คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : B i b l i o m a n i a 。06
Mamma Mia !
“คยองซูยา ลงมาทานข้าวได้แล้วครับ” เสียงเรียกของผู้เป็นแม่ปลุกเขาออกจากภวังค์จินตนาการจากหนังสือเล่มเล็ก คยองซูวางหนังสือลงก่อนจะบิดขี้เกียจเล็กน้อย
ทุกเช้าวันอาทิตย์เขามักจะตื่นขึ้นมาและเลือกหนังสือสักเล่มเพื่ออ่านมันเสมอ มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาไปแล้วล่ะ
ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง คยองซูไม่ลืมที่จะเก็บหนังสือเล่มที่เขาอ่านไว้ในที่เดิมที่มันเคยอยู่ เขารักความเป็นระเบียบ อีกอย่างมันทำให้เขาหารายชื่อหนังสือได้ง่ายด้วย
สองขาก้าวลงบันไดไปเรื่อยๆ วันอาทิตย์เป็นวันที่เขามีความสุขสุดๆเพราะเขาว่างทั้งวันน่ะซี นอกจากอ่านหนังสือแล้วเขาก็ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรแปลกใหม่ทำนักหรอก
“วันนี้มีอะไรกินครับ” เขาเดินไปยังห้องครัว กลิ่นหอมลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ลูบท้องตัวเองเมื่อน้ำย่อยในกระเพาะของเขาเริ่มเรียกร้องให้บรรดาอาหารลงไปอยู่ด้วยแล้ว
“บูแดจิเก ข้าวผัดกิมจิ แล้วก็ซี่โครงหมูตุ๋นน่ะ” แม่ของเขาบอก มือก็พลางคนน้ำซุปไปเรื่อยๆ คยองซูซึ่งไม่ถนัดในเรื่องทำอาหารอยู่แล้วจึงขอตัวออกไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารแทน
รอเพียงไม่นานนัก อาหารหน้าตาน่าทานทั้งหลายก็ปรากฏสู่สายตา กลิ่นหอมของมันตีกันจนมั่วไปหมดแต่ก็ยังคงหอมอยู่ดี คยองซูเริ่มตักรับประทานโดยไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของผู้เป็นพ่อและแม่
“คยองซูลูกรัก” คนเป็นแม่เม้มริมฝีปากก่อนจะเริ่มเรียกผู้เป็นลูก
“ครับ ?” เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง
“วันอาทิตย์แบบนี้ลูกไม่ไปเที่ยวที่ไหนสักหน่อยเหรอลูก”
“ . . . ”
“กับแบคฮยอนก็ได้” คนเป็นพ่อเอ่ย
“ทำไมล่ะครับ ผมชอบอยู่ที่บ้านนี่นา. .” เขาบอกเสียงเบา
“ลูกไม่ได้ชอบอยู่ที่บ้านหรอกนะ ลูกแค่ชอบ’อ่านหนังสือ’อยู่ที่บ้าน” คนเป็นพ่อเอ่ยบอก
เขารู้ตัวล่ะว่าเขาชอบหนังสือจริงๆ บางครั้งก็อยากจะลองดูว่าห่างพวกมันได้นานแค่ไหน แต่ไม่เลย เขาไม่เคยทำสำเร็จ พวกหนังสือเหล่านั้นเหมือนมียาวิเศษหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาไม่สามารถละไปจากพวกมันได้
“ลูกต้องห่างๆมันบ้างรู้ไหม” แม่ของเขาพูดด้วยความกลุ้มใจ
“ครับ. . ผมจะพยายาม” เขาพยักหน้าและตอบรับไปแต่ในใจกลับรู้สึกแย่ เขาไม่ได้อยากเป็นแบบนี้สักหน่อย. .
“อย่างน้อย การออกไปเล่นนอกบ้านอาจทำให้ลูกพบอะไรที่ชอบมากกว่าหนังสือพวกนั้นนะลูกรัก”
อะไรที่เขาชอบกว่าหนังสือพวกนั้นเหรอ
มันจะมีทางเป็นไปได้หรือเปล่านะ. .
