คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : :: my doctor 。1
MY DOCTOR : 1
รักที่เห็นที่พบนั้นมีอยู่จริง รักที่ไม่เห็นไม่พบนั้นก็มีอยู่จริง
อยู่ที่ว่าใครจะทานต้านไหว ส่วนตัวฉันขอแค่เพียงคนมีใจ
ผ่านมาแล้ว ขออย่าเพิ่งไป
ผู้ชายร่างสูงในชุดกาวน์ ผมสีสว่างที่หยิกเป็นลอนด์ หูที่กางมากกว่าคนปกติทั่วไป ตาที่เปล่งประกายภายใต้กรอบแว่นไม่มีเลนส์สีน้ำตาลแดง รอยยิ้มที่กว้างแลดูร่าเริงอยู่ตลอดเวลา
นั่นเหรอ คุณหมอยอลลี่ของคยองซู
“คิดถึงเจ้าตัวแสบจังเลย ฮ่ะๆ” หลังจากเปิดประตูเข้ามา ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาหาคยองซูทันที โดยที่เจ้าตัวเล็กยังไม่ทันจะลุกจากเก้าอี้ตัวจิ๋วไปหาเขาก่อนด้วยซ้ำ
“คยองซูก็คิดถึ้งคิดถึง ไม่เจอกันตั้งนาน” คยองซูที่โดนคุณหมอรวบตัวมาอุ้มไว้ก็เอาสองแขนเล็กกอดคอคุณหมอหูกางนั่นไว้หลวมๆ ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของทั้งสองคนมันทำให้ผม..
เฮ้ ! นี่ไม่เห็นผมกันเลยรึไงน่ะ =__________=;
“นานที่ไหนกันล่ะ พี่เพิ่งมาหาเมื่อเช้าเองนะ นี่แน่ะ” คุณหมอชานยอลพูดก่อนจะหยิกไปที่แก้มย้วยของคยองซูเบาๆด้วยความหมั่นไส้ในความไร้เดียงสาและน่ารักของเจ้าตัวแสบ
“เอ่อ...”
ผมทนไม่ไหวละ ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะ หันมามองกันหน่อยสิ งื้อ
“โอ๊ะ นั่นพี่แบคฮยอนพี่ชายแท้ๆของคยองซู พี่แบคฮยอนนี่คุณหมอยอลลี่ ทำความเคารพซะสิ” คยองซูเมื่อหันมาเห็นผมก็บอกคุณหมอยอลลี่ แต่ประโยคหลังนั่น.. ฮะ คยองซูพูดว่าอะไรนะ
“สวัสดีครับ ผมพัก ชานยอล ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
คุณหมอร่างสูง หัวหยอย หูกาง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลาโค้งเก้าสิบองศาทำความเคารพประหนึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่กำลังทำความเคารพอาจารย์อยู่อย่างนั้นแหละ
ผมก็ไม่รอช้าที่จะโค้งด้วย แต่ไม่ถึง90องศาหรอกนะ OTL
“อ่า ผมบยอน แบคฮยอนครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” ยินดีกับผีสิ ก็คุณหมอคนนี้แย่งความรักจากน้องชายผมไปนี่นา ฮือ
“อาการของคยองซูเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆละนะครับ”
คุณหมอชานยอลเดินนำผมไปยังที่โต๊ะตัวที่ใหญ่ที่สุดในห้อง เหมือนเป็นโต๊ะที่มีไว้สำหรับคุณหมอเข้ามาพูดคุยกับเด็ก น่าจะประมาณนั้นแหละ
ก่อนที่เขาจะนั่งลง เขากลับเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่งก่อน ผมซึ่งไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อนก็ยืนเก้ๆกังๆเล็กน้อย และก็โค้งขอบคุณเขาก่อนที่จะนั่งลง
