ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ปลูกครั้งที่ 8
ด้วยความที่คีริณอยากจะกลับถึงบ้านโดยเร็ว เขาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 6 โมงเช้า เมื่อมีเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เขาตื่นขึ้นทันที
คณินนอนหลับอย่างสบาย ตอนนี้เขาเผลอเอามือกอดเอวของคีริณโดยไม่รู้ตัว ทำให้ใบหน้าของคีริณจมอยู่ในอ้อมอกของคณิน
คีริณค่อยๆดันตัวเองออกจากอกคณิน แล้วนั่งลงข้างเตียง เขาหันกลับไปมองคณินอดไม่ได้ที่จะตบหน้าอกตัวเองและคิดด้วยความโล่งใจ โชคดีที่ตื่นขึ้นก่อนที่คณินจะรู้ตัว ไม่เช่นนั้นเขาคงโดนจับได้
เป็นความเข้าใจผิดของคีริณที่คิดว่าตัวเองเข้าไปกอดก่อน
คีริณลุกขึ้นจัดการตัวเองแล้วเก็บของใส่กระเป๋าเดินออกจากห้องไป
คนที่คิดว่ายังนอนหลับอยู่ที่เตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
อ้อมแขน หมอน และส่วนอื่น ๆ ของร่างกายของเขาบอกกับคณินว่าคีริณได้นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขามั่นใจว่านี่คือความจริงอย่างแน่นอนราวกับฝันไปที่เราได้นอนกอดกัน
คณินจับหมอนด้วยมือทั้งสองข้างและก้มหน้าลงไป เขาอยากจะร้องตะโกนออกมาดังก้องแต่ไม่กล้าทำกลัวรบกวนคนอื่น
อีกด้านหนึ่ง คีริณเดินออกจากโรงแรมอย่างช้า ๆ และมองหาร้านอาหาร โรงแรมนี้เป็นเพียงโรงแรมเล็กๆไม่มีร้านอาหารให้บริการ เขาเดินไปดูที่ตรอกข้างโรงแรมในตรอกนั้นมีตลาดเช้าเปิดอยู่
ตลาดเช้าในเมืองเล็ก ๆ นี้คึกคักมาก แผงขายของทั้งสองข้างถนนส่วนมากมีแต่คนเฒ่าคนแก่ในพื้นที่ ๆ ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง น่าจะเปิดร้านขายอาหารเช้ามาได้ระยะหนึ่งแล้วและกำลังทยอยเปิดก็มี มีของขายไม่มากนักแต่ราคาถูกและของที่ทำก็มีราคาไม่แพง
คีริณเลือกร้านหนึ่งที่อยู่มุมถนน เขานั่งลงแล้วสั่งเกี๊ยวน้ำหนึ่งชามและซาลาเปาสองลูก คนขายที่เป็นผู้หญิงทำอาหารได้น่ามองมากการเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลและประณีตในชั่วพริบตาเธอก็วางอาหารเหล่านั้นไว้ตรงหน้าคีริณ
“เครื่องปรุงอยู่ตรงนั้นคุณสามารถเดินไปเอามันเองได้” เธอชี้ไปที่โต๊ะในมุมหนึ่ง “อยากได้เครื่องปรุงอะไรหยิบเอามาเลย”
