คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : B i b l i o m a n i a 。05
Ti penso sempre
โดคยองซูกำลังมีภารกิจที่เขาต้องทำมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันคืออะไรน่ะเหรอ ..
ก็ภารกิจที่เขาต้องตามง้อเพื่อนสนิทให้หายงอนที่เขาลืมแบคฮยอนแล้วทิ้งไว้ที่ร้านอาหารนั่นน่ะสิ เขาไม่ได้ตั้งใจลืมสักหน่อย มันเป็นแค่เหตุสุดวิสัยต่างหาก
แบคฮยอนเพียงแค่ทำหน้างอง้ำเมื่อหันมาสบตากับเขาโดยบังเอิญ โชคดีที่นี่เป็นคาบสุดท้ายของช่วงเช้า เขาจะได้ตั้งใจง้อเพื่อนตัวเล็กคนนี้ในคาบเที่ยงอย่างเต็มที่
เสียงออดบ่งบอกเวลาเลิกคาบ นักเรียนหลายคนรีบลุกขึ้นแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงนั่น รวมทั้งแบคฮยอน แต่คิดเหรอว่าจะหนีเขาไปทัน
“แบคฮยอนอา”
“ . . . ”
“จะรีบไปไหน” เขารีบวิ่งไปดึงแขนเพื่อนตัวเล็กไว้ที่นานปีทีหนจะงอนเขา แต่ความจริงแล้วมันก็น่างอนอยู่หรอกนะ ถ้าเป็นเขาก็คงจะโกรธเลยล่ะมั้ง คงไม่ใช่แค่งอนหรอก
“ไปกินข้าว” แบคฮยอนเบะปาก มันดูตลกปนน่าเอ็นดู ในสายตาของคยองซู
“ขอโทษนะ. .” ผมพูดออกไปอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เอา ไม่ฟัง” มือเล็กยกขึ้นปิดหูแล้วส่ายหน้าไปมาจนผมม้ายุ่งไปหมด ผมเริ่มอ้าปากค้างเมื่ออะไรสักอย่างกำลังจะเกิด
แบคฮยอนอา . .
อย่าเพิ่งร้องไห้นะ ได้โปรด
แบคฮยอนมองหน้าผม ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่นจนเมื่อทนแรงสะอื้นไม่ไหวมันก็เริ่มคลายออกพร้อมๆกับเสียงร้องไห้ ดวงตาใสแจ๋วคลอไปด้วยน้ำตา
ผมลืมบอกไปหรือเปล่า บยอนแบคฮยอน นอกจากจะเป็นเพื่อนที่สติไม่ค่อยดีแล้ว เขายังเป็นมนุษย์ที่ขี้แยที่สุดในโลก !
ผมลนลานและทำอะไรไม่ถูกอีกครั้ง แบคฮยอนเคยร้องไห้เพราะผมแต่มันก็นานมาแล้ว แต่ให้ตายซี โชคดีที่ในห้องเรียนไม่มีใครอยู่เลย ผมไม่ได้อยากทำให้แบคฮยอนร้องไห้หรอกนะ
บยอน แบคฮยอนร้องไห้กับทุกเรื่องที่เขาคิดว่ามันเศร้า แค่อาจารย์เรียกหรือถามไถ่อะไรหน่อยเดียว ดวงตาของเพื่อนสนิทตัวเล็กคนนี้ก็มักจะรื้นด้วยน้ำตาเสมอ
แบคฮยอนร้องไห้กับทุกอย่างบนโลกนั่นแหละ ไม่ว่ามันจะเศร้าหรือไม่เศร้าก็ตาม
“โอ๋เอ๋นะ ไม่ร้องนะ โอ๋นะ เราขอโทษ” ผมดึงร่างเล็กมากอดแล้วโยกไปมา
“ฮือ เรารอคยองซูอยู่นะ เราโทรไปตั้งหลายรอบก็ไม่รับสาย เราเป็นห่วงมากๆเลย” แบคฮยอนสะอื้นฮักพลางสูดน้ำมูกอยู่ในอ้อมกอดของผม
“ขอโทษนะแบคฮยอน” ผมผละออกมาแล้วบอกขอโทษอีกครั้ง จมูกเล็กๆตรงหน้าเริ่มเป็นสีแดง ผมระบายยิ้มออกมาก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดในวันนั้นให้เขาฟังในขณะที่เราสองคนเดินลงไปยังโรงอาหารเพื่อหาอะไรทานสำหรับมื้อเที่ยง
“เราบังเอิญเจอคนรู้จักน่ะ”
“ใครเหรอ” แบคฮยอนสูดน้ำมูกเสียงดังจนคนด้านข้างหันมามอง เพื่อนตัวเล็กขยี้จมูกไปมาจนมันเป็นสีแดงยิ่งกว่าเดิม อ่า ถ้าเขาจะหัวเราะมันคงไม่ดีสินะ
“เขาชื่อคิมจงอิน เราไปเล่นกับเจ้าตัวโตมาน่ะ”
“เจ้าตัวโต ?”
