ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I still wanna get marry: ฉันคนนี้ก็ยังอยากแต่งงานนะ

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 วอร์มอัพ

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 54


    ผู้หญิงที่ผ่านฝนผ่านหนาวมากว่า 30 ปี อย่างโดดเดี่ยว ไม่เคยสัมผัสชีวิตที่มีคนรัก วัยเรียนที่ผ่านไปกับกลุ่มเพื่อนสาว วัยทำงานที่เคร่งเครียด เพื่อนร่วมงานที่ล้วนแต่งงานมีครอบครัวแล้วทั้งนั้น หลายต่อหลายครั้งที่ไปร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนเก่าที่ทยอยแต่งงานสร้างครอบครัวกันไปทีละคนสองคน จนวันนี้วันที่ความเหงามันมากมายเกินจะทานทน ความโดดเดี่ยวเดียวดายมันช่างกัดกร่อนหัวใจ วัยเลขสองกำลังจะผ่านพ้นไป ย่างเข้าเลขสาม วัยกลางคนมันช่างหดหู่เสียเหลือเกิน

    หญิงสาวเหม่อมองปฏิทินที่หมุนเวียนเปลี่ยนผัน

    “วันนี้อีกแล้วสินะ วันคล้ายวันเกิดของฉัน”

    นาฬิกาแขวนผนังเรือนเล็กชี้เข็มที่เที่ยงตรงของมันบอกเวลาเที่ยงคืน สิ้นสุดวันเก่าเข้าสู่วันใหม่ ลาทีอายุ 29 ที่อยู่ด้วยกันมาหนึ่งปี ยินดีต้อนรับอายุ 30 ปี อายุที่ไม่ใช่เพียงตัวเลขที่เพิ่มขึ้น แต่ทั้งคุณวุฒิและความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย หน้าที่การงานที่ไม่ใช่เพียงนักศึกษาปริญญาเอกอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ต้องตีสีหน้าวิชาการเพื่อรักษามาดวิชาชีพ

                รมิดาเป่าเทียนที่ปักบนเค้กวันเกิดสีหวานภายในห้องพักใกล้มหาวิทยาลัย เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้นเป็นระยะให้เจ้าของวันเกิดพอได้ฉีกยิ้มได้บ้าง “สุขสันต์วันเกิดนะจ้ะ” หญิงสาวเอ่ยกับตนเอง

                หากถามว่าของขวัญวันเกิดที่ต้องการคืออะไร รมิดาคงตะโกนลั่นออกไปอย่างไม่อายฟ้าดินว่า

    “ช่วยส่งใครมารักฉันทีเถิด” แต่นั่นก็แค่ความคิดเท่านั้นให้ทำจริงๆ หญิงสาวคงโดนคนข้างห้องเขวี้ยงของใส่เป็นแน่ แต่กระนั้นคนโสดอย่างไรเสียก็อยากมีคนที่รักและดูแลเฉกเช่นคนมีรักคนอื่น

                “ฉันไม่ได้ผิดปกตินะ” หญิงสาวแหวใส่เพื่อนสาวโสด-อารยา และเพื่อนสาวไม่โสด-มุทิตา ลั่นร้านกาแฟที่นัดเจอกันในมื้อเที่ยงวันรุ่งขี้น

                “ผิดปกติสิ แกโสดมาตลอดทั้งชีวิตยังไม่ชินอีกหรือ จะยี่สิบรึสามสิบปี แกก็โสด เพราะฉะนั้นเลิกบ่นเรื่องนี้เสียที คิดว่าฉันไม่เบื่อที่จะฟังแกรึไง” อารยาพูดเร็วรัว รมิดาแสดงสีหน้าเจ็บปวดยกมือทาบอก

                “เจ็บ...ปวด...แกนี่เก่งเรื่องซ้ำเติมคนนะ” รมิดาเอ่ย มุทิตามองเพื่อนทั้งสองสลับไปมาพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู เมื่อไหร่ๆเพื่อนของเธอทั้งสองก็ยังคงถกเถียงเรื่องความโสดได้ไม่รู้เบื่อ