คีริณพยักหน้าพร้อมกับถือซาลาเปาไว้ในมือ ซาลาเปานำออกมาจากซึงนึ่งทำให้ยังร้อนอยู่ เขารู้สึกถึงไอร้อนของซาลาเปา และเลวร้ายกว่านั้น หลังจากถูกเขาบิดออกสองฝั่ง ไอร้อนมันก็พุ่งเข้าใส่หน้าคีริณพร้อมกับกลิ่นเนื้อที่หอมน่ากิน
เขาทนต่อความร้อนแล้วกินซาลาเปาสี่ชิ้นและเกี๊ยวสองชามในคราวเดียว จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและถือถุงซาลาเปากับเกี๊ยวน้ำเดินกลับไปให้คณินที่โรงแรม
อีกด้านหนึ่งของตรอกที่ไม่ไกลจากที่คีริณเดินอยู่ได้เกิดความวุ่นวายขึ้น
"มีคนบ้า มีคนบ้า เขากระโดดกัดฉัน!” ตอนนั้นมีคนร้องตะโกนโวยวายเสียงดังทำให้คนรอบข้างได้ยินเลยหันมองไปดูด้วยความสงสัย
คีริณยืนอยู่ห่างออกไปช่วงนึง เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายนี้ และเขาสามารถหาที่ปีนขึ้นที่สูงและมองดูว่าตรงนั้นเกิดเหตุการณ์อะไร
ตรงที่เกิดความวุ่นวายชายชราที่มีรูปร่างหน้าตาธรรมดาทั่วไป ตอนนี้เขากำลังบ้าคลั่ง ดวงตาของเขาสีขาวขุ่นกำลังจับจ้องอยู่บนร่างของชายชราอีกคนที่อยู่ข้างกันและกระโดดกัดใบหน้าของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
คนที่โดนกัดไม่สามารถต่อสู้ ได้ทำเพียงแค่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
“เขาเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือเปล่า ทำไมถึงกัดคนอื่นไปทั่ว?” มีคนเข้าไปดึงออก แต่เขากลับโดนกัดที่มือแทน
ชายชราเริ่มคุ้มครั่งมากขึ้นเรื่อยๆเขาเริ่มกระโดดใส่คนที่อยู่รอบๆตัวโดยไร้จุดหมาย
“ทุกคนรีบไปซ่อนตัว ฉันโทรแจ้งตำรวจแล้ว รถพยาบาลจะมาถึงในไม่ช้า!” มีคนๆนึงยืนอยู่กลางถนนและกำลังควบคุมสถานการณ์ให้เป็นระเบียบแต่ในมุมมองของคีริณการกระทำของเขามันไม่มีประโยชน์
ผู้คนที่กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ในร้านก็ลุกขึ้นยืนมองดูเหตุการณ์ในเวลานี้ พวกเขากำลังพูดคุยถึงความวุ่นวายที่เห็นอยู่ตรงหน้า ด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
"เขาคงถูกสุนัขกัดแล้วไม่ไปฉีดยาแน่เลย นี่มันทำคนอื่นเดือดร้อน"
"คนที่โดนกัดเลือดไหลเยอะมากเลยเขาน่าจะเจ็บ"
"น่ากลัว น่ากลัวมากๆเลือดเต็มหน้าเขาเลย"
นอกจากนี้ยังมีคนตะโกนอยู่ตรงนั้น "คุณไม่สามารถหยุดคนที่กำลังคุ้มคลั่งได้รีบหาที่หลบเถอะ!"
