ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปาฏิหารรักข้ามภพ

    ลำดับตอนที่ #3 : กรุงเทพมหานคร

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 59


                             ณ. โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ พิกุลกาหาค่อยๆลืมตาขึ้นมา ตาของเธอนั้นมองไปเห็นแสงไฟสีขาวที่อยู่บนเพดานเธอค่อยๆกระพริบตาถี่ๆ และรีบลุกขึ้นจากเตียงหันซ้ายแลขวา 
    “เรามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร ที่นี้มันที่ไหน” พิกุลกาหาพึมพำกับตัวเองเบาๆ มองรอบกายตอนนี้ก็ไม่พบใคร ใบหน้าของหล่อนในตอนนี้นั้นซีดขาว ขาของเธอนั้นเต็มไปด้วยดินโคลน สงสัยมันคงจะเลอะตอนที่พิกุลกาหาอยู่ในป่า เธอค่อยๆเอื้อมมือไปปัดโคลนออกจากขาของตัวเอง และเดินลงจากเตียงก่อนจะเดินผ่านประตูออกจากห้องไป พิกุลกาหาตกใจมากกับภาพที่ตัวเองเห็นอยู่ตอนนี้ ในภาพความวุ้นวายของโรงพยาบาล ผู้คนเร่งรีบมาหาหมอ กลิ่นของโรงพยาบาลคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ 
    “ทำไมผู้คนในที่แห่งนี้ถึงแต่งกายกันแปลกๆ” เธอนั้นแปลกใจเป็นอย่างมากว่าที่นี้มันคือที่ไหน และทำไมมีแต่แสงไฟสีขาวเต็มไปหมด พิกุลกาหาเข้าไปใกล้แสงไฟนั้น และกระโดดจะจับมันให้ได้ แต่เธอก็ถูกคนที่เดินไปผ่านไปผ่านเดินมานั้นมองด้วยสายตาแปลกๆ เธอก็ได้แค่ยิ้มตอบไปอย่างอ่อนโยน
    “ที่นี้คือที่แห่งใดกัน”  พิกุลกาหาจ้องมองแสงไฟสีขาวอย่าครุ้นคิด ตอนนี้เธอได้แต่คิดว่าตนมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร แต่พอคิดก็จี๊ดสมองและปวดหัวขึ้น ตอนนี้เธอดูกลัวทุกอย่างที่อยู่รอบกาย สายตาทุกคนที่มองพิกุลกาหาตอนนี้คือเหมือนกับตัวประหลาด เธอนั้นได้รีบเดินออกจากที่นี้อย่างรวดเร็วและตรงดิ่งไปยังประตูทางออกของโรงพยาบาลทันที
      “ข้ามถนนดีๆหน่อย อยากตายนักรึไง”  
                            เสียงแตรถบีบดังสนั่น พิกุลกาหาตกใจและรีบข้ามถนนอย่างรวดเร็ว เธอไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น พลางเดินไปเรื่อยๆอย่างคนไร้จุดหมาย ตอนนี้เท้าของเธอเริ่มมีแผลจากการเหยียบเศษแก้วบนพื้นถนน เท้าของเหล่ากินรีมีความเบาบางมากเป็นแผลได้ง่าย อาจจะเป็นเพราะอมนุษย์พวกนี้นั้นไม่ค่อยได้ใช้เท้าเดินปกติเหมือนมนุษย์เราๆสักเท่าไหร่ เพราะเวลาจะไปไหนมาไหนจะอาศัยโดยการใช้ปีกของพวกเขา  ถ้าหากว่าขืนฝืนเดินต่อไปคงไม่ดีแน่สำหรับพิกุลกาหา
                           ฝ่ายของเนม เมื่อกลับมาจากการทำแผลบนหัว แล้วไม่พบใครในห้องก็ตกใจ เขาเรียกชื่อของพิกุลกาหาโดยแทนคำว่า “คุณ” แต่ก็ไม่มีวี่แววที่จะมีคนตอบกลับมาเขารีบวิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น เขาจึรีบออกจากห้องและเดินตามหาหญิงสาวในชุดโบราณแต่ก็ไม่พบ เมื่อตามหาไม่พบ เขาจึงถามคนที่นั่งรอคิวรับยาว่าเจอผู้หญิงที่แต่งกายลักษณะชุดไทยไหม ผลปรากฎว่าผู้หญิงคนที่นั่งรับยาคนนั้นพบและเห็นผู้หญิงคนดังกล่าวเดินออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อสักครู่นี้ เนมจึงขอบคุณผู้หญิงคนนั้นและรีบวิ่งตามพิกุลกาหาออกไปจากโรงพยาบาล