ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คู่อริอาฆาตแค้น
วิกาลคล้อย
งานเลี้ยงในหอหยกจันทร์กระจ่างใกล้เลิกรา
อี่ชุนซิ่ว ใกล้เลิกงานในคืนนี้แล้ว หลังจากดูแลรับใช้เกี่ยวกับเรื่องสุราอาหารที่ตึกหลังหนึ่งเสร็จ ก็เดินไปที่เรือนคนรับใช้
โชคดีที่นางมีใบหน้าพื้นเพ ไม่สวยสะคราญ ไม่เป็นที่ต้องตาของเพศตรงข้าม จึงมีตำแหน่งเป็นหญิงรับใช้ระดับล่าง มีหน้าที่เพียงจัดสุราอาหาร มิฉะนั้นคงต้องโดนบังคับให้นั่งปรนนิบัติเหล่าบุรุษมากหน้าหลายตาที่มาเที่ยวที่หอหยกแห่งนี้ หากมิต้องขายเรือนร่างให้กับผู้คน แม้เป็นเพียงหญิงรับใช้ต่ำต้อย ก็ดำรงชีพอยู่ได้อย่างพอใจแล้ว
หอหยกมีบริเวณกว้างขวางยิ่ง ระหว่างเดินไปที่เรือนคนรับใช้ซึ่งเป็นที่พักของคนงานเพื่อตระเตรียมกลับบ้าน  อี่ชุนซิ่วสวนทางกับฉั้งกวง อันธพาลผู้ดูแลของหอหยกที่เดินผ่านมาพอดี
ช่วงทางเดินนั้นเป็นที่เปลี่ยวไร้ผู้คน มีสวนหย่อมอยู่สองฟากทาง ฉั้งกวงดื่มสุราเมามาย พอเหลือบเห็นอี่ชุนซิ่ว ดวงตาทอประกายวูบ จดจำออกว่าหญิงรับใช้ผู้นี้สนิทสนมอยู่กับโอ้วชังลิ้ว คู่อริของตน ยังคาดเดาเปะปะว่านางอาจเป็นคู่รักของเด็กแซ่โอ้ว เมื่อสองวันก่อนได้โอกาสจะสั่งสอนเด็กแซ่โอ้ว แต่บังเอิญถูกจูเม่ยหงส์เข้ามาพบเห็นห้ามปรามไว้ ฉั้งกวงยังเคียดแค้นไม่หาย
ฉั้งกวงมีฤทธิ์สุราเป็นทุนเดิมอยู่ก่อน เกิดอารมณ์หื่นกระหาย ประกอบกับต้องการกลั่นแกล้งโอ้วชังลิ้ว เมื่อกระทำต่อคู่อริโดยตรงไม่ได้ พาลระบายโทสะใส่อี่ชุนซิ่วให้โอ้วชังลิ้วแค้นใจเล่น มันมั่นใจว่าตนเป็นเจ้าถิ่นอยู่ในที่นี้ พอมีอิทธิพลในระดับล่างอยู่บ้าง หญิงรับใช้แซ่อี่ก็เป็นคนงานต่ำต้อย แม้ว่าจะเกิดเรื่องราวแต่ก็ไม่อาจทำอย่างไรกับตนได้
ฉั้งกวงหัวร่ออย่างชั่วช้า เดินเข้าเบียดใส่อี่ชุนซิ่ว แล้วคว้าข้อมือนางไว้ กล่าวถ้อยคำลวนลาม อี่ชุนซิ่วตกใจยิ่ง สะบัดมือหมายให้หลุดพ้น แต่ฉั้งกวงใช้กำลังบีบแน่นไม่ยอมปล่อย แล้วฉุดกระชากนางล้มลงไปที่สวนหย่อม
อี่ชุนซิ่วกรีดร้องขอความช่วยเหลือ จนใจที่ไม่มีใครผ่านมา คนแซ่ฉั้งยิ่งเต็มไปด้วยเพลิงตัณหา ตระเตรียมข่มขืนย่ำยี ลงมือฉีกกระชากปกเสื้อของนางจนขาดเป็นทางยาว เผยเห็นช่วงไหล่เนียนนุ่ม
หญิงสาวดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิต แต่ฉั้งกวงตัวโตใหญ่ กำลังวังชาเข้มแข็ง คร่อมไปบนลำตัวของนาง ใช้มือหยาบกระด้างบีบที่ลำคอของนางไว้ไม่ให้ส่งเสียง
อี่ชุนซิ่วถูกบีบรัดจนหายใจติดขัด สติสัมปชัญญะเริ่มเลอะเลือน .
