพักตร์งามง้องุ้มอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ชายหนุ่มที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยแกล้งยิ่งนัก
จะทรงพระเกษมได้อย่างไรในเมื่อเหยื่อไม่ติดกับ ไม่เดินกระวนกระวายไปมา
ไม่ทำสีหน้าร้อนใจ
\"ก็ได้~~ออกไปเจอก็ได้ ฮึ? นึกว่าคนอย่างเราจะกลัวรึไง?\"
พระองค์ได้แต่นึกอยู่ในพระทัย
ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นถวายความเคารพอย่างสง่างามยิ่งเมื่อเห็นผู้ที่เข้ามา
ในห้องนั้นเป็นใคร
ไม่มีการเปิดฉากการสนทนาใดๆทั้งสิ้น
................................
\"เฮ้ นายจะไม่พูดอะไรหน่อยรึไง? รึว่าคนที่มาเป็นองครักษ์ฉันเป็นใบ้?\"
ทรงเอ่ยถามก่อน
ใบหน้าของคนที่ถูกถามปรากฏรอยยิ้มเหมือนเสียไม่ได้
\"จะให้หม่อมฉัน ทูลอะไรหล่ะพะยะคะ ก็ในเมื่อพระองค์เป็นคนสั่งให้นายทหาร
ไปเรียกหม่อมฉันบอกว่าทรงมีเรื่องจะประทาน หม่อมฉันก็กำลังรอพระราชดำริ
ของพระองค์ตามที่ได้ประสงค์ในตอนแรกไงหล่ะพะยะคะ...\"
น้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์
\"เอ่อ...ก็...ไม่มีอะไรมากหรอกแค่อยากรู้จักในฐานะที่นายจะ...เอ่อ...มาเป็น
องครักษ์ของเราไงละ!\"
เอ่ยอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจในตัวเองนักเพราะจุดประสงค์หลักมันไม่ใช่อย่างที่
พระองค์ทรงต้องการ
\"กระหม่อมชื่อ อนิก .\"
\"แค่นี้?\" น้ำเสียงเอ่ยขึ้นอย่างขัดพระทัยยิ่งนัก แหม~จะพูดอะไรยาวๆกับเค้า
ไม่เป็นรึไงนะถามคำตอบคำอย่างกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงอย่างในวรรณคดี
อย่างไงอย่างงั้น
\"ก็องค์ชายทรงอยากทราบอะไรก็ทรงถามมาเถอะพะยะค่ะ
ก็หม่อมฉันไม่ถนัดนักหรอก กับการพูดยาวๆถ้าไม่จำเป็น\"
ฮึ~~อย่างนี้เค้าเรียกว่าประชดเรารึเปล่านะ
\"ก็แค่ตอบว่าเคยทำอะไร ที่ไหน อย่างไร สั้นๆ เท่าที่จำเป็นก็ได้นี่นา\"
พระองค์ทรงเน้นเสียงคำว่า จำเป็น เป็นพิเศษ
ชายหนุ่มแอบอมยิ้มเมื่อทรงทอดพระเนตรไปทางด้านอื่น
\'หึหึ\' ทรงเป็นพระองค์ชายที่ขี้งอนเสียจริงแฮะ แค่เราไม่บ้าจี้กับการกระทำ
เด็กๆของพระองค์ พระองค์ก็แสดงออกหมดทางสีหน้าว่าทรงรู้สึกอย่างไร
แม้จะไม่ทรงพูดก็เถอะ แต่แค่ท่าทางของพระองค์ก็ทำให้อนิกเดาออกได้
ง่ายๆว่าทรงคิดอะไรในใจ...การเดาความคิดของคนที่เค้าเคยได้เรียนจากกองทับ
พิเศษยังยากกว่านี้หลายเท่านัก...
เค้าเกือบจะรู้ได้ทันทีเลยว่าพระองค์คงทรงตั้ง
พระหฤทัยแกล้งเค้าแน่ๆเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง...หลังจากทหารได้
พาเค้ามาที่ห้องนี้ ก็ไม่ได้พูดจาใดๆว่าทรงมีพระรับสั่งถึงเค้าอย่างไร แล้วก็ไม่มีสิ่งมี
ชีวิตอื่นๆอีกเลยนอกจากเค้าในห้องนี้ แถมชายหนุ่มยังรู้สึกได้อีกว่ามีคนจ้องมองเค้า
จากที่ใดที่หนึ่ง ทำให้เค้าต้องนั่งนิ่งๆพยายามไม่เคลื่อนไหวอยู่ในความสงบ
เพราะนี่อาจจะเป็นการทดสอบจิตใจก็ได้...สำหรับเค้าแล้ว..แค่นี้จิ๊บจ๊อย...
