ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มาปลูกผักในวันสิ้นโลกกันเถอะ

    ลำดับตอนที่ #1 : ปลูกครั้งที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 67


          

     

     

         ลมฤดูร้อนพัดโชยเบาๆตอนกลางคืน  ที่ริมแม่น้ำเต็มไปด้วยผู้คน คลื่นในแม่น้ำสะท้อนแสงไฟทั้งสองริมฝั่ง

    แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านเมือง A ทั้งหมด แต่ถนนเส้นเล็กๆ ริมแม่น้ำแห่งนี้กลับไม่ด้สวยงาม แผงขายอาหารข้างทางกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่คนพลุกพล่านที่สุดของวัน และเสียงดังที่เกิดจากคนที่นั่งดื่มเบียร์ที่ริมทาง

    คีริณกำลังยืนเฝ้ามองคนขายที่กำลังย่างปลาหมึกที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งอยู่ คนขายพลิกกลับอย่างชำนาญ  เขาหลับตาและสูดหายใจเข้าแรงๆ กลิ่นเครื่องเทศที่กำลังหอมฟุ้งโชยเข้าไปในจมูก ทำให้เกิดความอยากอาหารทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนและทำให้เขาไม่สามารถระงับความหิวได้

     

    ตอนนี้เขาน่าจะเมามาก ก็เลยเห็นปลาหมึกบนเตาย่างกลายเป็นขามนุษย์ที่อ้วนและมันที่ไหลเยิ้มหยดลงที่เตาถ่าน เครื่องเทศไม่สามารถกลบกลิ่นเนื้อเน่าและบาดแผลบนเนื้อได้ หนอนแมลงวันที่ดิ้นอยู่ได้ตกลงไปรวมกับเนื้อสีเข้ม บนกองถ่านและมีกลิ่นเหม็น


     

    แม้แต่คนขายที่กำลังย่างอย่างคล่องแคล่วเขาก็ยังกลายเป็นซอมบี้ที่มีดวงตาขุ่นมัวและมีสีผิวที่หมองคล้ำ


     

    " นี่... เนื้อ... คุณ... ต้องการ... มาก...หรือ น้อย...ลงเหรอ" หางเสียงของคนที่กำลังย่างยาวขึ้นและพูดช้าลงอย่างผิดปกติ ตาของเขาหมุนไปมาในเบ้าและไม่นานมันก็หลุดออก


     

    คีรินตกใจมาก เขาถอยหลังไปสองก้าวและมองไปรอบๆทำให้มองเห็นภาพที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขา

    เจอแต่ความเสื่อมโทรมและความหดหู่ที่ไม่สามารถอธิบายได้ เมื่อสักครู่ผู้คนที่นี้ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งของตนและกินบาร์บีคิวอย่างมีความสุข


     

     แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็กลายเป็นซอมบี้ที่ไร้อารมณ์และกำลังถือชิ้นส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ อากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นของเลือดและเหม็นเน่า


     

    นี้คือชีวิตประจำวันหลังวันสิ้นโลกเขาเข้าใจอย่างแจ่มชัด  แต่สีหน้าของเขาไม่ได้ผ่อนคลายลง เพราะหลังจากผ่านไปหลายปี เขามักจะกลัวตัวเองหิว และรู้สึกกังวลว่าจะมีใครตายหรือไม่  เมื่อเขารู้สึกตัวก็ยิ้มออกมาอย่างสิ้นหวังและพยายามปลุกตัวเองให้ตื่นจากความฝันนี้ เขาปลอบใจตัวเองว่าแค่ฝันร้ายเดี๋ยวก็ต้องตื่นขึ้น


     

    ในปีที่สิบหลังวันสิ้นโลก แม้แต่การนอนก็กลายเป็นเรื่องอยาก หากคุณไม่ระวังตัว คุณอาจถูกคนอื่นฆ่าตายได้  เขาจึงรู้สึกกลัวจริงๆ และต้องการตื่นจากความฝันอย่างสิ้นหวัง


     

     

    ในหอพักมหาวิทยาลัยที่มืดสลัว บนเตียงเล็กๆ กว้างไม่ถึงหนึ่งเมตร มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนขดตัวในผ้าห่มเครื่องปรับอากาศที่กำลังเปิดอยู่ก็ปล่อยลมเย็นออกมาทำให้รู้สึกเย็นสบายกว่าอากาศข้างนอกที่ร้อนอบอ้าว คิ้วของเขาขมวดมุ่น และดูเหมือนว่าเขากำลังฝันร้ายอยู่


     

    โทรศัพท์ที่อยู่ใต้หมอนของเขาส่งเสียงดังลั่น 


     

    โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างของชายหนุ่มกระโจนขึ้น เขาหลบเข้ามุมห้องโดยไม่รู้ตัวในทันที จากนั้นก็มองไปรอบๆห้องอย่างระมัดระวัง


     

