ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ปลูกครั้งที่ 5
ทั้งสองทานข้าวและพักผ่อนเสร็จก็เดินออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ริมถนน คีริณเดินไปนั่งฝั่งข้างคนขับในมือมีข้างหนึ่งถือห่อขนมและกอดถุงแอปเปิ้ลว้ในอ้อมแขน และใช้อีกมือพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์เก้ๆ กังๆ อยู่
ในเว็บไซต์ประกาศขาย มีข้อความปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
"ขายด่วนบ้าน 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องน้ำ ถนนวงแหวน 3 เขต S พื้นที่ 120 ตร.ม ราคา 25,000 เหรียญ "
นายหน้าซื้อขายบ้านที่นกดเข้ามาดูแปลกใจมากเลย ถึงจะมีคำว่า"ขายด่วน" ที่เขาติดป้ายไว้
ถึงเมือง S ไม่ใช่ตลาดซื้อขายบ้านที่คึกคัก แต่ราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 150,000 เหรียญ อย่างไรก็ตามบ้านที่คีริณจะขายตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ถ้ายืดเวลาออกไปอีกเพียงเล็กน้อยก็สามารถขายได้ราคาสูงกว่านี้
ด้วยราคาที่คีริณประกาศขายแม้แต่นายหน้าก็ยังคิดว่านี่เป็นเรื่องล้อเล่นหรือคนประกาศขายคงว่างมาก ชั่วขณะหนึ่ง บ้านหลังดังกล่าวอยู่ตรงหน้าเขา และเขาไม่กล้าที่จะกดหมายเลขที่เหลือบนนั้นอีก
คีริณเปิดโหมดเครื่องบินในโทรศัพท์ และยกแอปเปิ้ลขึ้นมากัด ทำให้แก้มข้างหนึ่งของเขาป่องขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนหนูแฮมที่กำลังกินอาหาร
สิ่งที่ขาดหายไปมากที่สุดในช่วงชีวิตที่ผ่านมาคืออาหาร
อาหาร!
อาหารอร่อย!
อาหารที่อร่อยกินได้ตลอด!
ท้องที่แต่ก่อนไม่เคยได้กินอิ่ม มีเพียงอาหารที่เย็น แข็งและจืดชืดที่เพื่อใช้ประทังเอาชีวิตรอดไปวันๆเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาได้ฟื้นคืนชีพตัวเองอย่างสมบูรณ์หลังจากได้กินมื้ออาหารร้อนๆที่มีรสชาติ ทำให้ชีวิตนี้รู้สึกกระปรี้กระเป่าขึ้นมา
ในเมื่อตอนนี้เขาย้อนกลับมาและมีทางเลือกอื่นเขาต้องเลือกทางที่ดีที่สุด เพื่อที่จะสามารถกินอิ่มและนอนหลับได้อย่างสบายและไม่ต้องคิดมากในอนาคต สองเดือนนี้จะต้องวางแผนให้ดี
ควรทำอย่างไรหากไม่มีอะไรจะกิน
ปลูกเอง เขาต้องปลูกให้เพียงพอต่อความต้องการของตนเอง
คีริณไม่รู้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง แต่เขายังคงรู้ว่าตัวเองควรปลูกอะไร ในฐานะที่เขาต้องดูแลแปลงเพาะปลูกในฐานเมือง S เป็นเวลาห้าปี
เขาคิดว่าโรงงานในเขตชานเมืองก็เพียงพอแล้ว และพื้นที่ลานโล่งด้านข้างที่เหลืออยู่สามารถใช้ทำการเกษตรได้ แต่จากเหตุการในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หากคุณต้องการมีชีวิตที่มั่นคงและปลอดภัยเพิ่มขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีป้อมปราการที่แข็งแกร่งในตอนนี้
หากเราเสริมกำแพงเพิ่มและนำสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามาข้างในโรงงาน ที่นี่ก็จะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลังเกิดการแพร่เชื้อไวรัส
เขตชานเมืองของเมือง S ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ โดยมีโรงงานตั้งอยู่ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ทุ่งนา ที่เหลืออีกส่วนเล็กเป็นคนในพื้นที่สร้างบ้านอยู่อาศัยกระจัดกระจายกันไป ซึ่งมีเป็นที่ดินของตัวเองตน