เมื่อทรงหันพระพักตร์กลับมาชายหนุ่มก็ปรับสีหน้าของตนให้ดูเรียบเฉยได้อย่างแนบเนียน
\"กระผมเกิดที่เมืองเชียงเหนือแห่งนี้แต่เติบโตในต่างประเทศ
ยังไม่เคยทำอะไรเป็นหลักแหล่ง\"
ที่ว่าไม่เคยทำอะไรเป็นหลักแหล่งก็เนื่องจากว่าเค้าชอบการทหาร...และ รบในสนามจริง
เป็นพิเศษ เมื่อรับการฝึกลับ ที่ต้องฝึกตั้งแต่เค้าอายุสิบกว่าขวบ เค้าก็ฝึกเต็มที่
แต่เมื่อมีเวลาว่างหรือช่วงปิดเทอมเค้าก็จะอาสาไปเป็นทหารหน่วยกล้าตายให้กับกองทัพ อื่น
ที่ต้องการคนเข้ามาช่วยเสริมกำลัง ตัวเค้าเองไม่ค่อยมีเวลาได้กลับบ้านนัก
จึงทำให้ชายหนุ่มไม่ค่อยมีสังคมของที่นี่เท่าไหร่นอกจากครอบครัวของเค้าเอง
และการเป็นองครักษ์ให้กับเจ้าชายพระพักตร์หวานๆตรงหน้านี้ก็ไม่ได้ทำให้อนิก
รู้สึกลำบากเลยสักนิดเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่เค้าได้ผ่านมาแล้ว
\"มิน่า~~เราไม่เคยเห็นหน้านายเลย อนิก\"
พระองค์พูดพร้อมกับทรงจ้องหน้าชายหนุ่ม
\"แล้วทำไมนายไม่มารายงานตัวกับเรา ต้องให้เราส่งทหารไปตาม\"
ทรงเอียงคอถามอย่างสงสัย
\"กระผมต้องรอ พระราชโองการจากพระกระแสขององค์เจ้าหลวงแต่งตั้ง
อย่างเป็นทางการก่อนค่อยเข้ามาทำหน้าที่พะยะคะ...
ช่วงนี้หม่อมฉันก็เก็บของเตรียมย้ายมาอยู่ใกล้ๆพระองค์
เพื่อจะได้ดูแลเป็นองครักษ์ของพระองค์ได้อย่างเต็มที่\"
\"ว่าไงนะ? อยู่ใกล้ๆเรา?\"
ทรงทำพระเนตรโตเชียว
\"พะยะค่ะ\" คนตอบ ตอบหน้าตาย
\"ทำไม นายแค่มาเช้าเย็นกลับก็ได้นี่นา ที่นี่ทหารออกเยอะแยะ\"
พระองค์รีบตอบปฏิเสธ ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เห็นหน้าอนิกทีไร ทรงหมั่นใส้
ท่าทางหยิ่งๆของเค้าทุกทีสิหน่า
\"พระองค์ทรงทูลถามองค์เจ้าหลวงเองจะดีกว่านะพะบะค่ะ..
กระหม่อมเองก็แค่ได้รับพระกระแสรับสั่งมาอีกทีก็เท่านั้น\"
ชายหนุ่มตอบสีหน้าจริงจังผิดกับน้ำเสียงเอื่อยๆ
.
