ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มาปลูกผักในวันสิ้นโลกกันเถอะ

    ลำดับตอนที่ #6 : ปลูกครั้งที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 67







    แน่นอนว่าคีริณ ไม่สามารถเตรียมของทุกอย่างที่อยากได้ทัน และเขาไม่สามารถคิดเผื่อคนอื่นได้ ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้วและนึกเกี่ยวกับการเตรียมเครื่องมือเพาะปลูกว่าต้องใช้อะไรบ้าง

    ก่อนอื่น การไถ การหว่าน การกำจัดวัชพืช การเก็บเกี่ยว และการพ่นยาฆ่าแมลงสามารถเพิ่มผลิตได้จริง เราต้องหาเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแปลงเครื่องยนต์ดีเซลให้เป็นเครื่องที่สามารถชาร์จไฟได้ ด้วยระดับเทคโนโลยีในปัจจุบัน

    การวางระบบชลประทานที่เกี่ยวข้องสามารถใช้วางแผนการรดน้ำสิ่งที่เราจะปลูก และการทำปุ๋ยหมักใช้ในการเพาะปลูกด้วยตนเอง หลุมปุ๋ยหมักทำได้ง่าย เพื่อให้มีผลิตที่ดีหลังจากลงต้นกล้าทั้งหมดเราจำเป็นต้องใส่ปุ๋ย

    แต่ก่อนหน้านั้นมีสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ไฟฟ้า

    หลังจากการแพร่ระบาดของไวรัส ไฟฟ้าจะหายากมาก เหลือเพียงไม่กี่ที่ที่มีไฟฟ้า เช่นในย่านใจกลางเมือง และข้างนอกก็แทบจะเป็นเมืองที่ไร้แสงสว่าง

    การมีไฟฟ้าใช้เป็นข้อกำหนดเบื้องต้นพื้นฐานสำหรับการเพิ่มผลผลิตทั้งหมด เช่นเดียวกับความคิดทั้งหมดของเขาข้างต้นที่ไม่สามารถทำได้หากไม่มีไฟใช้

    ภาพภายนอกรถที่วิ่งผ่านไปด้วยความรวดเร็วปรากฏร่างคนที่เดินแปลกๆอยู่ข้างบนถนนไกลๆเขาเดินช้าๆตัวเอียงๆ ไปตามทางหลวงที่รถกำลังขับด้วยความเร็วสูง

    มีคนจำนวนมากเสียชีวิตทุกปีเพราะจะข้ามถนนหลวง แต่ท่าทางและการแสดงออกของคนคนนี้ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป...

    สายตาของคีริณถูกบุคคลนี้ดึงดูดทันที เขาเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อจะได้เข้าไปมองใบหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดเจนเพื่อประกอบกับการตัดสินใจ

    แต่ก่อนที่เขาจะมองได้อย่างชัดเจน ก็มีรถวิ่งข้ามข้ามเลนมาชนคนนั้น ชายคนนั้นก็ล้มลง พวกเราหักหลบรถคันนั้นเสียหลักหน่อยหนึ่งแต่ก็วิ่งต่อไปได้

    คีริณหันกลับไปมองและต้องการดูสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา แต่ก่อนที่สายตาของเขาจะมองเห็น มีมือใหญ่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นปิดตาของเขาทันที

    "อย่ามอง มันไม่น่ามอง" คณินไม่ได้หันไปมอง ใบหน้าและดวงตาของเขายังคงจ้องอยู่บนถนนที่รถวิ่งไปมา และเหตุการณ์นั้นไม่สามารถหยุดเขาได้

    แต่จู่ๆ คีริณก็ได้ยินความหมายของสิ่งที่คณินทำเมื่อครู่ “เดี๋ยวนายกินอะไรไม่ลง”

    มือทั้งสองข้างของเขาแข็งแกร่งและมั่นคง ปิดกั้นสิ่งที่น่าเกลียดที่อาจเกิดขึ้นจากภายนอกสำหรับเขาในทันที ทำให้คีริณรู้สึกดีมาก

    ฝ่ามือของคณินเกือบจะถูกเปลือกตาของคีริณทำให้เขากระพริบตาถี่ๆโดยไม่รู้ตัว และขนตาของเขาก็ไปสัมผัสฝ่ามือของคณิน ก่อนที่คีริณจะได้พูดอะไร คณินที่รู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อตที่ฝ่ามือเขารีบดึงมือออก

    คีริณมองด้วยคณินด้วยสายตาที่งงงวยและพบว่าหูของคณินมีสีแดงเล็กน้อย


    ห้าชั่วโมงผ่านไปแล้วตั้งแต่ที่เขาขับรถมาจนถึงตอนนี้แม้ว่าจะมีเวลาจอดทานอาหารบ้าง แต่ก็ไม่ได้พักนานมากนัก

