ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้กล้าหาญกับความรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : สำนักคุ้มกันภัยพยัคฆ์เหิร

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 48






    เมื่อโอ้วชังลิ้วกับปึงเพ้งออกมาจากหอหยกได้ เป็นเวลาดึกมากแล้ว โอ้วชังลิ้วชักชวนปึงเพ้งไปนอนค้างที่บ้านของตน มารดาของโอ้วชังลิ้วหลับไหลไปตั้งแต่หัวค่ำ



    คืนนั้น โอ้วชังลิ้วนอนสนทนากับปึงเพ้งอย่างตื่นเต้นถึงเรื่องที่ได้พบกับจูเม่ยหงส์โดยไม่คาดฝัน แม้จะไม่ได้เห็นหน้านาง แต่ก็ได้สนทนากัน ได้รับความช่วยเหลือจากนาง เป็นความตื่นเต้นดื่มด่ำยากที่จะข่มตาหลับลงได้ กลับลืมเลือนความเจ็บปวดที่ถูกทำร้าย ซ้ำโอ้วชังลิ้วยังลอบขอบคุณฉั้งกวงผู้ซึ่งทำร้ายตนอีกด้วย สร้างความขบขันให้แก่ปึงเพ้ง



    รุ่งขึ้น อี่ชุนซิ่ว มาหาแต่เช้าตรู่ นางทราบข่าวเรื่องเมื่อคืนจึงรุดมาดู พบว่าใบหน้าโอ้วชังลิ้ว กับปึงเพ้ง ปูดบวมเนื่องจากถูกทุบตี นางโกรธเพื่อนชายยิ่งนักที่ก่อเรื่องจนเกือบจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต โอ้วชังลิ้วกลับไม่นำพา บอกว่าเป็นโชควาสนาที่ได้มีโอกาสพูดคุยสนทนากับจูเม่ยหงส์  อี่ชุนซิ่วทั้งคับแค้นทั้งเป็นห่วงจนน้ำตาคลอเบ้า แต่โอ้วชังลิ้วไม่ได้สังเกตสนใจ



    วันนั้นเถ้าแก่แซ่อุ้ยมอบหมายให้โอ้วชังลิ้วดูแลคนงานนำข้าวสารจำนวนยี่สิบกระสอบไปส่งที่สำนักคุ้มกันภัยพยัคฆ์เหิร ประจวบเป็นเวลาเดียวกับที่โง้วอุนเท้ง เดินทางมารับตำแหน่งนับบู๊ผู้คุ้มกันภัยคนใหม่ของสำนัก



    เนื่องจากเอี้ยเซ่งเทียนขึ้นไปเป็นหัวหน้านักบู๊ผู้คุ้มกันภัย ตำแหน่งเดิมจึงว่างลง เจ้าสำนักแซ่เตียจึงเชื้อเชิญโง้วอุนเท้ง ซึ่งเป็นศิษย์ของจอมหมัดห้าบรรพต สือจิ้งแซ แห่งสำนักมวยห้าบรรพต เข้ามารับตำแหน่งแทน



    เจ้าสำนักแซ่เตียมองการณ์ไกลคิดอาศัยบารมีของสำนักมวยห้าบรรพตหนุนส่งสำนักคุ้มกันภัยของตน จึงออกปากขอตัวโง้วอุนเท้งจากเจ้าสำนักมวยแซ่สือมาเป็นนักบู๊ในสังกัด ด้วยเงินเดือนค่าจ้างที่สูงยิ่ง



    สำนักมวยห้าบรรพต ตั้งอยู่ที่เมืองหยูเจีย   ห่างจากเมืองอู้หยางเพียงห้าร้อยลี้ โง้วอุนเท้งใช้เวลาเดินทางสามวันก็มาถึง



    โง้วอุนเท้งอายุยี่สิบหกปี ใบหน้าแม้หล่อเหลา แต่ดวงตามักกลอกกลิ้งไปมา ริมฝีปากเชิดสูง ท่าทีเย็นชา คล้ายมิเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา มันถือดีเป็นศิษย์ของเจ้าสำนักมวยแซ่สือ ฝึกปรือฝีมืออยู่สองสามท่า แต่วางก้ามเขื่องโขนัก