สายตาที่คนจับจ้องเนมตอนนี้นั้น เดาได้เลยว่าเขาคงเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก หน้าตาของเขานั้นหล่อใช้ได้ แถมกิริยามารยาทนั้นยังเป็นที่หนึ่ง ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงมีแฟนคลับเยอะ และมีงานเข้าหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานละคร หรืองานถ่ายโฆษณา ตามห้างสรรพสินค้าและแม้กระทั่งในโรงพยาบาลแห่งนี้นั้นเนมก็ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้ จึงไม่แปลกใจในความฮอตของตัวเขาที่จะต้องมีคนชื่นชม และแปลกใจว่าทำไมพระเอกในดวงใจของเขาถึงต้องมาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้
                                พิกุลกาหาเดินข้ามถนนมาได้สักพักใหญ่ เธอก็รู้สึกเหนื่อยล้า อมนุษย์มีร่ายกายที่แข็งแรงกว่ามนุษย์ปกติธรรมดาทั่วไปก็จริง แต่ถ้ากายของพวกเขาไม่ได้รับทิพย์ พวกเขาก็จะเหมือนกับมนุษย์ธรรมดา พิกุลกาหาก็เช่นกัน เมื่อกายของเธอนั้นไม่ได้รับทิพย์ เธอก็จะอ่อนแอเหมือนมนุษย์ปกติธรรมดา
    “ผู้หญิงคนไหน มานั่งอยู่ตรงนี้วะ”  เสียงวัยรุ่นชาย 2 คนที่นั่งดื่มสุราอยู่หน้าปากซอยแห่งหนึ่งดังขึ้น ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลา ห้าทุ่มเศษๆ หน้าปากซอยตอนนี้ไม่มีคนแม้แต่คนเดียว จะมีแต่ก็วัยรุ่นชายสองคนนี้ที่นั่งดื่มสุราและมีอาการมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อวัยรุ่นชายสองคนมองเห็นพิกุลกาหาก็คิดเกิดอารมณ์อาจจะเป็นเพราะด้วยฤทธิ์ของสุราแล้วด้วยบวกกับเสื้อผ้าที่พิกุลกาหาใส่ตอนนี้ เริ่มที่จะขาดหลุดลุ้ย จึงทำให้ชายสองคนนั้นลุกจากที่นั่งและตรงดิ่งไปยังพิกุลกาหาทันที
    “ว่าไงจ้ะน้องสาว แต่งตัวแบบนี้ ไปเล่นละครที่ไหนมาจ้ะ” ชายวัยรุ่นคนหนึ่งพูดขึ้น เมื่อมองเห็นพิกุลกาหาเดินมาคนเดียว ทำให้เธอนั้นตกใจเป็นอย่างมาก
    “พวกเจ้าเป็นใคร แล้วที่นี้คือที่แห่งหนใดเล่า” พิกุลกาหารู้สึกหวาดกลัว แต่ก็รวบรวมความกล้าที่จะพูดออกไป เพราะความอยากรู้มีมากกว่าความกลัว เธอจึงถามออกไปด้วยความกล้าที่เหลืออยู่
    “บะๆๆ สงสัยน้องคงเล่นละคร เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพี่เป็นพระเอกให้ก็ได้ ว่าที่นี้คือกรุงเทพมหานครจ้ะ” ชายวัยรุ่นคนที่สองพูดขึ้น พร้อมหัวเราะอย่างเสียงดัง
    “กรุงเทพมหานครฤา ข้าจักมิเคยได้ยินชื่อนี้” พิกุลกาหารู้สึกงงกับชื่อที่ว่า อะไรหมายความว่ากรุงเทพมหานคร 
    “ไม่ต้องถามมากหรอกจ้ะน้อง ถ้าน้องอยากรู้มากกว่านี้นะ สวยๆอย่างน้องเดี๋ยวพี่พาไปบอกในห้องเอาไหมจ้ะ” พูดจบวัยรุ่นชายทั้งสองคนส่งซิกกัน แล้วเดินเข้ามาหาพิกุลกาหาทันที ทำให้หล่อนนั้นตกใจและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก หล่อนนั้นตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีวี่แววที่ใครจะผ่านมาทางนี้ วัยรุ่นชายสองคนเมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้ตะโกนขอความช่วยเหลือเกรงว่าจะมีคนมาเห็น เขาจึงต่อยท้องของหญิงคนนี้ไปหนึ่งครั้งทำให้พิกุลกาหาล้มลงไปกองกับพื้น