ทันใดนั้น มีเสียงตวาดดังกึกก้อง ร่างของชายผู้หนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าฉั้งกวง
คนแซ่ฉั้งกำลังถูกเพลิงตัณหาครอบงำ เกิดโทสะขึ้นที่ถูกขัดจังหวะ ไม่ทันได้สังเกตใบหน้าของชายผู้นั้น ตวาดด่าทอกลับ แล้วถามชื่อแซ่ของอีกฝ่าย ยังขู่อีกว่ามันเป็นผู้ยิ่งใหญ่ดูแลหอหยกแห่งนี้ อย่าได้ยุ่งเกี่ยวเรื่องของผู้อื่น
ชายผู้นั้นแค่นเสียงเย็นชาประกาศว่า เขาแซ่เอี้ย นามเซ่งเทียน !
ฉั้งกวงได้ยินนามเอี้ยเซ่งเทียน พลันหายเมาไปกว่าครึ่ง ผงะออกจากอี่ชุนซิ่วโดยไม่รู้ตัว
เพ่งตามองเห็นเอี้ยเซ่งเทียนยืนเด่นเป็นสง่า ร่างสูงใหญ่บึกบึนน่าเกรงขาม อี่ชุนซิ่วเหมือนคนจมน้ำ คว้าได้ไม้ขอน โผเข้าหาเอี้ยเซ่งเทียน กอดที่ตัวเขาไว้แนบแน่น แตกตื่นร่ำไห้สะอึกสะอื้นจนไหล่สะท้าน น้ำตาเปียกรดที่อกเสื้อของเอี้ยเซ่งเทียนเป็นหย่อม
ค่ำคืนนี้เจ้าสำนักคุ้มกันภัยพยัคฆ์เหิรจัดงานเลี้ยงต้อนรับ  โง้วอุนเท้ง ที่เพิ่งเดินทางเข้ารับตำแหน่งใหม่ที่หอหยกจันทร์กระจ่าง ทั้งเบื้องสูงเบื้องล่างในสำนักร่วมดื่มกินอย่างครึกครื้น ภายในห้องโถงจัดงานเลี้ยงแน่นขนัดไปด้วยผู้คน เจ้าสำนักแซ่เตียสั่งให้เจ้าของหอหยกจัดหา สตรีสะคราญหลายนางมาคอยปรนนิบัติในงาน โดยเฉพาะโง้วอุนเท้ง มีหญิงงามหยาดเยิ้มขนาบอยู่ซ้ายขวา คอยป้อนสุราคีบอาหารให้ไม่ขาดสาย ผู้คนในสำนักคุ้มกันภัยเห็นเจ้าสำนักให้ความสำคัญแก่ศิษย์สำนักมวยห้าบรรพตอย่างยิ่ง จึงพลอยเอาอกเอาใจสรรเสริญเยินยอโง้วอุนเท้งไม่ขาดปาก สร้างความลำพองแก่มันยิ่งนัก
เอี้ยเซ่งเทียนย่อมมาในงานด้วย เขาไม่สนใจหญิงงามที่เจ้าสำนักแซ่เตียเรียกหามาให้ กลับผลักใสให้แก่ลูกน้องในสังกัด แล้วนั่งดื่มกินอย่างเงียบงัน สุดท้ายรู้สึกอึดอัดขัดข้องกับบรรยากาศในงาน จึงอ้างว่าจะไปปลดทุกข์เบา แล้วปลีกตัวออกมาเดินเล่นอยู่ภายนอกจนมาพบเห็นเหตุการณ์เข้า
หัวหน้าแซ่เอี้ยที่ใกล้ชิดกับอี่ชุนซิ่ว จนได้กลิ่นกายของดรุณีสาว ใบหน้าของนางซุกอยู่ที่อกของเขา เห็นเส้นผมยาวสลวยยุ่งเหยิง ร่างของนางยังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เอี้ยเซ่งเทียนบังเกิดความรู้สึกแปลกพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อน
