คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 รับเลี้ยง
ตอนที่ 2 รับเลี้ยง
“พี่หมี พี่ไปบอกอะไรเพื่อนพี่น่ะ จะพาน้องไปฝากไว้กะใครที่ไหน ถ้าผมรู้ว่ามาพึ่งพี่แล้วพี่ไม่สะดวกอย่างนี้ผมไปนอนห้องเพื่อนดีกว่า แล้วอะไรใครเป็นเกย์ ผมไม่นิยมไม้ป่าเดียวกันนะครับถึงแม้ว่าจะเป็นคนรักธรรมชาติก็เหอะ”
นพเอ่ยเจืออารมณ์ขุ่น แล้วหันหลังหนีไปเก็บเสื้อผ้ายัดเข้ากระเป๋า
“เฮ้ยๆไอ้น้องใจเย็นสิวะ พี่ไม่ได้ลำบากใจรึอะไรนะที่เราจะมาอยู่ด้วย แต่พี่เห็นว่าถ้าเราอยู่กับพี่ไม่นานอาทั้งสองก็จะตามมาเจอ แล้วพี่เองก็จะไม่สามารถช่วยอะไรเราได้เลย แต่กลับกันถ้าเราไปอยู่ที่อื่นสักพัก เป็นที่ที่พวกเขาตามไม่เจอพี่ว่าบางทีเราอาจจะต่อรองอะไรได้บ้าง ว่าอย่างไรเห็นด้วยกับพี่ไหม”
อภิชัยเพ่งมองน้องชายที่ก้มหน้าลงต่ำอย่างยอมรับ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน
“ครับ พี่ว่าไงผมก็ว่าตามกันอยู่แล้ว แต่ว่าที่บอกว่าเป็นเกย์นี่มัน...”
ผู้เป็นพี่ยิ้มเจื่อน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“พี่ขอโทษว่ะ พอดีพี่ลืมไปว่าเพื่อนพี่คนนี้เป็นผู้หญิง แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าจะฝากเราไว้กับใคร มีแต่มี่นะแหละที่พี่ไว้ใจ มี่เป็นคนง่ายๆน่ารักกับทุกคน แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ดูแลเราได้นะนพ”
อภิชัยพูดถึงเพื่อนแล้วก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“พี่หมี พี่มี่นี่เป็นเพื่อนพี่จริงๆรึเปล่า ทำไมพี่ต้องทำหน้าตามีความสุขที่พูดถึงเขาด้วยล่ะ เดี๋ยวใครไม่รู้จะเข้าใจผิดเอาได้นาโดยเฉพาะพี่ใบเตย” นพเอ่ยอย่างเป็นกังวล และเริ่มอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ชื่อ “มี่”คนนี้เสียแล้ว
“ไอ้นพ พูดอะไรอย่างนั้น เพื่อนก็คือเพื่อนโว้ย ไปๆนอนได้แล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กนอนดึกมันไม่ดี” อภิชัยเปลี่ยนเรื่อง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าใครจะเข้าใจผิดความสัมพันธ์ของเขาและรมิดาเล่า เป็นเพื่อนกันมากว่าสิบปีนี่นะ เรื่องแบบนี้แก้ตัวจนเบื่อแล้ว
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่ อีกไม่กี่เดือนก็จะเป็นบัณฑิตแล้ว ขอแชทส่งสาวๆเข้านอนก่อนละกันนะครับพี่ชาย” นพเอ่ยก่อนจะกลับไปนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะ” รมิดาเอ่ยเมื่อทีมขนย้ายทำงานของพวกเขาเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวปิดประตูห้องชุดที่ผ่อนซื้อด้วยตัวเอง ปาดเหงื่อที่เกาะพราวบนหน้าผากมองไปรอบๆห้อง ก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือกดหมายเลขโทรด่วนไปยังมารดา