“อื้ม ไซบีเรียน ฮัสกี้ตัวยักษ์เลยแหละ”
“ง่ะ เราแพ้ขนหมาอ่ะ” แบคฮยอนบอก ในขณะที่กำลังนั่งลงที่โต๊ะว่างตัวหนึ่งในโรงอาหาร ผมเลยอาสาไปซื้อข้าวให้เขาและให้เขาเฝ้าโต๊ะเอาไว้
เมื่อกวาดสายตามองชื่อเมนูอาหารอยู่เพียงสักพักผมก็เดินไปเข้าแถวรอซื้อ แต่บทสนทนาของเด็กนักเรียนในแถวกลับทำให้ผมสนใจเสียยิ่งกว่าเมนูอาหารที่กำลังจะสั่งเสียอีก
“จริงเหรอแทยง”
“ได้ยินมาประมาณนั้นอ่ะ ก็พี่ฉันเป็นพนักงานร้านนั้นนี่”
“โห มีคนขโมยหนังสือ แต่ก็มีคนอีกคนที่ไม่รู้ว่ารู้จักกันหรือเปล่าไปจ่ายเงินให้เนี่ยนะ ประหลาดสุดๆ”
“อาฮะ นู่นไปสั่งเร็วเตนล์ ถึงคิวแล้ว”
แล้วบทสนทนาของสองคนนั้นก็จบลง แต่มันกลับตะขิดตะขวงในใจของผมมาก มากเหมือนกับว่าผมเป็นคนๆนั้นที่ไปขโมยหนังสือ . .
ให้ตายสิ ผมลืมไปเสียสนิทเลยว่ายังไม่ได้ไปจ่ายเงินที่ร้านหนังสือร้านนั้น
คนในประโยคสนทนาคงไม่ใช่ผมใช่ไหมครับ ?
คยองซูนับเวลารอให้เลิกเรียนไวๆเพื่อที่เขาจะได้ไปจ่ายเงินของหนังสือที่หยิบไปเมื่อหลายวันก่อนนู้น แบคฮยอนมองเขาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ดีแล้วล่ะ เขาไม่ค่อยอยากจะบอกเรื่องนี้สักเท่าไรนัก
เพียงไม่นานนักก็เลิกเรียน คยองซูรีบเก็บของใส่กระเป๋านักเรียนก่อนจะบอกกับแบคฮยอนว่าตัวเองนั้นรีบ เพื่อนสนิทตัวเล็กพยักหน้ารับคำก่อนจะโบกมือลาอย่างเอาเป็นเอาตาย
เขาใช้เวลาไม่นานนักในการเดินจากโรงเรียนไปยังร้านหนังสือ คยองซูสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วผ่อนออก
ถ้าถามว่าเขารู้สึกเครียดหรือเปล่า ตอบได้เลยว่าเครียดมาก เขากังวลมากจริงๆนะเพราะในโพสท์อิทเขียนไว้ว่าจะเอาเงินมาจ่ายซึ่งมันก็น่าจะตีความได้ว่าวันถัดจากวันนั้นหนึ่งวันแต่นี่เขากลับลืมมาจ่ายเงินทั้งๆที่มันผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว . .
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ฮึบๆ ท่องไว้ สู้เขานะโดคยองซู” เด็กหนุ่มเปล่งเสียงให้กำลังใจตัวเองเบาๆก่อนจะเปิดประตูร้านเข้าไป
กลิ่นอายความเงียบสงบภายในร้านเริ่มทำให้คยองซูรู้สึกเหมือนตัวเองประสาทจะกินเสียให้ได้ มันเงียบ เงียบจนถ้าพูดออกไป หลายคนในร้านนี้ก็อาจจะได้ยินประโยคที่เขาพูดเลยก็ได้
สองขาก้าวตรงไปยังเค้าท์เตอร์คิดเงินด้วยความประหม่า
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
“เอ่อ คือว่า. . ที่นี่มีข่าวคนขโมยหนังสือเหรอครับ”
คยองซูพูดออกไปแล้ว เขาแค่เปลี่ยนรูปประโยค .. นิดหน่อย
“อ๋า ข่าวรั่วไปได้ยังไงนะ” พนักงานคนนั้นบ่นอุบกับตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงดังฟังชัดกับเขา
“จะว่าใช่ก็ใช่ค่ะ เป็นครั้งแรกด้วยที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่บังเอิญว่ามีคนอีกคนจ่ายเงินให้แทนแล้วน่ะค่ะ”
“เหรอครับ. .”