    เจ้าสำนักคุ้มกันภัยแซ่เตีย กับผู้อาวุโสในสำนัก พร้อมทั้งเอี้ยเซ่งเทียนและเหล่านักบู๊ออกมาให้การต้อนรับโง้วอุนเท้ง นับว่าให้เกียรติแก่มันอย่างสูง โอ้วชังลิ้วที่กำลังคุมคนงานขนข้าวสารยืนดูอยู่แต่ไกลพลอยรู้สึกตื่นเต้น และเลื่อมใสในตัวโง้วอุนเท้งอยู่บ้าง เนื่องจากโอ้วชังลิ้วเทิดทูนจอมหมัดห้าบรรพรตเป็นสุดยอดฝีมือที่หนึ่งของแผ่นดิน วาดความหวังไว้ว่าในวันหน้าต้องมาอ้อนวอนขอให้ผู้แซ่โง้วสอนวิชาฝีมือให้สักเล็กน้อย



    เจ้าสำนักแซ่เตียแนะนำโง้วอุนเท้งให้รู้จักกับผู้คนในสำนัก ผู้แซ่โง้วเพียงแต่พยักหน้าทักทาย ยังคงมีท่าทีถือตัวอย่างยิ่ง เอี้ยเซ่งเทียนลอบขุ่นเคืองอยู่ในใจ รู้สึกไม่ถูกชะตา แต่ก็มิได้แสดงออกอย่างใด



    เจ้าสำนักแซ่เตียยังคงเอาอกเอาใจศิษย์ของเจ้าสำนักแซ่สือเป็นพิเศษ จัดห้องพักหรูโอ่อ่าในสำนักให้แก่โง้วอุนเท้ง และประกาศว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับแก่โง้วอุนเท้งอย่างสมเกียรติในคืนวันรุ่งขึ้น



    เย็นวันเดียวกันนั้น เมื่อโอ้วชังลิ้วเลิกงานจากร้าน หวนคิดถึงท่าทีที่อี่ชุนซิ่วมีโทสะในตอนเช้า ต้องถอนหายใจ นางเป็นกำพร้ามีชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ซ้ำยังต้องทำงานอยู่ในสถานเริงรมย์ น่าเวทนานัก จึงตัดสินใจแวะซื้อดอกไม้จากร้านประจำในซอกเล็กๆ ไปง้องอน



    โอ้วชังลิ้วไปหานางที่บ้าน วันนี้เป็นวันหยุดงานของนาง ปกตินางทำงานรับใช้อยู่ในหอหยกในเวลาค่ำคืนแทบทุกวัน ในเดือนหนึ่งเจ้าของหออนุญาตให้หยุดพักได้เพียงสองวัน



    โอ้วชังลิ้วจัดดอกไม้ใส่แจกันให้ เป็นดอกเบญจมาศสีเหลืองอ่อนกำลังบานสะพรั่ง แล้วชักชวนอี่ชุนซิ่วไปเดินเล่นที่สะพานใหญ่ชานเมือง อี่ชุนซิ่วมองดูนัยน์ตาของชายหนุ่มผู้เป็นสหาย คล้ายกับจะยิ้มให้นาง ใบหน้าของชายหนุ่มยังมีริ้วรอยเขียวช้ำ ตัดกับแผลเป็นที่แก้ม จึงอดหัวร่อออกมามิได้ โทสะเมื่อตอนเช้าสลายไปสิ้น



    เมื่อเดินไปถึงสะพานใหญ่ เป็นเวลาพลบค่ำ สะพานใหญ่สร้างขึ้นเพื่อข้ามลำน้ำเอี้ยงเหอ เป็นทางออกสู่นอกเมืองสายหนึ่ง ลำน้ำเอี้ยงเหอกว้างใหญ่ทอดยาว น้ำในแม่น้ำไหลเอื่อย ยังมีเรือประมง เรือขนสินค้าและเรือโดยสารแล่นอยู่หลายลำ ทิวทัศน์สงบรื่นรมย์นัก



    ค่ำคืนนี้แสงจันทร์ทอประกาย ที่ลำน้ำสะท้อนเงาจันทร์เป็นละลอกคลื่น บนตัวเรือต่างจุดโคมไฟประดับเป็นดวงประชันกับเงาจันทร์ในน้ำ ช่างงดงามยิ่ง โอ้วชังลิ้วกับอี่ชุนซิ่วนั่งลงที่ขอบสะพาน ชมดูเรือน้อยใหญ่ที่แล่นผ่านไปมา



    ช่วงนี้ใกล้ถึงเทศกาลปีใหม่ ฤดูหนาวกำลังมาเยือน….