“ว่าไงมี่ ย้ายของเรียบร้อยแล้วหรือลูก” มารดาของเธอเอ่ยมาตามสาย รมิดายิ้มอ่อนก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น เอนหลังพิงกล่องกระดาษใบย่อมที่อัดแน่นไปด้วยข้าวของกระจุกกระจิก
“เรียบร้อยแล้วค่ะแม่ แต่ยังไม่ได้จัดเลยรอเขามาส่งเฟอร์นิเจอร์ที่สั่งไว้นะค่ะ แม่ทำอะไรอยู่ค่ะ” หญิงสาวนั่งคุยกับมารดาเพื่อฆ่าเวลารอพนักงานส่งชุดตกแต่งห้อง ต่อเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้นเธอจึงวางสายจากมารดาเพื่อไปเปิดประตู
“อ้าวหมี นึกว่าคนส่งเฟอร์นิเจอร์เสียอีก” รมิดาเอ่ยพลางส่งยิ้มผ่านไปยังอีกคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง นพในชุดเสื้อยืดพอดีตัว กางเกงยีนส์ขาเดปเข้ารูปตามแบบสมัยนิยม รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดัง แทบไม่เห็นรอยเปรอะบนรองเท้า กระเป๋าไม่ยกขึ้นมาสะพายไหล่ แต่ถือเอาไว้ข้างตัว ยกมือไหว้รมิดาอย่างเก้ๆกังๆเพราะไม่คุ้นเคยกับผู้ใหญ่และยิ่งเป็นคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนอีกด้วย รมิดารับไหว้ก่อนจะกวาดตาสำรวจชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะยิ้มรับอ่อนโยน
“เฮ้อ โลกใบนี้ ความสมดุลทางธรรมชาติคงใกล้จะหมดไปละ” หญิงสาวคิดในใจ
“ยังไม่ได้จัดอะไรเลยรึมี่” อภิชัยที่เดินสำรวจไปทั่วเอ่ยถาม รมิดาที่เอาเท้าดันกล่องที่กีดขวางทางออกส่งเสียงในลำคอแทนคำตอบ
“ใครช่วยขนละนี่” อภิชัยถามต่อขณะที่นั่งลงบนกล่องใบหนึ่งพลางมองข้าวของที่มากมายเหลือเชื่อ
“จ้างเขาขนน่ะ นี่อย่านั่งบนนั้นได้ไหม ฉันไม่รู้ว่าข้างในใส่อะไรเอาไว้” รมิดาเอ็ดก่อนจะผลักเบาะรองนั่งที่เธอค้นเจอเมื่อครู่ไปให้เขา และส่งอีกอันให้นพที่ยืนเงียบอยู่อีกมุมหนึ่ง
“นั่งบนนี่ไปก่อนนะ” เธอกล่าว
“ขอโทษๆ แล้วทำไมไม่เขียนที่กล่องล่ะว่าอะไรเป็นอะไร แล้วนี่ถุงพวกนี้จะเอาเสื้อผ้าไปขายที่ไหนรึเจ๊” ชายหนุ่มผู้พี่ชี้ไปทางถุงสีสวยใบใหญ่สามใบที่วางอีกด้านหนึ่ง
“เออน่า ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละเสื้อผ้าเยอะ อีกอย่างของในกล่องมันแยกประเภทไม่ได้จริงๆว่าอะไรเป็นอะไร จับยัดๆมันมาแค่นั้นแหละ” รมิดาเอ่ย ก่อนจะมองมาทางนพที่ยังนิ่งเงียบ
“หมี ฉันรอแกแนะนำฉันกะน้องแกอยู่นะ” หญิงสาวเอ่ยเตือน อภิชัยตาโตก่อนจะเร่งแนะนำคนทั้งสองให้รู้จักกันทันที
“น้องนพมีของแค่นี้หรือจ้ะ น้อยจังเลยหรือว่าจะซื้อเพิ่มทีหลัง” รมิดาเอ่ยถามเพราะพวกเพื่อนเกย์ของเธอนั้นแค่ไปต่างจังหวัดคืนเดียวก็ต้องลากกระเป๋าเดินทางกันแล้ว แต่ชายหนุ่มตรงหน้าจะมาอยู่ตั้งหลายวันกลับมีแค่เป้ใบเดียว มันน้อยเกินไปหรือเปล่า
