ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fanfic:LOTR-HP] The New Legend

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : ผู้มาเยือน

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 64




     บทที่ 2 : ผู้มาเยือน

     

    "ขอต้อนรับนักเรียนทุกคนกลับสู่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์อีกครั้ง"

    คำกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงจริงจังทว่าแฝงแววอบอุ่นมาจากศาสตราจารย์มักกอนนากัล อาจารย์ใหญ่คนใหม่ของฮอกวอตส์ ดังขึ้นจากโต๊ะอาจารย์ด้านหน้า ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในโถงใหญ่ที่มีโต๊ะยาวสี่ตัวประจำบ้านทั้งสี่ตั้งอยู่ เพดานเวทมนตร์คืนนี้เต็มไปด้วยดาวทอประกาย ภาพอันคุ้นเคยทำให้แฮร์รี่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่ต่างออกไปมีแค่โต๊ะยาวตัวที่ห้าปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีดำขลิบทองที่ตั้งขวางระหว่างพวกเขากับโต๊ะยาวอีกสี่ตัวที่เหลืออยู่ตรงด้านหลังสุดของห้องโถงใหญ่

    "พิธีคัดสรรกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ แต่ก่อนอื่น ขอให้มิสเตอร์พอตเตอร์ มิสเกรนเจอร์ และมิสเตอร์วีสลีย์.."

    เฟร็ดกับจอร์จหันมองหน้ากันเหมือนจะถามว่าคนไหน ซึ่งอาการนั่นก็ไม่พ้นสายตาคมกริบของมักกอนนากัลที่จ้องมายังพวกเขาอยู่แล้ว

    "..โรนัลด์ ตามศาสตราจารย์สเนปไปที่ห้องทำงานอาจารย์ใหญ่"

    เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันที แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอน มองหน้ากันก่อนจะเดินแยกออกไปหาสเนปที่ยืนรออยู่หน้าประตูด้วยสีหน้านิ่งสงบแต่ดวงตาสีดำฉายแววเคร่งเครียด ไม่มีแววดูถูกเหมือนเคย

    สเนปเดินนำทั้งสามคนตรงไปยังทิศทางที่แฮร์รี่จำได้ดีว่า เคยเป็นห้องทำงานของดัมเบิลดอร์มาก่อน ทั้งสามมองสบตากันอีกครั้ง ก่อนเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ

    "มีอะไรเหรอคะ เซ.. เอ่อ ศาสตราจารย์สเนป"

    แฮร์รี่หันมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความแปลกใจ เมื่อกี๊เธอจะเรียกสเนปว่าอะไรนะ เซเวอรัสงั้นเหรอ

    "ถ้าไม่มีคนอื่นอยู่จะเรียกเหมือนเดิมก็ได้ เฮอร์ไมโอนี่"

    แฮร์รี่จ้องสเนปเขม็ง รอนอ้าปากค้าง นี่มันอะไรกัน เหมือนเดิมงั้นหรือ เฮอร์ไมโอนี่เคยเรียกชื่อสเนปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน จริงอยู่ว่าหลังจากที่ได้รู้ความจริงในสิ่งที่สเนปพยายามทำมาตลอดผ่านทางเพนชิป ก็ทำให้ความเกลียดชังที่เคยมีระหว่างพวกเขาลดน้อยลงไปมาก แต่แฮร์รี่ไม่เคยคิดเลยว่าเสนปกับเฮอร์ไมโอนี่จะสนิทกันถึงขนาดเรียกชื่อตัว ไปสนิทกันตอนไหน ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้ แต่ยังไม่ทันที่จะอ้าปากถามพวกเขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปปั้นหินสัตว์ประหลาด

    "มิดเดิ้ลเอิร์ธ"

    น้ำเสียงเฉียบขาดจากสเนปฟังดูเร่งรีบผิดปกติ รูปปั้นหินกระโดดหลบไปด้านข้าง สเนปพุ่งขึ้นบันไดเวียนไปอย่างรวดเร็วจนพวกเขาต้องวิ่งตาม ทันทีที่ประตูห้องทำงานถูกกระชากเปิดออก น้ำเสียงอบอุ่นอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น

    "มาแล้วหรือเซเวอรัส สายัณห์สวัสดิ์ แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ รอน"

    รูปภาพเหมือนของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ อดีตอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ บนผนังด้านหลังโต๊ะทำงานอาจารย์ใหญ่เอ่ยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ดวงตาสีฟ้าเบื้องหลังกรอบแว่นยังคงดูใจดีเหมือนเคย แต่ความกังวลในดวงตาคู่นั้นบอกแฮร์รี่ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

    "รีบไปเถอะ"

    ดัมเบิลดอร์เอ่ยอีกครั้งก่อนที่รูปภาพของเขาจะดีดตัวเปิดออกเผยให้เห็นบันไดเวียนทางด้านหลังที่แฮร์รี่ไม่เคยเห็นมาก่อน

    อีกฟากหนึ่งของบันไดเวียนเป็นยอดหอคอยที่สูงที่สุดในฮอกวอตส์ที่พวกเขาไม่เคยรู้ทางขึ้นมาก่อน ทั้งยังไม่เคยมีบอกไว้ในแผนที่ตัวกวน ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นแสงสว่างที่ส่องลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบนกว้างเพียงแค่ให้คนสองคนเดินผ่าน ในแสงนั้นพวกเขาเห็นภาพที่ดูไม่ต่างไปจากสงครามโบราณที่เคยเห็นในหนังของพวกมักเกิ้ล เหล่าทหารบนหลังม้าในชุดเกราะสีทองกวัดแกว่งดาบสู้กับสิ่งมีชีวิตรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด ที่อยู่ไกลออกไปต่างยิงธนูใส่ศัตรูไม่ขาดสาย แต่สิ่งที่สะดุดตาแฮรี่มากที่สุดกลับเป็นร่างบางของหญิงสาวผมทองบนหลังม้าสีทองอร่ามตรงหน้าเขา มือเรียวน้าวสายธนูครั้งแล้วครั้งเล่า ลูกธนูที่ยิงออกไปไม่เคยพลาดเป้า แฮรี่สังเกตว่าหญิงสาวมีหูแหลมๆโผล่ออกมาจากผมสีทองยาว เธอไม่ได้ใส่เกราะแบบทหารเช่นเดียวกับชายหนุ่มอีกคนที่กำลังกวัดแกว่งดาบอยู่บนหลังม้าสีดำพ่วงพีข้างกายเธอ แล้วก็ยังมีเด็กตัวเล็กๆ บนหลังม้าตัวเล็กอีกสี่ห้าคนอยู่ใกล้ๆกับชายชราบนหลังม้าขาวที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด

    "เปลี่ยนแผน" เสียงดังก้องมาจากชายชราชุดขาวกังวานราวกับใช้คาถากระจายเสียง "เจ้าสองคนข้ามไปก่อนแล้วเปิดมิติใหม่จากทางด้านโน้น"

    "ไปเร็ว"

    ทันใดนั้นเองก็มีร่างๆหนึ่งถูกผลักผ่านม่านแสงที่ลดขนาดลงครึ่งหนึ่งเข้ามาชนกับสเนปที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดตามด้วยอีกร่างที่ชนทั้งคู่ล้มลงไปกองกับพื้น พลันช่องแสงและภาพสงครามย่อมๆ ก็หายวับไป แฮร์รี่จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง ร่างทั้งสองเป็นคนที่เขาคิดถึงมากที่สุด คนที่เขาอยากเจอที่สุดตลอดสองปีที่ผ่านมา

    “รีมัส! ซีเรียส!

    เฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนจะตั้งสติได้ก่อนใคร เธอวิ่งเข้าไปกอดรีมัส ลูปินที่พยายามจะลุกขึ้นยืนจนล้มลงไปด้วยกันอีกรอบ ขณะที่แฮร์รี่ได้แต่จ้องมองซีเรียส แบล็ก พ่อทูนหัวของเขาที่ใครๆ คิดว่าตายไปแล้ว ที่ยังคงล้มทับสเนปอยู่ ดวงตาสีดำที่คุ้นเคยมองสบกับดวงตาสีเขียวนิ่ง

    “ลุกขึ้นไปได้แล้ว ไอ้หมาบ้า”

