ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { FIC ' EXO } MY DOCTOR - ( CHAN & BAEK ) ♡

    ลำดับตอนที่ #2 : :: my doctor 。1

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 56


     
     

    MY DOCTOR : 1


     

     

     

     

     

    รักที่เห็นที่พบนั้นมีอยู่จริง รักที่ไม่เห็นไม่พบนั้นก็มีอยู่จริง

    อยู่ที่ว่าใครจะทานต้านไหว ส่วนตัวฉันขอแค่เพียงคนมีใจ

    ผ่านมาแล้ว ขออย่าเพิ่งไป

     

     

     

     

                ผู้ชายร่างสูงในชุดกาวน์ ผมสีสว่างที่หยิกเป็นลอนด์ หูที่กางมากกว่าคนปกติทั่วไป ตาที่เปล่งประกายภายใต้กรอบแว่นไม่มีเลนส์สีน้ำตาลแดง รอยยิ้มที่กว้างแลดูร่าเริงอยู่ตลอดเวลา

               

    นั่นเหรอ คุณหมอยอลลี่ของคยองซู

               

                คิดถึงเจ้าตัวแสบจังเลย ฮ่ะๆหลังจากเปิดประตูเข้ามา ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาหาคยองซูทันที โดยที่เจ้าตัวเล็กยังไม่ทันจะลุกจากเก้าอี้ตัวจิ๋วไปหาเขาก่อนด้วยซ้ำ

                “คยองซูก็คิดถึ้งคิดถึง ไม่เจอกันตั้งนานคยองซูที่โดนคุณหมอรวบตัวมาอุ้มไว้ก็เอาสองแขนเล็กกอดคอคุณหมอหูกางนั่นไว้หลวมๆ ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของทั้งสองคนมันทำให้ผม..

               

    เฮ้ ! นี่ไม่เห็นผมกันเลยรึไงน่ะ =__________=;

     

    นานที่ไหนกันล่ะ พี่เพิ่งมาหาเมื่อเช้าเองนะ นี่แน่ะคุณหมอชานยอลพูดก่อนจะหยิกไปที่แก้มย้วยของคยองซูเบาๆด้วยความหมั่นไส้ในความไร้เดียงสาและน่ารักของเจ้าตัวแสบ

    เอ่อ...

     

    ผมทนไม่ไหวละ ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะ หันมามองกันหน่อยสิ งื้อ

     

    โอ๊ะ นั่นพี่แบคฮยอนพี่ชายแท้ๆของคยองซู พี่แบคฮยอนนี่คุณหมอยอลลี่ ทำความเคารพซะสิ คยองซูเมื่อหันมาเห็นผมก็บอกคุณหมอยอลลี่ แต่ประโยคหลังนั่น.. ฮะ คยองซูพูดว่าอะไรนะ

    สวัสดีครับ ผมพัก ชานยอล ยินดีที่ได้รู้จักนะ

     

    คุณหมอร่างสูง หัวหยอย หูกาง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลาโค้งเก้าสิบองศาทำความเคารพประหนึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่กำลังทำความเคารพอาจารย์อยู่อย่างนั้นแหละ

     

    ผมก็ไม่รอช้าที่จะโค้งด้วย แต่ไม่ถึง90องศาหรอกนะ OTL

     

    อ่า ผมบยอน แบคฮยอนครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับยินดีกับผีสิ ก็คุณหมอคนนี้แย่งความรักจากน้องชายผมไปนี่นา ฮือ

    อาการของคยองซูเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆละนะครับ

     

    คุณหมอชานยอลเดินนำผมไปยังที่โต๊ะตัวที่ใหญ่ที่สุดในห้อง เหมือนเป็นโต๊ะที่มีไว้สำหรับคุณหมอเข้ามาพูดคุยกับเด็ก น่าจะประมาณนั้นแหละ

    ก่อนที่เขาจะนั่งลง เขากลับเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่งก่อน ผมซึ่งไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อนก็ยืนเก้ๆกังๆเล็กน้อย และก็โค้งขอบคุณเขาก่อนที่จะนั่งลง

