คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 วอร์มอัพ
ผู้หญิงที่ผ่านฝนผ่านหนาวมากว่า 30 ปี อย่างโดดเดี่ยว ไม่เคยสัมผัสชีวิตที่มีคนรัก วัยเรียนที่ผ่านไปกับกลุ่มเพื่อนสาว วัยทำงานที่เคร่งเครียด เพื่อนร่วมงานที่ล้วนแต่งงานมีครอบครัวแล้วทั้งนั้น หลายต่อหลายครั้งที่ไปร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนเก่าที่ทยอยแต่งงานสร้างครอบครัวกันไปทีละคนสองคน จนวันนี้วันที่ความเหงามันมากมายเกินจะทานทน ความโดดเดี่ยวเดียวดายมันช่างกัดกร่อนหัวใจ วัยเลขสองกำลังจะผ่านพ้นไป ย่างเข้าเลขสาม วัยกลางคนมันช่างหดหู่เสียเหลือเกิน
หญิงสาวเหม่อมองปฏิทินที่หมุนเวียนเปลี่ยนผัน
“วันนี้อีกแล้วสินะ วันคล้ายวันเกิดของฉัน”
นาฬิกาแขวนผนังเรือนเล็กชี้เข็มที่เที่ยงตรงของมันบอกเวลาเที่ยงคืน สิ้นสุดวันเก่าเข้าสู่วันใหม่ ลาทีอายุ 29 ที่อยู่ด้วยกันมาหนึ่งปี ยินดีต้อนรับอายุ 30 ปี อายุที่ไม่ใช่เพียงตัวเลขที่เพิ่มขึ้น แต่ทั้งคุณวุฒิและความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย หน้าที่การงานที่ไม่ใช่เพียงนักศึกษาปริญญาเอกอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ต้องตีสีหน้าวิชาการเพื่อรักษามาดวิชาชีพ
รมิดาเป่าเทียนที่ปักบนเค้กวันเกิดสีหวานภายในห้องพักใกล้มหาวิทยาลัย เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้นเป็นระยะให้เจ้าของวันเกิดพอได้ฉีกยิ้มได้บ้าง “สุขสันต์วันเกิดนะจ้ะ” หญิงสาวเอ่ยกับตนเอง
หากถามว่าของขวัญวันเกิดที่ต้องการคืออะไร รมิดาคงตะโกนลั่นออกไปอย่างไม่อายฟ้าดินว่า
“ช่วยส่งใครมารักฉันทีเถิด” แต่นั่นก็แค่ความคิดเท่านั้นให้ทำจริงๆ หญิงสาวคงโดนคนข้างห้องเขวี้ยงของใส่เป็นแน่ แต่กระนั้นคนโสดอย่างไรเสียก็อยากมีคนที่รักและดูแลเฉกเช่นคนมีรักคนอื่น
“ฉันไม่ได้ผิดปกตินะ” หญิงสาวแหวใส่เพื่อนสาวโสด-อารยา และเพื่อนสาวไม่โสด-มุทิตา ลั่นร้านกาแฟที่นัดเจอกันในมื้อเที่ยงวันรุ่งขี้น
“ผิดปกติสิ แกโสดมาตลอดทั้งชีวิตยังไม่ชินอีกหรือ จะยี่สิบรึสามสิบปี แกก็โสด เพราะฉะนั้นเลิกบ่นเรื่องนี้เสียที คิดว่าฉันไม่เบื่อที่จะฟังแกรึไง” อารยาพูดเร็วรัว รมิดาแสดงสีหน้าเจ็บปวดยกมือทาบอก
“เจ็บ...ปวด...แกนี่เก่งเรื่องซ้ำเติมคนนะ” รมิดาเอ่ย มุทิตามองเพื่อนทั้งสองสลับไปมาพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู เมื่อไหร่ๆเพื่อนของเธอทั้งสองก็ยังคงถกเถียงเรื่องความโสดได้ไม่รู้เบื่อ