คุณหมอร่างสูงก็ไปลากเก้าอี้สำหรับเด็กมาไว้ใกล้เก้าอี้ของตนเอง หลังจากนั้นเขาก็วางคยองซูให้นั่งลงบนเก้าอี้สำหรับเด็กส่วนเขาเองก็นั่งที่เก้าอี้ตัวที่ใหญ่ที่สุดของเขา
แต่เดี๋ยวนะ นี่ผมทำอะไรอยู่น่ะ สังเกตคุณหมอคนนี้น่ะเหรอ ผิดประเด็นไปไกลละ
“เหรอครับ ดีจัง”
“คยองซูไม่ค่อยเหนื่อยง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ แต่อย่าชะล่าใจไปนะ เพราะหมอเพิ่งเจาะเลือดเขาไปตรวจ จำนวนเม็ดเลือดขาวยังคงอยู่ในสภาพที่มากกว่าปกตินะ ยังไงก็ดูแลคยองซูให้ดีนะ”
“ครับ แต่โรคนี้มีโอกาสหายใช่มั้ย” ขณะที่ผมคุยกับคุณหมอคนนี้ ผมกลับไม่รู้สึกเกร็ง เหมือนกำลังคุยกับเพื่อนมากกว่า ผมไม่เคยนั่งพูดกับคุณหมอที่ไหนแล้วสบายใจและชิลด์ขนาดนี้มาก่อนเลยนะ
“อาฮะ ผมไม่คอนเฟิร์มนะว่าหายแน่นอนมั้ย แต่ถ้าเราช่วยกันดูแลอยู่ตลอดเวลา อาการของเขาก็จะดีขึ้นเรื่อยๆและหายไปในที่สุด”
“ครับ”
“ไม่ต้องพูดครับก็ได้อย่างกับคนมีอายุแน่ะ เกร็งชะมัด ฮ่ะๆ”
นั่นเขาว่าผมแก่ป่ะ เขาแก่กว่าผมด้วยซ้ำไป =____=;
“ช่ายยยยย พี่แบคฮยอนจะจริงจังไปแล้วนะ พวกเราเป็นเพื่อนกันหมดเลย ใช่มั้ยพี่ยอล ฮี่ๆ”
คยองซูยันตัวยืนบนเก้าอี้ตัวจิ๋ว ก่อนจะชี้นิ้วมาที่ผม คุณหมอชานยอลและตัวเองแล้วก็บอกว่าเป็นเพื่อนกันหมดเลย มันคนละวัยละไอ้หนูคยองซูเอ้ย
“อ่า โอเคๆ ไม่ครับละกัน” ผมไม่เคยเจอหมอที่ไหนพูดแบบนี้กับผมเลยนะเนี่ย
“ขอเบอร์หน่อย” ชานยอลฉีกยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะพูดประโยคนั้นออกมา ทำเอาผมแทบตกเก้าอี้ เขาจะขอไปทำไมน่ะ
“เอาไปทำไม”
“โห้ย พี่แบคฮยอนก็ให้ๆไปเถอะ” คยองซูหันมาบอกผมแบบนั้นแทนที่จะสงสัยน่ะนะว่าเขามาขอเบอร์พี่ชายของตัวเอง ไม่หวงอะไรงี้หน่อยเหรอ
“นี่ ผมขอไว้คุยเรื่องคยองซูนะ ไม่ได้จีบ คิดอะไรอยู่” ชานยอลเอ่ยออกมาเมื่อผมนั่งทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“อ่อ เคๆรอแป๊บ” ผมล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะส่งให้เขา เมมเบอร์เองละกันเนาะ
คุณหมอชานยอลกดอะไรในโทรศัพท์ยึกยักไม่นานนักเขาก็ส่งโทรศัพท์คืนให้ผมด้วยรอยยิ้มที่กว้างซะจนตาโตๆทั้งสองข้างของเขาแทบจะปิดสนิท
ผมเพิ่งสังเกตว่าภายใต้ชุดเสื้อกาวน์สีขาวนั่นเขาใส่เสื้อยืด... เสื้อยืดเหรอ แถมเสื้อยืดลายการ์ตูนด้วยดิ คุณหมอที่ไหนจะเป็นแบบนี้บ้างเนี่ย อย่างกับเด็กวัยรุ่นทั่วไปเลยนะนั่น
“แต้งกิ้ว” สำเนียงภาษาอังกฤษสไตล์เกาหลีถูกเปล่งออกมาจากปากคุณหมอชานยอล
“อื้ม ไม่เป็นไร” ผมรับโทรศัพท์กลับมาก่อนจะเลื่อนดูรายชื่อที่เขาเมมเบอร์ตัวเองไว้...