    คุณหมอร่างสูงก็ไปลากเก้าอี้สำหรับเด็กมาไว้ใกล้เก้าอี้ของตนเอง หลังจากนั้นเขาก็วางคยองซูให้นั่งลงบนเก้าอี้สำหรับเด็กส่วนเขาเองก็นั่งที่เก้าอี้ตัวที่ใหญ่ที่สุดของเขา

     

    แต่เดี๋ยวนะ นี่ผมทำอะไรอยู่น่ะ สังเกตคุณหมอคนนี้น่ะเหรอ ผิดประเด็นไปไกลละ

     

                เหรอครับ ดีจัง

    คยองซูไม่ค่อยเหนื่อยง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ แต่อย่าชะล่าใจไปนะ เพราะหมอเพิ่งเจาะเลือดเขาไปตรวจ จำนวนเม็ดเลือดขาวยังคงอยู่ในสภาพที่มากกว่าปกตินะ ยังไงก็ดูแลคยองซูให้ดีนะ

     “ครับ แต่โรคนี้มีโอกาสหายใช่มั้ยขณะที่ผมคุยกับคุณหมอคนนี้ ผมกลับไม่รู้สึกเกร็ง เหมือนกำลังคุยกับเพื่อนมากกว่า ผมไม่เคยนั่งพูดกับคุณหมอที่ไหนแล้วสบายใจและชิลด์ขนาดนี้มาก่อนเลยนะ

    อาฮะ ผมไม่คอนเฟิร์มนะว่าหายแน่นอนมั้ย แต่ถ้าเราช่วยกันดูแลอยู่ตลอดเวลา อาการของเขาก็จะดีขึ้นเรื่อยๆและหายไปในที่สุด

    ครับ

    ไม่ต้องพูดครับก็ได้อย่างกับคนมีอายุแน่ะ เกร็งชะมัด ฮ่ะๆ

     

    นั่นเขาว่าผมแก่ป่ะ เขาแก่กว่าผมด้วยซ้ำไป =____=;

     

    ช่ายยยยย พี่แบคฮยอนจะจริงจังไปแล้วนะ พวกเราเป็นเพื่อนกันหมดเลย ใช่มั้ยพี่ยอล ฮี่ๆ

     

    คยองซูยันตัวยืนบนเก้าอี้ตัวจิ๋ว ก่อนจะชี้นิ้วมาที่ผม คุณหมอชานยอลและตัวเองแล้วก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันหมดเลย มันคนละวัยละไอ้หนูคยองซูเอ้ย

     

    อ่า โอเคๆ ไม่ครับละกันผมไม่เคยเจอหมอที่ไหนพูดแบบนี้กับผมเลยนะเนี่ย

    ขอเบอร์หน่อยชานยอลฉีกยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะพูดประโยคนั้นออกมา ทำเอาผมแทบตกเก้าอี้  เขาจะขอไปทำไมน่ะ

    เอาไปทำไม

    โห้ย พี่แบคฮยอนก็ให้ๆไปเถอะ คยองซูหันมาบอกผมแบบนั้นแทนที่จะสงสัยน่ะนะว่าเขามาขอเบอร์พี่ชายของตัวเอง ไม่หวงอะไรงี้หน่อยเหรอ

    นี่ ผมขอไว้คุยเรื่องคยองซูนะ ไม่ได้จีบ คิดอะไรอยู่ชานยอลเอ่ยออกมาเมื่อผมนั่งทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

    อ่อ เคๆรอแป๊บผมล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะส่งให้เขา เมมเบอร์เองละกันเนาะ

     

    คุณหมอชานยอลกดอะไรในโทรศัพท์ยึกยักไม่นานนักเขาก็ส่งโทรศัพท์คืนให้ผมด้วยรอยยิ้มที่กว้างซะจนตาโตๆทั้งสองข้างของเขาแทบจะปิดสนิท

