ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Truth untold : แฟ้มลับคดีพิศวง

    ลำดับตอนที่ #1 : (I) Momento

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 91
      0
      8 ต.ค. 64

     

    “นี่ ลูกตื่นได้แล้วนะคุณพ่อเค้ากลับมาแล้วนะ” 

    หญิงสาววัยกลางพยายามพูดปลุกลูกสาวขี้เซาพลางเขย่าตัวของเธอเป็นเวลากว่า 20 นาทีแล้ว แต่ดูเหมือนกับว่าเจ้าตัวก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดดูเหมือนว่าผู้เป็นแม่เริ่มหมดความอดทนกับความขี้เซาของลูกสาวแล้ว

    อัยย์!!!ถ้าไม่ตื่นแม่จะให้หนูไปกรอกน้ำ!” 

    หลังสิ้นเสียงของผู้เป็นทั้งแม่บังเกิดเกล้าและตู้เงินสดพูดได้ อัยย์ลุกขึ้นพรวดเหมือนมีสปริงติดอยู่ที่หลัง ผมสีเทาของเธอนั้นยุ่งเหยิงราวกับใยแมงมุมตามฝาผนังบ้าน ดูเหมือนกับว่าถ้าแม่ของเธอเลือกใช้วิธีนี้ตั้งแต่แรกเธอคงไม่ต้องมาเขย่าตัวลูกสาวจนเกือบ20นาที

    “โห่แม่แค่นอนตื่นสายนิดหน่อยเองทำเป็นบ่นไปได้ นี่มันก็วันอาทิตย์หนูไม่มีเรียนวันนี้นะแม่” เสียงงัวเงียของเจ้าตัวให้ความรู้สึกอิดโรยอย่างบอกไม่ถูกทั้งๆที่เมื่อคืนเจ้าตัวก็ไม่ได้ทำงานหนักอะไร

                   “ที่แม่มาปลุกแกเนี่ยก็เพราะว่า คุณพ่อเค้ากลับมาแล้วไม่งั้นแม่ไม่มาเรียกแกหรอกไม่ได้เจอมาเป็นปีแล้วไม่ใช่เหรอไปโผล่ให้พ่อเห็นหน้าหน่อยก็ดีนะอัยย์” 

    ถึงแม้ว่าจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติและใบหน้ายิ้มแย้มแต่ดูเหมือนว่าถ้าปฏิเสธออกไปชะตาของเธออาจจะขาดก่อนวัยอันควร

    “จ้ะแม่เดี๋ยวหนูอาบน้ำเสร็จเมื่อไหร่แล้วจะรีบลงไปนะ”

    เมื่อแม่ได้ยินคำตอบที่พอใจก็ปิดประตูและเดินลงข้างล่างไป ทิ้งไว้ให้อัยย์จมอยู่กับความคิดตัวเอง 

    ไม่ได้เจอหน้ามานานเท่าไหร่แล้วนะ อัยย์ครุ่นคิดถึงเรื่องสมัยเธอยังเด็กเวลาที่พ่อของเธอกลับมาจากทำงานทีไรก็มักจะซื้อของมากฝากเสมอถึงแม้จะดีใจที่ได้ของเล่นทุกครั้งที่พ่อกลับมาแต่ใจจริงแล้วเธอแค่อาจจะต้องการเพียงใช้เวลาอยู่กับพ่อของเธอเหมือนกับเด็กคนอื่น

    “เห้อ เลิกคิดเถอะอัยย์รีบอาบน้ำแล้วลงไปเจอหน้าพ่อของเธอเถอะยัยขี้เซา”

    การพูดกับตัวเองก็เหมือนการป้อนคำสั่งตัวเอง ถ้าไม่ทำวิธีนี้คงได้นอนเล่นโทรศัพท์อีกเป็นชั่วโมงแน่

                                  