คุณหมอชานยอลลี่ที่รัก ♥
0607000xxx
=___________________=;
“ทำไมถึงเมมชื่อนี้เนี่ย” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองชานยอลเพื่อที่จะถาม แต่กลับไม่เห็นคนร่างสูงอยู่ตรงหน้าแล้ว ไปไหนแล้วน่ะ
“แล้วไม่ได้เหรอ”
เสียงทุ้มที่อยู่ใกล้ๆหูทำให้ผมห่อไหล่ลง ด้วยความตกใจผมจึงหันหน้าไปหาเขาทันที แต่เดี๋ยวนะนี่มันจะใกล้เกินไปแล้ว แล้วทำไมเขาไม่ขยับออกไปล่ะ
ผมขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าเขาแอบขำในท่าทางของผม นี่ผมตลกมากรึไง
“มายืนข้างหลังทำไมไม่บอก” ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมก่อนจะถามเขาไป อยู่กับหมอคนนี้ละปวดหัว ช่างไม่เหมือนหมอทั่วไปจริงๆ เข้าใจยากชะมัด
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน คยองซูบอกให้ทำ” ชานยอลชี้ไปที่คยองซูที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ นี่รวมหัวกันแกล้งรึไง
“คยองซูนายบอกให้ชานยอลทำเหรอ”
“โอ๊ะ เรียกชื่อจริงแล้ว” ชานยอลแกล้งทำตาโตเมื่อผมเรียกชื่อจริงของเขา เพิ่งรู้จักแต่เรียกกันแบบนี้แล้ว ผมก็กระดากปากเหมือนกันนะ
“คยองซูแค่เห็นพี่แบคฮยอนนั่งขมวดคิ้วอยู่ต่างหาก ก็เลยให้พี่ยอลแกล้งหน่อยนึงเอง”
“เข้าใจยาก” ผมพูดออกไปเมื่อมองหน้าชานยอล
“อยากเข้าใจกันง่ายขึ้นป้ะล่ะ” ดูนายนั่นตอบผมมาสิ ทำตัวอย่างดับเด็กวัยรุ่น
“ไม่ล่ะ”
“ไม่ลองไม่รู้น้า” ชานยอลเอ่ยพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันเรียงสวยของเขา
“จะบ้าเรอะ ทำตัวอย่างกับเด็กๆ”
“ไม่ได้บ้านะ ก็ยังเด็กอยู่” ว่าพลางเขาก็ทำท่าปุอิ๊งใส่ผมเฉยเลย คิดว่าน่ารักรึไง
“จบเป็นหมอแล้วน่ะนะเด็ก ?”
