ตอนที่ 20 : กระแทกรัก : บทส่งท้าย [100%]
{ Y a o i / B o y' s L o v e }
ความรักของผมเริ่มต้นขึ้นตอนอายุสามสิบ
หลังจากสูญเสียคุณพ่อคุณแม่และคุณหญิงย่าไป ผมก็อยู่คนเดียวมาตลอด แต่ก็ยังมีคนสำคัญในชีวิตอย่างป้าศรี ลุงสุชาติ กบ และเจคอป รวมไปถึงเพื่อนสนิทอย่างขุนพล
ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องการมีคนรัก ชีวิตผมมีแต่งาน อาจจะเป็นอย่างที่คนอื่นว่า... ผมคงเป็นพวกบ้างาน เพราะโรงแรมคือสิ่งที่ผมรักและอยากจะรักษาเอาไว้ ชีวิตผมจึงวนเวียนอยู่อย่างนั้น ทำงาน กลับบ้าน ทำงาน แล้วก็กลับบ้าน ซ้ำซากจำเจ แต่ผมก็พอใจที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่ได้ต้องการแสงสีหรือความตื่นเต้นใด ๆ
กระทั่ง ผมได้รู้จักกับความรู้สึกรักจริงจังเป็นครั้งแรก...
รักแบบที่อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคนคนนี้
รักแบบที่อยากให้เขามาเดินข้างกันไปตลอด
ผมตกหลุมรักเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เขากระโดดลงมาขวางหน้ารถเพื่อจะฆ่าตัวตายในวันที่เขาผิดหวังในชีวิต ตอนแรกอาจจะแค่สงสาร จนกลายเป็นความเอ็นดู ก่อนตัวตนของเขาจะแทรกซึมเข้ามา เปลี่ยนความเอ็นดูให้กลายเป็นความรู้สึกชอบ ก่อนความรู้สึกเหล่านั้นจะเพิ่มพูนขึ้นในทุก ๆ วันที่ผมอยู่กับเขา และพัฒนาจนกลายเป็นความรัก
ผมรักเขา
และเขารักผม
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้รักและเป็นที่รักของคนที่เรารัก
ผู้ชายวัยสามสิบอย่างผมเริ่มตื่นเต้นกับการรักใครสักคนเป็นครั้งแรก เมื่อรู้ว่าความรู้สึกของเราทั้งคู่เหมือนกันก็ไม่รอช้า แม้จะรู้ว่าเขาอยากจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ แต่ไม่เป็นไรเลย
ไม่จำเป็นต้องดีพร้อม ไม่ต้องดีขนาดนั้นก็ได้
ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว ผมไม่อยากเสียเวลา ไม่อยากรอโอกาสที่ดีกว่า ผมแค่อยากใช้ชีวิตทุกวันไปกับเขา อยากเดินไปพร้อมก้าวเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวกำลังตั้งใจเดิน ผมอยากเดินทางไปพร้อมกับเขา ไม่ใช่ไปยืนรออยู่ที่เส้นชัย
และวันนี้การเดินทางของเขาก็ผ่านความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาหนึ่งอย่างแล้ว
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลังจากคุณเจี๊ยบต่อสายมาแจ้งว่าคนที่จะเข้ามาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมเดินทางมาถึงแล้ว บนโต๊ะทำงานผมมี Resumes ที่ใช้สมัครงานวางอยู่
“เชิญครับ”
แกร๊ก...
ทันทีที่ประตูห้องทำงานของผมถูกเปิดออก วินาทีนั้นหัวใจของผู้บริหารโรงแรมธารธารารี แกรนด์อย่างผมก็กระหน่ำเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกจากอก มือที่ถือใบสมัครงานอยู่สั่นจนรู้สึกได้
ผมสบตากับคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา เขายกยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยและน่ามองไม่เปลี่ยน ก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า เจ้าตัวสวมกางเกงสแล็กสีเทา สวมเสื้อเชิ้ตด้านในสีขาว ทับด้วยเสื้อสูทสีเดียวกับกางเกง
ลักษณะท่าทางที่ดูเป็นทางการนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานผมในนาทีต่อมา
“สวัสดีครับ คุณเทพ... ผมมาสัมภาษณ์งานครับ”
คนตรงหน้ายกมือไหว้ เขาเงยหน้าขึ้นสบตาผมแล้วก็ยิ้มแบบเดิม ขณะที่ผมยังเอาสายตาตัวเองวางไว้บนดวงหน้าของเขา หน้าดื้อ ๆ กับแววตาซุกซนนั่น ไม่ว่ากี่ปีก็ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าภายนอกจะดูแตกต่างจากเด็กมอมแมมในวันนั้นแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยนไปในสายตาผม เห็นแล้วอยากจะลุกขึ้นไปดึงเข้ามากอดแรง ๆ สักทีให้หายคิดถึง
ผมเหลือบมองประวัติการศึกษาของคนสมัครงานตรงหน้าครู่หนึ่ง
อันที่จริงไม่ต้องอ่านผมก็รู้ หลังจากเรียนจบวิทยาลัยระดับปวส. ในสองปี เขาก็สมัครเทียบโอนเพื่อเรียนในระดับปริญญาตรีจบภายในสองปีเช่นกัน ก่อนจะสอบได้ทุนเปล่าไปเรียนต่อปริญญาโทที่ออสเตรเลียอีกสองปี
ใช่เวลาเรียนทั้งหมดหกปีกว่า
ตอนนี้เขาอายุยี่สิบเจ็ด ไม่ใช่ยี่สิบเอ็ด...
