คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ถ้าความรักคือความทุกข์ ความสุขก็คือ...
ถ้าความรักคือความทุกข์ ความสุขก็คือ...
ผู้หญิงคนหนึ่ง : ถ้าความรักคือความทุกข์ ความสุขของฉันก็คือเป็นเหมือนต้นไม้
เพราะต้นไม้ไม่เคยทำร้ายฉัน
ต้นไม้ไม่เคยโกหก
ต้นไม้ไม่เคยทิ้งฉันให้อยู่ลำพัง
ต้นไม้บอกให้ฉันได้รู้ว่าฉันยังดีกว่ามัน ฉันยังมีเพื่อน ยังมีครอบครัว แต่มันมีฉันแค่คนเดียว
ต้นไม้คอยปลอบประโลมฉัน
ต้นไม้ไม่เคยโกรธในเวลาที่ฉันละเลยมันบ้างบางเวลา
ต้นไม้คือสิ่งที่งดงามที่สุดในชีวิตของฉัน
ต้นไม้คือส่วนหนึ่งในชีวิต
ต้นไม้เป็นใหญ่ในหัวใจ
ไม่ใช่ว่าฉันรักต้นไม้ขึ้นสมอง
แต่ฉันกำลังจะบอกว่าหัวใจของฉันก็เหมือนต้นไม้
มีสดใส
(ความสนใจ กระตือรือร้น)
มีเหี่ยวเฉา
(เซ็งบ้าง เบื่อบ้าง)
มีผลิใหม่
(สนุกสนานกับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิต)
มีร่วงโรย
(มีเศร้าบ้าง หดหู่บ้าง)
มีดอกสีสวย
(มีรอยยิ้ม)
มีผลให้ได้ลิ้มลอง
(มีเสียงหัวเราะให้คนอื่นได้หายเครียด)
มีรากที่หยั่งลึกลงไปใต้ดิน
มีใบที่เอาอากาศเข้าออก
มีอาหารหล่อเลี้ยง
ให้ฉันได้มีชีวิตอยู่
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นสุขเศร้าเหงาทุกข์สนุกสนาน
รากคือการดูดซับสิ่งต่างๆรอบตัว ดูดซับเอาความรู้สึกเข้ามาในตัว
ใบคือการดูดซับเอากิริยาสิ่งที่ต่างๆกระทำ
อาหารคือทุกสิ่งอย่าง
ทั้งจากภายนอกและภายในที่หล่อเลี้ยงจิตใจและร่างกายของฉันให้เติบโตต่อไป
แต่เหนือกว่านั้นคือการผลิตอาหาร
อาจจะสับสนไปบ้างในบางครั้งเพราะส่วนผสมประดังประเดเทกระจาดเข้ามาหาราวเขื่อนแตก
แต่ช่างมันเถอะ ไม่ว่าจะเจออะไรฉันก็เอารากทุบเอากิ่งเขี่ยมันให้พ้นทาง
ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไป
ให้ชีวิตไม่ไร้ความหมาย
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ไร้สาระ
เอากิ่งเขี่ยมันออกไป มันไม่มีสาระแล้วยังไง
ในเมื่อทำแล้วฉันมีความสุข
ทำแล้วฉันไม่เสียใจ แต่แค่อาจรู้สึกผิด
ถ้าฉันอยากทำ ฉันก็จะทำ
เหมือนต้นไม้ ที่จะขึ้นตรงไหนก็ขึ้น
ออกดอกตอนไหนก็ออก
ใบจะโรยตอนไหนก็โรย
จะผลิใบ จะแตกกิ่ง
หรือแม้แต่เลือก ที่จะตาย
ถ้าฉันอยากทำ ฉันก็จะทำ
ผู้ชายคนหนึ่ง : ถ้าความรักคือทุกข์ ความสุขของผมคือการได้เฝ้ามอง
มันก็เหมือนรักสามเศร้าทั่วไป ที่สุดท้ายผมก็เศร้าอยู่คนเดียว
แต่ผมมีความสุข ที่ได้มองเธอเสมอ
มีความสุข ตอนมองเธอพาเจ้าตูบที่ผมเคยให้เป็นของขวัญไปเดินเล่น