“ตอนอยู่อังกฤษไม่มีใครมาขายขนมจีบจริงๆหรือรามี่”มุทิตาเอ่ยถามซื่อ อาจารย์สาวนักเรียนนอกตีสีหน้าเบื่อหน่าย
“ไม่มี” รมิดาตอบชัดถ้อยชัดคำไม่มีลังเล
“อาจมีคนที่สนใจแกอยู่แต่แกไม่รู้ หรือเผลอไปปิดโอกาสเขารึเปล่า” มุทิตายังเค้นต่อไป
“ไม่มี จะให้พูดอีกกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ผู้ชายที่ฉันเจอะเจอชายแท้ก็น้อยนิดแถมมีเจ้าของแล้วอีกต่างหาก โสดก็มีอยู่หรอกนะแต่ไม่ได้มาตรฐานว่ะ เอาไม่ลงจริงๆ ที่สนิทๆก็มีแต่ชายรักชายและชายใจหญิง ฉันมันไม่ใช่สเปคทั้งชายไทยชายเทศว่ะ ฟ้าคงลิขิตแล้วให้ฉันต้องโสด อิจฉาแกว่ะนิดหน่อยอีกไม่กี่เดือนก็จะสลัดคำว่านางสาวทิ้งเสียแล้ว เฮ้อ”
รมิดาบ่นยาวเฟื้อยแล้วก็ยกแก้วลาเต้เย็นมาจิบ มุทิตามองเพื่อตาปริบๆไม่คิดว่าอาจารย์สาวร่างสูงระหง ใบหน้าสวยสะอาด อัธยาศัยดีจะกลายเป็น “คนที่เหลือ”เช่นนี้
“ชอบเพลงนี้ว่ะ” อารยาเรียกให้เพื่อนๆเงียบเสียงฟังเพลงที่กำลังเล่นอยู่ในร้าน
จะมีไหม เพียงแค่ใครสักคนที่อยู่บนดาวเคราะห์นี้
มีไหมใครสักคน มาแบ่งความเหงาฉันไป
คนที่คอยจับมือ ที่ให้ไหล่แอบอิงเมื่อยามเหนื่อยใจ
จะมีสักคนบ้างไหม บนดาวเคราะห์ดวงเดียวกัน
หมายเหตุ เพลง หนึ่งความเหงาบนดาวเคราะห์-เบล สุพล
“เกลียดเพลงนี้ว่ะ ดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่มีหรอกเว้ยต้องดาวเคราะห์อื่นแล้วล่ะ” รมิดาโวยเมื่อฟังได้ความว่าเพลงที่เพื่อนให้ฟังนั้นคือเพลงอะไร
“ไอ้นี่ ไม่มีความโรแมนติกเลย เนอะนิดหน่อยเนอะ” อารยาพยักพเยิดไปทางว่าที่เจ้าสาว มุทิตาได้เพียงแค่ยิ้มๆไม่ตอบอะไรตรงข้ามกับรมิดาที่ขยับตัวเพื่อจะโต้กลับ เสียงโทรศัพท์ของมุทิตาดังขึ้นเป็นการเปิดโอกาสให้มวยคู่เอกได้เริ่มออกหมัดใส่กัน หญิงสาวยิ้มกับชื่อสายเรียกเข้าก่อนจะขอตัวลุกออกไปหาที่เงียบๆคุย
“ว่าที่สามีละสิ” รมิดาเหน็บไล่หลัง มุทิตาหันมาแลบลิ้นทีหนึ่งก่อนจะหายลับไป
“น่าเบื่อว่ะ” รมิดาบ่นไปตามประสา หญิงสาวมักจะแสดงอาการหมั่นไส้คู่รักออกนอกหน้าเสมอๆ ต่างกับอารยาที่แม้จะไม่สนใจเรื่องคู่ครองแล้วแต่กลับนิยมชมชอบคู่รักที่หวานใส่กัน
“แกก็เป็นเสียอย่างนี้นี่เล่า ถึงไม่มีแฟนเสียที” อารยาเอ็ด รมิดาแสร้งทำหูทวนลมนึกก่นว่าเพื่อนในใจ “แกก็ใช่ว่าจะมีนะยัยเอย” ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นการฉลองวันเกิดครบรอบอายุสามสิบปีของตน
“ตกลงเย็นนี้ว่าไงจะไปเลี้ยงฉลองวันเกิดฉันที่ไหนดี”