    น้ำเสียงหงุดหงิดจากสเนปเหมือนจะทำให้ซีเรียสรู้สึกตัว เขาโดดลุกขึ้นวิ่งกลับไปกลางลานหอคอยพร้อมๆ กับที่รีมัสสะบัดหลุดจากเด็กสาว

    “กันเด็กๆ ออกไปก่อนสเนป” เสียงรีมัสเอ่ยเคร่งเครียด ซีเรียสส่งสายตาให้แฮร์รี่ว่า ไว้คุยกันทีหลัง

    สเนปดันเด็กๆ ถอยหลังไปเปิดพื้นที่กลางลานให้ซีเรียสและรีมัส สองหนุ่มยืนหันหน้าเข้าหากันแล้วหลับตาลง พลันก็เกิดช่องแสงและภาพสงครามเหมือนตอนแรกที่พวกเขาเดินขึ้นมา

    "เซเวอรัส ระวัง" เสียงใสร้องดังมาจากอีกฟาก ทำให้สเนปก้าวถอยหลังไปนิดหนึ่งตามสัญชาตญาณ ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งข้ามช่องแสงมาตกลงแทบเท้าสเนป ทำให้เจ้าตัวคิดได้จึงวิ่งไปยังลำแสงตรงหน้า พลางชักไม้กายสิทธิ์ออกมา

    “เซ็กตัสเซ็มปรา”

    ลำแสงพุ่งออกจากไม้กายสิทธิ์ของสเนปกระแทกเข้ากับออร์คตัวหนึ่งอย่างแรง แขนที่ถืออาวุธหน้าตาเหมือนขวานของมันกระเด็นลงไปกองกับพื้น ก่อนจะล้มลงเมื่อลูกธนูสีทองเสียบทะลุอก หญิงสาวหันมายิ้มให้ชายหนุ่มเป็นเชิงขอบคุณ

    แม้จะยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก แต่แฮร์รี่ก็ดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาพร้อมๆกับเฮอร์ไมโอนี่และรอน

    “สตูเบฟาย” ลำแสงสีแดงจากแฮร์รี่พุ่งเข้าชนกลางหน้าผากออร์คตัวหนึ่งจนกระเด็นไปไกล

    “วิงการ์เดียม เลวีโอซ่า” หอกในมือออร์คตัวหนึ่งลอยหายไปในอากาศด้วยฝีมือของเฮอร์ไมโอนี่

    “เพ็ตตริฟิคัส โททาลัส” คาถาจากรอนส่งให้ออร์คอีกตนลงไปนอนแข็งเป็นหินอยู่ที่พื้น

    “คอนฟรินโก้”

    “คอนฟันโด้”

    “ดิฟฟินโด”

    “ครูซิโอ”

    สารพัดคาถาถูกร่ายออกมาติดๆ กัน ขณะที่พวกเขาต้องคอยก้มหัวหลบลูกธนูที่ถูกยิงมาทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

    “เซเวอรัส รับ”

    เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอีกครั้งขณะที่ร่างของปิ๊บปิ้นลอยมาชนกับสเนป ที่เหวี่ยงต่อให้กับรอนทันที ตามด้วยเมอร์รี่ โฟรโดและแซม ที่แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาช่วยดึงออกไปจากตัวรอน

    "เซเวอรัส หนักหน่อยนะ" เสียงทุ้มเอ่ยติดตลกก่อนที่ชายหนุ่มจะหิ้วขอเสื้อของเพื่อนคนแคระขึ้นเตรียมเหวี่ยงไปยังช่องแสง

    "ไม่นะ อารากอร์น..." เสียงประท้วงจากคนแคระหนึ่งเดียวดังขึ้นแต่หามีใครสนใจไม่ หญิงสาวเข้ามาช่วยชายหนุ่มจูงม้าของกิมลีที่ถูกเหวี่ยงไปชนเสนปเต็มๆ จนล้มลง ขวานเล่มโตกระเด็นมาตกข้างๆ ก่อนที่ม้าตัวเล็กห้าตัวจะกระโจนข้ามร่างที่ล้มอยู่ไปทีละตัว

    “ม้าด้วยเหรอ!