มีความสุข ตอนที่มองเธอรดน้ำต้นไม้ที่เราเคยช่วยกันปลูก
มีความสุข ตอนที่มองเธอสวมผ้าพันคอสีขาว ผืนเดียวกับที่ผมตั้งใจถักให้เธอวันปีใหม่
มีความสุข ตอนที่มองเธอไล่นิ้วบนลิ่มเปียโน อย่างที่ผมเคยสอน
มีความสุข ตอนที่มองเธอจัดดอกไม้บนโต๊ะอาหาร ใส่ในแจกันใบเดียวกับที่เราเคยปั้นด้วยกันตอนไปเที่ยว
มีความสุข ที่ได้มองเธอ
แม้ว่าเธอ จะพาเจ้าตูบของเราไปเดินเล่นกับเขา
แม้ว่าเธอ จะรดน้ำต้นไม้ของเรากับเขาที่โอบกอดเธอจากด้านหลัง
แม้ว่าเธอ จะสวมผ้าพันคอสีขาวของเราครึ่งหนึ่ง ในขณะที่อีกครึ่งก็พันอยู่ที่คอของเขา
แม้ว่าเธอ จะไล่นิ้วบนลิ่มเปียโน โดยมีเขาสีไวโอลินคลอเคลีย
แม้ว่าเธอ จะจัดดอกไม้ที่เขาเอามาให้ ใส่ในแจกันของเรา
ยังไงซะ ผมก็ยังมีความสุขที่ได้มองเธอ
อาจเป็นเพราะรอยยิ้มของเธอ
เธอยิ้มให้เขา สดใสกว่าที่ยิ้มให้ผม
แต่ว่า เธอไม่เคยหัวเราะให้เขาได้ยิน เหมือนที่หัวเราะให้ผมได้ยินเลย
อาจเป็นเพราะเธอยังลืมผมไม่ได้
หรืออาจเป็นเพราะ เขาทำดีได้ไม่เท่าที่ผมเคยทำให้เธอ
แต่ช่างเถอะ ขอแค่มีความสุขก็พอแล้ว
ผู้หญิงอีกคน : ถ้าความรักคือทุกข์ ความสุขของฉันก็คือการได้เฝ้ารอ
ฉันมันก็ผู้หญิงโง่ๆที่ไปหลงรักคนมีเจ้าของ...
อา... จะว่าเขามาหลอกฉันก่อนก็ว่าได้
เรื่องมันเริ่มเหมือนเรื่องทั่วๆไป ที่จบแบบเรื่องทั่วๆไปอยู่ดี
อะไรที่เป็นของคนอื่น มันก็คงไม่ใช่ของเรา
แน่นอนว่านิยามความรักของฉันคือการได้รักและครอบครอง
ปัจจุบันฉันก็ยังรอเขาอยู่ตรงนี้
ยังคง ไปโบสถ์ที่เกือบจะมีงานวิวาห์ของเราทุกๆวันอาทิตย์
ยังคง นั่งเล่นที่สวนสาธารณะที่เราชอบนัดเจอกันตรงนั้น
ยังคง ไปกินมื้อกลางวันที่ร้านประจำของเราทุกวัน
ยังคง แอบขับรถโฉบผ่านบ้านของเธอบ่อยๆ
ด้วยความหวังว่าสักวันเธออาจจะกลับมา ณ ที่ตรงนี้อีกครั้ง
แม้ว่าฉันจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้
แต่ฉันก็ยังคงทำ
คำว่า...รัก...และ...หวัง...
ผลักดันให้ฉันยังคงทำซ้ำๆ
รอต่อไป
ทุกๆครั้งที่ฉัน... ไปโบสถ์ จดหมายฝากส่งถึงพระเจ้าก็เขียนขอพรให้เธอกลับมาหาฉัน
ทุกๆครั้งที่ฉัน... ไปที่สวนสาธารณะ ข้อความสั้นๆใส่กระดาษโน้ตก็ถูกแปะติดเก้าอี้ตัวเดิมเอาไว้
เขียนไว้ว่า...ฉันยังรอ...
ทุกๆครั้งที่ฉันไปกินมื้อกลางวันที่ร้าน ฉันก็ฝากกระดาษโน้ตสั้นๆประโยคเดิมกับพนักงานเอาไว้ให้เธอ
แม้กระทั่งในบางเวลาที่ฉันขับผ่านบ้านของเธอ
ฉันก็ฝากกระดาษโน้ตที่เขียนเหมือนเดิมไปกับเด็กน้อยน่ารัก
...ลูกของเธอนั่นไง...
