ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fanfic:LOTR-HP] The New Legend

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 64


     

    "อารากอร์น! เลโกลัส! กิมลี! เจ้าพวกฮอบบิท! หายไปไหนกันหมดเนี่ย!"

    เสียงตะโกนก้องท้องพระโรงพระราชวังแห่งกอนดอร์ดังมาจากพ่อมดขาวบนหลังยอดอาชา ชาโดว์แฟกซ์ ที่ควบเข้ามาอย่างรวดเร็วปานสายลมพัดผ่านจนมาหยุดยืนนิ่งอยู่กลางท้องพระโรง เหล่าทหารในที่นั้นต่างไม่กล้าออกปากห้าม ด้วยมองเห็นความเร่งรีบและร้อนรนของพ่อมดขาวอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน จึงได้แต่พากันวิ่งออกไปตามหาตัวเจ้าของนามเหล่านั้น


    "ครบแล้วหรือ" แกนดาล์ฟ เอ่ยพลางเอากล้องยาเส้นออกจากปาก เมื่อเห็นผู้ที่เขาเรียกหามากันครบแล้ว พร้อมทั้งฟาราเมียร์ เอโอแมร์ และเอโอวีน "พวกเจ้านี่ชักช้ากันเสียจริง ยังหนุ่มยังแน่นกันอยู่..."

    "มีอะไรเร่งรีบขนาดต้องพาชาโดว์แฟกซ์เข้ามาถึงในนี้เลยหรือแกนดาล์ฟ" ว่าที่กษัตริย์หนุ่มเอ่ยถามก่อนที่พวกเขาจะโดนบ่นโดยไม่ได้รู้เรื่องที่ถูกเรียกตัวด่วนครั้งนี้

    "สหายข้าจากต่างมิติส่งข่าวมาว่า มีคนเจอคามุลหลบซ่อนตัวอยู่ที่มิตินั้น และกำลังเรียกรวมเหล่านาซกูลที่เหลือ"

    แกนดาล์ฟสบตากับอารากอร์น เลโกลัส และกิมลี ที่ต่างมีสีหน้าเคร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    "แต่ท่านแกนดาล์ฟ ท่านเคยบอกว่า พวกนั้นได้พลังมาจากแหวนไม่ใช่หรือ นี่แหวนก็ถูกทำลายไปแล้ว ต่อให้พวกน...นั้นรวมกันได้อีก ก็ไม่น่าเป็นอันตรายอะไรมิใช่หรือขอรับ" แซมถามขึ้นอย่างพยายามหลีกเลี่ยงคำว่า 'นาซกูล' ที่ดูเหมือนจะทำให้โฟรโดเจ็บแผลขึ้นมาอีก

    "แน่นอน พวกนาซกูลได้พลังจากแหวน แต่ไม่ใช่จากเอกธำมรงค์วงเดียว เหตุที่พวกมันถูกเรียกว่าภูตแหวน เพราะพวกมันคือผู้ถือครองแหวนแห่งกษัตริย์มนุษย์ทั้งเก้า ถึงจะเสียหัวหน้าอย่างราชาจอมขมังเวทย์แห่งอังมาร์ไป แต่แหวนทั้งเก้าวงยังคงอยู่ ถ้าหากพวกมันสามารถหาผู้ครองแหวนคนใหม่ที่เหมาะสมได้ พวกมันก็จะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง และโอกาสที่จะหาผู้ครองแหวนที่เหมาะสมในมิตินั้นไม่ยากเลย เพราะที่นั่นมีมนุษย์ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อยู่ไม่น้อย ไม่นับว่าที่นั่น ไม่มีเทพไมอาร์อย่างข้าหรือเหล่าพรายที่คอยต้านทานอำนาจมืดอยู่ แล้วจะหาใครยืนหยัดต่อสู้กับพวกมันได้กัน เจ้าคามุลนี่ฉลาดไม่น้อยเลยจริงๆ ที่เลือกมิตินั้น" แกนดาล์ฟอธิบายยาวพลางถอนใจ คราวนี้ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดไปตามๆ กัน

    "เรื่องนี้ต้องรีบแค่ไหนกัน ท่านแกนดาล์ฟ รอไว้หลังพิธีราชาภิเษกได้หรือไม่ ข้าอยากจัดพิธีขึ้นก่อน เพื่อเรียกขวัญกำลังใจของประชาชนและปลอบโยนผู้ที่ต้องสูญเสียไปในสงครามแหวน ให้พวกเขาได้มั่นใจว่า อย่างน้อย พวกเราก็ได้กษัตริย์กลับคืนมาแล้ว"