    ตอนนี้ใกล้จะมืดแล้วแม้จะเป็นกลางคืนของฤดูร้อน แต่ก็เหลือเวลาอีกเพียงสองหรือสามชั่วโมงเท่านั้นก่อนที่ฟ้าจะมืด

    คีริณที่สวมเสื้อแจคเก็ตอยู่ ได้พูดโน้มน้าวคณินอีกครั้ง" รุ่นพี่ ถ้าคุณรู้สึกร้อนมากๆ ให้ลดแอร์ลงได้เลย ผมสวมเสื้อแจ็คเก็ตของคุณอยู่ ผมไม่หนาวหรอก"

    ฝ่ามือข้างที่โดนขนตาของคีริณ เขาเหมือนจะยังรู้สึกถึงมันอยู่เลย ความรู้สึกที่เหมือนมีขนนกปัดผ่านทั่วทั่งตัว ตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า และเขายังคงลังเลที่จะละจากความรู้สึกนี้

    ตาของเขาเหลือบไปที่ที่คีริณนั่งอยู่ ดวงตาของคีริณหรี่ลงเล็กน้อยดูเหมือนเขาจะง่วงนอน คีริณใช้มือปัดป่ายไปที่ผมของตัวสองสามครั้งทำให้ผมตัวเองยุ่งเยิงมากขึ้น

    น่ารักเกินไปแล้ว หัวใจของคณินเต้นแรงมาก มันแทบจะทะลุออกจากอก เขาอยากถ่ายรูปเก็บไว้

    คีริณที่กำลังใช้ความคิดของตัวเอง ว่าจะทำอย่างไรให้มีชีวิตที่ง่ายขึ้นหลังจากที่มีการแพร่กระจายเชื้อไวรัส แม้ว่าเขาจะรู้ว่าอีกไม่นานมันจะเกิด แต่สิ่งที่อยู่ในหัวของคณินตอนนี้มีแต่ เคล็ดลับ 99 ข้อในการพิชิตใจ เขาต้องการพิชิตใจคีริณให้เร็วที่สุด

    อีกกว่าห้าชั่วโมงก่อนจะเดินทางถึงบ้าน แต่ด้านนอกท้องฟ้ากลับมืดสนิทแล้ว

    รถเลี้ยวออกจากเส้นทางหลังและหยุดอยู่หน้าโรงแรมที่ใกล้ๆด่านเก็บเงิน

    "ขอโทษนะค่ะ ตอนนี้ทางโรงแรมของเราเหลือห้องนอนใหญ่เพียงห้องเดียว" พนักงานต้อนรับที่นั่งง่วงนอนอยู่ในตอนแรกถูกคีริณปลุกขึ้นมา ในตอนนี้เธอจ้องมองคณินด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เธอหลุบตาลงและอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองเขาให้มากกว่านี้

    "ไม่เป็นไรครับ พวกเราเป็นผู้ชายทั้งคู่" คีริณเงยหน้าขึ้นมองคณินขณะที่ตัวพยักหน้าตอบไปทางพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่

    "พวกเราต้องการห้องนี้ ไม่งั้นคงได้นอนในรถคืนนี้"

    คีรินก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาทันที ส่งบัตรให้ พนักงานและหันหน้ามาทางคณินด้วยท่าทางประจบเอาใจ “คุณขับรถให้ผมมาทั้งวันแล้ว ค่าโรงแรมผมจ่ายเอง!”

    เขาหลุดพ้นจากสิ่งรบกวนและรู้สึกสบายใจขึ้นมาก และรีบตรงเข้าไปประจบเอาใจ แต่คณินรู้สึกมึนงงปนกับความสงสัยกับสิ่งที่เขาเจอมาตลอดการขับรถวันนี้

    คีริณรับคีย์การ์ดห้องเดินไปตามทางเดินและมองหาเลขห้องที่ตัวเองต้องเข้าพัก พอถึงห้องเขาเปิดประตูเข้าไปดู

    ห้องกว้างขวางใหญ่โตมาก!

    อยากนอนในห้องที่มีเตียงนุ่มๆและมีคีริณนอนรออยู่บนเตียง ตอนนี้จินตนาการในหัวของคณินเหมือนม้าป่าที่วิ่งเตลิดอยู่ในทุ่งหญ้าอย่างมีความสุข เขาเกือบจะจินตนาการถึงตอนคีริณที่นอนอยู่บนเตียง ห่อตัวเองด้วยโบว์สีแดงและรอเขาแกะออก

    คีริณถอดเสื้อแจ็คเก็ตของคณินออก และเสื้อยืดสีขาวข้างในก็ตัวเล็ก เมื่อเขาหันกลับมาเสื้อที่ใส่อยู่ก็รั้งขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เผยให้เห็นเอวบางสีขาวผ่อง คณินที่เห็นอยู่ก็หน้าแดงขึ้นทันที