เมื่อตอนนี้ในตรอกเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก จนต้องเดินเบียดเสียดกัน และเจ้าของแผงขายเหล่านี้ก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขาจะยอมให้ของที่ขายอยู่โดนเหยียบได้ไง
พวกเขารีบก้มลงเก็บของที่วางอยู่ที่พื้น การก้มลงเก็บของที่ตัวเองนำมาขายทำให้การหลบหนีล่าช้าไปอีก ภายในเวลาไม่นานก็ทำให้คนบาดเจ็บเพิ่มอีก 5-6 คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่
เสียงตะโกนเมื่อกี้ทำให้คนที่คลุ้มคลั่งคนแรกได้ยินเสียง เขาได้หันหัวไปทางร้านอาหารอย่างช้าๆและติดขัด สีหน้าของเขาดูเจ็บปวดและมึนงงตอนที่มองเห็นภาพนี้คีรินเกือบจะคิดว่าคนคนนี้ยังมีสติอยู่
แต่ไม่นานภาพต่อมาก็ลบล้างความคิดของคีริณชายคนนั้นตรงไปที่ร้านอาหารที่เขาได้ยินเสียง
กลุ่มคนมุงที่กำลังดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ที่เพิ่งสงบลงได้ตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง มีทั้งคนที่ซ่อนตัวอยู่ในร้านและรีบวิ่งออกมาข้าง
คีริณรีบเดินหลบฝูงชนและหาที่ปลอดภัยมองดูชายชราที่คุ้มคลั่งคนแรกตรงหน้า และช่วยคนที่บาดเจ็บและพร้อมกับจับพวกเขาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาตายกลัวว่าพวกเขาจะกลายเป็นซอมบี้
ถ้ามีซอมบี้ไม่มากก็สามารถควบคุมเหตุการณ์ได้แต่หลายคนไม่รู้เรื่องซอมบี้หรือไม่เคยคิดเกี่ยวกับซอมบี้เลยสิ่งนี้ทำให้เกิดการสูญเสียได้มากมายในอนาคต
แต่ตอนนี้มันยากสำหรับคีริณที่จะต่อว่าพวกเขาที่ไม่เด็ดขาดพอ เพราะครั้งที่แล้วตอนที่เขาฝึกงานอยู่ที่เมือง A เมื่อเพื่อนร่วมห้องของเขากับคิมหันต์กลายเป็นซอมบี้พวกเขาได้แต่ปัดป้องและหลบอยู่มุมห้อง และหาทางหลบหนีออกจากห้อง
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขารู้ภายหลังว่านี่คือซอมบี้ คีริณและคิมหันต์ก็ยังคงจะตำหนิตัวเองว่าไม่ช่วยพาเพื่อนไปหาหมอ
"นี่มัน แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น" คีริณบอกกับภรรยาเจ้าของร้านเกี๊ยวที่กำลังใช้กระบวยตักน้ำซุปทุกที่ศีรษะของชายชราที่กำลังคุ้มคลั่ง
คนในกลุ่มสองสามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังภรรยาเจ้าของร้านตะโกนใส่คีริณ"ไอ้บ้า ทำไมนายไม่ช่วยคนอื่นเอาแต่ยืนมองอยู่ได้"
คีริณไม่สนใจฟังเสียงของชายคนนั้น เขาหันหลังและเดินออกจากตรอกกลับไปที่โรงแรม
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องรีบกลับให้ถึงบ้านโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะพบคุณยายก่อนที่สถานการณ์ต่างๆจะวุ่นวายมากกว่านี้
ข้างหลังเขาเสียงไซเรนของรถตำรวจและพยาบาลกำลังดังมาจากที่ไกลๆโดยไม่รู้ว่าในอนาคตจะเจออะไรบ้าง
ดีที่โรงแรมยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ป้าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดโถงของโรงแรมพร้อมกับอ้าปากหาวไปด้วย พนักงานหญิงต้อนรับกำลังคุยกันเรื่องซีรีย์ตอนล่าสุดที่ดูเมื่อคืน
"พระเอกเรื่องนี้เขาหล่อจริงๆ ดูดี..."