“พอดีมีลูกค้าในร้านเห็นน่ะค่ะ แต่ทางเราก็ไม่ได้เปิดดูกล้องวงจรปิดหรอกนะคะ เพราะยังไงก็ไม่มีอะไรเสียหาย”
“ . . . ”
“อ้อ ใช่แล้วค่ะ ผู้ชายคนนั้นเขาบอกว่าคนที่หยิบหนังสือติดไปแต่ยังไม่จ่ายเงินน่ะเป็นแฟนของเขาเอง สงสัยคงจะงอนกันมั้งคะ เลยมึนๆหยิบหนังสือติดไป คิก ฮ่ะๆ”
“ห้ะ”
“แต่ผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลยนะคะ แถมยังใจดีจ่ายเงินให้แฟนด้วย ฮ่ะๆ” พนักงานคนนั้นบอกเขาอีกครั้ง
เป็นผู้ชายที่หล่อมาก แถมยังใจดีมาจ่ายเงินค่าหนังสือให้เขาอีก . .
ใครกันนะ
แต่มันผิดเพี้ยนไปก็เรื่องที่กล่าวหาว่าเขาเป็นแฟนเนี่ยสิ ยังไงก็แล้วแต่เขาคนนั้นคงอยากจะช่วยสินะเลยต้องทำเป็นว่าเรารู้จักกัน
โด คยองซูเดินออกมาจากร้านด้วยความงงปนโล่งใจ ที่ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ครั้งหน้าเขาต้องควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้แล้วล่ะ
แต่เรื่องของผู้ชายปริศนาคนนั้นมันวนเวียนไปมาในวังวนความคิดของคยองซูอยู่ตลอดเวลา เขาแค่อยากเจอคนๆนั้นเพื่อที่จะขอบคุณที่ช่วยเขาไว้
เมื่อคยองซูเงยหน้าขึ้นจากพื้น เขาก็พบกับป้ายชื่อร้านที่รู้สึกคุ้นอย่างประหลาด
K’ bloome
เพราะมันคือร้านดอกไม้ของคิม จงอิน เจ้าของเจ้าตัวโตที่น่ารักที่สุดในโลกน่ะสิ
โฮ่งๆ
“หืม เห็นเหมือนกันเหรอ” จงอินละสายตาจากบุคคลที่เขามองอยู่ก่อนจะหันไปคุยกับเจ้าตัวยักษ์
มันครางหงิงๆเหมือนกำลังรู้สึกสนุกและอยากออกไปวิ่งเล่น หรือไม่ก็อาจจะเจอใครสักคนที่มันชอบหรือถูกใจ และเขาก็คิดว่าคงหนีไม่พ้นเด็กผิวขาวที่กำลังยืนมองป้ายชื่อร้านของเขาจากร้านหนังสือฝั่งตรงข้ามเป็นแน่
เหมือนว่าคยองซูจะมองไม่เห็นเขาแต่ก็ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวเด็กคนนั้นก็ได้กล่าวหาเขาว่าเป็นสตอล์กเกอร์กันอีกพอดี
ว่าแต่คยองซูมาที่ร้านหนังสือทำไมนะ มาซื้อหนังสือหรือมาจ่ายเงินที่ค้างไว้ ?
ช่างเถอะ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อยนี่นา
จงอินขยี้ขนนุ่มบริเวณศีรษะของเจ้าตัวโตอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป แต่เสียงเห่าของมันก็ยังคงมีอยู่
“มานี่มา” จงอินกวักมือเรียกเพื่อนสนิทที่ยืนมองคนตัวเล็กฝั่งตรงข้ามกำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
“อยากเล่นกับเขาเหรอ” มันครางตอบอย่างน่ารัก
“อ่า แต่อดทนหน่อยนะ”
“ไปเจอเร็วๆนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเขาก็หาว่าฉันเป็นสตอล์กเกอร์จริงๆน่ะซี”
เจ้าตัวโตดูเหมือนจะรับรู้และเข้าใจถึงประโยคของเจ้านาย มันทรุดตัวลงนอนราบกับพื้น เมื่อรู้ตัวแล้วว่าไม่ได้ออกไปเดินเล่นแน่ๆ โดยเฉพาะกับเด็กผิวขาวคนนั้น
“อีกอย่าง. .”
“ให้เขาเรียกฉันว่าพี่ก่อนละกัน นายได้ไปเล่นกับเขาแน่ๆไอ่หมาเอ้ย ฮ่าๆ” ผู้เป็นเจ้านายหัวเราะเสียงดัง
เจ้าตัวโตครางหงิงๆเสียงดังระงมเมื่อรู้ตัวว่ากำลังโดนเจ้านายแกล้งอยู่แน่ๆ
จงอินพูดทีเล่นทีจริงเมื่อเขารู้สึกเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้แกล้งโดคยองซูพ่วงด้วยการได้แกล้งเจ้าตัวโตนี่แล้ว
ช่างเป็นเรื่องที่สนุกจริงๆ : )
#ฟิคติดหนังสือ
Ti penso sempre = I always think of you
ความคิดเห็น