“เอ่อ...เอามาเท่าที่จำเป็นน่ะครับ ไว้ค่อยซื้อเพิ่มเอาทีหลัง” นพแก้ตัวก่อนจะมองพี่ชายอย่างขอตัวช่วย แม้ว่าสายตาที่รมิดามองเขา จะไม่ได้ส่อแววจับพิรุธแต่อย่างไร หากคนที่ใจไม่บริสุทธิ์ก็อดจะออกอาการกระวนกระวายไว้ไม่ได้ ก็คนมันไม่ได้เป็นนี่จะให้ทำอย่างไรเล่า นพคิดก่อนจะรำลึกถึงกฎต่างๆที่เขาต้องคอยระวังไม่ให้ทำพลาด
“กฎข้อแรกของการเป็นเกย์ก็คือรักสะอาด ข้อสองคือแต่งตัวดีและแฟชั่นจัด ข้อสามคือเข้าใจผู้หญิงเป็นที่สุด ข้อสี่คือต้องมองผู้ชายหล่อๆเอาไว้ อย่าเผลอหลุดมองผู้หญิงเชียวล่ะ”
อภิชัยเอ่ยข้อบังคับสำหรับน้องชายเพื่อการเป็นเกย์ที่แนบเนียนในระหว่างที่นพต้องพักอยู่กับรมิดา เขาบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเลขานุการสาวให้รวบรวมภาพลักษณ์ของชาวสีม่วงคร่าวๆมาให้เขา ก่อนจะติวเข้มน้องชาย
“มี่มันมีเพื่อนเป็นเกย์เยอะ แกระวังอย่าให้หลุดละกัน”
“พี่หมี ผมไม่ไปอยู่กับเพื่อนพี่ไม่ได้หรือ ทำไมผมต้องลำบากเป็นเกย์ด้วยล่ะไม่ชอบเลย เราบอกเพื่อนพี่ไปเลยดีไหมว่าผมไม่ใช่เกย์” นพเอ่ยอิดออดในรถขณะที่นั่งเคียงข้างอภิชัยมายังคอนโดของรมิดา
“ไม่ได้ มี่เป็นเพื่อนที่พี่ไว้ใจพอจะฝากเราไว้ได้ อีกอย่างเขาเป็นผู้หญิงจะให้อยู่กับผู้ชายสองต่อสองมันเหมาะสมหรือไง เราแกล้งเป็นเกย์เป็นตุ๊ดไปนะแหละดีแล้ว อย่างน้อยพ่อแม่มี่เขาจะได้เบาใจว่าเราจะไม่ไปทำมิดีมิร้ายลูกสาวเขา” อภิชัยงัดเหตุผลที่พูดไปแล้วเป็นร้อยรอบมากล่อมแกมบังคบ นพหน้าหงิกแต่ก็ยอมรับเหตุผล แต่กระนั้นก็ไม่วายเอ่ยอีก
“ถ้าแฟนคลับผมรู้เข้าผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
อภิชัยถอนหายใจก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงจริงจังเมื่อเลี้ยวรถเข้ามาจอดในลานจอดรถของคอนโดมิเนียมเป้าหมาย
“เราจะยอมเสียคะแนนจากแฟนคลับรึว่าจะยอมไม่ไปเรียนเชฟอย่างที่หวังหา”
เท่านั้นนพก็หุบปากเลิกบ่นเป็นปลิดทิ้ง ก็เพราะความอยากเป็นเชฟนี่แหละที่ทำให้เขาต้องประท้วงพ่อแม่หนีออกมาอาศัยกับลูกพี่ลูกน้องในตอนนี้ ปริญญาตรีวิศวกรรมใบนี้เขาเรียนให้แด่บุพการีที่มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่เขาคิดผิดว่าเมื่อเรียนจบจะได้เป็นพ่อครัวทำอาหารอย่างที่ฝัน เนื่องจากบิดามารดาอยากให้เขารับช่วงต่อกิจการมากกว่าเสียเวลาไปเรียนทำอาหารเป็นเชฟต๊อกต๋อย