    คำถามแรกมาจากเสนาบดีคนใหม่แห่งกอนดอร์ ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงคิดถึงประชาชนก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ

    "แต่หลังจากพิธีราชาภิเษกไม่นาน ก็จะมีพิธีอภิเษกสมรสอีกไม่ใช่หรือ แล้วถ้าจะเดินทางเลยหลังพิธีอภิเษก ก็น่าสงสารเลดี้อาร์เวนนัก"

    เสียงท้วงจากหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นั้น ทำเอาว่าที่กษัตริย์ถึงกับสะดุ้ง เขาเองก็คิดเช่นเดียวกับฟาราเมียร์ว่า จะรอให้พันวันราชาภิเษกไปก่อน เพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้กับประชาชน แล้วค่อยออกเดินทางโดยให้ฟาราเมียร์อยู่รักษาการณ์ที่นี่ แต่เขากลับลืมงานอภิเษกสมรสของตัวเองไปเสียสนิท

    "ถ้าจะให้รอจนหลังพิธีอภิเษกอีกหนึ่งเดือน ที่คู่แต่งงานจะต้องอยู่ร่วมหอกันตามประเพณี ข้าเห็นว่าจะไม่ทันการณ์ ยิ่งเราเสียเวลามากเท่าไหร่ ก็เท่ากับเราจะต้องสู้กับพวกนาซกูลและสาวกของพวกมันจำนวนมากขึ้นตามไปด้วย"

    "งั้นท่านคิดว่าเราควรออกเดินทางเมื่อไหร่ แกนดัล์ฟ"

    "เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พรุ่งนี้ได้ยิ่งดี"

    ทุกคนกลืนน้ำลายลงคอ ไม่กล้าขัดคนแก่ใจร้อนอีก ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่ง...

    "งั้นเราก็ไม่ต้องไปกันทุกคนสิ ในเมื่อตอนนี้พวกมันยังรวมตัวกันไม่ได้ ถ้าตามจัดการทีละตน ก็ไม่น่าจะลำบากนัก ข้าขออาสาไปเอง" เลโกลัสเอ่ยขึ้น พลางหันไปห้ามอารากอร์น "ท่านไม่ต้องไป อารากอร์น แผลท่านยังไม่หายดีเลย ท่านจำเป็นต้องหายดีก่อนวันราชาภิเษก กอนดอร์จะขาดกษัตริย์ และราชินีไม่ได้"

    วูบหนึ่งว่าที่กษัตริย์หนุ่มเห็นนัยน์ตาสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เหมือนที่เคยได้เห็นมาแล้วหลายครั้งในยามที่เจ้าชายพรายทำแผลให้เขาระหว่างสงคราม แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เขาคนเดียวที่เห็น พ่อมดขาวเองก็เห็นเช่นกัน

    "ข้าจะไปกับเจ้า แผลข้าหายแล้ว..." คำของกิมลีถูกขัดขึ้นก่อนที่เขาจะทันพูดจบ 

    "ถึงแผลเจ้าจะหายแล้ว แต่เมืองที่เจ้าเป็นหัวหน้างานซ่อมแซมอยู่ยังไม่ใกล้เคียงกับสภาพเดิมเลยนะ เจ้าต้องจัดการให้เสร็จก่อนวันพิธี เจ้าไปไม่ได้"

    "ข้าไปด้วยๆ..."

    เสียงร้องเรียกของเหล่าฮอบบิทตัวน้อยถูกขัดขึ้นอย่างไว "พวกเจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ข้าเดินทางคนเดียวเร็วกว่า ไม่สะดุดตาด้วย แล้วข้าก็ไม่อยากเห็นโฟรโดต้องเจ็บแผลอีก" ท้ายเสียงนุ่มลงอย่างห่วงใย ทำให้สี่สหายไม่กล้าขัด

    "ถ้าข้าปล่อยให้ท่านไปเพียงลำพัง แล้วท่านจะกลับมาทันงานพิธีของข้าไหม"

    คำถามจากว่าที่กษัตริย์ทำเอาเจ้าชายพรายนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม

    "ข้าจะพยายามรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ถ้าไม่ทันก็จะกลับมา ข้าจะปล่อยให้กษัตริย์แห่งกอนดอร์ขาดเพื่อนเจ้าบ่าวได้อย่างไร..."