    อัยย์เดินลงไปชั้นล่างของบ้านที่มีการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ต้นไม้ถูกจัดวางไว้ตามชั้นวางของต่างๆหรือแม้แต่บนโต๊ะกินข้าวก็มีดอกไม้ลิลลี่เสียบอยู่ในแจกัน ส่วนตัวเธอนั้นไม่ได้เป็นคนชอบดอกไม้สักเท่าไหร่ เมื่อครั้งยังเด็กพ่อและแม่พาไปที่งานดอกไม้ที่จัดขึ้นทุกปีด้วยความตั้งใจที่ว่าจะไปหาดอกไม้สวยๆมาประดับบ้าน แต่เมื่อเธอไปถึงทันทีที่ลงไปเดินในงานเธอก็เริ่มจามไม่หยุดราวกับว่าโดนสาปยังไงยังงั้น นับตั้งแต่นั้นมาถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นคนแพ้เกสร อัยย์คิดถึงอดีตแล้วก็ยิ้มตามพร้อมคิดในหัวว่าถ้าสามารถไปเที่ยวด้วยกันอีกครั้งละก็คงจะดีไม่น้อย แต่ก่อนอื่นหวังว่าให้พ่อกลับบ้านทุกวันให้ได้ก่อนคงจะดีกว่า

    “ตื่นแล้วเหรอ?”

    ขณะที่คิดถึงอดีตอันแสนหอมหวานก็มีเสียงหนึ่งเรียกสติให้กลับมาจากภวังค์

                   “ค่ะ พ่อ” 

    อัยย์พูดพลางสังเกตความเปลี่ยนไปของพ่อว่ามีอะไรเปลี่ยนไปไหมหรือว่าเขาอาจจะเป็นคนอื่นที่ปลอมตัวมาอัยย์ยืนคิดอย่างฟุ้งซ่านขณะที่พ่อของเธอนั้นกำลังกินข้าวกลางวันอย่างเอร็ดอร่อยกว่าจะรู้ตัวว่าลูกสาวจ้องอยู่ก็กินเวลาไปร่วมนาทีแล้ว

    “หือ พยายามจะจับผิดพ่ออีกล่ะสิ”

     พ่อเหลือบตามองในขณะที่เจ้าตัวก็ยังเคี้ยวข้าวไม่หยุดเหมือนคนไม่ได้กินอะไรมานาน

                   “ก็ปกติพ่อจะกลับมาประมาณปลายปีนิ นี่มันพึ่งต้นปีเองนะ”

    สาวน้อยพูดพร้อมขมวดคิ้วเธอรู้สึกไม่เชื่อสายตัวเองด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคือพ่อของเธอ เมื่อพ่อขอเธอได้ยินคำตอบของลูกสาวก็หัวเราะจนลั่นบ้านเล่นเอาสะข้าวที่กินอยู่แทบจะติดหลอดลม

                   “ลูกนี่นะทำให้พ่อเซอร์ไพรส์ตลอดเลยนะ” 

    พ่อพูดพร้อมยิ้มกว้าง อัยย์ยังคงรู้สึกแปลกใจที่พ่อกลับบ้านมาก่อนเวลาที่ควรจะมาแต่เธอหิวเกินกว่าจะมาคิดเรื่องพวกนี้ต่อจึงนั่งลงที่โต๊ะที่มีอาหารเยอะเป็นพิเศษดูเหมือนว่าวันนี้แม่จะอารมณ์ดีเป็นอาจเป็นเพราะพ่อกลับมาก็เลยทำอาหารเยอะเป็นพิเศษแต่มันเยอะเกินที่คน3คนจะกินหมดแล้วนะ เธอคิดแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ถ้าถึงหูแม่เข้าแม่คงพูดว่ากินได้ก็กินไม่ได้ก็เขี่ยทิ้งไป ดังนั้นเธอยอมกินอย่างเงียบๆโดยไม่พูดอะไรดีกว่า

    “พ่อจะอยู่ถึงเมื่อไหร่เหรอคราวนี้?”