                “ตอนอยู่อังกฤษไม่มีใครมาขายขนมจีบจริงๆหรือรามี่”มุทิตาเอ่ยถามซื่อ อาจารย์สาวนักเรียนนอกตีสีหน้าเบื่อหน่าย

                “ไม่มี” รมิดาตอบชัดถ้อยชัดคำไม่มีลังเล

                “อาจมีคนที่สนใจแกอยู่แต่แกไม่รู้ หรือเผลอไปปิดโอกาสเขารึเปล่า” มุทิตายังเค้นต่อไป

                “ไม่มี จะให้พูดอีกกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ผู้ชายที่ฉันเจอะเจอชายแท้ก็น้อยนิดแถมมีเจ้าของแล้วอีกต่างหาก โสดก็มีอยู่หรอกนะแต่ไม่ได้มาตรฐานว่ะ เอาไม่ลงจริงๆ ที่สนิทๆก็มีแต่ชายรักชายและชายใจหญิง ฉันมันไม่ใช่สเปคทั้งชายไทยชายเทศว่ะ ฟ้าคงลิขิตแล้วให้ฉันต้องโสด อิจฉาแกว่ะนิดหน่อยอีกไม่กี่เดือนก็จะสลัดคำว่านางสาวทิ้งเสียแล้ว เฮ้อ”

                รมิดาบ่นยาวเฟื้อยแล้วก็ยกแก้วลาเต้เย็นมาจิบ มุทิตามองเพื่อตาปริบๆไม่คิดว่าอาจารย์สาวร่างสูงระหง ใบหน้าสวยสะอาด อัธยาศัยดีจะกลายเป็น “คนที่เหลือ”เช่นนี้

                “ชอบเพลงนี้ว่ะ” อารยาเรียกให้เพื่อนๆเงียบเสียงฟังเพลงที่กำลังเล่นอยู่ในร้าน

    จะมีไหม เพียงแค่ใครสักคนที่อยู่บนดาวเคราะห์นี้
    มีไหมใครสักคน มาแบ่งความเหงาฉันไป
    คนที่คอยจับมือ ที่ให้ไหล่แอบอิงเมื่อยามเหนื่อยใจ
    จะมีสักคนบ้างไหม บนดาวเคราะห์ดวงเดียวกัน


    หมายเหตุ เพลง หนึ่งความเหงาบนดาวเคราะห์-เบล สุพล

    “เกลียดเพลงนี้ว่ะ ดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่มีหรอกเว้ยต้องดาวเคราะห์อื่นแล้วล่ะ” รมิดาโวยเมื่อฟังได้ความว่าเพลงที่เพื่อนให้ฟังนั้นคือเพลงอะไร

    “ไอ้นี่ ไม่มีความโรแมนติกเลย เนอะนิดหน่อยเนอะ” อารยาพยักพเยิดไปทางว่าที่เจ้าสาว มุทิตาได้เพียงแค่ยิ้มๆไม่ตอบอะไรตรงข้ามกับรมิดาที่ขยับตัวเพื่อจะโต้กลับ เสียงโทรศัพท์ของมุทิตาดังขึ้นเป็นการเปิดโอกาสให้มวยคู่เอกได้เริ่มออกหมัดใส่กัน หญิงสาวยิ้มกับชื่อสายเรียกเข้าก่อนจะขอตัวลุกออกไปหาที่เงียบๆคุย

    “ว่าที่สามีละสิ” รมิดาเหน็บไล่หลัง มุทิตาหันมาแลบลิ้นทีหนึ่งก่อนจะหายลับไป

    “น่าเบื่อว่ะ” รมิดาบ่นไปตามประสา หญิงสาวมักจะแสดงอาการหมั่นไส้คู่รักออกนอกหน้าเสมอๆ ต่างกับอารยาที่แม้จะไม่สนใจเรื่องคู่ครองแล้วแต่กลับนิยมชมชอบคู่รักที่หวานใส่กัน

    “แกก็เป็นเสียอย่างนี้นี่เล่า ถึงไม่มีแฟนเสียที” อารยาเอ็ด รมิดาแสร้งทำหูทวนลมนึกก่นว่าเพื่อนในใจ “แกก็ใช่ว่าจะมีนะยัยเอย” ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นการฉลองวันเกิดครบรอบอายุสามสิบปีของตน