    เสียงบ่นจากสเนปขณะพยายามผลักกิมลีออกจากตัวแล้วลุกขึ้น ขณะที่แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอนยังคงยืนตาค้างมองดูร่างเล็กห้าร่างที่ถูก โยน ข้ามมา นี่มันตัวอะไรกันอีกเนี่ย

    ในขณะที่อีกฟากหนึ่ง อารากอร์นกับเลโกลัสกระโจนกลับขึ้นหลังม้าพลางดึงอาวุธคู่กายออกมาฟาดฟันกับพวกออร์คทันที

    “อย่ามัวแต่ยืนอึ้งแฮร์รี่ ถ้ายังไม่อยากโดนม้าเหยียบ ไป!

    เสียงใสเสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง ยังไม่ทันจะได้นึกว่าผู้หญิงคนนั้นรู้ชื่อเขาได้ยังไง แฮร์รี่ก็โดนเฮอร์ไมโอนี่กับรอนลากออกมาให้พ้นประตูเป็นจังหวะเดียวกับที่ม้าของอารากอร์นพุ่งผ่านเข้ามาพอดี ทั้งคู่ผงกหัวให้เขาน้อยๆเป็นเชิงขอโทษ มือยังคงกำดาบเปื้อนเลือดไว้แน่น

    “ไม่เหยียบหน้าข้าเลยล่ะ ไอ้ม้าบ้า”

    “ถอยไปก่อนกิมลี”

    เลโกลัสพูดพลางชักม้าถอยหลังเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่จะตามเข้ามา "แกนดาล์ฟ" เสียงใสตะโกนก้อง เรียกพ่อมดขาวที่อยู่ไกลออกให้ข้ามมา

    แกนดาล์ฟสบตากับฟาราเมียร์และเอโอแมร์ก่อนจะชักม้าควบมายังช่องแสง ม้าสีขาวกระโจนกลับหลังไปทางประตูมิติอย่างรวดเร็ว ออร์คฝูงหนึ่งหลุดจากแนวป้องกันของสองสหายพุ่งตามหลังเขามาเกือบจะถึงตัว

    “อาวิส ออบพุกโน!

    นกฝูงหนึ่งพุ่งจากไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ผ่านประตูมิติเข้าใส่ออร์คด้านหลัง หยุดพวกมันไว้ได้ทันก่อนที่จะถึงตัวพรายสาว ในขณะที่ลูกธนูห้าดอกพุ่งเข้าใส่ชายชราด้วยความเร็วไม่แพ้กัน สองดอกถูกปัดได้ด้วยไม้เท้าสีขาวในมือ  แต่ยังคงเหลืออีกสามดอกที่เจ้าตัวหันกลับไปไม่ทัน

    “โพเทรโก้!

    เสียงตะโกนดังมาจากประตูหอคอยพร้อมกับที่ลูกธนูสองดอกพุ่งเข้าใส่เกราะสีขาวใสที่มองแทบไม่เห็นด้านหลัง แต่ลูกธนูดอกสุดท้ายพุ่งเข้ามาก่อนที่เกราะจะสร้างเสร็จ ก่อนที่มันจะปักเข้ากลางหัวของชายชราก็มีเสียงร้องแหลมของนกอินทรีดังขึ้น

    “เอเลน

    เสียงใสกรีดร้อง บาดลึกลงไปในใจของผู้ที่ได้ยิน ม้าสีทองกระโจนขึ้นกลางอากาศให้มือน้อยรับร่างอินทรีสีทองที่มีธนูปักอกไว้ได้ทันก่อนจะข้ามประตูมิติกลับมาหยุดลงตรงหน้าม้าสีดำและขาวพร้อมๆ กับที่รีมัสและซีเรียสลืมตาขึ้น ลำแสงประตูมิติหายไป

    เลโกลัสโดดลงจากหลังม้าพลางส่งร่างโชกเลือดในมือให้กับพ่อมดขาว พลางหันไปส่ายหน้าน้อยๆให้เหล่าสหายที่กำลังจะเข้ามาทักเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

    อารากอร์นเดินไปกล่าวกับรีมัสและซีเรียส “เปิดมิติให้ข้าอีกทีได้ไหม”

    สองหนุ่มมองหน้ากันก่อนที่จะเดินกลับไปที่เดิมแล้วหลับตาลง ช่องแสงแบบที่พวกเขาข้ามมาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    “พร้อมนะ”