ท้ายที่สุดแล้ว คยองซูก็กำลังอยู่นอกบ้านจริงๆในวันอาทิตย์ เป็นอะไรที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้พอๆกับที่เขาจะเลิกชอบหนังสือนั่นล่ะ
เวลาสายๆกับอากาศตอนนี้ถือว่ายังคงหนาวอยู่พอสมควร แต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าออกนอกบ้านมาแล้วอากาศร้อนเขาคงจะรีบวิ่งกลับเข้าไปโดยเร็ว บอกแล้วไงว่าเขาไม่ชอบอากาศร้อนสุดๆ
“เห้อ จะทำอะไรดีล่ะ” คยองซูกำลังนั่งคิดไม่ตกกับกิจกรรมที่ตัวเองควรจะทำในวันอาทิตย์ที่ม้านั่งตัวหนึ่งในสวนสาธารณะใกล้บ้าน
เขาอยากจะโทรเรียกแบคฮยอนมานะแต่บังเอิญว่า ตอนนี้เพื่อนสนิทตัวเล็กคนนั้นอาจจะกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ก็เป็นได้ แบคฮยอนขี้เซาจะตาย
อยากเล่นกับเจ้าตัวโตจัง
เห เขาคิดแบบนั้นเหรอ
อ่า เขาคิดแบบนั้นจริงๆด้วย ไม่ได้เล่นกับเจ้าตัวโตนานเท่าไรแล้วนะ หนึ่งสัปดาห์รึเปล่า นานจัง นานเกินไปแล้ว คยองซูรีบผุดลุกขึ้นก่อนจะพยายามนึกว่าเจ้าตัวโตอยู่ที่ไหน
K’ bloome
ใช่แล้วล่ะ ร้านดอกไม้ของจงอิน !
ถ้าเขาไปที่นั่นมันจะแปลกไหมนะ เด็กผิวขาวเริ่มคิดอีกครั้ง ไม่แปลกล่ะมั้งก็เขาอยากจะไปเล่นกับเจ้าตัวโตนี่นา อีกอย่างมันเป็นร้านดอกไม้ด้วย อย่างน้อยก็มีคนเข้าออกร้านเยอะแยะอยู่แล้ว
เจ้าตัวโตจ๋า คยองซูจะไปหาแล้วนะ
แต่ดูเหมือนว่าคยองซูจะลืมอะไรบางอย่างไปแล้วล่ะ อะไรที่เป็นข้อตกลงสำหรับการได้เล่นกับเจ้าตัวโตน่ะนะ : )
เพียงไม่นานนัก ขาเล็กๆก็เดินมาถึงหน้าร้านดอกไม้เคบลูมจนได้ คยองซูฉีกยิ้มร่าเมื่อจะได้พบกับเจ้าตัวโตอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามกดรอยยิ้มเอาไว้บ้างแล้วก็ตาม สองมือเลื่อนเปิดบานประตูที่มีป้ายข้างหน้าว่า open และป้ายยินดีต้อนรับสำหรับลูกค้า
ภายในร้านตกแต่งสวยงามจนคยองซูอ้าปากค้างและมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันใช่ฝีมือของคิมจงอินเหรอ ยอมรับก็ได้ว่าร้านสวยมาก พวกดอกไม้หน้าตาแปลกๆที่เขาไม่คุ้นเคยมีอยู่ทั่วไปในร้าน อาจจะเป็นพรรณพืชที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อนไม่ก็เป็นพันธุ์หายาก แต่มันสวยจริงๆ