เอี้ยเซ่งเทียนตบไหล่ของนางเบาๆเป็นเชิงปลอบโยน  ผลักนางจากอ้อมอกอย่างนุ่มนวล  พลางเปลื้องเสื้อคลุมยาวออกคลุมที่ไหล่ของนางปกปิดส่วนที่ถูกฉั้งกวงฉีกกระชากขาดวิ่น
อี่ชุนซิ่วเมื่อทราบว่าบุรุษที่เบื้องหน้านางคือเอี้ยเซ่งเทียน ที่มีชื่อเสียงลือเลื่องแห่งสำนักคุ้มกันภัยพยัคฆ์เหิร พลันรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ค่อยคลายใจลงได้ แต่สีหน้ายังมีแววซีดขาวดุจกระดาษ
เอี้ยเซ่งเทียนหันมาหาฉั้งกวง สายตาทอแววเกรี้ยวกราดดุร้าย ตวาดขับไล่ให้คนแซ่ฉั้งไสหัวออกไป ทั้งยังขู่สำทับว่าหากคราวหน้าพบเห็นมันกระทำเรื่องเลวร้ายเยี่ยงนี้อีก จะตัดศีรษะมันให้ขาดภายในดาบเดียว
ฉั้งกวงระย่นย่อต่อบุคลิกภาพที่เหี้ยมหาญของหัวหน้าผู้คุ้มกันภัยแห่งสำนักพยัคฆ์เหิร หวาดหวั่นจนเข่าอ่อนระทวย รับคำระรัวแล้วตะเกียดตะกายวิ่งหายไปในความมืด
เอี้ยเซ่งเทียนหันกลับมามองอี่ชุนซิ่ว เห็นใบหน้านางแม้ไม่สวยสะคราญหยาดเยิ้มเช่นนางงามในหอหยก ไม่ได้แต่งแต้มประทินโฉมใดๆ แต่แฝงแววอ่อนโยนนุ่มนวล เป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้งแกล้งดัด ชวนให้ทะนุถนอม แต่ไรมาเขาไม่เคยให้ความสนใจเหลือบแลอิสตรีใดๆ วันนี้หญิงสาวชาวบ้านนางนี้กลับโยกคลอนจิตใจของเขาให้หวั่นไหว
เอี้ยเซ่งเทียนถามว่านางบาดเจ็บที่ใดหรือไม่  อี่ชุนซิ่วส่ายหน้า พลันนึกถึงเมื่อครู่ที่นางโผเข้าสู่อ้อมอกของคนผู้นี้ สีหน้าถึงกับแดงซ่านด้วยความอับอาย
  หัวหน้าแซ่เอี้ยปลอบประโลมนางสองสามคำ แล้วสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หญิงสาวเล่าให้ฟังว่าตนเป็นหญิงรับใช้ที่หอหยกแห่งนี้ ขณะเลิกงานเตรียมจะกลับบ้านเดินสวนทางกับฉั้งกวง คนงานผู้ดูแลของหอหยก กลับถูกมันข่มเหงทำร้าย
เอี้ยเซ่งเทียนบอกว่าเขาขู่สำทับฉั้งกวงไม่ให้ข่มเหงนางอีก คาดว่ามันหวั่นเกรงดาบของเขาอยู่หลายส่วน คราครั้งหน้าคงไม่กล้ากระทำเรื่องชั่วร้ายอีก
อี่ชุนซิ่วย่อกายคารวะขอบคุณคุณชายเอี้ยที่ยื่นมือช่วยเหลือ เอี้ยเซ่งเทียนยิ้มบอกว่าเรื่องเล็กน้อย แล้วอาสาไปส่งที่บ้านของนาง
หญิงสาวปฏิเสธพัลวัน นึกถึงตนเองฐานะต่ำต้อย ไม่กล้ารบกวนคุณชายเอี้ยมากไปกว่านี้
เอี้ยเซ่งเทียนหวนนึกถึงตนยังคงต้องกลับเข้าไปร่วมงานเลี้ยง ไม่อาจปลีกตัวไปส่งนางได้จริง จึงผงกศีรษะให้ ใช้สายตาส่งนางเดินจนหายลับไป ในใจกลับรู้สึกวาบหวาม
..
