คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 แผลใจ
ตอนที่ 3 แผลใจ
ณ ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลใหญ่ของรัฐแห่งหนึ่ง มุทิตาที่อยู่เวรดึกกำลังเร่งมือกับเพื่อนพยาบาลและแพทย์เวรรักษาอกาการบาดเจ็บของคนไข้ เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำเอาถนนสายหลักติดขัดนานหลายชั่วโมง กว่าจะพาคนเจ็บถึงมือหมอ ผู้ได้รับบาดเจ็บก็เสียเลือดไปมาก ในที่สุดแพทย์เวรจึงตัดสินใจนำคนเจ็บเข้าห้องไอซียูเป็นการด่วน มุทิตาทิ้งร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกในห้องฉุกเฉิน ด้วยความเหนื่อยอ่อน เวรดึก...เป็นเวรที่โหดที่สุด ยิ่งห้องฉุกเฉินด้วยละก็แทบไม่มีช่วงไหนให้พยาบาลอย่างเธองีบหลับได้เลย
“เหนื่อยหน่อยนะจ้ะน้องนิดหน่อย” รุ่นพี่พยาบาลส่งน้ำดื่มมาให้พร้อมรอยยิ้มอย่างเข้าใจกันและกันในหน้าที่รับผิดชอบของตน
“ขอบคุณค่ะพี่...หวังว่าจะปลอดภัยนะคะ” มุทิตากล่าวอย่างห่วงใยคนเจ็บ ยิ่งรู้ว่าเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับจักรยายนต์แล้ว มุทิตายิ่งสงสารคนเจ็บจับใจ หนังหุ้มเหล็กแท้ๆเลยต้องเจ็บหนักแบบนี้ หญิงสาวทอดถอนใจ
“ถึงมือหมออ๊อฟแล้ว ปลอดภัยแน่นอนจ้ะ จริงไหมจ้ะว่าที่ภรรยาคุณหมอ” รุ่นพี่กล่าวพร้อมหยอดท้ายประโยคให้พยาบาลสาวได้แก้มร้อนผ่าว ส่งค้อนแก้เขินเป็นพัลวัน
อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้วที่เธอและรัฐศาสตร์จะเข้าสู่งานวิวาห์ ตอนนี้การเตรียมงานทุกอย่างพร้อมจนเกือบสมบูรณ์แล้ว ทั้งชุดแต่งงานที่อยู่ในขั้นตอนตกแต่งสุดท้าย ของชำร่วยก็มาวางไว้ที่บ้านเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน การ์ดแต่งงานก็ได้ฤกษ์พิมพ์หลังจากตกลงเรื่องสถานที่จัดงานได้เรียบร้อย มุทิตาคิดถึงวันหวานของตัวเองแล้วให้หายเหนื่อย เธอรอวันนั้นมาแทบทั้งชีวิต ความรักของหนุ่มสาวจะไร้ความหมายหากมิได้ครองคู่ร่วมสร้างครอบครัวด้วยกัน นั่นคือความเชื่อของมุทิตาตั้งแต่ไหนแต่ไร จริงอยู่ที่หญิงสาวจะมีหมู่ภมรเฝ้าห้อมล้อมเอาอกเอาใจตั้งแต่วัยเริ่มสาว แต่มุทิตารู้ดีว่าอย่างไรถึงจะเว้นระยะห่างเหมาะสม เพื่อน หรือพี่น้อง หญิงสาวขีดเส้นแบ่งชัดเจน หญิงสาวจึงไม่เคยวางตัวให้เสื่อมเสียถึงคนในครอบครัวใครคิดจะมาจีบทิ้งจีบขว้างมุทิตาไม่เสียเวลาแม้จะชายตาแล หญิงสาวเฝ้ารอคนที่รักและพร้อมจะสร้างครอบครัวกับเธอเท่านั้น จนได้เจอรัฐศาสตร์ หมอหนุ่มที่เพิ่งจบมาบรรจุพร้อมกับเธอที่โรงพยาบาลแห่งนี้ รัฐศาสตร์ทำให้มุทิตาเชื่อมั่นในความรักและการร่วมสร้างครอบครัวกับเขา 7 ปีที่ผ่านมา มากพอที่จะพิสูจน์ความรักและความจริงใจของเขาที่มีต่อเธอ งานวิวาห์ที่ใครๆพากันอิจฉาจึงได้มีกำหนดขึ้น