“เฮ้ๆ พี่ชานยอลยังไม่จบ” คยองซูตะโกนมาบอกผมจากเก้าอี้ตัวเดิม
“เสียใจจัง ผมไม่ได้หน้าแก่ขนาดนั้นสักหน่อย ผมยังเป็นนักศึกษาแพทย์ปี4อยู่เลยน้า”
นิสิตแพทย์ปี4 ผมเรียนนิเทศศาสตร์ปี3 เขาเป็นพี่ผมนี่
“พี่แบคฮยอนนะอายุน้อยกว่าพี่ยอลอีก อย่างนี้ต้องเรียกพี่ด้วยนะ” เจ้าตัวแสบพูดขึ้นมา
“อาฮะ น้องแบคฮยอน” ชานยอลเดินวนไปวนมารอบๆตัวผมก่อนจะชี้นิ้วไปที่ตัวเองประมาณว่าให้ผมเรียกเขาว่าพี่
อะนะ ยิ่งคุยผมยิ่งปวดหัว อย่างกับคุยด้วยกับเด็กงั้นแหละ
“อะไรของนาย” ผมพูดออกไปแต่ก็ได้รับน้ำเสียงที่แสนจะสตรอเบอร์รี่สุดๆกลับมาแทน
“ฮึก ทำไมพูดแบบนั้นกับคนที่แก่กว่าล่ะ เสียใจ”
“พี่แบคฮยอนทำไมทำงี้อ่ะ”
ช่วยกันเข้าไป
“โอเค พี่ชานยอล พอใจยัง” ผมบอกปัดเมื่อเห็นว่ายิ่งคุยกับสองคนนี้มากไปก็ยิ่งจะประสาทกลับ คนหนึ่งก็เด็ก อีกคนก็ทำตัวเหมือนเด็ก
“พอใจละ ไปเที่ยวข้างนอกกันเถอะคยองซู เดี๋ยวพี่หมอคนนี้พาทัวร์เอง” ชานยอลหันไปบอกคยองซูที่กำลังนั่งทำตาโตมองดูพวกผมเสวนากันอยู่
เจ้าตัวเล็กรีบลุกขึ้นก่อนจะกระโดดลงมาจากเก้าอี้วิ่งมาหาหมอชานยอล คนหัวหยอยก็อุ้มคยองซูไว้ก่อนจะไม่วายหันหน้ามาบอกให้ผมรีบตามไปด้วย
หกเท้าย่ำเดินกันไปตามทางเดินระหว่างตึก คนภายนอกตึกไม่ได้มีเยอะอย่างที่คิด เป้าหมายที่จะเดินไปคือสวนหย่อมในโรงพยาบาล ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะถูกพามาอยู่ในที่แห่งนี้เพราะธรรมชาติสามารถที่จะรักษาโรคต่างๆได้มากกว่ายาหรือสารเคมีด้วยซ้ำไป
ผมเดินอยู่ด้านหลังหมอชานยอล ร่างสูงของเขาบังผมแทบมิดแน่ะ ถ้าดูจากภายนอกแล้วเขาก็ยังดูเด็กอยู่ เขาใส่แว่นนั่นเพื่อปกปิดความเด็กรึไงกัน ทำไมไม่ถอดแว่นนะ แล้วไอ่ทรงผมหยอยๆของเขานี่มันฮิตกันรึไง ผมชักอยากรู้แล้วสิว่านิสิตแพทย์ปี4เป็นแบบนี้กันทุกคนรึเปล่า
ชานยอลเอี้ยวตัวมามองผมอย่างกับรู้ว่าผมสังเกตเขาอยู่นั่นแหละ แต่แล้วเขาก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมาก่อนจะขยิบตาทำให้ผมแน่ใจเลยล่ะ..
“รู้นะว่ามองอยู่”
จะหลงตัวเองไปมั้ยพ่อ
“ไม่ได้รึไง” ผมบ่นกลับไปเบาๆก่อนจะเสมองไปทางวิวด้านข้างของทางเดินแทน
“มาเดินข้างๆกันสิ เดินคนเดียวเปลี่ยวจะตาย” ชานยอลเอ่ยชวนผมที่กำลังเดินอยู่ข้างหลังตามเขาต้อยๆเหมือนเด็ก
“แอบคุยกันอยู่ได้ พี่แบคฮยอนมาเดินด้วยกันมา” คยองซูกวักมือเรียกผมให้ไปเดินข้างๆ
ผมเร่งฝีเท้าเดินตามชานยอลให้ทัน นี่เขาขายาวเกินไปใช่มั้ย ผมไม่ได้ขาสั้นหรอกนะ
“ตัวเล็กจัง” เสียงทุ้มที่ลอยอยู่บนหัวผมทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ชานยอลหมายถึงผมหรือคยองซูน่ะ
“พูดกับใครน่ะ” ผมถามออกไปเมื่อพบว่าเขาก็เดินมองทางด้านหน้า ไม่ได้หันมามองผมด้วยซ้ำ
“คนที่ยืนข้างนายไง”
“............................”