    เดี๋ยวคีริณต้องอาบน้ำเขาจึงต้องต้องถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เช่นนี้ ใช่ไหม

    คณินยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว และดวงตาของเขาจ้องมองไปที่ร่างของคีริณ เฝ้าดูคีริณเขาเปิดประตูด้วยคีย์การ์ดที่อยู่ในมือ

    การตกแต่งของโรงแรมเล็กๆ นั้นธรรมดามาก และผ้าปูที่นอนก็เป็นไปตามที่คิด ทั้งหยาบและแข็ง
    คีริณไม่ได้คิดอะไรมาก มันคงจะดีกว่าถ้าเราไม่ต้องนอนในรถตอนฤดูร้อนเช่นนี้

    ที่จอดรถห่างจากเคาน์เตอร์ของโรงแรมมากกว่าเขาจะเดินไปถึงและอากาศก็ร้อนทันทีที่คีริณเดินเข้าห้องมาได้ เขาก็ถอดเสื้อออกและรีบเดินไปด้านข้างเพื่อหยิบรีโมตแอร์ เพื่อปรับอุณหภูมิเป็น 20 องศา "ผมร้อนมาก"

    โรงแรมนี้เป็นโรงแรมขนาดเล็ก ตอนนี้คณินจ้องมองอยู่ที่คีริณตาไม่กระพริบ ถึงเขาจะตกบ่อขี้โคลนก็คงไม่สามารถทำให้เขากระพริบตาได้ เขายืนอยู่ข้างประตู โดยจ้องมองไปที่ร่างของคีริณอย่างแน่วแน่

    คีริณหลับตานอนหงายอยู่บนโซฟาตัวเล็ก หันหน้าเข้าหาเครื่องปรับอากาศ

    ผิวของคีริณขาวเกือบซีด ในหมู่เด็กผู้ชายถือว่าผิวของเขาขาวมากเลยผู้ชาย ผิวสีน้ำนมของคีริณภายใต้แสงไฟสีส้มของโรงแรมทำให้ในเวลานี้ ดูพล่าเลือนและคลุมเครือ เข่าที่งออยู่บนหน้าอกหันไปทางทิศทางลมเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ทำหน้าที่ให้ความเย็น

    “อืม.. รู้สึกดีมากเลย!” คีริณถอนหายใจ แขนข้างหนึ่งของเขาห้อยลงมาจากขอบโซฟาอย่างสบายๆ และแขนอีกข้างหนึ่งพัดไอเย็นเข้าหาตัวเองช้าๆ

    ขาของคณินไม่สามารถก้าวเข้าไปในห้องได้ ดูเหมือนจะติดอยู่ที่พื้นที่หน้าประตู มือของเขาจับอยู่ที่ผนังบีบกันจนแน่น เขาหลับตาลงแล้วพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ

    เขาคิดกับตัวเองว่าหากเดินเข้าไปในห้องตอนนี้เขาต้องควบคุมตัวเองไม่ได้แน่ๆเลย เขาอาจจะทำในสิ่งที่ทำให้คีริณรู้สึกเกลียดเขา

    เสียงโทรศัพท์คณินดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดที่สับสนของตัวเอง คณินถอนหายใจตัวเองด้วยความโล่งอกชั่วคราว

    เขากดรับสาย จากคีริณจึงลืมตาขึ้นและมองทางคณินด้วยความสงสัย

    มันเป็นสายที่โทรมาจากบริษัท คณินรีบรับสายโดยไม่ทันได้บอกคีริณ ยังมีเรื่องอีกมากที่บริษัทที่เขาต้องจัดการ

    เมื่อเขาหันหลังกลับหลังจากวางสายแล้ว มือของคีริณก็ถือกางเกงชั้นในของเขา ท่าทางของเขาดูยุ่งเหยิง

    “ผมไม่รู้ว่ามีไอ้นี่อยู่อีกหรือเปล่า”

    คีริณพูดเสร็จเขารีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ คณินมองตามขาของคีริณ เปิดตู้เสื้อผ้าและก้มตัวลงมองดูข้างใน

    ขาของคีริณตรงและเรียวบาง เอวคอดนิดๆ และคีริณเกือบจะทำให้สติของคณินขาด คณินเขาไม่ได้เตรียมตัวไว้ เกือบจะทำให้เขาขาดสติอีกครั้งอีกครั้ง มือของเขาและเอวของจี้ชาเปรียบเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดเข้าหากัน เขาแทบจะห้ามปลายนิ้วของเขาไม่ให้แตะคีริณได้

    “เจอแล้ว!”

