ศึกมหายุทธ์ชิงบัลลังก์ทอง

ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

ปีที่สามในรัชสมัยจงไท่ฮ่องเต้ ราชสำนักแบ่งแยกออกเป็นหลายฝักหลายฝ่าย เนื่องด้วยฮ่องเต้ยังทรงพระเยาว์และอ่อนแอ เหล่าขุนนางต่างแก่งแย่งอำนาจชิงดีชิงเด่นกัน สร้างความเดือดร้อนแก่อาณาประชาราษฎร์ไปทั่วทุกหย่อมหญ้า



กลุ่มการเมืองที่มีอำนาจทรงอิทธิพลที่สุดแบ่งออกเป็นสี่ฝ่าย



มหาขันทีเว่ยล้อ มีความใกล้ชิดกับฮ่องเต้มากที่สุด มันชักใยกุมอำนาจบริหารอยู่เบื้องหลังฮ่องเต้ อาศัยแอบอ้างราชโองการกอบโกยทรัพย์สินเงินทอง เพาะสร้างบารมีและกำจัดศัตรูคู่แข่งไปมากมาย มหาขันทีผู้นี้มีพลังฝีมือลึกล้ำสุดหยั่งคาด ฟังว่ามันฝึกปรือลมปราณจนถึงขั้นระฆังทองคุ้มครองกาย อยู่ยงคงกระพันดาบกระบี่ไม่อาจกล้ำกราย นอกจากนี้ยังมีสิบสามองครักษ์เสื้อทองแห่งวังหลวงที่ร้ายกาจเป็นบริวารในสังกัด



อัครเสนาบดีกังเจียงเหยียน เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่มาตั้งแต่ฮ่องเต้ในรัชสมัยก่อน ประกอบคุณงามความดีจนได้รับกระบี่อาญาสิทธิ์ละเว้นโทษใดๆ เพียงรับบัญชาจากโอษฐ์ของฮ่องเต้โดยตรงเท่านั้น คุมอำนาจเด็ดขาดทางทหารสิบหมื่นคนในเมืองหลวง มหาขันทีเว่ยล้อยังกริ่งเกรงไม่อาจทำอย่างไรได้



เซี่ยเซินอ๋อง พระอนุชาของฮ่องเต้องค์ก่อน เป็นเชื้อพระวงศ์ที่ชมชอบคบหาชาวยุทธจักร ท่านอ๋องผู้นี้ได้รับการสนับสนุนจากห้าสำนักมาตรฐาน ได้แก่ ฮั่วซัว คุนลุ้น คงท้ง เตียมชัง และง้อไบ๊ เนื่องจากเจ้าสำนักทั้งห้าเห็นว่ามหาขันทีเว่ยล้อเป็นทรราชย์ของแผ่นดิน จึงวางแผนหาทางกำจัดทิ้งและจะยกเซี่ยเซินอ๋องขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน



แม่ทัพใหญ่ไช่เหวินปู้ เป็นผู้นำทัพสามสิบหมื่นคนตรึงกำลังอยู่ชายแดนภาคเหนือต่อต้านพวกมงโกล ที่รุกรานจีน แม่ทัพไช่เป็นนักรบผู้มีสติปัญญาหลักแหลม เชี่ยวชาญด้านพิชัยสงคราม ทำการสู้รบกับชาวต่างชาติหลายสิบครั้งยังสามารถรักษาเมืองหน้าด่านได้ไม่แตกพ่าย เนื่องจากมันคุมกำลังพลมหาศาล จึงเป็นที่หวาดระแวงของอีกหลายฝ่าย



นอกจากนี้ ทางตอนใต้ยังปรากฏพรรคเทพอัคคีโลกันต์ นำโดยดาบราชันย์สยบทั่วหล้า ลุ้ยฮึงโท่ว ตั้งตัวเป็นใหญ่ ซ่องสุมผู้คนเรือนหมื่นแข็งข้อต่อทางการ คอยปล้นชิงสดมภ์เข่นฆ่าทั้งชาวบ้านและทหารหลวง ราชสำนักยึดถือพรรคเทพอัคคีโลกันต์เป็นกบฏ ส่งกำลังมาปราบปรามหลายครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