อี่ชุนซิ่วกลับไปที่บ้านของโอ้วชังลิ้ว เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้โอ้วชังลิ้ว และมารดาฟัง ถึงตอนท้ายรู้สึกคับแค้นจนต้องร้องไห้ออกมาอีก
โอ้วชังลิ้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ ตอนแรกตั้งใจว่าจะเสี่ยงชีวิตกับคนแซ่ฉั้งดูสักครั้ง แต่ตอนท้ายพอฟังว่าเอี้ยเซ่งเทียนปรากฏตัวขู่ขวัญจนฉั้งกวงหนีกระเจิง จึงนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ พลันระบายลมหายใจหนักหน่วงบอกว่า
  “ แล้วกันไปเถอะ “ แล้วสะบัดหน้าเดินกลับเข้าห้องอย่างไม่มีเยื่อใย
อี่ชุนซิ่วรู้สึกน้อยใจ น้ำตานองหน้า โอ้วฮูหยินมารดาของโอ้วชังลิ้วได้แต่เข้ามาปลอบประโลม ทั้งแสดงความเป็นห่วงไม่ต้องการให้อี่ชุนซิ่วทำงานที่หอหยกอีก บอกให้หางานอื่นทำ อี่ชุนซิ่วตัวคนเดียวไม่รู้จักใครอื่นไม่ทราบว่าจะหางานจากที่ใด จำใจต้องทนอยู่ที่หอหยกต่อไป มิฉะนั้นคงอดตายแน่
คืนวันรุ่งขึ้น อี่ชุนซิ่วตัดสินใจกลับไปทำงานอีก ทั้งที่ยังหวาดกลัวฉั้งกวงไม่หาย เมื่อไปถึง พ่อบ้านใหญ่ของหอหยกให้คนมาเรียกตัวอี่ชุนซิ่วเข้าพบ หญิงสาวใจเต้นระทึกไม่ทราบเป็นเรื่องราวใด
  พ่อบ้านใหญ่ของหอหยกแจ้งว่าทราบเรื่องที่ฉั้งกวงก่อเหตุอุกอาจขึ้นเมื่อคืนก่อนแล้ว รู้สึกเห็นใจและเสียใจต่อนางอย่างยิ่ง ได้เรียกฉั้งกวงมาตำหนิดุด่าเป็นการใหญ่แล้ว แต่เนื่องจากมันเป็นคนเก่าคนแก่ของหอหยก สร้างผลงานมาไม่น้อย ขอให้นางเห็นแก่หน้าของเจ้าของหอหยก ปล่อยปละละเว้นฉั้งกวงสักครั้ง ทั้งรับประกันว่าได้สั่งห้ามมันมิให้ข้องแวะเข้าใกล้อี่ชุนซิ่วอีก มิฉะนั้นจะใช้คนทุบตีส่งให้ทางการดำเนินคดีโดยไม่ใยดีอีก ส่วนอี่ชุนซิ่วซึ่งได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจได้รับอนุญาตให้ลางานพักผ่อนได้สามวัน ทั้งทางหอหยกจะพิจารณาเลื่อนตำแหน่งและเงินเดือนให้เป็นพิเศษ
ท่าทีของพ่อบ้านใหญ่ของหอหยกกล่าวด้วยความเกรงใจ    ให้เกียรติแก่อี่ชุนซิ่วอย่างยิ่ง สร้างความงุนงงแก่นาง ซึ่งเป็นหญิงรับใช้ระดับล่าง        
..