    ในขณะที่มือของคณินเกือบจะแตะโดนตัวของคีริณ คีริณ ก็ยืดตัวขึ้นอย่างกะทันหันส่ายหน้าไปมา หันหน้ามาทางคณินและยกกางเกงชั้นในให้เขาดูย่างพอใจ โดยไม่ได้สนใจความอดทนที่ใกล้หมดบนใบหน้าของคณิน "มี 2 ตัวพอดีเลย รุ่นพี่คุณสามารถอาบน้ำได้แล้ว”

    เขาแกะกางเกงชั้นในตัวใหม่ออกขณะพูดอยู่ จากนั้นก็หยิบกางเกงชั้นในออกมาตังหนึ่ง จากนั้นก็ยัดกางเกงชั้นในตัวที่เหลือลงในมือของคณิน

    จากการกระทำของคิริณ ทำให้นิ้วของตัวเองได้สัมผัสฝ่ามือของคณิน ทำให้เขาเกิดความรู้สึกรุ่มร้อนด้วยการกระทำนี้

    คณินเดินไปที่นั่งเตียงแล้วมองดูร่างที่พร่ามัวของคีริณที่สะท้อนในกระจกที่มีหมอกหนาบังอยู่อย่างใกล้ชิด เขาไม่เห็นร่างกายของคีริณทั้งหมดอย่างชัดเจน แต่ก็มองเห็นทุกการเคลื่อนไหวในนั้น ตอนที่คีริณโน้มตัวลง ยืนขึ้น หรือลูบหลังตัวเอง

    เมื่อได้ยินเสียงน้ำกระเซ็น หัวใจของคณินกระเด้งออกจากอกทันที

    เมื่อคีริณเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเช็ดผมของตัวเอง คณินก็สะบัดผ้าห่มของโรงแรมออกและหันหลังให้เขา หากคีริณสังเกตและมองไปที่ นิ้วของคณินก็จะเห็นนิ้วของเขากำผ้าปูที่นอนแน่น หากผ้าปูที่นอนเป็นคน เขาอาจถูกบีบจนตายไปแล้วหลายร้อยครั้ง

    ตอนนี้คณินดูเหมือนคนเรื่องมาก คีริณมีอาการเก้อเขิน เขาเดินมาทางคณินเพื่อจะไปนั่งบนเตียงและต้องการคุยบางอย่างกับคณิน แต่คณินไม่ต้องการอยากให้เขาเอ่ยออกมา ดังนั้นจึงหันหลังกลับและเดินเร็วไปทางห้องและทิ้งคำพูดไว้ว่า "ผมจะไปอาบน้ำแล้ว"

    คณินรีบเดินหันหลังเข้าไปในห้องน้ำ

    คีริมองตามคณินด้วยควาโกรธ

    วันนี้เขาตั้งใจฟังคณินตลอดทางที่อยู่ในรถ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจได้ว่าคณินควรจะมีความสามารถจริงๆ!

    คณินเขาน่าจะได้รับความนิยมมากกว่าคนอื่น

    คีริณเอนตัวลงนอนในใจเต็มไปด้วยความอิจฉา เขาจับโทรศัพท์ขึ้นมาและปิดโหมดเครื่องบิน คนๆนั้นที่ส่งข้อความหาเขาตอนนี้คงนอนแล้ว เขาคงไม่ทุ่มเทขนาดส่งข้อความมาอีกหรอกนะ

    หลังจากที่คิดดูแล้ว คีริณก็จัดการเชื่อมต่อกับไวไฟของโรงแรม ในตอนนี้มีข้อความก็โผล่เข้ามาในโทรศัพท์มือถือของเขาอย่างกะทันหัน

    "ผมอยากจะสัมผัสเอวของคุณดูจริงๆ ถ้าเรากอดกันตอนที่ผมกับคุณจูบกันอยู่ มันคงจะเป็นความรู้สึกกที่ดีที่สุดแล้ว"

    ยังคงเป็นเบอร์แปลก ๆ ที่เขาไม่รู้จักเบอร์เดียวกันกับตอนเช้า

    ข้อความแรก "ฉันอยากจูบคุณจริงๆ" ยังคงอยู่ในกล่องจดหมายของเขา

    คีริณคัดลอกหมายเลขไปยังเบราว์เซอร์ และกดค้นหาตำแหน่ง คือ เมือง G

    คราวนี้เขาอดไม่ได้ที่จะตอบกลับว่า "คุณส่งข้อความผิด"

    เบอร์มือถือที่คีริณใช้เป็นเบอร์มหาลัยสำหรับให้นักศึกษาใช้ มันเป็นเบอร์เรียงกันทั้งหมด หากกดหมายเลขใดหมายเลขหนึ่งผิด อาจถูกส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของคนอื่น

    แต่แต่มีสิ่งที่คีริณไม่คาดคิด ข้อความถูกตอบกลับทันที

    "คีริณ ผมอยากไปหาเธอ"






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×