    “ตกลงเย็นนี้ว่าไงจะไปเลี้ยงฉลองวันเกิดฉันที่ไหนดี”

    “ไม่ได้ว่ะ ขอโทษทีเย็นนี้มีงานแต่งที่รับไว้ต้องไปจัดการ” ที่ปรึกษาจัดงานแต่งงานกล่าวอย่างลุแก่โทษ รมิดาแอบน้อยใจแต่ก็พยักหน้าเข้าใจ สักครู่มุทิตาก็เดินกลับเข้ามา อาจารย์สาวยิ้มร่าเอ่ยถามเพื่อนอย่างมีความหวัง

    “นิดหน่อยล่ะเย็นนี้ไปหาอะไรกินกันไหม” รมิดาเอ่ย แต่เพื่อนที่กำลังจะแต่งงานกลับหน้าสลดลงทันที

    “ขอโทษนะรามี่ เย็นนี้ฉันต้องไปเอาแหวนที่ส่งแก้เมื่อวันก่อนกับอ๊อฟน่ะ”

    พยาบาลสาวเอ่ยถึงธุระที่ต้องไปจัดการกับว่าที่เจ้าบ่าว เป็นอีกครั้งที่รมิดาพยักหน้าจำนนด้วยหัวใจที่ลีบเล็กลง มุทิตาเอื้อมมือมาวางที่หน้าขาของเพื่อนอย่างรู้สึกผิด

    “ไม่เป็นไรๆฉันเข้าใจ” รมิดาแสร้งยิ้มก่อนทำทีเป็นดูนาฬิกาข้อมือ

    “ฉันต้องไปก่อนนะมีสอนตอนบ่าย ไว้เจอกันละกันนะจ้ะ” ว่าแล้วก็ฉวยกระเป๋าสะพายเดินออกไปทันที ลับหลังเพื่อนๆน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็รินไหลอย่างมิอาจห้าม หญิงสาวกระพริบตาถี่แหงนหน้ามองบนท้องฟ้าเพื่อกั้นน้ำตาที่เอ้อล้น

    “ไม่ได้ๆรามี่เธอจะมาร้องห่มร้องไห้อะไรกะเรื่องแค่นี้ สามสิบแล้วนะแกไม่ใช่เด็กๆเสียหน่อย”

    หลังเสร็จสิ้นภาระกิจการสอนและประชุมงานกับเพื่อนอาจารย์แล้ว รมิดาเลี่ยงการสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานที่อดีตเคยเป็นอาจารย์ของเธอสมัยเรียนปริญญาตรี เพื่อกลับมาปลดปล่อยความเหนื่อยล้าที่ห้องพักที่เต็มไปด้วยกล่องบรรจุข้าวของที่ปิดหีบห่อไว้อย่างดี

    รมิดาโยนกระเป๋าและเอกสารลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตามมา

    “เฮ้อ หมดไปอีกวันละ เหนื่อยชะมัด” หญิงสาวหลับตาลงตั้งใจจะงีบสักนิดก่อนจะลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่กี่นาทีที่รมิดาหลับตาลงเสียงโทรศัพท์มือถือที่แทบจะไม่เปิดเสียงเรียกเข้าของเธอก็แผดเสียงร้องเป็นเพลงป็อบสัญชาติเกาหลีเพลงหนึ่งเรียกให้เจ้าของโทรศัพท์จำต้องลืมตาควานหามันจากกระเป๋าสะพายใบเล็กราคาแพง

    “จ้าหมี ว่าไงเอ่ย”

    หมี หรือ อภิชัย เพื่อนผู้ชายที่เป็นเพื่อนจริงๆของเธอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมโทรเข้ามา เสียงหวานกรอกกลับไปอย่างสดใส อภิชัยไม่เคยลืมวันเกิดเธอสักปี เขาและเธอสนิทสนมกันมากราวกับจะรู้ใจกันไปเสียทุกเรื่อง หลายต่อหลายคนคิดว่าเธอและเขาอาจลงเอยเป็นคู่รักกัน แต่เปล่าเลยจนแล้วจนรอด รมิดาก็เป็นได้เพียงเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุด ที่ปรึกษาชั้นดีของอภิชัยเท่านั้น และมีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจและเข้าข้างเธอเสมอมา