แม้แต่คุณยายของเขา เธอเคยเป็นชาวนาที่อยู่กับทุ่งนามาเกือบจะทั้งชีวิต แต่เมื่อห้าหรือหกปีก่อนเธอขายที่ดินของตัวเองเกือบทั้งหมด ที่แปลงเดียวที่เหลืออยู่ใช้ทำสวนคือแปลงผักเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ไผ่หน้าบ้านของเธอ
คีริณแกะลูกอมแล้วอมไว้ในปาก ความคิดเขาค่อยๆ คิดถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของการทำสวน
สิ่งที่จำเป็นอย่างแรกที่สำคัญสำหรับการทำสวนที่ดีคือ การมีป้อมปราการที่แข็งแกร่ง ซึ่งไม่เพียงแแค่ต้องสามารถป้องกันการโจมตีของซอมบี้เท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือสามารถป้องกันผู้คนที่มีชีวิตรอดซึ่งกำลังหลงระเริงไปกับพลังที่ตื่นหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัส พวกเขาส่วนมากมักจะแข็งแกร่งและชั่วร้ายกว่าซอมบี้
กำแพงของโรงงานดูเหมือนว่าจะสูงไม่ถึงสองเมตรและไม่มั่นคงแข็งแรงเท่าไร ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ก็สามารถปีนเข้าไปในกำแพงได้อย่างง่ายดายหากต้องการ นี่คือสิ่งที่ต้องทำเป็นสิ่งแรก
กำแพงจำเป็นต้องได้รับการเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับให้สูงขึ้นอีก
กำแพงคุกสูงแค่ไหนกันนะ ? คีริณขมวดคิ้วคิดเรื่องนี้ มันสูงสี่หรือห้าเมตร
คณินขับรถอย่างผ่อนคลายและเพลิดเพลิน เขารับรู้สิ่งที่คีริณกำลังทำ การมีคีริณนั่งอยู่ข้างๆรู้สึกเหมือนความฝัน เขาเห็นคีริณหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดเครื่อง แล้วกัดแอปเปิ้ล แกะห่ออมยิ้มมาอม เขารับรู้ทุกการเคลื่อนไหวของคีริณ แม้กระทั่งคีริณำลังอ้าปากงับ
คีริณดึงอมยิ้มในปากออกมา การทำแบบนั้นมันทิ้งคราบน้ำหวานไว้ที่ริมฝีปากของคีริณ เขาได้กลิ่นหวานหอมของผลไม้ที่ลอยเข้ามาในจมูกของตัวเอง ตอนนี้แทบจะไม่ใช่เพียงความหอมหวานของกลิ่นผลไม้เท่านั้นที่ลอยเข้าจมูก
การรับรู้ของคณินไม่สามารถละออกจากภาพของคีริณ เขามองอมยิ้มในมือของคีริณ ที่เจ้าตัวเขาหมุนไปมาในปาก
ตอนนี้เขารู้สึก แย่มาก...
คณินกำพวงมาลัยแน่น ลมหายใจของเขาหนักขึ้น เขาพยายามตั้งสมาธิเพ่งมองถนนที่ถนน รถเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ความคิดในใจเขาปั่นป่วนมาก
เขารู้สึกอิจฉาอมยิ้มในมือของคีริณ
คีริณไม่รู้ว่าตัวเองถูกคณินแอบมองอยู่เขาก็เอื้อมมือไปจับอมยิ้มที่อยู่ในปาก จากนั้นก็ดูดอมยิ้มเสียงดัง
คีริณได้ยินเสียงหายใจหนักของคณินที่อยู่ข้างๆ
เขาหันหน้าไปมองด้วยความมึนงง และถามด้วยความเป็นห่วง "รุ่นพี่ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า"
คีริณต้องการเอาใจและทำให้คณินึงพอใจในตัวเขา เขามองดูคณินด้วยความกังวลใจ สังคมที่เกือบจะบิดเบี้ยวหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้เขากังวลมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้ซึ่งอาจทำให้คณินรู้สึกคกลัวเขา
ลึกๆ ในใจของคีริณตอนนี้ เขาต้องการกอดต้นขาทองคำที่ใหญ่นี้ และขอร้องให้รับเขาไว้ สายตาที่คีริณมองคณินใสซื่อเกินไป
ดวงตาที่ใสซื่อและบริสุทธิ์ของคีริณเขาดึงคณินออกจากจินตนาการตัวเอง คณินขยับตัวไปมาที่เบาะนั่ง ดึงเสื้อที่ยัดอยู่ในกางตังเองออกมาปิดต้นขาของเขาไว้