“นพนอนห้องนี้ละกันนะ” รมิดาเอ่ยขณะเดินนำชายหนุ่มไปยังห้องนอนอีกห้องซึ่งตัวเธอนั้นยึดครองห้องใหญ่ไว้เป็นทั้งห้องนอนและห้องทำงานไปแล้ว เมื่อพี่ชายจากไปหลังจากช่วยยกเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้ามา และลงแรงทั้งลาก ทั้งยกข้าวของมาเกือบค่อนวัน ประกอบกับถึงเวลาที่นัดกับแฟนสาวไว้ อภิชัยจึงไม่เสียเวลาอยู่ต่ออีก นพเมื่อไร้ซึ่งที่พึ่งจำต้องทำความคุ้นเคยกับรมิดาเพียงลำพัง ชายหนุ่มเดินตามร่างบางเข้าไปดูห้องนอนอย่างว่าง่าย เขาสำรวจห้องนอนที่ต้องพักพิงชั่วคราวค่อนข้างพอใจกับขนาดและทำเลของห้อง รมิดาหายออกไปครู่หนึ่งก่อนเข้ามาพร้อมกับเครื่องนอนเต็มอ้อมแขน
“นี่จ้ะ หมอนและผ้าห่ม ช่วยยกกระเป๋าไปวางที่อื่นก่อนนะเดี๋ยวพี่จะปูผ้าปูที่นอนให้” นพถึงกับอึ้งเมื่อหญิงสาวตรงหน้าจัดการกับเตียงของเขาทันทีทันใด
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับผมทำเองได้”
รมิดานิ่งมองหน้าชายหนุ่มรุ่นน้องนิดหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
“อย่างนั้นมาช่วยกันละกันนะ นพไปจับมุมโน้นละกัน”
ทั้งสองช่วยกันจัดห้องชุดของรมิดาจนเข้าที่เข้าทาง เป็นที่พอใจของเจ้าของห้องสาวยิ่งนัก เมื่อเสียแรงกาย ท้องก็ร้องขอพลังงานเพิ่ม รมิดาจึงชักชวนนพออกไปทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารใต้คอนโด ทั้งสองสั่งอาหารจานเดียวง่ายๆมาดับความหิว ระหว่างรออาหารที่สั่งรมิดาจึงอาศัยจังหวะนี้ชวนหนุ่มรุ่นน้องคุย เพื่อสร้างความสนิทสนม
“นพออกมาอยู่กะพี่แบบนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ว่าอะไรหรือ”
ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจนิดหนึ่งก่อนจะตอบ “จริงๆที่บ้านไม่เห็นด้วยหรอกครับ แต่ผมอยากไปเรียนทำอาหารที่ฝรั่งเศสจริงๆ ถ้าไม่ออกมาอยู่ข้างนอก คนไม่มีโอกาสไปสอบแน่ๆ พี่มี่น่าจะได้เจอพ่อแม่ผม ท่านเป็นพ่อแม่ที่เข้มงวดมาก อย่างได้กล้าไปทำอะไรขัดใจท่านเชียว”
“อย่างนี้ก็ลำบากแย่สินะ แล้วพี่จะโดนฆ่าไหมนี่ รับฝากลูกชายเขามาแล้ว” รมิดาเอ่ยทำเอาคนที่นั่งตรงข้ามใจแป้ว ก่อนจะเงยหน้าเพื่อพบว่าหญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้า
“ไม่ต้องห่วงจ้า ที่ล้อเล่น เรื่องที่เราอยากทำอะไรตามที่ฝันไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายนี่ จริงไหม”
นพยิ้มรับ ก่อนพึมพำขอบคุณรมิดาเบาๆ เขาเริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่น และเป็นมิตรจากหญิงสาวรุ่นพี่ ไม่แปลกเลยที่พี่หมีของเขาจะไว้ใจ และรักเพื่อนคนนี้ แต่ประโยคถัดมาของรมิดา ก็ทำให้เขาแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่ม
“มีแฟนหรือยังล่ะ”
“คะ...ครับ?” นพวางสีหน้าไม่ถูกกับคำถามที่ยิงตรงทะลุกลางปล้อง
“ยะ...ยัง หรอกครับ ยังไม่มี”
“งั้นรึ นพก็ออกจะหน้าตาดี ไม่มีใครมาสนใจเลยหรือ ให้พี่แนะนำให้ไหม เพื่อนเกย์พี่เยอะนะ ว่าแต่ชอบแบบไหนล่ะ” รมิดาร่ายยาว เธอชอบนักที่จะเป็นแม่สื่อให้ใครต่อใคร ไม่เกี่ยงเพศ