    “สุขสันต์วันเกิดนะมี่ มีความสุขมากๆนะ เอาล่ะอยากฟังคำอวยพรอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

    รมิดายิ้มกว้างแม้ปลายสายจะไม่เห็นก็ตาม

    “หมีอ่ะแบบนี้ทุกทีเลย อยากอวยพรอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า ปีที่แล้วเราก็ให้อวยพรเรื่องความรักไปแล้วจำได้ไหม แล้วไงล่ะจนตอนนี้ผ่านไปหนึ่งปีคู่เราก็ยังไม่มา”

    “ฮ่าๆ มี่นี่นะ เอาล่ะตั้งใจฟังนะเราจะอวยพรละ อะแฮ่ม”

    อภิชัยกระแอมก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “รามี่ รมิดา คุณเป็นคนดี จิตใจดี ปฏิบัติตนอยู่ในทางที่ดีเสมอมา กระผม อภิชัย เพื่อนรักเคียงบ่าเคียงไหล่ของคุณขออวยพรให้คุณพบเจอแต่สิ่งดีๆ คนดีๆ ที่จะรักและดูและคุณไม่ให้เหงาอีกต่อไป”

    รมิดาที่พนมมือรับคำอวยพรราวกับรับศีลจากพระสงฆ์ยกมือไหว้เหนือศีรษะ

    “สาธุ ขอให้ได้แต่งงานด้วยได้ไหม อย่าให้แห้งเหี่ยวตายอย่างโดดเดี่ยวมีหมาอัลเซเชี่ยนมาแทะศพ”

    อภิชัยหัวเราะลั่นท้องคัดท้องแข็ง เอากะเพื่อนสาวเขาสิ ใครจะรู้ว่าเบื้องหน้าสาวนักวิชาการคนนี้จะมีเบื้องหลังที่หลุดโลกแห่งความจริงได้ขนาดนี้ คงเป็นเพราะความสนิทชิดเชื้อกระมังที่ทำให้เธอเปิดเผยตัวตนด้านนี้ออกมาให้เขาได้สัมผัส

    “ได้ๆขอให้ได้แต่งงาน มีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง” เขากล่าวก่อนรอฟังว่าเพื่อนของเขาจะเรียกร้องอะไรอีก พลางคิดในใจว่าปีหน้าเขาคงต้องร่างคำอวยพรให้เธอครบทุกด้านทั้งการงานการเงินและความรักกระมัง

    “ขอบใจจ้ะแค่นี้เราก็พอใจละ อิอิ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่เป็นจริงก็ตาม” รมิดาเอ่ยเจือเสียงเศร้า ตามประสามสาวขี้เหงา

    “ทำไมจะไม่เป็นจริงล่ะ มี่ออกจะเพอร์เฟคขนาดนี้ต้องไปโดนใจใครบ้างละน่า” อภิชัยเอ่ยให้กำลังใจ รมิดาอ้าปากจะค้าน แต่ก็ตัดสินใจไม่บ่นดีกว่าวันนี้ก็บ่นเรื่องนี้กับอารยามาทั้งเที่ยงแล้วคร้านจะเอ่ยเรื่องเดิมซ้ำๆ

    “หมี ฉันว่านะอย่างฉันต้องให้เนื้อคู่มันหล่นลงมาใส่หัวเลยดีกว่า หมีว่าอย่างนั้นไหม เข้าท่าดีนะ วันๆไม่เจอใคร ไม่ปิ๊งใคร ไม่จีบใคร ไม่มีใครมาจีบ อย่างนี้พระพรหมอาจเวทนาจับเขาโยนลงมาใส่หัวฉันเลยก็ได้...เพี้ยง...ขอให้หล่นลงมาจริงๆเถิด”