\"ว๊าย~~ นารีวิ่งเร็วๆสิ เดี๋ยวไม่ทันได้เห็นหน้าขององครักษ์องค์ไหม่หรอก\"
หญิงรับใช้คนสนิทค่อยๆผ่อนฝีเท้าแล้วก็หยุดลงในที่สุด หลังจากตามเสด็จ
พระองค์หญิงเล็กไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จึงได้แต่ทิ้งตัวทรุดกายลงซ่อนหน้า
ไว้ที่หัวเข่าของตนอย่างหมดแรง
\" มะ..ไม่ไหวแล้วเพคะ นารี ยอม..แพ้....ยกธงขาวเพคะ\" คนพูดๆตะกุกตะกัก
หอบแหกๆน้ำเสียงบอกได้ถึงความเหนื่อยหล้าที่เกิดขึ้นกับตน
พระองค์หญิงนทีมารค(ดั่งสายน้ำ) ชายพระเนตรไปที่หญิงรับใช้คนสนิทพร้อมกับ
ทรงทำสีหน้ากระเง้ากระงอด
\"แหม~นารี...อีกแค่นิดเดียวเองนะ นะ...ไปแอบดูเค้าเป็นเพื่อนหญิงหน่อยน้า..\"
นารีสาวใช้ประจำตัวพระองค์เห็นพระพักตร์ออดอ้อนนั่นแล้วก็รู้ตัวว่าคงปฏิเสธพระองค์
ไม่ได้เป็นแน่แท้ ตนคงไม่สามารถพักได้อย่างที่ต้องการ
\"โหย~~องค์หญิงเพคะ~~เราิวิ่งมาตามทางลดเลี้ยวเคียวคดของพระองค์นี่เกือบ
สามสิบนาทีแล้วนะคะ...เห็นใจคนสาวเหลือน้อยด้วยเถอะค่ะ\"
คนบ่นเิริ่มค่อยๆลุกขึ้นเดินเอื่อยๆไปตามคนที่เสด็จนำหน้า
\"คิกๆ แหมแค่สามสิบเอง ว่าตัวเองแก่แล้วเหรอจ๊ะ?\"
พระองค์หญิงหันหน้ามาตอบพร้อมกับสาวพระบาทให้ช้าลงเพื่อเป็นการช่วยนารีอีกแรง
\"พ้นสวนนี้ไปก็จะถึุงที่ๆเราสามารถแอบดูได้แล้วนี่นา...ทำอย่างกับไม่เคยมากะเรางั้นแหละ\"
\"ก็แหม~~เพคะ หม่อมฉันมาบ่อย...ก็พระองค์ทรงลากหม่อมฉันมาด้วยนี่เพคะ
แถมครั่งนี้ิเราวิ่งมานะคะ ไม่ได้ค่อยๆเดินกินลมเอ้อละเหยเหมือนคราวก่อนๆ\"
องค์หญิงทรงมองไปที่แม่สาวเหลือน้อยพร้อมกับเสด็จอ้อมไปด้านหลังคนสนิท
\"ว้าย~~ตายแล้ว..องค์หญิงทรงทำอะไรหน่ะเพคะ..หยุดนะเพคะ หม่อมฉันจะหกกะล้ม\"
นารีรีบบอกอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกถึงแรงที่ทรงผลักมาที่จากด้านหลัง
\"จะได้เร็วขึ้นไง นารีก็ไม่ต้องเหนื่อยด้วย หญิงช่วย\"
พร้อมใช้พระหัตถ์ทั้งสองข้างของพระองค์ออกแรงดันเพื่อทำให้นารีได้เดินเร็วขึ้น
\"ว้ายๆ~~หม่อมฉันกลัวนะเพคะ\"
..
\"โหย~~ นี่เรารอมาทั้งวันแล้วนะ? ไหนนารีบอกเราว่าองครักษ์คนใหม่มาพบท่านพี่วันนี้ไง?\"
สาวใช้คนสนิทมองพระพักตร์หวานออกเข็มๆของพระองค์หญิงตรงหน้าก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ
\"แหม~~เราจะรู้ได้ไงละเพคะ ว่าเค้าจะเดินเข้า เดินออกตรงไหน ทางเดินก็ตั้งกว้าง\"
\"อ๊ะ! องค์หญิง~~นั่นเพคะ นั่น~~\"
องค์หญิงทรงรีบหันพระพักตร์ตามทิศทางที่นิ้วชี้ของนารียกขึ้น
\"โห~~เท่ห์~~ซะไม่มี~ขนาดเห็นไกลๆยังดูดีขนาดนี้ ถ้าเห็นใกล้มิแย่งหัวใจนารีของเราไปแล้ว
เหรอเนี๊ยะ\"
องคหญิงนทีมารคทรงพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาที่มองอย่างเคลิบเคลิ้มตามหลัง
ขององครักหนุ่มไม่กระพริบ
\"แหม~~องคหญิงละก็..ล้อนารีอีกแล้วนะเพคะ...ถ้านารียังสาวๆละก็ ไม่แน่หรอกค่ะ\"
\"อ้าวแล้วตอนนี้ไม่สาวรึไงจ๊ะ?\" คนพูดพูดกลัวเสียงหัวเราะในลำคอ
\"อย่ามาหรอกคนแก่ให้ดีใจเลยเพคะ...ว่าแต่ว่าทรงอยากมาดูตัวเค้าทำไมกันละเพคะ? \"
สาวใช้มองดวงพระพักตร์ที่ดูเหมือนจะผุดแววเจ้าเลห์ขึ้นมา
\"หึหึ เรื่องอะไรเราจะบอก\" สายพระเนตรที่จ้องตามหลังชายหนุ่มที่เดินพ้นสวนออกไปลิบๆ
แฝงด้วยความหมาดหมายอะไรซักอย่างที่นารีไม่สามารถเดาได้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น