โชคดีของนพที่ไม่ต้องตอบคำถามที่ชวนขนลุกของรมิดา เพราะอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟพอดี เป็นระฆังคั่นเวลาอย่างเหมาะเจาะ ชายหนุ่มเลยมุ่งความสนใจไปกับมื้อเย็นตรงหน้า ตั้งใจจะละเลยคำถามเมื่อครู่ รมิดาเองก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเอาคำตอบจากเขา เพราะหล่อนกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้าเช่นกัน เพียงแค่วันแรกนพก็รู้สึกอึดอัดใจในการภารกิจเกย์ของเขาแล้ว ไม่รู้ว่าจะทนหลอกรมิดาไปนานแค่ไหน และเมื่อไหร่ที่เขาจะได้เป็นอิสระเสียที การอยู่ร่วมกันของสาวโสดตลอดกาล กับหนุ่มเนื้อหอมที่แอ้บสาว กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
เย็นวันหนึ่งรมิดาโดยอารยาและมุทิตาโทรตามให้ออกไปทานข้าวเย็นด้วยกัน เพื่อนสาวจึงได้มีโอกาสสังสรรค์กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง
“ไงคะคุณพยาบาล กว่าจะมาถึงนะ เป็นคนนัดแท้ๆ” อารยาแกล้งต่อว่าเพื่อนเสียงใสทันทีที่เห็นสาวสวยเดินเฉิดฉายเข้ามาในร้าน
อารยาลงทุนจองโต๊ะอาหารที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในร้านหรู บรรยากาศดี ที่ทั้งชาวไทยชาวต่างชาติ มาอุดหนุนกันจนแน่นขนัด
“จองโต๊ะตรงนี้ได้เลยหรือ เอยนี่เก่งจริงๆ” มุทิตาปะเหลาะเสียงหวานไม่สนใจเสียงบ่นก่อนหน้าของคนจองโต๊ะ เพราะเธอเป็นเจ้าแม่สายเสมออยู่แล้วนี่นา
“นิดหน่อยอยากกินอะไร ฉันกะเอยสั่งไปสองสามอย่างละ มีกุ้งกระเบื้อง น้ำพริกไข่ปู ละก็แกงส้มชะอมไข่” รมิดาร่ายเมนูอาหารไทยขึ้นชื่อของทางร้านที่หญิงสาวไม่เคยพลาดที่จะสั่งเมื่อมีโอกาสมาร้านนี้ มุทิตาพิจดูเมนูอาหารก่อนจะสั่งเพิ่มอีกสองอย่าง แล้วอารยาก็เปิดประเด็นสนทนาขึ้นทันที
“นิดหน่อย ตกลงว่าสถานที่แต่งงานที่โรงแรมนั่นน่ะ เต็มหมดแล้วนะ มีที่อื่นในใจอีกมั้ย”
ว่าที่เจ้าสาวได้ยินถึงกับถอนหายใจ
“กะแล้วว่าต้องเต็ม วันดีก็อย่างนี้คนแห่กันจัดงานเยอะ ห้องที่โรงแรมนั่นก็วิวสวยมากเลยด้วย การเดินทางก็สะดวก เฮ้อ ฉันไม่มีที่อื่นสำรองไว้หรอกเอย ฝากแกดูให้ด้วยละกัน แล้วยังไงฉันจะลองถามอ๊อฟดูว่ามีที่ไหนที่เขาชอบอีกบ้าง” มุทิตาเอ่ย ระยะนี้หญิงสาวอยู่ในช่วงเตรียมงานพิธีวิวาห์จึงยุ่งเป็นพิเศษ ที่คุยกันบ่อยที่สุดก็เป็นอารยาที่รับเป็นเวดดิ้งแพลนเนอร์ให้ แต่ก็คุยกันเสียแต่เรื่องงานแต่งเป็นหลัก
“โอเค อย่างนั้นนิดหน่อยก็ลองถามอ๊อฟดูละกัน ส่วนฉันจะให้ลูกน้องรวบรวมรายชื่อโรงแรมและสถานที่จัดงานที่อื่นมาให้เลือกละกัน อีกสองสามวันน่าจะได้เรื่อง” อารยาสรุป
รมิดาที่เงีบยฟังเพื่อนๆมาตลอดได้โอกาส เปลี่ยนเรื่อง
“จบเรื่องงานแต่งแล้วนะ มาอัพเดทชีวิตกันดีกว่า”