    โทรศัพท์มือถือยังคงส่งเสียงดังอยู่ และเครื่องปรับอากาศก็ส่งเสียงเบาๆออกมา โต๊ะสามในสี่ตัวที่เรียงกันเป็นแถวตรงข้ามเตียงว่างเปล่า และเหลือเพียงโต๊ะเดียวที่มีแล็ปท็อปวางชาร์จไฟไว้กำลังกระพริบเป็นจังหวะ


     

    ผ้าม่านหนาทึบแสงถูกดึงออก และแสงสลัวๆ ก็ปรากฏขึ้นในช่องว่าง และแสงแดดก็ส่องเข้ามาได้เล็กน้อยจากภายนอก


     

    ดวงตาของคีริณเบิกกว้าง ไหล่ของเขาคลายลงจากความตึงเคลียดทีละน้อย และเขาไม่เชื่อยากสายตาตัวเองจึงเอื้อมมือออกไปจับที่ราวเหล็กข้างเตียง ราวเหล็กเย็นมากเพราะลมจากเครื่องปรับอากาศ และมีรอยเชื่อมใหม่เอี่ยมที่ด้านล่าง รอยนี้เกิดจากตอนที่นักศึกษาคนหนึ่งละเมอตกลงมาจากเตียงชั้นบนโดยไม่ได้ตั้งใจในขณะที่เขากำลังหลับ


     

    ในที่สุดการเสียงของโทรศัพท์ก็หยุดลง แต่ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งภายในสองวินาที


     

    คีริณหยิบชิ้นส่วนโลหะขนาดเล็กที่สว่างอยู่ในมือขึ้นมองด้วยความสับสนและแปลกใจเล็กน้อย 


     

    เขาก้มหน้าลงเพื่อดูชื่อผู้โทรที่ปรากฏบนหน้าจอ: คิมหันต์


     

    นี้มัน...เกิดอะไรขึ้น……?


     

    เขารูดหน้าจอเพื่อรับสายด้วยท่าทางที่ไม่คุ้นชินและก่อนที่เขาจะแนบโทรศัพท์ไว้ที่หู ก็มีเสียงผู้ชายที่ดังขึ้นอย่างรีบร้อน "ริน รถไฟจะออกในครึ่งชั่วโมง อย่าบอกนะว่ายังนอนอยู่ในห้อง" 


     

    " ใช่  "


     

    “แล้วไฟไหม้...รถเหรอ?”  คีริณถามกลับเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย รถไฟอะไร ?


     

    ในเมื่อหนึ่งเดือนให้หลังจากการระบาดของไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ ระบบขนส่งทุกอย่างก็ไม่สามารถใช้ได้ และรถไฟก็กลายเป็นสิ่งแรกที่ไม่สามารถวิ่งได้


     

    ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ หวังเย่ได้ยินคำตอบของคีริณ เขาตกใจมากจนเขาก็ตะโกนออกมา “บ้าเอ๊ย ริณนายไม่ได้นอนอยู่จริงใช่มั้ย นายจะไม่ทันรถไฟขบวนนี้นะ ไม่อยากไปฝึกงานด้วยกันแล้วเหรอ บอกเลยว่าการหาที่ฝึกงานดีๆแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากนายทำอย่างนี้ในวันแรก คนอื่นๆคงอยากเตะนายมาก เชื่อหรือไม่”


     

    เขาค่อยๆจำเวลาช่วงนี้ได้ ดูเหมือนว่าจะเป็นสองเดือนก่อนที่โลกจะเกิดซอมบี้ เขาเพิ่งอยู่ปีสามและเพิ่งสอบเสร็จกำลังจะพากันไปฝึกงาน  พวกเราได้ที่ฝึกงานที่เดียวกันกับเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนในหอพักเดียวกัน 


     


     

    แต่ทั้งสามคนนั้นออกไปตั้งแต่ตอนเช้าของวันนี้และนัดพบกันที่สถานีรถไฟ และเพราะเขาตื่นสายพวกนั้นไม่เห็นเขาที่สถานีรถไฟจึงให้คิมหันต์โทรตามให้เขารีบไปที่สถานีรถไฟ 


     

    “ พวกนายไปเลย ฉันไม่ไปแล้ว” คีริณกลับมามีสติอีกครั้งและพูดกับคิมหันต์ที่ยังคงเร่งเร้าเขาทางโทรศัพท์อย่างกระวนกระวาย


     

    ตอนนี้มันป็นเพียงความฝัน หรือว่าเขาข้ามมาอยู่ในโลกคู่ขนาน หรือเขาโชคดีที่ได้ย้อนกลับมาก่อนที่จะเกิดซอมบี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คีริณไม่รู้สึกมีความสุขมากเท่าไร


     

    เขาเคยอยู่ในช่วงนรกบนดินแบบนั้น แต่เขาเชื่อว่าไม่มีใครอยากไปเจอแบบนั้นอีก


     

    “ นาย หมายความว่ายังไง ” คิมหันต์คิดว่าคีริณคงหลับอยู่ เมื่อนึกถึงนิสัยของงคีริณ เขาหยุดชะงักและพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง "ไม่ คีริณ ตอนนี้มันยังไม่สายเกินไปที่จะนั่งแท็กซี่ และหอพักอยู่ห่างจากสถานีรถไฟเพียง 20 นาที..."