    เสียงใสเบากว่าที่เคย แต่อารากอร์น ก็คว้าธนูขึ้นมายืนเคียงข้างร่างบางทันที คาถาเกราะวิเศษถูกร่ายขึ้นอีกครั้งเพื่อกันการโจมตีกลับจากฝ่ายตรงข้าม ลูกธนูดอกแล้วดอกเล่าถูกยิงออกไปอย่างแม่นยำ พร้อมกับเสียงร้องเรียกชื่อเหล่าทหารจากร่างบางและร่างสูงให้หลบการโจมตีที่พวกเขามองไม่เห็น แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอนเฝ้ามองอย่างตื่นเต้น ก่อนที่จะพร้อมใจกันร่ายคาถาช่วยอีกแรงจากทางด้านหลัง

    ดูเหมือนว่าพรายหนุ่มจะมองเห็นอะไรบางอย่าง มือเรียวชะงักไปนิด ก่อนจะร้องบอกข้ามไปยังอีกมิติหนึ่ง

    “เอโอแมร์ ฟาราเมียร์ ทางใต้”

    ทั้งคู่หันกลับมามอง ก่อนที่ลูกธนูดอกหนึ่งจะพุ่งผ่านกลางระหว่างพวกเขาไป ตามด้วยน้ำเสียงดุๆ จากเลโกลัส

    “ไม่ต้องหันมา ฟังข้าก็พอ”

    อารากอร์นกับเลโกลัสร้องสั่งสหายและเหล่าทหารจนกระทั่งพวกเขาเริ่มถอยห่างจากเหล่าออร์คที่วิ่งช้ากว่าม้าศึกชั้นดีจากโรฮัน ยกเว้น

    "ฟาราเมียร์" เสนาบดีหนุ่มแห่งกอนดอร์บังคับม้าให้วิ่งรั้งท้ายกองทัพ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง จนลืมตัวว่ากำลังถูกพวกออร์คล้อมกรอบเข้ามาเรื่อยๆ

    “เอ็กซ์เปกโตร พาโตรนุม!!!

    เสียงสามเสียงดังลั่นขึ้นพร้อมกัน ลำแสงสีเงินพุ่งตรงไปยังฝูงออร์ค ออร์คตัวหนึ่งที่เกือบจะคว้าหางม้าของฟาราเมียร์ได้โดนกวางหนุ่มชนกระเด็นไปไกล สุนัขสีเงินกระโดดเข้าขวางระหว่างออร์คสามตัวกับม้าของฟาราเมียร์ ตัวนากกระโจนเข้าใส่ออร์คทุกตัวที่เข้ามาใกล้ชายหนุ่ม

    แกนดัล์ฟก้าวออกมายืนข้างหลังพวกเด็กๆ แสงสีขาวสว่างจ้าก็พุ่งออกจากปลายไม้เท้าสีขาวไปยังฝูงออร์ค

    มือเรียวลดคันธนูสีทองลงเมื่อเห็นว่าทหารคนสุดท้ายพ้นไปจากสายตา ร่างบางเซไปนิดพอดีกับที่แขนแกร่งสองข้างเข้ามาพยุงไว้

    “ข้าไม่เป็นไร” เสียงใสตอบเบาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนพรายหนุ่มจะนึกขึ้นได้ถึงอีกหนึ่งชีวิตที่ได้รับบาดเจ็บ

    “เอเลน เจ้าอยู่ไหน ริน เขาเป็นไงบ้าง”

    เด็กสาวพุ่งพรวดเดียวถึงตัวม้าสีทองที่มีร่างอ่อนแรงของนกอินทรีสีทองเกาะอยู่บนหลัง แต่ไม่มีร่องรอยของการบาดเจ็บให้เห็น พรายสาวเงยหน้าขึ้นมองไปทางช่องประตูหอคอย เห็นแกนดาล์ฟยืนอยู่ข้างภาพเหมือนที่เกือบเหมือนตัวพ่อมดขาวเองเพียงแต่ชายชราในภาพนั้นสวมแว่นรูปพระจันทร์เสี้ยว ทั้งสองส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

    “ขอบคุณ แกนดาล์ฟ ขอบคุณทุกคน และท่านด้วย อัลบัส”

     

    ********************


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×