ฉันรู้
...รู้ว่า...
เธอยังคงไปโบสถ์
ไปที่สวนสาธารณะนั่น
ไปที่ร้าน
อยู่บ้าน
และได้รับกระดาษโน้ตจากฉันเสมอ
ไม่รู้ว่าเธอจัดการกับมันยังไง
แต่ฉันก็อยากบอกไว้
ผ่านประโยคเดิมๆ
ว่าฉันไม่สามารถรักใครนอกจากเธอได้อีกแล้ว
ต่อให้ฉันต้องรอไปจนวันตาย
ฉันก็ยังมั่นคงในเธอ
...ตลอดไป...
ผู้ชายอีกคน: ถ้าความรักคือทุกข์ ความสุขของผมก็คือการที่คุณลืม...
เรื่องรักของผมมันเริ่มง่ายๆ
เราคบกันมานานเกือบสิบปี หวานหยดขึ้นทุกปีๆ
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมรู้ตัว
ผมรู้ว่าเธอไม่ควรจะมารักผมมากไปกว่านี้อีกแล้ว
หลังจากที่คบกันมาได้เจ็ดปีเศษๆ ผมก็บอกเลิกเธอไปซะแล้ว
ในวันนั้นเราขาดกันโดยไม่เหลือเยื่อใยใดๆอีก
ผมยื่นคำขาดในขณะที่เธอถามหาเหตุผล
คำตอบคือไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าเธอไม่ควรจะยืนอยู่ข้างๆผมอีกแล้ว
ในสายตาคนอื่นผมอาจจะเลว ทิ้งผู้หญิงที่คบกันมานานได้ลงภายในวันเดียว แต่สำหรับเพื่อนที่สนิทที่สุดของผม คำถามเดียวของมันคือ ...คิดดีแล้วแน่เหรอ...
ผมว่าผมคิดดีแล้ว
เลิกกันไปสามสี่เดือน เธอก็เริ่มหายไปจากชีวิตผมทีละน้อย
ผมยังไม่มีใหม่ ส่วนเธอก็ยังไม่มีใคร แต่ยังคงใช้สายตาตัดพ้อมองผมทุกครั้งที่เราเดินสวนกันในบางที่
อา... จบกันไปแบบนี้ล่ะดีแล้ว ถึงวันที่เธอทำใจได้ เธอจะได้เริ่มใหม่กับคนอื่น
เพื่อตัดขาดกับเธอให้สมบูรณ์กว่าเดิม ผมก็ลาออกจากบริษัทนั่นซะ
เพื่อที่จะได้หายไปจากชีวิตเธอ
เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันอีก
เพื่อที่ทุกอย่างจะได้หยุดและจบลงตรงนี้
...ผมรู้มันดูโง่...
ดูเลวทราม
ดูเห็นแก่ตัว
...แต่ผมคงทนให้ผู้หญิงที่ผมรักมาทั้งชีวิตเห็นผมตายไม่ได้...
...เวลาที่เหลือไม่มาก ผมขอที่จะรักเธออยู่ห่างๆ...
...ขอที่จะรักเธอ และคิดถึงเธออยู่บนเตียงในห้องสีขาวที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์การแพทย์...
และเลือกที่จะฝากข้อความสุดท้ายให้เธอ ไปกับเพื่อนที่เป็นหมอของเขา
...ข้อความสั้นๆที่ต้องใช้แรงมหาศาลในการขยับมือเขียนมันออกมา...
ข้อความสั้นๆที่เขียนว่า
‘ผมรักคุณ แต่ได้โปรด...ลืมผมเถอะ’
...ผมกำลังจะตาย...
ได้โปรดให้คนเห็นแก่ตัวอย่างผมได้ทำในสิ่งที่อยากทำเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต
ได้ทำให้เธอเริ่มออกห่าง และชินที่จะไม่มีผมอยู่ข้างๆเหมือนก่อน
ผมว่าหลายๆคนคงเลือกที่จะให้เธออยู่เคียงข้างในวินาทีสุดท้ายของชีวิต
แต่ผมเปล่า
ผมรู้...ว่าการสูญเสียมันทรมานขนาดไหน
หากว่าการที่ผมเริ่มห่างเธอเมื่อห้าเดือนกับอีกสองสัปดาห์จะทำให้เธอเริ่มคิดถึงผมน้อยลง
มันก็คุ้ม เพราะคงไม่มีใครปรับตัวได้ทันทีหลังการสูญเสียในสิ่งที่รักที่สุดไป
ในวันที่เธอรู้ข่าว เธอจะร้องไห้แค่ชั่วครู่ นึกถึงความพยายามของผมที่ออกห่างเธอ
แต่ถ้าผมยังเหนี่ยวรั้งเธอไว้ข้างตัว
...ผมกลัว...