    “หยุดนะ ปล่อยผู้หญิงคนนี้มาให้กับเรา” เสียงของเนมดังขึ้น โชคดีที่เขามาทันเวลา เมื่อชายวัยรุ่นสองคนหันมาตามเสียงก็ต้องตกใจเล็กน้อย เพราะชายวัยรุ่นคงรู้ดีว่าเนมเป็นใคร เพราะโฆษณาสินค้าส่วนใหญ่เนมนั้นจะเป็นพรีเซนเตอร์ให้ตลอดอาจจะด้วยรูปร่างหน้าตาที่จัดว่าเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ จึงไม่น่าแปลกที่จะไม่มีใครรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขา
    “ข้าไม่ปล่อย ถ้าไม่อยากตาย ก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของพวกข้า ไปโฆษณาสินค้าของมึงเถอะไป ไอ้ดาราหน้าใส” ชายวัยรุ่นคนที่ต่อยท้องพิกุลกาหาพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว พร้อมกับหัวเราะขึ้น
    “ปล่อยผู้หญิงคนนี้มาให้เราซะดีๆ ไม่งั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือน” พูดจบเนมก็วิ่งเข้าไปชกต่อยกับวัยรุ่นชายสองคนทันที ถึงวัยรุ่นนั้นจะมีกันสองคน แต่ก็สู้เนมไม่ได้เพราะเขานั้นมีวิชาป้องกันตัวที่เก่งพอ การที่เนมนั้นเลือกเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิชาป้องกันตัวจากนักมวยชื่อดังนั้น ก็ทำให้เขาสามารถปกป้องตัวเองและคนอื่นได้ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ทำให้วัยรุ่นสองคนนั้นล้มลงไม่เป็นท่าก่อนที่จะวิ่งหนีป่าราบเข้าไปในซอย
    “เป็นอย่างไรบ้างคุณ” เนมถามพิกุลกาหาอย่างเป็นห่วง เขาผิดเองที่มัวแต่คุยกับพยาบาลสาวแฟนคลับของเขานานไปหน่อยเลยไม่มีใครอยู่ดูเฝ้าเธอคนนี้
    “เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้า เจ้าเป็นพวกเดียวกับกลุ่มคนเมื่อกี้ใช่หรือไม่” พิกุลกาหารู้สึกหวาดกลัวชายคนนี้เป็นอย่างมาก หล่อนนั้นไม่อยากจะเชื่อใจใครอีกแล้ว
    “เปล่าๆ ผมไม่ได้เป็นพวกเดียวกันกับพวกเขา ผมมาช่วยคุณ แล้วคุณเป็นอย่างไรบ้าง”  เนมพูดด้วยความเป็นห่วงแต่อีกฝ่ายนั้นก็คงยังหวาดกลัวเขาอยู่ดี 
    “งั้นเอาอย่างนี้ ผมสัญญากับคุณเลยว่าผมจะไม่ทำอะไรคุณ ขอแค่คุณบอกผมว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมจะขับรถไปส่งคุณเอง” เนมพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาตอนนี้ดูเข้มแข็งหน้าเชื่อถือขึ้นเป็นอย่างมาก สายตาที่เนมมองพิกุลกาหาตอนนี้เหมือนกับคนที่เป็นห่วงเป็นใยอย่างแท้จริง ทำให้พิกุลกาหานั้นต้องหันมาจ้องมองเนมอย่างมีความหวัง เขาคงจะไม่หลอกหล่อนเหมือนกับคนอื่นๆใช่ไหม ดวงตาของพิกุลกาหากับดวงตาของเนมประสานกัน ก่อนที่พิกุลกาหาจะพูดขึ้น
    “ข้าอาศัยอยู่ที่เขาไกลราศ ข้าชื่อพิกุลกาหา พลัดหลงกับพี่สาวทั้ง 6 คน ตอนที่เราจะบินกลับเมืองแต่โชคร้ายที่ข้าโดนลำแสงสีขาวดูดกลืนให้มาอยู่ที่นี้” เมื่อเนมได้ฟังดังนั้นก็ทำให้เขาถึงกับอดหัวเราะไม่ได้ เขาอมยิ้มเล็กน้อยจนเห็นลักยิ้มที่บริเวณใบหน้า สงสัยหญิงสาวคนนี้คงจะสมองกระทบกระเทือนตอนที่เขาขับรถเชี่ยวหล่อนแน่ๆ 
    “ข้าจักมิตลกกับเจ้า ถ้าหากเจ้ามิช่วยข้าให้กลับเขาไกลราศได้ ข้าจักขอบใจเจ้ามากที่เจ้ามาช่วยเหลือข้าให้พ้นภัยจากชายพวกนั้น” พิกุลกาหาเริ่มที่จะไม่พอใจกับอีกฝ่ายที่ดูเหมือนว่าจะไม่เชื่อคำพูดของหล่อน