“ฮ่ะๆ ล้อเล่นนา”
ชานยอลเล่นอะไรน่ะ ข้างผมไม่มีใครเลยนะ ผมกลัวนะเว่ย TT_______TT
“อย่าเล่นไรแบบนี้ได้ป่ะนี่โรงพยาบาลนะ”
“โรงพยาบาลแล้วไงก็มีทุกที่แหละน่า” ดูเขาสิ
“อ่ะๆเลิกเล่นแล้วก็ได้ นู่น ถึงละ”
ภาพตรงหน้าผมคือสวนหย่อมกว้างที่รายล้อมไปด้วยตึกของโรงพยาบาล ใจกลางส่วนหย่อมมีน้ำพุรูปปั้น น่าจะยูนิคอร์นนะ ผมไม่แน่ใจ ม้านั่ง ต้นไม้ ดอกไม้ ถัดไปเล็กน้อยจะเป็นเครื่องออกกำลังกายสำหรับผู้ใหญ่ มีเครื่องเล่นสำหรับเด็กด้วย
นี่มันสวรรค์สำหรับผู้ป่วยชัดๆ โรงพยาบาลนี่จะรวยไปแล้วนะ
“มานั่งนี่เร็ว” เสียงทุ้มของชานยอลดังขึ้น เมื่อผมเอาแต่ยืนเหม่อมองสถานที่ที่ผมเพิ่งบัญญัติศัพท์ไปว่าเป็นสวรรค์ของผู้ป่วยขึ้น
ชานยอลกำลังปัดเศษใบไม้ที่ตกอยู่บนเก้าอี้ออกก่อนจะนั่งลง เจ้าตัวแสบคยองซูก็วิ่งไปที่สนามเด็กเล่นในทันทีที่ชานยอลปล่อยให้เดิน
ผมเดินเข้าไปหาชานยอลเมื่อเห็นว่าเจ้าของผมหยิกร่างสูงนั่นเรียกผมมานั่งแต่กลับมองวิวไปเรื่อยๆ เหม่ออยู่รึเปล่าเนี่ย
“ชานยอล” ผมลองโบกมือไปมาตรงหน้าเขา แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
“................”
“เฮ้ ชานยอล”
“...............”
“ไอ่หูกาง”
“ว่าใครน่ะ” ชานยอลที่ตื่นมาจากภวังค์ก็ยู่ปากมองหน้าผม พอเรียกงี้ละรู้สึกตัวเชียวแล้วทำไมต้องมานั่งเหม่อด้วยเนี่ย เรียกผมมานั่งด้วยแต่ดูดิ นั่งซะเต็มพื้นที่
“ขยับไปหน่อยสิ” ผมชี้ที่เก้าอี้ประมาณว่าผมจะนั่งด้วย ชานยอลก็ขยับให้แต่โดยดี
นั่งตรงนี้สามารถมองเห็นสนามเด็กเล่นได้ ไม่ต้องกลัวว่าคยองซูจะได้รับอันตรายเพราะที่โรงพยาบาลเขาตั้งเครื่องเล่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก แต่นอกเสียจากความสะเพร่าของเด็กเองน่ะนะ...
ความสะเพร่าของเด็ก
“ฮืออออออออออออออออออออออออ”
“คยองซู !!!”
“คยองซู !!!”
เสียงคยองซูร้องดังไปทั่วบริเวณผมและชานยอลรีบลุกขึ้นวิ่งไปยังที่เกิดเหตุในทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของเจ้าตัวเล็ก
.........
ถ้าพระเจ้าสร้างให้คนเราเกิดมาก็ต้องสร้างความรู้สึกมาด้วยจริงมั้ยแล้วความรู้สึกนั่นคืออะไรกันล่ะ?
ความคิดเห็น