    ลมหนาวกรรโชกแรง อี่ชุนซิ่วห่อไหล่หนาวเหน็บ เส้นผมยาวดำสลวยพลิ้วตามลม เห็นนางก้มหน้าหรุบตาลงต่ำ เงียบงันไม่กล่าววาจา ไม่ทราบว่ากำลังขบคิดเรื่องใดอยู่

    โอ้วชังลิ้วถามว่า “หนาวหรือไม่ ?“ นางส่ายหน้าบอกว่าทนทานได้



    โอ้วชังลิ้วเหลือบมองดูใบหน้านาง เขากับนางไม่ได้เที่ยวเล่นด้วยกันสองต่อสองมานานมากแล้ว ครั้งนี้มีโอกาสใกล้ชิด รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงว่านางเติบใหญ่ขึ้น แฝงความนุ่มนวลอ่อนโยน ไม่เหมือนเด็กหญิงเล็กๆ เจ้าอารมณ์ที่เคยรู้จัก แต่ก่อนโอ้วชังลิ้วมักมองนางเป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็กเสมอมา ในวันนี้ได้สัมผัสกับอีกมุมหนึ่งของนาง เป็นความรู้สึกที่แปลกไม่สามารถบรรยายได้



    โอ้วชังลิ้วชี้ให้ดูเรือโดยสาร กล่าวว่า

    “หากวันหน้าข้าพเจ้าร่ำรวยขึ้นมาจะว่าจ้างเรือโดยสารลำใหญ่ ชักชวนท่าน กับเพ้งน้อย ท่องลำน้ำ ดื่มกินให้สำราญสักครั้ง”

        

    อี่ชุนซิ่วเชิดปากกล่าวว่า

    “ท่านประพฤติตัวเหลวไหลไร้แก่นสาร ไม่เคยมุ่งมั่นทำงานจริงจัง วันหน้าไหนเลยจะประสบความสำเร็จร่ำรวยได้”

        

    “ท่านพูดจาราวกับมารดาอบรมบุตร”

        

    “ข้าพเจ้าอายุมากกว่าท่าน นับว่าเป็นเจ้เจ๊ (พี่สาว) ได้ ย่อมมีสิทธิ์อบรมท่าน”    

        

    โอ้วชังลิ้วอารมณ์ดี โคลงศีรษะร้องเพลงพื้นบ้านเสียงแตกพร่า แล้วหันมาถามด้วยสีหน้าขึงขังว่าเสียงร้องของตนไพเราะหรือไม่ ? อี่ชุนซิ่วเม้มปากกลั้นหัวร่อ



    โอ้วชังลิ้วพลันนึกไปถึงเสียงเพลงของจูเม่ยหงส์ ที่ตนได้แอบฟังเมื่อคืนก่อน ช่างแฝงแววโศกเศร้า เดียวดายนัก  พลั้งปากถามอี่ชุนซิ่วว่า

    “ท่านเคยพบเห็นหน้าจูเม่ยหงส์หรือไม่ ?”



    อี่ชุนซิ่วพอได้ยินชื่อจูเม่ยหงส์รู้สึกขุ่นข้องขึ้นมาแต่ก็ตอบว่า

    “ข้าพเจ้าเป็นคนรับใช้ระดับล่าง ไม่มีสิทธิขึ้นไปทำงานบนตึกซ่อนวสันต์ ซึ่งมีหญิงรับใช้ระดับสูงคอยดูแลแขกเหรื่ออยู่ นอกจากนี้แม่นางแซ่จูยังมีหญิงรับใช้ประจำตัวอีกสองนาง นางใช้เส้นทางพิเศษของหอหยกเป็นทางเข้าออก หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน มีแต่แขกเหรื่อที่มาชมการแสดงของนางเท่านั้นจึงมีโอกาสยลโฉม ข้าพเจ้าที่ทำงานอยู่ในหอหยกมานานยังไม่มีโอกาสพบหน้ามาก่อน “



    หญิงสาวควักค้อนใส่โอ้วชังลิ้วคราหนึ่ง กล่าวประชดประชันว่า

    “ทุกลมหายใจเข้าออกของท่านมีแต่แม่นางแซ่จู ช่างเหมือนคางคกหมายปองเนื้อห่านฟ้า เมื่อไรจึงจะเลิกฟุ้งซ่านเสียที”

        

    โอ้วชังลิ้วกล่าวอย่างล้อเล่นว่า

    “ท่านหึงหวงแล้ว”

        

    อี่ชุนซิ่วกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง กล่าวว่า

    “ผู้ใดหึงหวงปีศาจเหลวไหลอย่างท่าน ต่อให้ข้าพเจ้าตกตายก็ไม่ขอตบแต่งให้แก่ผู้แซ่โอ้ว” พลางรุกขึ้นเดินกลับบ้าน



    โอ้วชังลิ้วหัวร่อฮาฮา แล้วเดินตามหลังนางไป  



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×