    ถึงน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางของเลโกลัสจะดูร่าเริงสดใส แต่อารากอร์นกลับจับได้ว่าปลายเสียงนั้นเบาลงนิด และดวงตาสีเขียวที่มักจะสงบเยือกเย็น ก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลวูบไหวอีกครั้ง แกนดัล์ฟเองก็เห็นเช่นกัน แต่คราวนี้สีหน้าของพ่อมดขาวกลับแสดงออกถึงความเข้าใจในอะไรบางอย่าง

    "ข้าจะไปกับเจ้าเอง เลโกลัส" น้ำเสียงเน้นหนักที่ชื่อ 'เลโกลัส' ของพ่อมดขาวและสายตาคมที่จ้องมองเขาเหมือนจะบอกว่า 'ข้ารู้'ทำให้เจ้าของชื่อได้แต่ยอมรับแต่โดยดี "ให้กิมลีไปด้วยอีกคน สามหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว ส่วนงานซ่อมแซมที่นี่ก็ให้พวกโกลอินจัดการก็ได้ ตกลงตามนี้"

    "งั้นเดี๋ยวข้าจะส่งข่าวไปบอกสหายของข้าทางโน้น ว่าเราจะออกเดินทางกันวัน...อืม...สัปดาห์หน้าแล้วกัน แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยมาวางแผนกันต่อ พ่อมดขาวพูดจบก็เดินสูบกล้องออกไปพร้อมยอดอาชาชาโดว์แฟกซ์อย่างสบายอารมณ์ ทิ้งให้คนที่เหลือมองตามกันอย่างุนงง กับความใจร้อนของพ่อมดชรา โดยมิมีใครทันได้เห็นสตรีนางหนึ่งที่มาถึงท้องพระโรงในเวลาไล่เลี่ยกับพ่อมดขาวผู้แอบสังเกตการณ์ทุกอย่างโดยละเอียดแล้วจากไปอย่างเงียบๆ

     

    ********************

     

    “ฮูก ฮูก”

    เสียงร้องของนกฮูกหิมะขนสีขาวบริสุทธิ์มีแต้มสีน้ำตาลประปรายดังขึ้นนอกหน้าต่างห้องนั่งเล่นรวมของบ้านเลขที่สิบสอง กริมโมลด์เพลซ เรียกให้เด็กสาวผมหยักศกสีน้ำตาลลุกขึ้นเดินไปเปิดหน้าต่าง เจ้านกบินเข้ามาทิ้งจดหมายลงบนตักของเด็กหนุ่มผมดำเจ้าของดวงตาคู่สีเขียวใสใต้กรอบแว่นก่อนจะบินกลับไปเกาะที่ไหล่ของเด็กสาวที่กำลังปิดหน้าต่าง

    “รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้เฮ็ดวิกจะติดเธอจังเลยนะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่เปรยขณะมองดูเฮ็ดวิกร้องรับคำของเขาแล้วเอียงหัวซุกกับคอของเฮอร์ไมโอนี่ที่หัวเราะคิกคักกับอาการอ้อนของเจ้านกน้อย

    “มันอาจจะคิดว่าถึงเวลาต้องประจบเฮอร์ไมโอนี่แล้วก็ได้ ว่ามั้ย”

    รอนพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากกระดานหมากรุกพลางขยิบตาให้แมวขนฟูสีส้มที่นอนขดอยู่บนตักของแฮร์รี่อีกฟากของโต๊ะ ครุกแชงก์ร้องตอบด้วยเสียงแบบที่ทุกคนรู้สึกว่ามันเห็นด้วยกับคำพูดรอนสุดๆ เฮอร์ไมโอนี่เชื่อว่าเธอเห็นมันขยิบตากลับให้รอนด้วยซ้ำ

    “พูดอะไรน่ะรอน เฮ็ดวิกจะทำอย่างนั้นทำไม ฉันไม่ใช่แฮร์รี่ซะหน่อย” เฮอร์ไมโอนี่ถามกลับพลางขมวดคิ้ว

    “จริงๆ นะเฮอร์ไมโอนี่ เธอควรจะวางหนังสือแล้วหันมามองคนข้างๆ ตัวบ้างนะ”

    เด็กสาวผมบลอนด์เปรยขณะเฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือไปหยิบหนังสือ มิติและเวลา หลังจากนั่งลงข้างๆแฮร์รี่

    “เอาน่า เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลานะ แต่อย่าให้มันนานนักล่ะเฮอร์ไมโอนี่ พวกเราขี้เกียจรอ”

    เด็กสาวผมสีแดงเพลิงเอ่ยยิ้มๆ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เริ่มสงสัย

    “จินนี่ ลูน่า มีอะไรกันรึเปล่า?”