“ไม่ได้ว่ะ ขอโทษทีเย็นนี้มีงานแต่งที่รับไว้ต้องไปจัดการ” ที่ปรึกษาจัดงานแต่งงานกล่าวอย่างลุแก่โทษ รมิดาแอบน้อยใจแต่ก็พยักหน้าเข้าใจ สักครู่มุทิตาก็เดินกลับเข้ามา อาจารย์สาวยิ้มร่าเอ่ยถามเพื่อนอย่างมีความหวัง
“นิดหน่อยล่ะเย็นนี้ไปหาอะไรกินกันไหม” รมิดาเอ่ย แต่เพื่อนที่กำลังจะแต่งงานกลับหน้าสลดลงทันที
“ขอโทษนะรามี่ เย็นนี้ฉันต้องไปเอาแหวนที่ส่งแก้เมื่อวันก่อนกับอ๊อฟน่ะ”
พยาบาลสาวเอ่ยถึงธุระที่ต้องไปจัดการกับว่าที่เจ้าบ่าว เป็นอีกครั้งที่รมิดาพยักหน้าจำนนด้วยหัวใจที่ลีบเล็กลง มุทิตาเอื้อมมือมาวางที่หน้าขาของเพื่อนอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรๆฉันเข้าใจ” รมิดาแสร้งยิ้มก่อนทำทีเป็นดูนาฬิกาข้อมือ
“ฉันต้องไปก่อนนะมีสอนตอนบ่าย ไว้เจอกันละกันนะจ้ะ” ว่าแล้วก็ฉวยกระเป๋าสะพายเดินออกไปทันที ลับหลังเพื่อนๆน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็รินไหลอย่างมิอาจห้าม หญิงสาวกระพริบตาถี่แหงนหน้ามองบนท้องฟ้าเพื่อกั้นน้ำตาที่เอ้อล้น
“ไม่ได้ๆรามี่เธอจะมาร้องห่มร้องไห้อะไรกะเรื่องแค่นี้ สามสิบแล้วนะแกไม่ใช่เด็กๆเสียหน่อย”
หลังเสร็จสิ้นภาระกิจการสอนและประชุมงานกับเพื่อนอาจารย์แล้ว รมิดาเลี่ยงการสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานที่อดีตเคยเป็นอาจารย์ของเธอสมัยเรียนปริญญาตรี เพื่อกลับมาปลดปล่อยความเหนื่อยล้าที่ห้องพักที่เต็มไปด้วยกล่องบรรจุข้าวของที่ปิดหีบห่อไว้อย่างดี
รมิดาโยนกระเป๋าและเอกสารลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามมา
“เฮ้อ หมดไปอีกวันละ เหนื่อยชะมัด” หญิงสาวหลับตาลงตั้งใจจะงีบสักนิดก่อนจะลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่กี่นาทีที่รมิดาหลับตาลงเสียงโทรศัพท์มือถือที่แทบจะไม่เปิดเสียงเรียกเข้าของเธอก็แผดเสียงร้องเป็นเพลงป็อบสัญชาติเกาหลีเพลงหนึ่งเรียกให้เจ้าของโทรศัพท์จำต้องลืมตาควานหามันจากกระเป๋าสะพายใบเล็กราคาแพง
“จ้าหมี ว่าไงเอ่ย”
หมี หรือ อภิชัย เพื่อนผู้ชายที่เป็นเพื่อนจริงๆของเธอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมโทรเข้ามา เสียงหวานกรอกกลับไปอย่างสดใส อภิชัยไม่เคยลืมวันเกิดเธอสักปี เขาและเธอสนิทสนมกันมากราวกับจะรู้ใจกันไปเสียทุกเรื่อง หลายต่อหลายคนคิดว่าเธอและเขาอาจลงเอยเป็นคู่รักกัน แต่เปล่าเลยจนแล้วจนรอด รมิดาก็เป็นได้เพียงเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุด ที่ปรึกษาชั้นดีของอภิชัยเท่านั้น และมีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจและเข้าข้างเธอเสมอมา