     

     "ฉันไม่คิดจะไปจริงๆ นะ  " คีริณก้าวลงมาจากเตียงพร้อมถือโทรศัพท์มือถือของเขา และแค่อยากจะบอกว่าเขาไม่อยากไปแล้ว แต่ก็หยุดและไม่พูดอะไร


     


     

    พวกเขาทั้งหมดเป็นนักศึษาทุนในมหาวิทยาลัย และพวกเขาต้องคว้าทุกโอกาสที่มีเพื่อก้าวไปอีกขั้น ไม่มีใครจะโง่พอที่จะฟังเรื่องไร้สาระของเขา


     

    "นายจะไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอ" น้ำเสียงของคิมหันต์เป็นปกติแล้ว แต่เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะบังคับคีริณ


     

     “ริณ นี้มันเป็นโอกาสที่ดีมาก มันน่าเสียดายมากๆเลยนะที่นายจะไม่ไปด้วย”


     

    "ฉันรู้” คีริณเดินเท้าเปล่าไปที่หน้าต่าง เขาเปิดผ้าม่านออก แดดข้างนอกหน้าต่างส่องแสงจ้า ห้องนอนนี้สว่างขึ้นทันที ที่นอกหน้าต่างลมพัดใบไม้สีเขียวพลิ้วไหวเบาๆอยู่ ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้า และจั๊กจั่นและนกก็ส่งเสียงร้อง


     

    คีริณกดวางสาย  มือของเขาจับที่บานเลื่อนประตูเพื่อเปิดออก  ประตูบานเลื่อนกั้นอุณหภูมิภายในห้องและข้างนอกอยู่ ทำให้ตอนที่เปิดออกมีลมร้อนตีเข้ามาที่หน้าเขา เขาเห็นมือที่เรียวขาวและยังคงเป็นสีชมพูอยู่ไม่ใช่มือหยาบกร้านและดำด้านที่เขาคุ้นเคย


     

    โลกใบนี้กำลังจะแตกจริงๆเหรอ เขาเดินไปเปิดประตูห้องน้ำในหอพักและยืนส่องกระจกครึ่งบานเล็ก ตาขอคีริณหรี่ลงและสีหน้าของเขาดูสับสน เหมือนกับว่าเขาเพิ่งตื่นจากฝันร้าย


     


     

    ในความฝันของเขา เขาและเพื่อนได้ไปฝึกงานที่เมือง A แต่การไปฝึกงานที่ธรรมดาในครั้งนั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่พวกต้องเจอการระบาดของไวรัสที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก


     

    เมื่อสิ้นสุดการฝึกงาน  2 ใน 4 คนติดเชื้อไวรัสและกำลังจะกินเขาและคิมหันต์  เราสองคนสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึกพอดีทำให้รอดชีวิตมาได้ 


     

    ในฐานะที่เป็นเมืองหลวง เมือง A มีประชากรหนาแน่นเกินไป และจำนวนคนธรรมดาที่ไม่ติดเชื้อไวรัสมีน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อ เขาและคิมหันต์พยายามอย่างมากที่จะหลบหนีจากเมือง A  มนุษย์เกือบจะกลับคืนสู่ยุคก่อนที่ไม่มีกฎในเวลาไม่กี่ปี

      


     

    ยุคที่ล้าหลังไม่ไช่แค่ล้าหลังแค่เทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความของมนุษย์ที่ถูกปลดปล่อยจากส่วนลึกในใจ  ความจริงอันโหดร้ายที่ต้องเจอในทุกวัน ทุกคนต้องการเอาชีวิตรอด ทุกคนต้องการมีชีวิตอยู่ ทุกคนต่างก็ทำเพื่อตัวเอง นอกหนือจากกลุ่มเล็กๆองครอบครัวตัวเองแล้ว นอกนั้น ก็ไม่มีใครกล้าเชื่อใจกัน


     


     

    ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นทุกคนต่างเอาตัวเองให้รอดก่อนไม่มีใครที่จะมาช่วยคนอื่น


     

    คำว่าศีลธรรมนั้นไร้ค่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเอาตัวรอด และสิ่งที่เกิดนั้นน่ากลัวมาก


     

    คีริณเปิดประตูกระจกและหายใจเข้าลึกๆ สนามหญ้าชั้นล่างเพิ่งได้รับการตัดแต่งในตอนเช้า ในขณะนี้ อากาศผสมกับกลิ่นหญ้าจางๆ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสงบสุข


     

    ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงความฝันที่น่ากลัว คีริณลูบท้องเขารู้สึกหิวเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ทรมาณกับความหิวทุกวันเหมือนในฝันนั้น


     

    คีริณหันหลังและเดินเข้าไปในห้องนอน ที่ระเบียงด้านหลังของเขา  ที่ด้านนอกบนท้องฟ้าไม่มีใครสังเกตุเห็นนกที่บินอย่างอ่อนแรงและได้ตกลงมาในสนามหญ้าข้างหอพักจากนั้นกระตุกอย่างแรง


     


     


     


     

      


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×