แต่เด็กดื้อก็ยังเป็นเด็กดื้ออยู่วันยันค่ำ
กลับมาแล้วไม่ยอมบอกกันเลย ทั้งที่ผมตั้งใจจะไปรับที่สนามบินตามกำหนดกลับของเขาแท้ ๆ
“เด็กดื้อ ทำไมกลับมาไม่บอก”
“เซอร์ไพรส์ไงครับ” เด็กดื้อของผมส่งยิ้มซนมาให้อย่างน่ามันเขี้ยว เซอร์ไพรส์มาก ตอนฝ่ายบุคคลส่งเอกสารการสมัครงานมาให้ พอเห็นใบสมัคร หัวใจผมก็เต้นแรง เลือดมันสูบฉีดไปหมด “ไม่ดีใจที่ผมกลับมาเหรอ?”
ยิ่งเห็นรูปถ่ายก็ยิ่งคิดถึง แม้จะคุยกันทุกวัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด
ผมคิดถึงเด็กดื้อจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วรู้ไหม
“มานี่ครับ” ผมวางเอกสารลงบนโต๊ะ เรียกให้เขาเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหา
หมับ...
รั้งเอวบางให้ทิ้งตัวนั่งลงบนตัก แล้วกอดเอวคนตัวผอมเอาไว้ เจายังคลี่ยิ้มอย่างทะเล้นปนขำ แต่ก็ยกแขนขึ้นคล้องคอผมไว้ เบี่ยงตัวให้มองหน้ากันง่ายขึ้น ผมจ้องหน้าคนบนตักนิ่ง มองทุกส่วนบนใบหน้าของเขาอย่างคิดถึง ไล่ตั้งแต่ดวงตาซุกซน จมูกที่ดูดื้อรั้น ก่อนจะหยุดลงที่ริมฝีปากเรียวที่เคยสัมผัสกันมาครั้งแล้วครั้งเล่า
พลันโน้มใบหน้าเข้าไปอย่างไม่ประวิงเวลา
“อื้อ”
ผมกดจูบลงบนริมฝีปากของเขา ไม่ได้รุนแรง แต่หนักแน่นพอจะทำให้เขารู้ว่าผมคิดถึงเขามากแค่ไหน กดย้ำ ขบเม้มริมฝีปากจนเจ้าตัวกระตุก แตะปลายลิ้นไปตามรอยแยกของริมฝีปากเพื่อทักทาย เมื่อรอยแยกเผยอออกจากกันก็สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไป ไล่ต้อน เกี่ยวกระหวัด ดูดกลืน และถ่ายทอดความรู้สึกที่อัดแน่นในอกให้อีกฝ่ายรับไป
เด็กดื้อต้องรับไปทั้งหมด ความคิดถึงของผมที่มีต่อเขาน่ะ
แน่นอนว่าพอตั้งหลักได้ เจาก็ยกมือกอดคอผม เอียงใบหน้าแล้วบดจูบตอบกลับอย่างโหยหาไม่แพ้กัน
การไปเรียนเมืองนอกไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้เจอกันเลยตลอดสองปี เราเจอกัน แต่อย่างมากก็เดือนละครั้งที่ผมบินไปหา ใช่ ผมเป็นฝ่ายบินไปหาเขาเองเพราะทนไม่ไหว
ยิ่งอยู่ไกลผมก็ยิ่งคิดถึง ต่อให้คุยผ่านโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลทุกคืนก็ไม่พอ
กับเขา... ผมไม่เคยรู้สึกพอกับอะไรเลยจริง ๆ
เราผลัดกันแลกเปลี่ยนลมหายใจ ถ่ายทอดอากาศ ถ่ายเททุกความรู้สึกผ่านริมฝีปาก เรียวลิ้น และลมหายใจกรุ่นร้อน ก่อนที่อากาศจะหมดลงไปจริง ๆ ปากเราก็หลุดออกจากกันจนเกิดเสียงน่าอาย ทว่ากลับน่าฟังในความรู้สึก
“คิดถึง” กระซิบบอกทั้งยังหอบหายใจชิดริมฝีปากอีกฝ่าย แนบหน้าผากลงกับหน้าผากของเขา พร้อมทั้งยกปลายนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาเช็ดคราบน้ำใสที่เลอะมุมปากของคนบนตักออกให้ “พี่คิดถึงเจา”
“ผมก็คิดถึงพี่ครับ พี่เทพ อื้อ...”