“สุขสันต์วันเกิดนะมี่ มีความสุขมากๆนะ เอาล่ะอยากฟังคำอวยพรอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”
รมิดายิ้มกว้างแม้ปลายสายจะไม่เห็นก็ตาม
“หมีอ่ะแบบนี้ทุกทีเลย อยากอวยพรอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า ปีที่แล้วเราก็ให้อวยพรเรื่องความรักไปแล้วจำได้ไหม แล้วไงล่ะจนตอนนี้ผ่านไปหนึ่งปีคู่เราก็ยังไม่มา”
“ฮ่าๆ มี่นี่นะ เอาล่ะตั้งใจฟังนะเราจะอวยพรละ อะแฮ่ม”
อภิชัยกระแอมก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“รามี่ รมิดา คุณเป็นคนดี จิตใจดี ปฏิบัติตนอยู่ในทางที่ดีเสมอมา กระผม อภิชัย เพื่อนรักเคียงบ่าเคียงไหล่ของคุณขออวยพรให้คุณพบเจอแต่สิ่งดีๆ คนดีๆ ที่จะรักและดูและคุณไม่ให้เหงาอีกต่อไป”
รมิดาที่พนมมือรับคำอวยพรราวกับรับศีลจากพระสงฆ์ยกมือไหว้เหนือศีรษะ
“สาธุ ขอให้ได้แต่งงานด้วยได้ไหม อย่าให้แห้งเหี่ยวตายอย่างโดดเดี่ยวมีหมาอัลเซเชี่ยนมาแทะศพ”
อภิชัยหัวเราะลั่นท้องคัดท้องแข็ง เอากะเพื่อนสาวเขาสิ ใครจะรู้ว่าเบื้องหน้าสาวนักวิชาการคนนี้จะมีเบื้องหลังที่หลุดโลกแห่งความจริงได้ขนาดนี้ คงเป็นเพราะความสนิทชิดเชื้อกระมังที่ทำให้เธอเปิดเผยตัวตนด้านนี้ออกมาให้เขาได้สัมผัส
“ได้ๆขอให้ได้แต่งงาน มีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง” เขากล่าวก่อนรอฟังว่าเพื่อนของเขาจะเรียกร้องอะไรอีก พลางคิดในใจว่าปีหน้าเขาคงต้องร่างคำอวยพรให้เธอครบทุกด้านทั้งการงานการเงินและความรักกระมัง
“ขอบใจจ้ะแค่นี้เราก็พอใจละ อิอิ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่เป็นจริงก็ตาม” รมิดาเอ่ยเจือเสียงเศร้า ตามประสามสาวขี้เหงา
“ทำไมจะไม่เป็นจริงล่ะ มี่ออกจะเพอร์เฟคขนาดนี้ต้องไปโดนใจใครบ้างละน่า” อภิชัยเอ่ยให้กำลังใจ รมิดาอ้าปากจะค้าน แต่ก็ตัดสินใจไม่บ่นดีกว่าวันนี้ก็บ่นเรื่องนี้กับอารยามาทั้งเที่ยงแล้วคร้านจะเอ่ยเรื่องเดิมซ้ำๆ
“หมี ฉันว่านะอย่างฉันต้องให้เนื้อคู่มันหล่นลงมาใส่หัวเลยดีกว่า หมีว่าอย่างนั้นไหม เข้าท่าดีนะ วันๆไม่เจอใคร ไม่ปิ๊งใคร ไม่จีบใคร ไม่มีใครมาจีบ อย่างนี้พระพรหมอาจเวทนาจับเขาโยนลงมาใส่หัวฉันเลยก็ได้...เพี้ยง...ขอให้หล่นลงมาจริงๆเถิด”
อภิชัยส่ายหัวอย่างระอาปนขำกับความคิดของเพื่อนที่โตแต่ตัวจริงๆ