    ผมเพิ่งสังเกตว่าภายใต้ชุดเสื้อกาวน์สีขาวนั่นเขาใส่เสื้อยืด... เสื้อยืดเหรอ แถมเสื้อยืดลายการ์ตูนด้วยดิ คุณหมอที่ไหนจะเป็นแบบนี้บ้างเนี่ย อย่างกับเด็กวัยรุ่นทั่วไปเลยนะนั่น

     

    แต้งกิ้ว สำเนียงภาษาอังกฤษสไตล์เกาหลีถูกเปล่งออกมาจากปากคุณหมอชานยอล

    อื้ม ไม่เป็นไรผมรับโทรศัพท์กลับมาก่อนจะเลื่อนดูรายชื่อที่เขาเมมเบอร์ตัวเองไว้...

     

    คุณหมอชานยอลลี่ที่รัก

    0607000xxx

     

    =___________________=;

     

                “ทำไมถึงเมมชื่อนี้เนี่ยผมเงยหน้าขึ้นไปมองชานยอลเพื่อที่จะถาม แต่กลับไม่เห็นคนร่างสูงอยู่ตรงหน้าแล้ว ไปไหนแล้วน่ะ

                “แล้วไม่ได้เหรอ

     

                เสียงทุ้มที่อยู่ใกล้ๆหูทำให้ผมห่อไหล่ลง ด้วยความตกใจผมจึงหันหน้าไปหาเขาทันที แต่เดี๋ยวนะนี่มันจะใกล้เกินไปแล้ว แล้วทำไมเขาไม่ขยับออกไปล่ะ

                ผมขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าเขาแอบขำในท่าทางของผม นี่ผมตลกมากรึไง

               

                มายืนข้างหลังทำไมไม่บอกผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมก่อนจะถามเขาไป อยู่กับหมอคนนี้ละปวดหัว ช่างไม่เหมือนหมอทั่วไปจริงๆ เข้าใจยากชะมัด

                ก็ไม่รู้เหมือนกัน คยองซูบอกให้ทำ ชานยอลชี้ไปที่คยองซูที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ นี่รวมหัวกันแกล้งรึไง

                คยองซูนายบอกให้ชานยอลทำเหรอ

                “โอ๊ะ เรียกชื่อจริงแล้ว ชานยอลแกล้งทำตาโตเมื่อผมเรียกชื่อจริงของเขา เพิ่งรู้จักแต่เรียกกันแบบนี้แล้ว ผมก็กระดากปากเหมือนกันนะ

                คยองซูแค่เห็นพี่แบคฮยอนนั่งขมวดคิ้วอยู่ต่างหาก ก็เลยให้พี่ยอลแกล้งหน่อยนึงเอง

                เข้าใจยากผมพูดออกไปเมื่อมองหน้าชานยอล

                อยากเข้าใจกันง่ายขึ้นป้ะล่ะดูนายนั่นตอบผมมาสิ ทำตัวอย่างดับเด็กวัยรุ่น

                ไม่ล่ะ

                “ไม่ลองไม่รู้น้าชานยอลเอ่ยพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงสวยของเขา

                จะบ้าเรอะ ทำตัวอย่างกับเด็กๆ

                ไม่ได้บ้านะ ก็ยังเด็กอยู่ว่าพลางเขาก็ทำท่าปุอิ๊งใส่ผมเฉยเลย คิดว่าน่ารักรึไง

                จบเป็นหมอแล้วน่ะนะเด็ก ?”

                เฮ้ๆ พี่ชานยอลยังไม่จบคยองซูตะโกนมาบอกผมจากเก้าอี้ตัวเดิม

                เสียใจจัง ผมไม่ได้หน้าแก่ขนาดนั้นสักหน่อย ผมยังเป็นนักศึกษาแพทย์ปี4อยู่เลยน้า

               

                นิสิตแพทย์ปี4 ผมเรียนนิเทศศาสตร์ปี3 เขาเป็นพี่ผมนี่

     

                พี่แบคฮยอนนะอายุน้อยกว่าพี่ยอลอีก อย่างนี้ต้องเรียกพี่ด้วยนะ เจ้าตัวแสบพูดขึ้นมา

                อาฮะ น้องแบคฮยอนชานยอลเดินวนไปวนมารอบๆตัวผมก่อนจะชี้นิ้วไปที่ตัวเองประมาณว่าให้ผมเรียกเขาว่าพี่