"ไม่ ไม่ได้เป็นไร" คณินส่ายหน้าแล้วทำทีตั้งใจมองไปที่ถนน มีเพียงใบหูที่แดงก่ำเท่านั้นที่เผยให้เห็นอารมณ์ของเขา
คีริณคิดว่าเขาร้อนจึงรีบหยิบเสื้อแจ็คเก็ตของคณินที่พาดอยู่เบาะรถมาใส่เอง คีริณไม่ได้เตี้ยในกลุ่มเพื่อนผู้ชาย เขาสูง 176 ซม.และขาที่ยาวของเขา ทำให้เด็กผู้หญิงบางคนต้องแหงนหน้ามอง แต่เสื้อแจ็คเก็ตของคณินที่คีริณใส่อยู่ตัวใหญ่มาก มันปิดใบหน้าของเขาไปครึ่งหนึ่ง
คีริณที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตเรียบร้อยแล้ว เพิ่งสังเกตเห็นว่าคณินชำเลืองมองเขาอยู่ด้วยตวามแปลกใจและสับสน
"ผมไม่ชอบอากาศที่เย็นผมขอยืมเสืัอแจ็คเก็ตรุ่นพี่มาใส่น่ะ รุ่นพี่ถ้าคุณร้อนมากคุณก็ลดแอร์ลงได้เลย"
คีริณบอกอธิบายอย่างจริงจัง จากนั้นก็เลือกนั่งท่าทางที่สบายที่สุดและนำอมยิ้มเข้าปากอีกครั้ง ความคิดของเขาล่องลอยออกไป
คีริณสวมเสืัอแจ็คเก็ตของเขา นี่ไม่ใช่จินแค่ตนาการแต่เป็นความจริง
โอ้... คณินเหงื่อออกที่หน้าผาก แน่นอนว่าตอนนี้ตัวเขารุ้มร้อนยิ่งขึ้น
คีริณกำลังคิดถึงสิ่งตัวเองต้องเตรียมต่อไป รายละเอียดสิ่งของต่างๆที่เขาจะต้องใช้
กำแพงที่ล้อมด้านนอกต้องแข็งแรงและสามารถบังสายตาคนที่อยู่นอกเขตได้ นอกจากนี้แล้วพื้นที่ด้านข้างโรงงานแล้วยังมีลานโล่งขนาดใหญ่ข้างในกำแพงที่สามารถใช้เพาะปลูกได้ จะมีประโยชน์มากหากสามารถปลูกผัก ผลไม้ตรงนั้นได้ทั้งหมด
เครื่องมือก็จำเป็นสำหรับการเพาะปลูก ประสิทธิภาพของการเพาะปลูกของฐานในเมือง S ไม่เพียงพอต่อประชากรในฐานมีเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งคือเครื่องมือที่ต้องใช้มีไม่เพียงพอ
ความน่ากลัวของการแพร่ระบาด คือมันได้พรากความเป็นมนุษย์ของคนบางคนไป ที่สำคัญกว่านั้นสภาพแวดล้อมที่ทุกคนคุ้นเคยไม่เหลืออยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิบปีให้หลังจากการแพร่ระบาด ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งในฐาน S ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาด้านอาหารและเครื่องนุ่งห่ม
หากไม่สามารถแก้ปัญหาด้านอาหารและเครื่องนุ่งห่มได้ พวกจะไม่สนใจฟื้นฟูวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้ความรู้ขาดหายไป
คีริณได้เห็นเด็ก ๆ ที่เกิดและเติบโตในฐานสี่หรือห้าขวบแล้วไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต และอีกหลายปีให้หลัง แม้ว่าพวกเขาจะเติบโตขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้เรียนหนังสือทำให้ขาดความรู้ ทำให้ความรู้ที่เคยมีมาขาดหายไป สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์นับไม่ถ้วนซึ่งใช้เวลาทั้งชีวิต ทั้งกลางวันและกลางคืนได้ศึกษาวิจัยกันมายาวนานถูกลืมเลือนหายไป
มนุษย์ก็เหมือนกับสัตว์ที่ถูกตีแล้ววิ่งหนีหายในชั่วข้ามคืน
เมื่อคึดถึงเรื่องนี้ คีริณขมวดคิ้วแน่น อมยิ้มที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งไม่สามารถทนต่อแรงของฟันได้ และมันแตกออกเป็นสองส่วนได้ยินเพียงเสียงแตกดังเปาะในปากของเขา
ลมหายใจที่รุณแรงของคณินหยุดนิ่ง ไหล่ของเขากำลังสั่น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น