กลัวว่าเธออาจจะอยากตามผมไป เพราะเรารักกันมากเหลือเกิน
มากจนครั้งหนึ่งผู้หญิงที่ไม่แม้แต่จะเล่นกีฬาเป็น...
กระโดดลงมาในสระน้ำตอนผมเป็นตะคริวเกือบจมน้ำในวันนั้น
ให้เธอร้องไห้ตาแดงก่ำหลายวัน มันคุ้มค่ากว่าการที่เธอต้องทิ้งชีวิตอันสดใสของเธอไป
เพราะครั้งหนึ่งผมเองก็เคยเป็นแบบนั้น
...เคยเสียสิ่งที่รักที่สุดไปถึงสองครั้ง...
แรกเลยคือคุณพ่อที่เสียชีวิตไปโดยที่ผมไม่ได้เห็นแม้แต่ศพที่แม่ห้ามไม่ให้ดู
สองคือคุณแม่ที่รักยิ่ง ท่านสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตา เจ็บปวดกว่าครั้งแรกซะอีก
และเธอก็เคยสูญเสียไม่ต่างกัน
การสูญเสีย ไม่เคยมีคำว่าชินเข้ามารวมอยู่ด้วย
เพราะไม่ว่าหัวใจจะด้านชาซักเท่าไหร่ ทันก็ไม่อาจชินได้
และเพราะว่าไม่ชิน...ทุกๆครั้งที่สูญเสีย ทุกอย่างจะทบทวี
กี่ครั้งที่ต้องเสีย
กี่ครั้งที่นั่งอยู่ตรงนี้
ทำไมไม่เป็นเราที่ไปก่อน
ทำไมเราต้องมานั่งเจ็บปวดเมื่อคนคนหนึ่งหายไปจากชีวิต
ตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นแล้ว
...เข้าใจ...
เพราะคนที่กำลังจะจากไปอย่างผม
ก็เจ็บปวดไม่แพ้กันกับ...
เธอที่ผมทำให้เจ็บ
‘ขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกๆสิ่ง ได้โปรด ใช้ชีวิตในส่วนที่เหลือแทนผมด้วย’
นิรนาม: ถ้าความรักคือความทุกข์ ความสุขของฉันก็คือการได้รัก
ได้รักสิ่งที่ไม่มีชีวิต ได้รักสิ่งที่ไม่มีตัวตน
ฉันรักนิยาย
รักกระดาษและน้ำหมึก
รักความฝันที่ฉันวิ่งไล่บ้าง เดินเฉียดผ่านบ้าง
รักที่จะนอนทั้งวัน
รักที่จะรับฟังเรื่องราวจากคนอื่น
รักที่จะวิพากษ์วิจารณ์บ้าง
รักที่จะแอบซื้อดอกกุหลาบให้ตัวเองในวันเกิด
รักที่เป็นผู้นำ ทะเยอทะยานเป็นที่หนึ่ง
รักที่จะแอบแม่ซื้อนิยาย
รักที่จะนินทาเพื่อนลับหลัง
รักที่จะเอาขาพาดบนโต๊ะอ่านหนังสือ
รักที่จะแอบเอาขนมเข้าไปกินในห้องนอน
รักที่จะแอบรัก แอบเฝ้าดูใครคนนั้นอยู่เงียบๆ
รักที่จะชอบเพศเดียวกัน โดยไม่สนว่าผิดหรือถูก
รัก รัก รัก
ฉันรักทุกอย่างที่ทำให้ฉันพอใจ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด
...ฉันรักลมหายใจของตัวเอง...
ทุกวันนี้ฉันยังคงรัก
...รักหลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง...
แม้ว่าความรัก...จะย้อนกลับมาทำร้ายจิตใจของฉันบ้างเป็นบางคราวก็ตาม
ความคิดเห็น