    ความสงสัยนี้ก่อกวนใจตั้งแต่แม่บอกว่าพ่อกลับมาแล้วเพราะทุกครั้งที่พ่อกลับมาพ่อก็อยู่ได้ไม่ถึงสัปดาห์ทุกครั้ง ฝ่ายคนเป็นพ่อได้ยินคำถามของลูกสาว เจ้าตัวก็ยิ้มเจื่อนๆให้แล้ว 

    “พ่อไม่ไปไหนแล้วแหละพอดีว่าจัดการงานสุดท้ายเสร็จไปแล้ว พ่อเลยกะว่าจะเลิกทำงานแล้วแหละ”

    “หา คนอย่างพ่อเนี่ยนะจะเลิกทำงานอย่ามาหลอกกันให้ยาก” 

    อัยย์ตกใจจนเผลอทุบโต๊ะทำให้แม่หันมาดุยกใหญ่ พ่อที่นั่งมองเหตุการณ์ก็ได้แต่กลั้นขำที่สองแม่ลูกนิสัยไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เค้าไม่อยู่

                   “แล้วไม่ดีรึไงที่พ่อจะกลับมาอยู่บ้านจะได้เจอหน้าของลูกทั้งสองบ่อยๆไง ว่าแต่พี่สาวแกไปไหนซะแล้วล่ะอุส่าห์กลับมาหาทั้งที่ทำไมไม่ออกมาให้เห็นหน้าหน่อย” พ่อถามด้วยความสงสัยเพราะว่าลูกคนนี้เป็นคนที่ติดพ่อมาก

                 “ถ้าพ่อหมายถึง พี่อัล ล่ะก็พี่เค้าไปทำงานอยู่ ตอนพ่อไม่อยู่นะพี่อัลนะเค้าสอบเข้าเป็นแพทย์นิติเวชได้จนตอนนี้เรียนจบออกมาทำงานแล้ว” 

    อัยย์พูดด้วยความรู้สึกที่ว่าบางที่พี่สาวของเธอก็พึ่งพาได้มากกว่าพ่อที่เป็นเสาหลักของครอบครัวสะอีก แต่ถึงยังงั้นเธอก็อดคิดไม่ได้ว่าคนที่บ้างานอย่างพ่อจะเลิกทำงานจริงๆเลยรวบรวมความกล้าที่มีถามออกไปให้รู้แล้วรู้รอด

    “ที่พ่อจะเลิกทำงานนี่พ่อไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” พ่อชะงักชั่วครู่นึงแต่ก็ยิ้มให้แล้วพูดออกมาว่า

     “ไม่มีปัญหาอะไรอะไรหรอกน่าถึงแม้จะมีอะไรพ่อก็จัดการได้หมด นี่ใคร? คุณพ่อ ผู้ชาญฉลาดและเกรียงไกรปัญหาใดๆก็ทำอะไรไม่ได้”พ่อพูดโอ้อวดว่าตัวเองมีดีอะไรบ้างต่อไปยาวเหยียดจนเธอแอบคิดขึ้นมาวูบนึงว่าทำไมแม่เธอถึงยอมแต่งงานกับคนปัญญาอ่อนแบบนี้

    “ไม่มีอะไรหรอก อัยย์ พ่อไม่เป็นอะไรหรอก” 

    ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เชื่อว่าไม่มีเรื่องอะไรแต่คำพูดของพ่อครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกเชื่อในตัวขอพ่ออย่างบอกถูก

                   “ถ้าพ่อว่างั้นหนูก็โอเค”

    อัยย์เดินลุกออกจากโต๊ะอาหารแล้วเดินตรงดิ่งไปที่ห้องชั้นสองเพื่อขึ้นไปนอน การตื่นขึ้นมากินอาหารแล้วนอนต่อเป็นกิจวัตรทงประจำทำให้เธอรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องเจออะไรแปลกๆอีกแล้วในวันนี้เพราะแค่พ่อเพี้ยนๆคนนึงก็ทำให้เธอปวดหัวมากพอแล้ว

    “อัยย์”

    “คะ?” เธอหันไปมองพ่อเธอที่ไม่ค่อยจะเรียกชื่อลูกตัวเองสักเท่าไหร่เพราะปกติไม่แทนคำว่า หนู ก็จะเป็นเจ้าหญิงน้อยของพ่อซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกขนลุกเป็นอย่างมาก

    “พ่อกับแม่.... รักลูกนะอัยย์หลังจากนี้ดูแลตัวเองดีๆนะรู้ไหม”