“ว้าย...วรรณๆ ใครก็ได้เอาแอมโมเนียมาหน่อยสิ วรรณเป็นลมไปแล้ว” เสียงเพื่อนพยาบาลวุ่นวายในห้องฉุกเฉินเรียกให้มุทิตาหลุดออกจากห้วงความคิด ถลาเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที
พยาบาลสาวน้องใหม่เป็นลมนอนดมแอมโมเนียบนเตียงคนไข้ทำเอาทุกคนวุ่นวายไปหมด จู่ๆพยาบาลก็มาล้มเสียเอง มุทิตาเขยิบเข้าไปใกล้รุ่นน้องที่เริ่มฟื้นคืนสติ
“วรรณ ดีขึ้นหรือยังจ้ะ”
วรรณา ที่พอลืมตาขึ้นมาเจอมุทิตาก็เริ่มร้องไห้ น้ำตาหยาดหยดเป็นสายไม่ยอมหยุด ทำเอาคนปฐมพยาบาลใจคอไม่ดี ยิ่งปลอบ คนร้องไห้ยิ่งปล่อยโฮหนัก ปากก็พร่ำบอกขอโทษขอโพย คนปลอบเข้าใจว่ารุ่นน้องขอโทษที่ทำตัวเป็นภาระในระหว่างทำงานยิ่งต้องปลอบให้เย็นลง
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ วรรณไม่สบายอยู่ก่อนหรือเปล่า หรือว่าพักผ่อนน้อยจ้ะ โถๆ ไม่เป็นไรนะจ้ะ นิ่งเสียนะ พวกพี่ไม่ว่าอะไรหรอกกลับเป็นห่วงเสียอีก กลับไปพักที่บ้านก่อนก็ได้นะพี่ไม่ว่าหรอก ไม่สบายอย่างนี้”
“นะ...หนู สบายดีค่ะพี่นิดหน่อย หนู...คือหนู...” วรรณาสะอื้นฮัก พูดไม่ออก ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจลากลับบ้านก่อนเวลาออกเวร โดยมีเพื่อนพยาบาลอาสาขับรถไปส่งด้วยกลัววรรณาจะกลับไม่ถึงบ้าน
“ช่วงนี้วรรณมันแปลกๆนะ” รุ่นพี่พยาบาลคนนึงเอ่ยหลังจากวรรณาคล้อยหลังออกไปไม่นาน
“แปลกยังไงคะพี่มาลี” มุทิตาอดถามไม่ได้ ใช่ว่าหล่อนจะอยากฟังข่าวซุบซิบ หากแต่เป็นห่วงรุ่นน้องมากกว่า
“ก็ถ้าพี่ไม่รู้ว่าวรรณมันไม่มีแฟน พี่ก็คงคิดว่ามันกำลังท้องนะสิ พี่เห็นอาการผิดปรกติมาหลายวันแล้ว ยิ่งเวรเช้านะ แทบไม่ได้ทำงาน วิ่งเข้าไปอ้วกบ่อยทีเดียว แล้วก็มาอ้างว่าเป็นโรคกระเพาะ เป็นจริงรึเปล่าก็ไม่รู้”
ข่าวลือว่ากันว่ายิ่งข่าวฉาวเท่าไหร่ยิ่งแพร่สะพัดไปเร็วเท่านั้น อาการไม่ปรกติของพยาบาลวรรณาเป็นไปตามที่พยาบาลอาวุโสคาดไม่ผิดเพี้ยน เมื่อพยาบาลประจำแผนกสูตินารีเวชยืนยันว่าพยาบาลสาวมาตรวจการตั้งครรภ์และตัดสินใจฝากครรภ์เป็นที่เรียบร้อย และตอนนี้วรรณาก็นอนหยอดน้ำเกลืออยู่ที่แผนกผู้ป่วยในเนื่องจากอาการแพ้ท้องอย่างหนัก แต่ที่น่าสนใจใคร่รู้สำหรับทุกคนในโรงพยาบาลก็คือ ใครล่ะเป็นพ่อของเด็ก ในเมื่อทั้งโรงพยาบาลรู้ว่าวรรณาไม่มีคนรัก มุทิตาไม่ต้องสงสัยนานนัก