การสัมภาษณ์งานยังไม่เกิดขึ้น เพราะปากของคนสัมภาษณ์อย่างผมไม่ว่าง แน่นอนว่าคนถูกสัมภาษณ์เองก็ไม่ว่างจะตอบ เพราะผมไม่ปล่อยให้ว่างยาวไปอีกหลายสิบนาที
ผมจูบเขาจนปากเล็กนั่นเห่อช้ำและบวมแดงอย่างน่าเอ็นดู
ไม่ว่าจะเป็นหกปีที่แล้วหรือวันนี้...
ผมก็ยังรักเจาไม่เปลี่ยน
เราอาจจะไม่ได้มีการเปิดตัวหรือประกาศบอกใคร ๆ และมีแค่คนสำคัญกับพวกเราเท่านั้นที่รู้ แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะปิด หากมีใครถามถึงสถานภาพความโสด ผมก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า... ผมมีคนรักแล้ว
และเขาจะเป็นคนที่ผมอยากใช้ชีวิตไปด้วยกันนับจากนี้ตลอดไป
“พี่รักเจา”
“ผมก็รักพี่เทพครับ”
“...” ไม่ไหวแล้ว... ผมต้องทำให้เด็กดื้อรู้ว่าผมคิดถึงเขามากแค่ไหน
“แต่ปล่อยก่อนเนอะ ผมมาสัมภาษณ์งานนะ ไม่ได้มาให้พี่จับกิน อื้อออ”
ความรู้สึกของผมเยอะมากจนพรั่งพรูออกมาไม่หยุดเลยล่ะครับ
ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้เจอกับเด็กคนนี้
ขอบคุณครับที่ส่งอีกครึ่งชีวิตของผมมาให้...
THE END
12/11/62
ตอนสุุดท้ายจริง ๆ แล้วค่ะทุกคนนนนน ส่วนตอนพิเศษในเล่มก็ไม่สามารถลงได้จริง ๆ น้าาา
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ จะพยายามพัฒนาต่อไปค่ะ
**กอดดดดดดดดดดดดด**
รายละเอียดตอนพิเศษในเล่มที่ไม่ได้ลงเว็บ
1. เจาพาคุณเทพกลับบ้านไปหาพ่อแม่ ปรับความเข้าใจกับพ่อ
2. เจาหนีเที่ยวตอนไปเรียนมหา'ลัย ตอนนี้มีเพื่อนรุ่นน้องเจาโผล่มาสองคนชื่อ 'แจ้' กับ 'คีตั้น' ค่ะ
3. เจาตอนเรียนจบ งานรับปริญญา ตอนนี้ 'ต้องลม' นายเอกของคุณขุนพลโผล่มาค่ะ
4. เจาคิดมากเรื่องอาถรรพ์ 7 ปี ร้องห่มร้องไห้จ้า
เดี๋ยวคุณเทพกับไอ้เจาก็จบแล้ว ขอฝากเรื่องของคุณขนพลเพื่อนคุณเทพไว้ในอ้อมใจด้วยจ้าาา
ฟีลก๋วยเตี๋ยวต้มยำนะคร้าบบบบบบ >> [YAOI] TURN INTO ลมเปลี่ยนทิศ #ขุนพลต้องลม
หมายเหตุ*
ใครต้องการสั่งซื้อหนังสือคุณเทพ สั่งซื้อที่เว็บนี้ได้เลยนะคะ >> http://producty.lnwshop.com/p/25
หรือถ้าใครเป็นสายอีบุ๊ค ก็มาที่ Meb ได้เลยจ้า >> คลิกเพื่อซื้ออีบุ๊ค
"หึ เด็กดื้อเอ้ย"
Contact me: Twitter: @noknsn Facebook: noksinsn
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านรวดเดียวจบเลยจ้าา ละมุนมาก ขอบคุณไรท์มากๆนะคะ
อบอุ่นหัวใจจัง รักดีๆหาได้จากนิยายนะคะ ส่วนโลกของความเป็นจริง ก็ยังต้องรบกับมันต่อไป!
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน ชโลมหัวใจไปเยอะเลย ละมุนมากกก ชอบบบบ
ฮื่อออออ จบแล้ววววว น่ารักตั้งแต่ต้นจนจบเทวดาของ-เจา