“เฮ้” เสียงทักทายจากเค้าท์เตอร์คิดเงินเรียกให้เขาหันไปมอง ผู้ชายคนเดิมคนนั้นมองมาที่เขาอยากแปลกใจและประหลาดใจ แต่ทำไมกันนะเขาเห็นแววตานั่นมีความดีใจอยู่ด้วย ช่างเถอะ เขาคงคิดไปเอง
“มาซื้อดอกไม้เหรอ” จงอินเอ่ยถามก่อนจะเดินมาหาคนตัวเล็กกว่า
ภายในร้านมีเพลงเปิดเบาๆให้ฟังไปด้วยและวันนี้ช่างเป็นใจให้ร้านของจงอินเงียบสงบเสียเหลือเกิน อาจจะเพราะช่วงสายๆวันอาทิตย์เลยไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไรนัก จึงทำให้ภายในร้านมีแค่คุณเจ้าของร้านอย่างคิมจงอินและลูกค้ารายแรกอย่างโด คยองซู
“เปล่า” เขาส่ายหน้าปฏิเสธ
“อ้าว แล้วมาทำไม” จงอินถามกลับเมื่อนึกยังไงก็นึกไม่ออก
“มาหาเจ้าตัวโต. .” คยองซูพูดก่อนจะกวาดสายตามองหาเพื่อนตัวยักษ์ไปทั่วร้าน
“เห้ๆ มันไม่ใช่หมาสาธารณะที่ใครจะมาเล่นด้วยตอนไหนก็ได้นะ” จงอินโวยวายเมื่อรับรู้ถึงเหตุผลที่ทำให้คยองซูมาปรากฏตัวที่นี่ คนผิวขาวถอนหายใจกับเจ้าของที่ดูจะหวงสัตว์เลี้ยงของตัวเองซะเหลือเกิน
“งก” เขาบ่นอุบกับตัวเอง
“ได้ยินนะ”
คยองซูไม่รอให้จงอินพูดพล่ามอะไรอีก คนตัวเล็กกว่าเริ่มเดินตามหาและส่งเสียงเรียกเจ้าตัวโตไปทั่วทั่งร้านโดยมีคิมจงอินเดินตามอยู่ไม่ห่าง
“คิดว่ามันอยู่ที่นี่รึไง”
“ . . . ” เด็กผิวขาวเลือกที่จะเงียบ เพื่อลดการต่อปากต่อคำ
โด คยองซูเลือกที่จะเมินคำถามของเขาเหรอ
“ลืมข้อตกลงรึไง”
“หือ”
“ถ้าอยากเล่นกับมันต้องทำยังไงน่ะ ลืมแล้ว ?”
“อะไรล่ะ” เขาจำได้แค่ว่าถ้าอยากเล่นกับเจ้าตัวโตก็แค่มาหามันที่ร้านนี้เท่านั้น ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษ
“เห้อ นายก็พอจะรู้ว่าฉันแก่กว่า เรียกฉันว่าพี่สิ เดี๋ยวไปเอาตัวโตมาให้เล่นด้วย” จงอินพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
ให้เขาเรียกคนตรงหน้าว่าพี่เนี่ยนะ. . คำว่าฮยองควรจะใช้เรียกกับคนที่เราเคารพไม่ใช่หรือไง แก่กว่าแล้วยังไงกันล่ะ. . เขาก็แค่เกิดช้าไปเท่านั้นเอง
“เร็วสิ”
“. . .”
