ตอนที่ 5 : PHANTOM :: CHAPTER 4 [100%]

“ตะ แต่ท่านยมฯบอกว่าฉันยังไม่ถึงที่ตายนะคะ!”
“...” เมื่อกี้พูดไรวะ อะไรยมๆ นะ?
“ท่านยมบาลบอกว่า ฉันแค่...แค่จิตหลุดออกจากร่างเฉยๆ ไม่ได้ตายสักหน่อย”
เชรดดดดดด! ผมนี่ถึงกับตกใจแรงมาก
“อะไรนะ! ยมบาล!!” เบิกตากว้างมองยัยผีตาแบ๊วแบบไม่อยากจะเชื่อรูหูตัวเอง นี่...นี่ถึงขั้นไปเจอยมบาลมาแล้วด้วยเหรอวะ เฮ้ย! ผีตนเดียวยังไม่พอใช่ปะ นี่ยังมีภพอื่นมิติอื่นมาเกี่ยวข้องอีก
เชี่ยยย! ผมกำลังเจอกับอะไรวะครับ WTF?!
“อื้อ! ท่านยมฯบอกว่าฉันแค่วิญญาณหลุดออกจากร่างค่ะ”
มุตาหยักหน้าหงึกหงักแรงๆ สำทับคำพูด ราวกับกลัวว่าผมจะไม่เชื่อเธอยังไงยังงั้น แถมยังบอกอีกว่าเธอแค่วิญญาณออกจากร่างยังไม่คราวตายอีกแน่ะ
เดี๋ยวนะ! คือผมควรตกใจเรื่องไหนก่อนดีวะ?
เรื่องยมบาล หรือเรื่องมุตายังไม่ตายแค่วิญญาณออกจากร่าง?
โอ้โห! อะเมซิ่ง ชุดใหญ่ไฟกะพริบมากครับขอบอก!
“เอิ่ม...”
พูดไม่ออกบอกไม่ถูก กะพริบตาปริบๆ อ้าปากพะงาบเหมือนปลาเกยน้ำตื้น สีหน้าตอนนี้คงดูเหมือนคนโง่เง่าบอกเลยเถอะครับ
“แล้วๆๆๆๆ เอ่อ...ท่านยมฯหน้าตาเป็นไง เฮ้ย ไม่ใช่สิ! คือท่านยมฯได้บอกไหมว่าต้องทำยังไงให้วิญญาณเธอกลับเข้าร่าง แบบว่า...เหมือนในหนังที่ต้องตามหาร่างเธองี้เปล่าวะ?”
เกือบออกนอกทะเล เสือกมีความอยากรู้ถึงหน้าตายมบาลไปอีกครับ ดีนะดึงตัวเองกลับมาทัน เกือบหลงประเด็น เพราะที่สำคัญคือเรื่องของเด็กคนนี้ต่างหาก
แบบนี้น่าจะไม่ยาก คิดว่าท่านยมฯคงบอกอะไรมาบ้างแหละ
“อื้อๆ!”
เป็นอีกครั้งที่มุตาพยักหน้าแรงๆ ดวงตากลมโตฉายรอยคล้ายกับกำลังตื่นเต้นที่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับผม ราวกับเธอรอให้ใครสักคนรับฟังมานานยังไงยังงั้น
คือ...เก็บอาการดีใจไว้ใช้ตอนได้กลับเข้าร่างบ้างดีไหม
ไอ้สีหน้าแบบนั้นน่ะ...
มันน่ารักเกินหน้าเกินตาสถานะผีๆ ของน้องมากครับ!
ฮึ่ย! หมั่นเขี้ยวฉิบหายเลย
“แล้วได้ถามหรือเปล่าว่าร่างเธออยู่ที่ไหน?”
ได้เจอยมบาลมาขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องบอกได้แหละว่ากายหยาบของเด็กคนนี้อยู่ที่ไหน
เพราะงั้นรีบเลย รีบบอกมา เดี๋ยวพี่จะพาน้องไปส่งคืนร่างจริงเอง!
อารมณ์เหมือนเจอเด็กหลงทางในสวนสนุกแล้วต้องพาไปส่งที่ประชาสัมพันธ์ไงก็ไม่รู้ว่ะ
ทว่า คำตอบของยัยผีตาแบ๊วก็ทำให้ผมชะงักความดีใจฉับพลัน
“ตะ ตอนกำลังจะถาม จู่ๆ ฉันก็มาโผล่ตรงที่คุณเจอนั่นแหละค่ะ กะ ก็เลย...ไม่ทันได้ถามน่ะค่ะ”
มุตาบอกเสียงเบา สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็ก้มหน้าลงมองปลายเท้าตัวเอง ไหล่ของเธอสั่นน้อยๆ อย่างน่าสงสาร
“กลับไปถามให้รู้เรื่องอีกไม่ได้เหรอ?”