    “ช่างเหอะเฮอร์ไมนี่ ว่าแต่ นายจะไม่เปิดจดหมายเหรอแฮร์รี่”

    เสียงทักของเนวิลล์ ทำให้แฮร์รี่รีบละสายตาจากเพื่อนสาวกลับไปมองจดหมายบนตักก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู ซองจดหมายเป็นสีเหลืองจ่าหน้าด้วยตัวอักษรสีเขียว เฮอร์ไมโอนี่ยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ ทำให้มองไม่เห็นคนอื่นๆ ที่พยายามทุ่มเถียงกันด้วยภาษามือ

    “จากฮอกวอตส์นี่” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่เรียกความสนใจของทุกคนให้กลับมาอยู่ที่จดหมายได้อีกครั้ง

    “ว่าไงบ้างล่ะ?” รอนถามพลางส่งสัญญาณมือบอกคนที่เหลือว่า ไว้คุยกันทีหลัง

    แฮร์รี่สบตากับเฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะเปิดออกอ่าน

     

              แฮร์รี่ พอตเตอร์

    เธอคงรู้แล้วว่า ปีนี้ฮอกวอตส์จะเปิดรับนักเรียนที่ยังไม่ได้สอบส.พ.บ.ส.ทั้งหมดให้กลับมาเรียนที่ฮอกวอตส์ได้ แต่มีบางอย่างที่ฉันไม่ได้บอกไปในจดหมายโรงเรียน คือปีนี้ฮอกวอตส์จะรับนักเรียนและอาจารย์แลกเปลี่ยนจากต่างมิติ มิดเดิ้ลเอิร์ธมาเรียนที่นี่ พวกเขามีรูปแบบการใช้เวทมนตร์ต่างจากเรามาก แล้วยังมีการเรียนการสอนศาสตร์การต่อสู้แขนงอื่นๆอีกที่อาจารย์ของพวกเขาจะมาสอนให้เฉพาะชั้นเรียนพิเศษของพวกเธอเท่านั้น ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะมากันกี่คน แต่หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนสนิทของ ศ.ดัมเบิลดอร์ ฉันรู้ว่าพวกเธออาจจะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกลับมาเรียนดีหรือไม่ แต่ฉันอยากให้พวกเธอทุกคนกลับมา นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะติดต่อกับต่างมิติ ภาคีอยากให้เธอสานสัมพันธ์กับเพื่อนต่างมิติเอาไว้ โดย และทางที่ดี เธอเองก็ควรจะสอบส.พ.บ.ส. ให้ผ่านเช่นกัน

    ฉันจะรอคำตอบจากเธอ

    มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล

     

    “ต่างมิติ? หมายความว่า ไอ้ที่เขียนอยู่ในหนังสือนั่นเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย” รอนถามเสียงดังพลางชี้ไปยังหนังสือในมือเฮอร์ไมโอนี่

    “ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมโรนัลด์ว่ามันมีอยู่จริง” น้ำเสียงเนิบๆ อย่างเคยจากลูน่ามาพร้อมกับอาการพยักหน้าของจินนี่และสายตาตำหนิจากเฮอร์ไมโอนี่

    “โอเคๆ มีก็มี” รอนกลอกตาพลางยักไหล่ยอมแพ้ ก่อนหันไปกระซิบกับเนวิลล์ที่เดินมายืนอยู่หลังเขา “พวกผู้หญิงนี่น่ากลัวจริง”

    “เราได้ยินพี่นะ รอน” น้ำเสียงเอาเรื่องจากจินนี่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องเอ่ยตัดบท

    “แล้วเราจะเอายังไงกันดีล่ะ อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้วนะ”

    “ก็เอาสิ” เสียงแรกเป็นของเนวิลล์

    “ฉันไม่พลาดหรอกน่า” รอนตอบพลางยักคิ้วให้

    “ฉันก็สนนะ แล้วเธอว่าไงล่ะแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่หันกลับมาถามคนข้างกาย เด็กหนุ่มไม่ตอบแต่หันมาสบตาเธอพร้อมรอยยิ้ม

    “ขอยืมกระดาษกับปากกาหน่อยสิ เฮอร์ไมโอนี่”

     

    ********************

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×