               

    อะนะ ยิ่งคุยผมยิ่งปวดหัว อย่างกับคุยด้วยกับเด็กงั้นแหละ

     

                อะไรของนายผมพูดออกไปแต่ก็ได้รับน้ำเสียงที่แสนจะสตรอเบอร์รี่สุดๆกลับมาแทน

                “ฮึก ทำไมพูดแบบนั้นกับคนที่แก่กว่าล่ะ เสียใจ

                พี่แบคฮยอนทำไมทำงี้อ่ะ

     

                ช่วยกันเข้าไป

     

                โอเค พี่ชานยอล พอใจยังผมบอกปัดเมื่อเห็นว่ายิ่งคุยกับสองคนนี้มากไปก็ยิ่งจะประสาทกลับ คนหนึ่งก็เด็ก อีกคนก็ทำตัวเหมือนเด็ก

                พอใจละ ไปเที่ยวข้างนอกกันเถอะคยองซู เดี๋ยวพี่หมอคนนี้พาทัวร์เองชานยอลหันไปบอกคยองซูที่กำลังนั่งทำตาโตมองดูพวกผมเสวนากันอยู่

     

                เจ้าตัวเล็กรีบลุกขึ้นก่อนจะกระโดดลงมาจากเก้าอี้วิ่งมาหาหมอชานยอล คนหัวหยอยก็อุ้มคยองซูไว้ก่อนจะไม่วายหันหน้ามาบอกให้ผมรีบตามไปด้วย

    หกเท้าย่ำเดินกันไปตามทางเดินระหว่างตึก คนภายนอกตึกไม่ได้มีเยอะอย่างที่คิด เป้าหมายที่จะเดินไปคือสวนหย่อมในโรงพยาบาล ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะถูกพามาอยู่ในที่แห่งนี้เพราะธรรมชาติสามารถที่จะรักษาโรคต่างๆได้มากกว่ายาหรือสารเคมีด้วยซ้ำไป

    ผมเดินอยู่ด้านหลังหมอชานยอล ร่างสูงของเขาบังผมแทบมิดแน่ะ ถ้าดูจากภายนอกแล้วเขาก็ยังดูเด็กอยู่ เขาใส่แว่นนั่นเพื่อปกปิดความเด็กรึไงกัน ทำไมไม่ถอดแว่นนะ แล้วไอ่ทรงผมหยอยๆของเขานี่มันฮิตกันรึไง ผมชักอยากรู้แล้วสิว่านิสิตแพทย์ปี4เป็นแบบนี้กันทุกคนรึเปล่า

    ชานยอลเอี้ยวตัวมามองผมอย่างกับรู้ว่าผมสังเกตเขาอยู่นั่นแหละ แต่แล้วเขาก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมาก่อนจะขยิบตาทำให้ผมแน่ใจเลยล่ะ..

     

    รู้นะว่ามองอยู่

     

    จะหลงตัวเองไปมั้ยพ่อ

     

    ไม่ได้รึไงผมบ่นกลับไปเบาๆก่อนจะเสมองไปทางวิวด้านข้างของทางเดินแทน

    มาเดินข้างๆกันสิ เดินคนเดียวเปลี่ยวจะตายชานยอลเอ่ยชวนผมที่กำลังเดินอยู่ข้างหลังตามเขาต้อยๆเหมือนเด็ก

    แอบคุยกันอยู่ได้ พี่แบคฮยอนมาเดินด้วยกันมาคยองซูกวักมือเรียกผมให้ไปเดินข้างๆ

     

                ผมเร่งฝีเท้าเดินตามชานยอลให้ทัน นี่เขาขายาวเกินไปใช่มั้ย ผมไม่ได้ขาสั้นหรอกนะ

     

                “ตัวเล็กจังเสียงทุ้มที่ลอยอยู่บนหัวผมทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ชานยอลหมายถึงผมหรือคยองซูน่ะ

                พูดกับใครน่ะผมถามออกไปเมื่อพบว่าเขาก็เดินมองทางด้านหน้า ไม่ได้หันมามองผมด้วยซ้ำ

                คนที่ยืนข้างนายไง

                ............................