เมื่อหญิงสาวพร้อมชุดขาวสะอาดตาก้าวเข้ามาในโรงพยาบาล ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว เสียงกระซิบกระซาบลอดออกมาเป็นระยะๆ คนรู้จักที่ทักทายกันเสมอๆ ก็ส่งรอยยิ้มจืดเจื่อนมาให้ มุทิตามุ่งตรงไปยังห้องผู้ป่วยที่รุ่นน้องพยาบาลพักอยู่ หญิงสาวตั้งใจว่าจะแวะไปเยี่ยมให้กำลังใจรุ่นน้องเพื่อให้ต่อสู้กับข่าวซุบซิบที่กระจายไปทั่ว แต่แล้วกลับเป็นเธอเสียเองที่ต้องเผชิญกับข่าวซุบซิบนั่น เมื่อภาพในห้องคนไข้คือว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ คอยลูบหลังพยาบาลสาวที่โก่งคออาเจียนอยู่บนเตียงคนไข้ ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ ไม่ต้องสงสัยว่าใครเป็นพ่อเด็ก สายตาแปลกๆและเสียงซุบซิบตลอดทางเดินที่ผ่านมาเกี่ยวกับเธอนั่นเอง รัฐศาสตร์คือพ่อของเด็ก แต่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร มุทิตาไม่แน่ใจว่าเธออยากจะรู้หรือเปล่า
ณ ร้านเวดดิ้งสตูดิโอ แห่งนึ่ง อารยากำลังควบคุมพนักงานตกแต่งหน้าร้านอย่างขะมักเขม้น เนื่องจากช่วงนี้เข้าหน้าหนาว ฤดูกาลแต่งงานก็กำลังมาถึงทางร้านเลยต้องตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศ รักๆ เรียกลูกค้าเสียหน่อย อารยาดัดแปลงส่วนหนึ่งของบ้านเป็นร้านเวดดิ้งสตูดิโอ ที่เธอทุ่มเถียงต่อสู้กับมารดาจนสำเร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่าง และได้รับความนิยมระดับหนึ่งในที่สุด
“พี่นกคะ เอาชุดนี้ใส่หุ่นโชว์นะคะ คอลเลกชั่นใหม่ตัวนี้นะคะ แล้วก็เดรสสั้นตัวนี้นะคะ เอยแขวนไว้นี่นะ” อารยาง่วนกับการจัดดิสเพลย์ชุดเจ้าสาวอยู่ ก่อนจะต้องหยุดมือเมื่อได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋ง จากประตูบ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้า
“สวัสดีค่ะ แมร์รี่มีสตูดิโอ ยินดีต้อนรับค่ะ” อารยาเอ่ยทักทายลูกค้าด้วยน้ำเสียงสดใสกระจายเกลื่อนใบหน้า ก่อนจะหุบยิ้มฉับพลันเมื่อคู่หนุ่มสาวที่ก้าวเข้าร้านมานั้น ชายหนุ่มเป็นคนที่เธอรู้จักและไม่อยากจะเจอไปอีกตลอดชีวิต นี่มันวันบ้าอะไรเนี่ยงานเข้าแต่เช้าเลยฉ้านนน
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวน่าตาจิ้มลิ้มเอ่ยกลับมา ดวงตากลมโตสดใสมองกวาดไปทั่วร้านอย่างสำรวจตรวจตรา อารยามองตามแล้วจึงต้องเอ่ยอย่างลุแก่โทษต่อลูกค้า