“อะไรๆรู้นะว่าแอบส่ายหน้าน่ะ ไม่คิดเหมือนฉันก็แล้วไป ว่าแต่โทรมาทั้งทีไม่มีอะไรอัพเดทรึ”
รมิดาเอ่ย เพราะทุกครั้งที่คุยกันประเด็นหลักๆมักจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอภิชัยทายาทเจ้าของธุรกิจโรงแรมที่พักในเครือวรรธนพิสิทธ์ โรงแรมระดับเจ็ดดาวของประเทศไทย กับทันตแพทย์สาววิชชุดาคนรักของเขา
“ช่วงนี้ก็ดี แต่เรามีเรื่องจะรบกวนมี่นิดหนึ่ง คือว่า...คอนโดของมี่พร้อมจะให้เข้าอยู่เมื่อไหร่หรือ”
“อาทิตย์หน้านี้จ้ะ หมีมีอะไรรึ” รมิดายกตัวขึ้นเปิดโทรทัศน์
“คือเรารบกวนฝากน้องไปพักด้วยสักระยะสิ” อภิชัยเอ่ยอย่างลังเล
“หือ? มีอะไรรึเปล่าหมี”
“ก็...นิดหน่อยตอนนี้เราไม่สะดวกที่จะอธิบายนะแต่ว่ามี่จะสะดวกหรือเปล่าล่ะ” อภิชัยเลี่ยงจะตอบสายตาเขาเพ่งมองไปยังชายหนุ่มอีกคนที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์เพ่งมองผ่านมายังเขาที่คุยโทรศัพท์อยู่อีกมุมของห้อง
“ก็ไม่น่าจะมีปัญหานะ น้องผู้หญิงหรือ” รมิดาเอ่ยถามไปเรื่อยๆมือก็กดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย อภิชัยต่างหากที่ถึงกับสะอึก ตายละวาเขาก็ลืมคิดไปว่าเพื่อนสนิทคนนี้ของเขาเป็นผู้หญิง ด้วยเพราะคุยกันได้ทุกเรื่องจริงๆจึงลืมเรื่องสำคัญนี้ไป นักธุริจหนุ่มหันไปมองชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าอีกครั้ง คราวนี้ทั้งคู่สบตากันคนหนึ่งแววตาข่มขู่บังคับ อีกคนสายตาปฏิเสธเต็มที่
“เป็นเกย์อ่ะ...มี่คงไม่มีปัญหาใช่ไหม เพื่อนเกย์เยอะไม่ใช่หรือ”
อภิชัยตอบส่งๆไปทำเอาคนที่รอฟังตกใจจนหล่นจากเก้าอี้ก้นจ้ำเบ้า
“เสียงอะไรน่ะหมี” รมิดาเอ่ยถามเมื่อได้ยินเสียงโครมรามผ่านเข้ามา อภิชัยกลั้นหัวเราะก่อนจะตอบไปว่า
“ของหล่นน่ะ ตกลงมี่ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ขอฝากน้องไว้สักระยะนะ” ชายหนุ่มยังคงเร่งเอาคำตอบจากเพื่อน รมิดาพยักหน้าก่อนจะเอ่ยตกลง
“ได้สิไม่มีปัญหา น้องที่ว่านี่ญาติรึรุ่นน้อง” หญิงสาวเอ่ยถามเพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นลูกชายคนเดียว น้องที่ว่านี่จึงไม่แน่ใจในสถานะความสัมพันธ์
“อืม...ลูกพี่ลูกน้องน่ะ เด็กน้อยมีปัญหา เราฝากไว้กับมี่สักพักนะ จัดการอะไรๆเสร็จแล้วเราจะไปรับกลับ ขอบใจมี่มากนะ แล้วไว้เราจะโทรไปหาใหม่ ขอตัวไปเก็บของก่อนนะ”
อภิชัยรวบรัดตัดความก่อนวางสายไปเมื่อเห็นว่านพ ชายหนุ่มญาติผู้น้องมายืนข้างๆสายตาเอาเรื่องส่งมาอย่างมาดหมาย
ความคิดเห็น