                “ฮ่ะๆ ล้อเล่นนา

     

                ชานยอลเล่นอะไรน่ะ ข้างผมไม่มีใครเลยนะ ผมกลัวนะเว่ย TT_______TT

     

                อย่าเล่นไรแบบนี้ได้ป่ะนี่โรงพยาบาลนะ

                “โรงพยาบาลแล้วไงก็มีทุกที่แหละน่า ดูเขาสิ

                อ่ะๆเลิกเล่นแล้วก็ได้ นู่น ถึงละ

     

                ภาพตรงหน้าผมคือสวนหย่อมกว้างที่รายล้อมไปด้วยตึกของโรงพยาบาล ใจกลางส่วนหย่อมมีน้ำพุรูปปั้น น่าจะยูนิคอร์นนะ ผมไม่แน่ใจ ม้านั่ง ต้นไม้ ดอกไม้ ถัดไปเล็กน้อยจะเป็นเครื่องออกกำลังกายสำหรับผู้ใหญ่ มีเครื่องเล่นสำหรับเด็กด้วย

    นี่มันสวรรค์สำหรับผู้ป่วยชัดๆ โรงพยาบาลนี่จะรวยไปแล้วนะ

     

    มานั่งนี่เร็วเสียงทุ้มของชานยอลดังขึ้น เมื่อผมเอาแต่ยืนเหม่อมองสถานที่ที่ผมเพิ่งบัญญัติศัพท์ไปว่าเป็นสวรรค์ของผู้ป่วยขึ้น

    ชานยอลกำลังปัดเศษใบไม้ที่ตกอยู่บนเก้าอี้ออกก่อนจะนั่งลง เจ้าตัวแสบคยองซูก็วิ่งไปที่สนามเด็กเล่นในทันทีที่ชานยอลปล่อยให้เดิน

    ผมเดินเข้าไปหาชานยอลเมื่อเห็นว่าเจ้าของผมหยิกร่างสูงนั่นเรียกผมมานั่งแต่กลับมองวิวไปเรื่อยๆ เหม่ออยู่รึเปล่าเนี่ย

    ชานยอลผมลองโบกมือไปมาตรงหน้าเขา แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ

    ................

    เฮ้ ชานยอล

    “...............”

    ไอ่หูกาง

    ว่าใครน่ะชานยอลที่ตื่นมาจากภวังค์ก็ยู่ปากมองหน้าผม พอเรียกงี้ละรู้สึกตัวเชียวแล้วทำไมต้องมานั่งเหม่อด้วยเนี่ย เรียกผมมานั่งด้วยแต่ดูดิ นั่งซะเต็มพื้นที่

    ขยับไปหน่อยสิ ผมชี้ที่เก้าอี้ประมาณว่าผมจะนั่งด้วย ชานยอลก็ขยับให้แต่โดยดี

     

    นั่งตรงนี้สามารถมองเห็นสนามเด็กเล่นได้ ไม่ต้องกลัวว่าคยองซูจะได้รับอันตรายเพราะที่โรงพยาบาลเขาตั้งเครื่องเล่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก แต่นอกเสียจากความสะเพร่าของเด็กเองน่ะนะ...

     

    ความสะเพร่าของเด็ก

     

    ฮืออออออออออออออออออออออออ

    คยองซู !!!”

    คยองซู !!!”

     

    เสียงคยองซูร้องดังไปทั่วบริเวณผมและชานยอลรีบลุกขึ้นวิ่งไปยังที่เกิดเหตุในทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของเจ้าตัวเล็ก

    .........

     

    ถ้าพระเจ้าสร้างให้คนเราเกิดมาก็ต้องสร้างความรู้สึกมาด้วยจริงมั้ยแล้วความรู้สึกนั่นคืออะไรกันล่ะ?

     

     

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×