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีทางร้านกำลังเตรียมจัดร้านต้อนรับเทศกาลแต่งงาน อุ๊ย ฤดูกาลสละโสด น่ะคะ” หญิงสาวยิ้มอย่างยากเย็น เพราะผู้ชายตรงหางตาคอยส่งสายตามาถึงเธออยู่ตลอด ทำไมเธอจะจำเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้มันใช่เวลาทักทายแฟนเก่าหรือไงเล่า ยิ่งพ่อเจ้าประคุณควงมากับสาวสวย ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นว่าที่เจ้าสาวแหงมๆ ทำเป็นไม่รู้จักคงเป็นทางรอดของเธอทางเดียวในตอนนี้กระมัง
“ถ้ายังไงเดินดูร้านไปก่อนนะคะ สักครู่ดิฉันจะให้ผู้จัดการมาคุยด้วยนะคะ” อารายส่งยิ้มตบท้ายก่อนจะเลี่ยงออกไปส่งสัญญาณให้พี่นก ผู้จัดการร้านเข้าไปคุยกับลูกค้า ส่วนตัวเธอนั้นแว้บหายไปหลังร้านด้วยความไวแสง
“เอย” เสียงทุ้มนุ่ม ดังมาจากเบื้องหลังทำเอาคนหลบมาตั้งตัวสะดุ้งสุดตัว
“นัท” อารยาตาโต เหลียวซ้ายแลขวาอย่างระวังภัย
“เอย จริงๆด้วย ทำไม่เมื่อกี้ทำเป็นเมินผมล่ะ ผมส่งยิ้มไปตั้งหลายที นึกว่าจะจำคนผิดเสียแล้ว” ณัฐวัฒิ ย่างสามขุมเข้าใกล้ร่างบางที่ค่อยๆถอยหนีออกห่างจนชิดกำแพงร้านด้านหลัง อารายาทำตัวลีบเล็กหากร่างละลายแทรกไปกับกำแพงได้เธอคงทำไปแล้ว ไม่สิ หายตัวได้ไปเลยดีกว่า
“เอ่อ นัทถอยออกไปห่างๆเอยดีกว่านะ อย่าเข้ามาใกล้แบบนี้”
“ทำไมล่ะ” ใบหน้าคม ระบายยิ้มขำคนตรงหน้า คนที่เขาไม่เคยแม้สักเสี้ยววินาทีที่จะลืม แม้ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน ความทรงจำของเขาเกี่ยวกับเธอล่องลอยในความฝันแทบทุกคืนจนเขาเกือบลืมไปแล้วว่าเวลามันล่วงเลยมานานเพียงไร 7 ปี พอไหมนะกับความคิดถึงใครคนหนึ่ง ความทรมานกับการตามหาคนที่รักและวันนี้เขาก็ได้เจอ
“นัทมากับแฟน...เดี๋ยวเค้ามาเห็นจะเข้าใจผิดนะ เอยไม่อยากมีปัญหา” ร่างบางออกแรงดันหน้าอกคนตัวโตให้ออกห่าง ก่อนจะแทรกตัวหนีออกไปอีกด้าน ก่อนคว้ากุญแจรถยนต์คู่ใจเปิดประตูแล้วขับหนีออกไปเสียเฉยๆ
“เอย...เอย” ณัฐวัฒิวิ่งตามออกมา แต่ช้าไป หญิงสาวหมุนพวงมาลัยแล้วขับออกไปอย่างไม่คิดจะเหลียวหลังมองคนที่เอาหัวใจเธอไป ตั้งแต่วันนั้น...เมื่อ 7 ปีก่อน น้ำตาที่คิดว่าแห้งหายไปแล้วตั้งแต่วันนั้นกลับพร่างพรูเสียจนไม่ปลอดภัยต่อการขับขี่ อารยาเบนพวงมาลัย จอดรถเลียบข้างทางซบหน้าลงร้องไห้ ไหล่บางไหวระริก
คนใจร้าย คุณกลับมาทำไม ทั้งๆที่ฉันลบคุณออกไปจากใจแล้ว ทั้งๆที่ฉันลุกขึ้นได้แล้ว คุณจะกลับมาทำไม กลับมาย่ำยีหัวใจฉันอีกทำไม คุณคืนใจช้ำๆกลับมาให้ฉันแล้วตามมากระทืบมันซ้ำพร้อมกับผู้หญิงข้างกายคุณอย่างนั้นหรือ คนใจร้าย คนใจร้าย รอยยิ้มนั้น สายตานั้น ทำไมคุณถึงทำเหมือนมันไม่เคยเกิดอะไร คุณทำอย่างนั้นได้อย่างไร