“เออ นั่นสิ มี่ย้ายเข้าไปคอนโดแล้วสินะ เราจะไปปาร์ตี้ย้ายบ้านใหม่กันดีไหม” มุทิตาเสนอแววตาเป็นประกาย
“น่าสนุกนะ แกว่างวันไหนละ” อารยาเอ่ยถามเจ้าบ้าน
“ก็ได้ตลอดแหละ ให้พวกแกว่างเถอะ” รมิดาตอบง่ายๆ อารยาจึงสรุปขอเลือกวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ให้สามสาวไปปาร์ตี้กัน แต่ก่อนที่คอนเซปต์งานจะถูกบรรยายออกมาจากปากเจ้าแม่อีเวนต์ รมิดาก็ต้องรีบขัดก่อน เพราะเธอยังไม่ได้บอกเพื่อนๆถึงเด็กน้อยที่รับเลี้ยงไว้เลย
“หา?” อารยาและมุทิตาประสานเสียงกัน เมื่อสิ้นคำพูดของรมิดา
“น้องชายหมีงั้นรึ”
“เป็นเกย์ด้วย”
“อืม ก็อย่างที่บอกมา ฉันเลยต้องบอกพวกแกก่อน” รมิดาพูดเรื่อยๆ
“แล้วเป็นเกย์ประเภทไหนล่ะ” อารยาซัก รมิดานิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะจัดให้นพอยู่ในประเภทเกย์คิง เพราะจากท่าทางการพูดจา การเดิน และพฤติกรรมอื่นๆ นพยังมีความเป็นชายแท้ๆอยู่มาก ไม่มีอาการหลุดสาวออกมาให้เห็น รึอาจจะไม่กล้าเปิดเผย อันนี้ก็คงต้องรอดูต่อไปรมิดาสรุปให้เพื่อนๆฟัง
“น่าสนใจดีนะ เด็กเดี๋ยวนี้รู้ตัวกันเร็วดี เพราะอย่างนี้รึเปล่าหมีเลยมาฝากแกไว้อ่ะ” อารยาถามความเห็น รมิดายักไหล่ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“แต่ยังไงเขาก็เป็นเด็กดีไม่ใช่หรือ จะชอบผู้หญิงรึมีแฟนเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่เรื่องผิดไม่ใช่หรือไง” มุทิตาเอ่ย
“มันก็จริงนะ แต่ว่าพ่อแม่บางคนใช่ว่าจะรับเรื่องนี้กันได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่แม่น่ะรักลูกไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงคนเป็นแม่ก็รัก ต่างจากคนเป็นพ่อ หญิงลูกผิดเพศผิดธรรมชาติแล้วละก็ ตัดพ่อตัดลูกกันเลยก็มีนะ” รมิดาเอ่ยเป็นการเป็นงาน เพื่อนพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเต็มที่
“แกพูดมาก็จริง แต่นี่แกไม่เสียดายประชาการชายแล้วหรือมี่ นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนแกคงก่นด่าโลกไปแล้วล่ะ” อารยาเอ่ยเย้า
“บ้าน่ะ เห็นอย่างนี้ฉันก็เลือกนะย่ะ เกย์น้อยกระดูกอ่อนฉันไม่เสียดายหรอกย่ะ อย่างฉันน่ะนะต้องกระดูกหนา อายุมากกว่าหรือเท่ากันเท่านั้น ไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้านว่ากินหญ้าอ่อนหรอกนะ” รมิดาเอ่ยเยาะ
“หมั่นไส้ ทำอย่างกะว่าแกมีตัวเลือกมากนักนี่” อารยาได้ช่องกัดเบาๆไปหนึ่งดอก
“ว้าย ยัยเอย หยาบคายนะ” รมิดาแกล้งค้อนให้เพื่อน ก่อนจะหลุดหัวเราะขำกันทั้งโต๊ะ
“ก็ใครจะโชคดีอย่างนิดหน่อยล่ะ ฉันไม่อยากโสดแล้วนา หล่นลงมาจากฟ้าสักคนเหอะ” รมิดาวิงวอนลึกในใจ
ความคิดเห็น