"ใช่ ยิ้มทีใจแทบละลายเลย"
คีริณที่อยู่ในลิฟท์สายตาของเขามองไปที่ตัวเลขบนผนังตลอดเวลา มีเสียงดังติ๊ง ลิฟท์ก็หยุดอยู่ที่ชั้นที่เขาเข้าพัก
เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปคณินตื่นแล้วและกำลังคุย video call กับคนอื่นอยู่
คีริณไม่รู้ว่าคณินกำลังคุยกับใครอยู่เขาเห็นเพียงคนินที่นั่งอยู่บนที่นอนเขาจึงเรียกเสียงดัง "รุ่นพี่ผมซื้อซาลาเปากับเกี๊ยวน้ำมาฝากคุณด้วยมันยังร้อนๆอยู่เลย"
คณินหันไปมองตามเสียงทำให้โทรศัพท์ในมือของเขาหันไปด้วยเผยให้เห็นใบหน้าของคนผมสีเหลืองอ่อนอยู่ในมือถือของเขา
คีริณที่บังเอิญเหลือบมองคนที่กำลังคุยกับคณินเลยจำได้ว่า เป็นคนเดียวกันกับที่พบเมื่อวานที่มหาวิทยาลัย
“เฮ้ย!” คุณที่ปลายสายตะโกนอุทานด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
“พวกนายนอนห้องเดียวกันเหรอ” เขารีบถามคณิน
คีริณหยุดพูด และวางอาหารเช้าไว้ที่โต๊ะข้างๆ แล้วทำสัญญาณมือว่าตัวเองจะออกไปรออยู่ข้างนอกจะไม่รบกวนเขาที่คุยโทรศัพท์อยู่
คณินเรียกตามไม่ทัน ประตูห้องก็ปิดลงทันที
“ฉันถามจริงจังนะ” น้ำเสียงของผู้ชายผมสีเหลืองอ่อนในโทรศัพท์เปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที"นายจะทำยังไงกับเรื่องของคีริณ ที่ฉันได้ยินมาเขาดูเป็นคนที่ตรงไปตรงมา"
“ฉันก็ตรงเหมือนกันนั่นแหละ” คิ้วของคณินขมวดและก็กลับทันที
ภูริชเยาะเย้ย “หึ นายตรงเหมือนเถาวัลย์เลย”
เขาไม่เคยเห็นใครที่แอบติดตามคนอื่นมาหลายปีแต่ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเป็นคนซื่อตรง
“ภูริช อีก 2-3 ฉันถึงจะกลับไปที่เมือง G นายช่วยดูงานทางนั้นแทนฉันก่อนนะ ” คณินไม่สนใจเสียงล้อเลียนของภูริช
“ได้ เหมือนในตอนนี้ถ้ามองดูนัยตาของนายในตอนนี้น่าจะมีสัตว์ประหลาดอยู่ในนั้น" ภูริชรีบพูดแล้ววางสายทิ้งทันทีปล่อยให้คณินนั่งขมวดคิ้วอยู่คนเดียว
คณินหันไปมองประตูที่ปิดอยู่ จากนั้นมองไปอาหารเช้าที่คีริณวางทิ้งไว้บนโต๊ะ เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู
คีริณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ที่โถงทางเดิน
คณินที่ยืนอยู่ประตูบังเอิญได้ยินเสียงเขาพูดว่า
"ถ้าขายมันได้ผมไม่สนใจอย่างอื่น ใช่ผมยังไม่ใกล้ตายและไม่ได้ป่วยหนัก ตอนนี้ผมเป็นหนี้พนันอยู่ห้าหมื่นไม่มีเงินจ่ายหนี้ นั่นแหละรีบขายมันออกไปเลย
คณินที่ยืนอยู่ประตูบังเอิญได้ยินคีริณคุยโทรศัพท์พอดี
คีริณวางสายจากนายหน้าแต่ไม่รู้ตัวว่าความลับตัวเองแตกแล้ว เมื่อหันกลับมาเขาเห็นคณินยืนอยู่ที่ประตูห้อง กำลังมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
“นายไม่มีเงินเหรอ” เขาหยุดถาม เหมือนสติของเขากลับมาอีกครั้ง จากนั้นเขาเดินเข้าไปหาคีริณ “ฉันมีเงิน นายต้องการเท่าไหร่”
เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของคนอื่นคิรินไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง แต่เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งของเขาหน้าตาต้องเหมือนคณินแน่ๆเลย
คีริณส่ายหน้าไปมาอย่างแรง“ไม่ ไม่ ผมไม่ต้องการเงินของคุณ”
เงินไม่สามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจได้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น