“อ้าว คุณเอยขับรถออกไปเสียแล้ว” นกเอ่ยเหมือนบ่นกับตัวเองเมื่อเห็นเจ้านายขับรถออกไปโดนไม่บอกกล่าว ก่อนจะถามคนที่เดินคอตกเข้ามาในร้าน
“คุณรู้จักคุณเอยด้วยหรือคะ” ผู้จัดการร้านถามพาซื่อ
“นั่นสิ นัท รู้จักเขารึ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยเอ่ยถาม
“ครับ” ณัฐวุฒิตอบแค่นั้นก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ผู้หญิงที่มาด้วยกัน นกจึงเป็นคนเริ่มสานต่อบทสนทนาก่อนหน้า
“จากที่คุณเสนอมานี่ ทางเราจะต้องขอประชุมกับทางทีมงานถึงความเป็นไปได้ก่อนนะคะ ถ้ายังไงรบกวนกรอกข้อมูลลงเอกสารนี้ก่อนนะคะ แล้วทางเราจะรีบติดต่อไปค่ะ คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร” ผู้จัดการสาวคนเก่งรีบปิดการขายอย่างมืออาชีพ ยิ้มมองทั้งว่าที่บ่าวสาวที่สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกตรงหน้า นานๆทีมีคู่รักสวยหล่ออย่างนี้เข้าร้าน ทำเอาสาวลูกสองอย่างเธอจิตใจชุ่มชื่นดีแท้
เสียงเรียกเข้าของทัชโฟนรุ่นฮิตเปล่งเสียงเพลงภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งๆ เรียกความสนใจของนพที่ง่วนอยู่กับครัวให้มองหาเจ้าของ หลายครั้งแล้วนะนั่นที่มีสายโทรเข้ามา แต่ไร้แววรมิดาที่หายเข้าไปในห้องน้ำ ราวกับไปทำสปาในนั้น ชายหนุ่มเริ่มออกอาการรำคาญตะหงิดๆ จะไปรับสายก็เกรงจะเป็นการเสียมารยาท ในที่สุดก็ตะโกนเรียกหญิงสาวในห้องน้ำ เสียงสนั่น
“พี่มี่คร้าบบบบ โทรศัพท์คร้าบบบ” สิ้นเสียง ร่างระหงในเครื่องหุ้มกายล่อแหลมก็ทำเอานพตาค้าง ยืนนิ่งอึ้งไปช่วงขณะ สายตาคมมองตามร่างบางที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันห่อร่างที่ประปรายด้วยหยดน้ำบอกให้รู้ว่า คงกำลังเพลิดเพลินกับการชำระร่างอยู่ไม่น้อย ปอยผมเปียกน้ำลู่ลงมา แลดูเซ็กซี่จนต้องแอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะรีบสะบัดหน้าไล่ความหื่นออกจากสำนึก เราเป็นเกย์ เราชอบผู้ชาย ท่องเอาไว้นพ ท่องเอาไว้ ผู้หญิงก็แค่ชะนี ชะนีขาวๆ ขาเนียนๆ
“อ้ากกก” นพร้องลั่นเพราะมือไปโดนเอากระทะร้อนๆตรงหน้า รมิดาที่กำลังพิจเบอร์ปริศนาบนหน้าจอวิ่งตรงมาหาเขาอย่างห่วงใย
ห่วงผ้าขนหนูจะหลุดเถอะพี่มี่ นพรำพึงในใจก่อนจะจัดการไล่หญิงสาวให้ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะตบะแตก ยอมรับว่าตนเองเป็นชายแท้ๆแล้วแสดงศักยภาพความเป็นชายออกมาให้โดนข้อหา พรากผู้อาวุโส