“นี่ฉันแค่ให้เรียกฉันว่าพี่นะ ทำไมมองกันเหมือนฉันจะฆ่านายอย่างนั้นล่ะ” จงอินลูบขนแขนที่ไม่รู้ว่ามันจะตั้งชันทำไม เขาเผลอสบตากับดวงตากลมโตของเด็กผิวขาวตรงหน้านานไปหน่อยแล้วล่ะ ทำไมถึงรู้สึกถึงความไม่พอใจมากๆจากเด็กคนนี้ น่ากลัวจริงๆเลยแฮะ
“เห้อ” คยองซูถอนหายใจจนไหล่ตก
“หืม” ไอ้การที่ถอนหายใจแต่หัวคิ้วขมวดแน่นนั่นคืออะไรน่ะ
“จงอินฮยอง เจ้าตัวโตอยู่ไหน”
“ไม่ได้ยิน เอาชัดๆ”
“พี่จงอินครับ ช่วยกรุณาให้ผมเล่นกับเจ้าตัวโตด้วยครับ”
เน้นทุกคำ เน้นเสียงทุกพยางค์ สื่อถึงการประชดประชันอย่างแรงกล้า แต่เขาก็ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่านี้หรอก อย่างน้อยแค่เด็กคนนี้เรียกเขาด้วยความเคารพถึงแม้มันจะผสมการประชดโคตรๆไปก็เพียงพอแล้วล่ะ
“ดีมากคยองซูยา รอตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวไปพามาให้ ฮ่ะๆ” จงอินบอกอย่างอารมณ์ดี
คิมจงอินเป็นใครทำไมเรียกชื่อเขาสนิทสนมแบบนั้น คยองซูยาใช้ได้กับแค่เพื่อนสนิทอย่างแบคฮยอนและครอบครัวของเขาเท่านั้นนะ
คยองซูทำได้แค่ขมวดคิ้วเล็กๆ พลางถอนหายใจเมื่อนึกรำคาญผู้ชายคนนี้ชอบกล รอเพียงไม่นานนักเสียงครางหงิงของเพื่อนใหม่ก็เข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ตัวโตจ๋าาาาาาาา” คยองซูร้องเรียกเจ้าสุนัขพันธ์ไซบีเรียนฮัสกี้อย่างดีใจ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวโตก็ดูจะดีใจพอๆกันที่ได้เจอกับเขา
เด็กผิวขาวนั่งลงกับพื้นไม้เพื่อเล่นกับเพื่อนใหม่ที่เขาตั้งใจมาเล่นด้วย จงอินมองหนึ่งคนกับหนึ่งสัตว์เลี้ยงเล่นกันอย่างสนุกสนาน แล้วชักจะสงสัยอยู่ในใจ สรุปเขาหรือเด็กนี่กันแน่ที่เป็นคนเลี้ยงดูเจ้าตัวโต
“ขนนุ่มเหมือนเดิมเลย” คยองซูลูบไปตามขนนิ่มของมัน อาจจะดูไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ที่นิยมเลี้ยงสุนัขมักจะคอยพูดคุยกับมันเสมอ ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันพิเศษแค่ไหนที่ได้พูดคุยกับมัน ยกเว้นคนที่มีสัตว์เลี้ยงเหมือนๆกัน
จงอินมองอยู่สักพักก่อนจะเดินไปยังเค้าท์เตอร์เพื่อเช็คสต็อกสินค้าทั้งหมดอย่างที่เขานั่งทำอยู่ก่อนที่คยองซูจะมา
“ตัวโตจ๋า เราอยากเจอคนที่เขาจ่ายเงินค่าหนังสือให้เราจัง”
“อยากขอบคุณเขาจริงๆนะ”
จงอินเผลอสะดุ้งเมื่อรับรู้ว่าเด็กผิวขาวรู้แล้วว่ามีคนจ่ายค่าหนังสือให้ แต่บังเอิญเกินไปหรือเปล่าถึงได้มาพูดกับไอ้เกลอตัวยักษ์ของเขาเนี่ย
แต่คิดไปคิดมาก็ดีเหมือนกัน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้อุปการคุณของเด็กกำพร้าในสถานสงเคราะห์แบบไม่เปิดเผยตัวชอบกล ให้ความรู้สึก อ่า .. ปลื้มปริ่มรึเปล่านะ
“ดีกว่าเจอคนใจยักษ์ สตอล์กเกอร์ เจ้ากี้เจ้าการ ชอบบังคับ เอาแต่ใจตัวเอง มากมายสุดๆเลยใช่มั้ย” น้ำเสียงสุดแสนจะเกรี้ยวกราด
ถ้าไม่รู้ว่าประโยคนั่นหมายถึงตัวเขาเองคงจะโง่มากแล้วล่ะ ให้ตายสิเด็กคนนี้ ไม่คิดว่าเขาจะได้ยินบ้างหรือไง นี่เขาเป็นถึงผู้มีพระคุณที่ไปจ่ายค่าหนังสือให้เชียวนะ แบบนี้ต้องตักเตือนหน่อยแล้วจะได้ไม่เหิมเกริม !