    อภิชัยส่ายหัวอย่างระอาปนขำกับความคิดของเพื่อนที่โตแต่ตัวจริงๆ

    “อะไรๆรู้นะว่าแอบส่ายหน้าน่ะ ไม่คิดเหมือนฉันก็แล้วไป ว่าแต่โทรมาทั้งทีไม่มีอะไรอัพเดทรึ”

    รมิดาเอ่ย เพราะทุกครั้งที่คุยกันประเด็นหลักๆมักจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอภิชัยทายาทเจ้าของธุรกิจโรงแรมที่พักในเครือวรรธนพิสิทธ์ โรงแรมระดับเจ็ดดาวของประเทศไทย กับทันตแพทย์สาววิชชุดาคนรักของเขา

    “ช่วงนี้ก็ดี แต่เรามีเรื่องจะรบกวนมี่นิดหนึ่ง คือว่า...คอนโดของมี่พร้อมจะให้เข้าอยู่เมื่อไหร่หรือ”

    “อาทิตย์หน้านี้จ้ะ หมีมีอะไรรึ” รมิดายกตัวขึ้นเปิดโทรทัศน์

    “คือเรารบกวนฝากน้องไปพักด้วยสักระยะสิ” อภิชัยเอ่ยอย่างลังเล

    “หือ? มีอะไรรึเปล่าหมี”

    “ก็...นิดหน่อยตอนนี้เราไม่สะดวกที่จะอธิบายนะแต่ว่ามี่จะสะดวกหรือเปล่าล่ะ” อภิชัยเลี่ยงจะตอบสายตาเขาเพ่งมองไปยังชายหนุ่มอีกคนที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์เพ่งมองผ่านมายังเขาที่คุยโทรศัพท์อยู่อีกมุมของห้อง

    “ก็ไม่น่าจะมีปัญหานะ น้องผู้หญิงหรือ” รมิดาเอ่ยถามไปเรื่อยๆมือก็กดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย อภิชัยต่างหากที่ถึงกับสะอึก ตายละวาเขาก็ลืมคิดไปว่าเพื่อนสนิทคนนี้ของเขาเป็นผู้หญิง ด้วยเพราะคุยกันได้ทุกเรื่องจริงๆจึงลืมเรื่องสำคัญนี้ไป นักธุริจหนุ่มหันไปมองชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าอีกครั้ง คราวนี้ทั้งคู่สบตากันคนหนึ่งแววตาข่มขู่บังคับ อีกคนสายตาปฏิเสธเต็มที่

    “เป็นเกย์อ่ะ...มี่คงไม่มีปัญหาใช่ไหม เพื่อนเกย์เยอะไม่ใช่หรือ”

    อภิชัยตอบส่งๆไปทำเอาคนที่รอฟังตกใจจนหล่นจากเก้าอี้ก้นจ้ำเบ้า

    “เสียงอะไรน่ะหมี” รมิดาเอ่ยถามเมื่อได้ยินเสียงโครมรามผ่านเข้ามา อภิชัยกลั้นหัวเราะก่อนจะตอบไปว่า

    “ของหล่นน่ะ ตกลงมี่ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ขอฝากน้องไว้สักระยะนะ” ชายหนุ่มยังคงเร่งเอาคำตอบจากเพื่อน รมิดาพยักหน้าก่อนจะเอ่ยตกลง

    “ได้สิไม่มีปัญหา น้องที่ว่านี่ญาติรึรุ่นน้อง” หญิงสาวเอ่ยถามเพราะรู้ว่าเพื่อนเป็นลูกชายคนเดียว น้องที่ว่านี่จึงไม่แน่ใจในสถานะความสัมพันธ์

    “อืม...ลูกพี่ลูกน้องน่ะ เด็กน้อยมีปัญหา เราฝากไว้กับมี่สักพักนะ จัดการอะไรๆเสร็จแล้วเราจะไปรับกลับ ขอบใจมี่มากนะ แล้วไว้เราจะโทรไปหาใหม่ ขอตัวไปเก็บของก่อนนะ”

    อภิชัยรวบรัดตัดความก่อนวางสายไปเมื่อเห็นว่านพ ชายหนุ่มญาติผู้น้องมายืนข้างๆสายตาเอาเรื่องส่งมาอย่างมาดหมาย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×