รมิดาที่แต่งตัวเรียบร้อยในชุดนอนลายการ์ตูนสีหวาน ที่นพยังอึ้งกับหญิงสาวที่เดินยิ้มๆมาหา ด้วยว่าถ้าไม่รู้ว่าเจ๊ตรงหน้านี่อายุเท่าไหร่ เขาคงเผลอตามจีบด้วยคิดว่ายังเรียนปริญญาตรีเป็นแน่ คนอะไรหน้าเด็กชะมัด นพคิดกับตัวเอง
“เป็นไงมั่งนพ พี่เอายามาให้ นิ้วพอลไปกี่นิ้วละนั่น” รมิดาเอื้อมมือคว้ามือหนาแบบชายแท้ขึ้นมาสำรวจ เด็กหนุ่มในสายตาเธอได้แต่มองตาม กลิ่นสบู่เด็กจากร่างหญิงสาวกรุ่นไปทั่วจนเขาเผลอสูดเข้าปอดอย่างพึงใจ
“โอ๊ย” อารมณ์เคลิ้มของเขาได้หยุดแค่นั้นเพราะความเจ็บระบมจากยาที่ทาทั่วนิ้ว
“เจ็บมาหรอ เพี้ยง ไม่เจ็บนะ” รมิดาที่สะดุ้งกับเสียงร้องนั้น เอ่ยพร้อมเป่านิ้วมือที่พองเพราะความร้อนเหมือนทำแผลให้เด็กอนุบาล “คราวหน้าคราวหลังต้องระวังมากกว่านี้นะ ดูสิ แล้วอย่างนี้จะใช้มือได้หรือ” หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองคนที่เงียบไปแล้วตรงหน้า
“อะ...เอ่อ” นพพยายามหาเสียงของตนเอง “ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เดี๋ยวเดีญวก็หาย พี่มี่ไปนั่นเลยครับ พาสต้าร้อนๆพร้อมเสิร์ฟแล้ว”
กลิ่นพาสต้าซอสครีมเรียกน้ำย่อยได้ไม่ยาก หลังจากที่มีนพมาอยู่ด้วยรมิดาแทบไม่ต้องออกไปทานอาหารนอกบ้านเลย ทั้งเช้าเที่ยงเย็น นพที่กำลังฝึกฝนฝีมือขยันทำอาหารให้เธอเป็นหนูทดลอง (อย่างเต็มใจยิ่ง) ทั้งติทั้งชิมรสชาดและหน้าตาการตกแต่งจานอาหาร อาจารย์หลายคนที่คณะยังเคยบ่นอิจฉาที่หญิงสาวมีอาหารกล่องน่าตาน่าทานแถมรสชาดยังอร่อยเหาะมาทานทุกวัน จนรมิดาอดดีใจแทนคนทำไม่ได้ ตอนนี้ทีหญิงสาวกลัวคือกลัวจะ enjoy eating เกินไปจนน้ำหนักเพิ่มขึ้นเนี่ยสิ ยิ่งอายุเยอะการเผาผลาญอาหารของร่างกายยิ่งน้อยลง อ้วนง่ายจะแย่...แต่ไม่ว่านพจะทำอะไรออกมามันก็น่าทานจนลืมกลัวอ้วนทุกที
“เมื่อกี้ใครโทรมาหรือครับ” นพเอ่ยถาม เพราะคนที่โทรเข้ามาไม่ใช่ครั้งเดียวแต่หลายครั้งมาก หากแต่รมิดาก็รับสายไม่ทันแถมไม่โทรกลับอีกต่างหาก
“ไม่รู้สิ” รมิดาตอบหน้าตาเฉย ปากเคี้ยวเส้นพาสต้าตุ้ยๆ ก่อนจะรีบกลืนแล้วขยายความให้คนตรงหน้าคลายความสงสัยว่า “เบอร์แปลกๆน่ะ ไม่ทิ้งข้อความไว้ด้วย ไม่รู้ว่าใคร สงสัยจะโทรมาขายประกันละมั้ง”
“โทรขายประกันตอนเกือบทุ่มนี่นะครับ” นพเอ่ย รมิดายักไหล่ก่อนจะตอบ
“พี่ไม่มีนโยบายโทรกลับเบอร์ไม่รู้จักจ้า ถ้าพี่ไม่ได้เมมชื่อไว้ และเป็นที่รู้กันว่าถ้าต้องการติดต่อพี่ถ้าพี่ไม่รับสายก็ให้ทิ้งข้อความไว้ พี่จะได้รู้ว่าควรจะติดต่อเขากลับไปหรือเปล่า” หญิงสาวอายุสามสิบอธิบายละเอียดยิบเสียจนคนอ่อนวัยตรงหน้าหมดคำถาม
เสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้รมิดารีบคว้ามากดรับสายทันที ด้วยนึกอยากรู้เช่นกันว่าใครกันนะที่เพียรโทรหารเธอขนาดนี้ ถ้าขายประกันละก็...น่าดู
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกรอกเสียงไปอย่างสุภาพ นพที่มีมารยาทพอเก็บจานที่รมิดาจัดการอาหารจนเกลี้ยงไปวางในอ่างล้างจานเพื่อทำความสะอาดทันทีปล่อยให้หญิงสาวคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัว
“น้องมี่ใช่ไหมคะ นี่น้านุชนะคะ” ปลายสายเอ่ยอย่างยินดีเมื่อมีคนรับสายทัยที รมิดาชะงักไปครู่เมื่อทางโน้นแนะนำว่าตนชื่อไร หญิงสาวเลือกจะนิ่งเงียบไม่เอ่ยตอบเพราะไม่สบอารมณ์กับคนปลายสาย แต่ก็มีมารยาทพอที่จะไม่ตัดสายทิ้ง อยากรู้นักว่ามีธุระอะไร
“น้องมี่ น้ามีเรื่องอยากให้หนูช่วย น้าได้ข่าวว่าหนูกลับมาแล้ว พ่อหนูดีใจมากนะจ้ะ น้าอยากให้หนูมาเจอพ่อหน่อย คือพ่อหนูไม่ค่อยสบาย น้าบังคับให้ไปหาหมอทีไรก็บ่ายเบี่ยงทุกที น้าเป็นห่วงกลัวพ่อหนูจะเป็นอะไรมาก นี่ก็ไอไม่หยุด บุหรี่บอกให้เลิกก็ไม่ยอมฟัง ลูกน้าก็ช่วยพูดให้แล้ววแต่แกไม่เอาใครเลย พอน้ารู้ว่าหนูมี่กลับมาแล้วน้าเลยอยากขอให้หนูช่วยพูดกับพ่อหน่อยนะ ให้เขาไปหาหมอ นะ...หนูมี่นะ ถือว่าทำเพื่อพ่อนะ”
รมิดารู้สึกว่าตัวเองลำคอตีบตันหากแต่ทิฐิที่มีมันค้ำคอ ไม่ยอมลดตัวลงไปวุ่นวายกับเรื่องในอดีตที่คอยตามทำร้ายเธอและแม่อีกแล้ว 7 ปีที่ผ่านมาเธอและแม่ตัดมันออกไปได้แล้ว และเธอก็จะทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่มาทำให้เธอและแม่ต้องช้ำใจอีก
“ขอโทษนะคะ คุณคงโทรผิดแล้วค่ะ” รมิดาเอ่ยออกมาในที่สุด แต่อีกฝ่ายยังดึงดัน ยืนยันว่ารู้จักเธอแน่นอน นพที่เห็นรมิดาเงียบไปนาน ลอบมองอย่างกังวล สีหน้าหญิงสาวดูเครียดเคร่งขึ้นมาตั้งแต่รับสาย
“น้องมี่ จริงๆน้าก็ไม่อยากโทรมารบกวน...” ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบรมิดาก็หมดความอดกลั้น
“คุณโทรผิดแล้วละค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณได้เบอร์นี้มาจากไหน แต่ฉันไม่ใช่คนที่คุณรู้จักและคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ แค่นี้นะคะ” หญิงสาวกดตัดสาย แล้วเควี้ยงสมาร์ทโฟนราคาแพงลงบนโซฟานุ่มก่อนจะก้มหน้าวิ่งเข้าห้องไป โดนมีสายตาคมส่งความเป็นห่วงตามไป
เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ งานร้อนๆๆๆ จริงๆค่ะ
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ
ความคิดเห็น