โอ้วชังลิ้วเลิกงานกลับถึงบ้าน เดินวนเวียนอยู่ในห้องสิบกว่ารอบ จึงตัดสินใจเดินไปรอคอยอี่ชุนซิ่วที่ประตูเล็กด้านหลังหอหยก ที่นางใช้เป็นทางออกหลังเลิกงาน เขาเดินเตร็ดเตร่อยู่ในระยะไกลฆ่าเวลา  แต่สายตาจดจ้องบริเวณหน้าประตูในใจนึกเป็นห่วงสหายหญิงว่าวันนี้นางจะเป็นอย่างไรบ้าง ฉั้งกวงยังจะมาอาละวาดตอแยนางอีกหรือไม่?
  อากาศยามค่ำคืนยิ่งหนาวเย็น ชายหนุ่มซุกมืออยู่ในแขนเสื้อ กอดอกแน่น จิตใจจมอยู่ในความเงียบ เมื่อลมหนาวโชยพัด ร่างพลันสะท้านยะเยือก แหงนมองท้องฟ้ารำพึงว่าอีกไม่กี่วันหิมะคงตกแล้ว
รอคอยอยู่เกือบชั่วยาม เห็นคนงานของหอหยกทยอยเลิกงานเดินออกมา สักครู่หนึ่งอี่ชุนซิ่วก็เดินออกมา โอ้วชังลิ้วพอเห็นนาง รู้สึกโล่งใจ ลังเลว่าจะเข้าไปหาดีหรือไม่ อี่ชุนซิ่วเดินก้มหน้าเลื่อนลอยยังครุ่นคิดถึงท่าทีของพ่อบ้านใหญ่ไม่หาย ไม่ทันสังเกตเห็นเพื่อนชาย
ขณะโอ้วชังลิ้วจะเดินเข้าไปหา พลันมีเสียงฝีเท้าม้าเหยาะย่างผ่านเขาไป .เมื่อมองตามเห็นเอี้ยเซ่งเทียนควบขับม้าเข้าหาอี่ชุนซิ่วด้วยทีท่าองอาจ
เอี้ยเซ่งเทียนยิ้มให้อี่ชุนซิ่ว ถามว่าวันนี้พ่อบ้านใหญ่แจ้งข่าวแก่นางแล้วหรือไม่ หญิงสาวอุทานดังอา ที่แท้เขาเป็นคนจัดการเรื่องราวให้นาง พ่อบ้านใหญ่จึงมีทีท่าเกรงใจต่อนางยิ่ง
  หัวหน้าแซ่เอี้ยยังไม่ไว้วางใจกลัวอันธพาลแซ่ฉั้งอับอายกลายเป็นโทสะจะหวนกลับมาทำร้ายนางอีก จึงไปพบพ่อบ้านใหญ่ของหอหยกสั่งเสียเรื่องราวให้ดูแลอี่ชุนซิ่วเป็นพิเศษ เอี้ยเซ่งเทียนมีฐานะศักดิ์ศรีไม่น้อยในเมืองอู้หยาง พ่อบ้านใหญ่ให้ความกริ่งเกรงจึงรีบดำเนินเรื่องให้
  หัวหน้าผู้คุ้มกันแซ่เอี้ยบอกว่าวันนี้จะขอไปส่งนางที่บ้านให้ได้ หวังว่านางให้เกียรติแก่ตนสักครั้ง พลางกระโดดลงจากหลังม้า เชี้อเชิญให้หญิงสาวขึ้นโดยสารแทน
  อี่ชุนซิ่วยิ้มอย่างเอียงอาย ไม่กล้าปฏิเสธอีก เอี้ยเซ่งเทียนประคองส่งนางขึ้นหลังม้า แล้วจูงม้าเดินออกจากหอหยกอย่างช้าๆ
  โอ้วชังลิ้วมองดูคนทั้งสองจากไปอย่างเลื่อนลอย ในใจพลันรู้สึกอ้างว้างเป็นรสชาติที่ไม่อาจบรรยายได้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น