    “พ่อพูดหยั่งกับว่าเราจะไม่ได้เจอกันพรุ่งนี้อีกแล้วยังไงยังงั้นแหละ” อัยย์ขำที่พ่อของเธอพูดอะไรแปลกๆออกมาแต่ด้วยความที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรเธอเลยเดินขึ้นห้องนอนไป

    "นั่นสินะ..."สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่ยิ้มให้กับแผ่นหลังของลูกสาวที่ค่อยๆเดินจากไป

     

     

    “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงของชายหนุ่มทำให้อัยย์ตื่นจากความฝันแต่ถ้าจะพูดให้ถูกคงต้องบอกว่าเป็นเสียงของมนุษย์หมาป่าหนุ่มมากกว่า เขาเคี้ยวขนมอย่างเพลิดเพลินในขณะที่อัยย์ยังคงนอนเอื่อยอยู่บนเตียงดูเหมือนกับว่าบรรยากาศฝนตกแบบนี้มันเชิญชวนให้นอนต่อมากกว่าลุกขึ้นมาทำอะไร

    “ฉันหลับไปนานเท่าไหร่?”

    “ก็พอตัวนะเธอน่ะหลับไปก่อนชั้นจะเข้ามาอีกคงสัก 5-6 ชั่วโมงได้มั้ง” หมาป่าหนุ่มพูดพลางหยิบขนมใส่ปากโดยไม่สนใจสาวน้อยสักเท่าไหร่ “เห้อ ทำไมชั้นจะต้องมานั่งเป็นเพื่อนเธอทุกๆครั้งที่เธอเข้ามาที่สำนักงานด้วยเนี่ย” เขาถอนหายใจลากยาวเหมือนกับว่านี่เป็นงานที่น่าเบื่อที่สุดในโลก เขายอมแม้แต่ไปอ่านหนังสือเป็นร้อยๆเล่มแทนที่จะมาอยู่กับเด็กสาวทั้งวัน

    “ออกไปหาอะไรกินกันไหม?”

    อัยย์ตื่นมาพร้อมกับเสียงท้องร้องเธอรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่จะต้องเติมอะไรเข้าท้องสักหน่อยแล้ว

    “ถ้าเธอเลี้ยงชั้นก็ไปได้หมดแหละ” เขาพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้างทำให้เห็นเขี้ยวของหมาป่าที่อยู่ภายในปาก เวลาที่อัยย์เห็นจะทำให้เธอรู้สึกขนลุกเล็กน้อยด้วยความคิดเพ้อเจ้อของตัวเธอเอง

    “เอาสิ เลี้ยงก็ได้แต่ชั้นเป็นคนเลือกร้านนะ” เธอยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหมือนมีแบบมีแผนร้ายในใจ นั่นทำให้หมาป่าหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ตอบตกลงไปเพราะการที่มีคนเลี้ยงข้าวก็ดีกว่าออกเองอยู่แล้ว อัยย์หยิบเสื้อโค้ที่แขวนไว้มาใส่ อากาศข้างนอกนั้นมีทั้งฝนตกพร่ำๆและลมพัด ทำให้อากาศค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว

    “เมื่อกี้เธอฝันอะไรรึเปล่าฉันเห็นเธอละเมอเป็นตุเป็นตะ อีกอย่างเธอน่ะนอนกรนสะดังเลยล่ะ” หมาป่าหนุ่มพูดไปขำไปพร้อมกับสรรธยายว่ามันเกิดอะไรขึ้นขณะที่เธอหลับบ้าง

                   อัยย์คิดในหัวว่าเธอจะทำยังไงกับหมาป่าตัวนี้ที่กำลังบ่นเป็นหมีกินผึ้งดี แต่ถึงเขาจะพูดแซวเธอเท่าไหร่ อัยย์ก็รับรู้ได้ว่าเขาเป็นห่วงเธอจากแววตาและน้ำเสียงที่พูดออกมา

                   “ไปกันเถอะ เนโร ไว้วันหลังละกัน” หญิงสาวเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเนโรที่ยังสงสัยว่าเธอคิดอะไรอยู่ในใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×