“คยอง. .”
“ขอพาเจ้านี่ไปเดินเที่ยวหน่อยนะครับ 'พี่จงอิน' เดี๋ยวพากลับมาส่งครับ !”
เด็กผิวขาวรีบโพล่งแทรกประโยคที่ผมจะพูดแล้วรีบลุกขึ้น คว้าเชือกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้เค้าท์เตอร์คล้องกับปลอกคอของมัน แล้วรีบก้าวเร็วๆออกไปจากร้าน
ผมยังไม่ทันได้พูดชื่อเขาเต็มๆเลยนะครับ ...
ยกนี้ผมแพ้สินะ
เวลาผ่านไปจนตกเย็น ผมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อคยองซู ผมกังวลนิดหน่อยจึงบอกให้พนักงานในร้านดูแลร้านแทนไปก่อนส่วนตัวเองจะออกไปตามหาหนึ่งคนกับหนึ่งสัตว์เลี้ยงที่หายไปตั้งแต่สายๆ
ผมก้าวเดินอย่างไม่เร่งรีบนัก ถึงแม้จะกังวลแต่ในละแวกนี้ก็เป็นแถวที่อยู่ของเด็กผิวขาวเหมือนกัน จะบอกว่าหลงทางก็ไม่น่าจะใช่ อาจจะเที่ยวละเล่นกับมันจนเพลินไปก็ได้
จนกระทั่งผมพบเด็กตัวเล็กคนคุ้นเคยนั่งชันเข่าอยู่บนม้านั่งเนี่ยแหละ
เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติผมจึงเรียกชื่อเขา
“คยองซูยา” เขาสะดุ้ง
“ . . .
“ตัวโตล่ะ”
“ค.. คือ ผ.. ผมผิดเอง มันหายไปแล้ว..”
“ . . . ”
“มันอยู่ตรงนี้ แต่ผม.. ผมไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์ตรงนั้น แต่พอกลับมา มันก็.. หายไปแล้ว”
“อืม”
“ท.. ทำยังไงดี ถ.. ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ ผมจะทำยังไงดี. .” เสียงสั่นจนเหมือนจะร้องไห้และมือเล็กที่กุมเข้าหากันแน่น ทำให้ผมผ่อนลมหายใจเข้าและออก อย่างน้อยผมก็ไม่ควรใส่อารมณ์ตอนนี้
“หายไปตั้งแต่เมื่อไร”
“ประมาณก่อนเที่ยง ..” ผมเหลือบมองเบอร์เกอร์สองชิ้นที่ตั้งอยู่บนเก้าอี้ ก่อนเที่ยงงั้นเหรอ คยองซูมาหาเจ้าตัวยักษ์นั่นตอนสายๆ นี่ก็มืดแล้วด้วย แสดงว่าเขายังไม่ได้ทานอะไรเลยสินะ..
ที่ไม่กล้ากลับร้านไปจนมืดค่ำเพราะกลัวผมด่าว่าทำหมาหายรึไง แล้วก็นั่งอยู่ตรงนี้จนมืดด้วย ?
ให้ตายสิโดคยองซู ผมควรจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดีล่ะเนี่ย ..
/
#ฟิคติดหนังสือ
"Mamma Mia!" แปลว่า แม่ของฉัน Rejanecy* ในหนังสือเล่มหนึ่ง
คนอิตาลีจะใช้คำนี้ก็ต่อเมื่อรู้สึกโกรธ ไม่พอใจหรือตกใจ
http://pasaitalian.blogspot.com
ความคิดเห็น