     “งั้นเอาอย่างนี้ เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของผมที่ผมขับรถเชี่ยวคุณ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณให้ได้พบเจอกับพี่สาวของคุณและพาคุณกลับไปยังเขาไกลราศอะไรนั้นก็ได้” เนมพูดพลางอมยิ้มเล็กน้อย ก็มันตลกนิน้า แต่งตัวประหลาดคำพูดคำจายังประหลาดอีก นี้เขาเสียสติจริงหรือว่าเขาบ้าไปแล้วกันแน่
    “จริงนะ” เมื่อได้ฟังดังนั้นหล่อนก็เริ่มมีกำลังใจทันที พวกกินรีจะยึดถือคำสัตร์สัญญามาก เพราะถ้าหากคนที่ไม่ยึดถือคำพูดของตัวเองแล้ว จะถูกสาปให้คนนั้นมีอันเป็นไป เธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ชายคนนี้จะช่วยตามหาพี่สาวของหล่อน และจะพาหล่อนกลับเขาไกลราศ  
     “แล้วเราจักจะเดินทางไปเยี่ยงไร ปีกของข้านั้นหล่นหายตอนที่ข้าได้มาอยู่ที่นี้แล้ว” พิกุลกาหาพูดขึ้น น้ำเสียงที่สดใสเมื่อสักครู่นี้กลับแปรเปลี่ยนมาเป็นเริ่มที่จะหมดหวังแทน มันก็จริง ถ้ากินรีไม่มีปีก ก็จะไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ไกล
     “ผมจะพาคุณเดินทางโดยใช้รถยนต์ไง อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยนั่ง” เนมตกใจเล็กน้อย ที่พิกุลกาหานั้นพูดถึงปีกอะไรนั้น สงสัยหญิงคนนี้คงจะบ้าหรือไม่ก็เสียสติไปแล้วจริงๆ เขารีบดึงแขนพิกุลกาหาให้มายังรถ แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเท้าของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล
    “สงสัยมันคงจะเป็นแผล ตอนที่คุณเดินออกมาจากโรงพยาบาล” เนมพูดขึ้น ก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาออกมาจากกระเป๋ากางเกง มาพันส่วนที่เป็นแผลบนเท้าของพิกุลกาหาเอาไว้ พิกุลกาหามองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างดีใจ สีหน้าของพิกุลกาหาตอนนี้นั้นเป็นสีชมพูด้วยความเขิล ตอนนี้ในใจของเธอนั้นวุ้นวายไปหมด ชายผู้นี้เหรอที่จะพาเธอกลับบ้าน เราจะไว้ใจชายคนนี้ได้ใช่ไหม พิกุลกาหารู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้กับชายคนนี้
    “คุณชื่ออะไร ผมยังไม่รู้ชื่อของคุณเลย” เนมพูดขึ้นหลังจากพันแผลให้พิกุลกาหาเสร็จ ทำให้เธอนันสะดุ้งเล็กน้อย 
    “เรามีนามว่า พิกุลกาหา เจ้าละ..” พิกุลกาหาตอบ
    “ผมชื่อเนม ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะ พิกุลกาหา มานี้เดี๋ยวผมอุ้มไปขึ้นรถเอง คุณคงเดินไปไม่ไหวแน่”  พูดจบเนมก็อุ้มพิกุลกาหาขึ้นในอ้อมกอดของเขา กลิ่นน้ำหอมของเนมที่เขาใช้นั้นลอดไปปะทะกับจมูกของพิกุลกาหา เธอรู้สึกคุ้นกับกลิ่นนี้มาก เหมือนเคยได้กลิ่นแบบนี้ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็คิดไม่ออกสักที  เธอแอบตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงเพราะเธอเหนื่อยเหลือเกินในวันนี้ เธออยากจะให้วันนี้นั้นผ่านไปรวดเร็ว อยากจะเจอครอบครัว เจอพี่สาวของตัวเอง เธอค่อยๆหลับตาลงในอ้อมกอดของชายแปลกหน้าที่เขาพึ่งจะรู้จัก เขาจะไว้ใจชายคนนี้ได้อีกนานเท่าไหร่ ห้วงความคิดสุดท้าย เธอค่อยๆหลับตาลง และหลับไหลไปในห้วงนิทรา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×