“ฉัน...ไม่รู้วิธีไปหรอก...” มุตาบอกพลางส่ายหน้าไปมา ทำให้หัวใจที่เบิกบานของผมก่อนหน้าห่อเหี่ยวลงกว่าเดิม ราวกับความหวังสุดท้ายมันไม่มีทางเป็นไปได้ “ตอนนั้น...อยู่ดีๆ ก็โผล่ไปนรกเองซะเฉยๆ”
แฟนตาซี...นี่แม่งโคตรแฟนตาซีฉิบหาย!
เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผมยังอยู่ในโลกมนุษย์อยู่ไหม หรือตัวเองหลุดเข้ามาในหนังสือแห่งความทรงจำเหมือนอย่างในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ซะแล้ว
เอ๊ะ! หรือผมกำลังเป็นหนึ่งในนักแสดงละครเรื่องแนวจักรๆ วงศ์ๆ หรือเปล่าวะ?
เครียด...เห็นแบบนี้ผมกำลังเครียดมากนะครับ
ไม่อยากเชื่อว่าทั้งหมดนี่จะเป็นเรื่องจริง ไม่อยากเชื่อว่าผมกำลังพูดคุยกับผีแบบเป็นเรื่องเป็นราว ประหนึ่งสวมบทเป็นคุณริวจิตสัมผัสในรายการคนอวดผียังไงยังงั้น
ใครเข้ามาเห็นผมพูดคนเดียวคงผมเป็นบ้าหรือไม่ก็ประสาทหลอนแน่ๆ แม่งเอ๊ย! แล้วจะให้ทำยังไงวะทีนี้ ช่วงศูนย์บรรเทาทุกข์ผีโดยเจนัสจิตสัมผัส...ล่มไม่เป็นท่าเลย!
ผมว่ามาทางนี้แม่งไม่เวิร์กว่ะ ไม่เวิร์กจริงๆ
ไสยศาสตร์ไม่ใช่ทางของไอ้เจนัสคนนี้เลยโว้ยยยย!
ตอนนี้รู้แล้วว่ามุตาไม่ได้ตายอย่างที่คิด...
เธอวิญญาณหลุดจากร่างด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างที่มนุษย์อย่างเราก็ไม่อาจทราบได้ หรือแม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนแบบนั้น
แต่เรารู้แล้วว่าถ้าหากหาร่างมุตาเจอก็จะสามารถทำให้เธอกลับเข้าร่างได้ แต่นั่นแหละประเด็น...คือกายหยาบของเด็กนี่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แถมเธอก็ไม่มีความจำอะไรติดตัวอีก
บอกเลยว่ายาก! จะให้ผมช่วยเธอเนี่ยยากมาก!!
มันเหมือนเรางมเข็มในมหาสมุทรเลยไง ไม่มีเบาะแส ไม่มีอะไรที่พอจะสืบสาวได้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน
หนำซ้ำยังมีผมแค่คนเดียวที่เห็นผีเด็กตาแบ๊วๆ คนนี้เท่านั้นอีก
และแน่นอน...ตอนนี้มุตาตามติดผมยิ่งกว่าเดิมด้วยเถอะ!
ตอนนี้ก็เข้าหนึ่งอาทิตย์เต็มแล้ว หลังจากที่เราเริ่มคุยกันในวันนั้น ซึ่งมันกลายเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้ผมเป็นคนที่มีวิญญาณผีเด็กหน้าแบ๊วเดินวนเวียนไปด้วยทุกที่
ผมเองก็พยายามทำใจให้ชินและทำความเข้าใจอยู่อ่ะนะ แต่ไอ้การมีวิญญาณที่เธอทะลุผ่านคนโน้นคนนี้มาเดินอยู่ข้างๆ ตลอด มันก็มีบ้างที่ผมผวาแล้วทำสีหน้าแปลกๆ
ยิ่งตอนอยู่มหา’ลัย บอกเลยว่านรกของจริง!
คิดดูแล้วกัน ไม่ว่าผมจะไปไหนก็มีมุตาตามติด
ยัยผีตาแบ๊วนี่ก็เหมือนผีเก็บกดอะไรเบอร์นั้นก็ไม่รู้นะครับ คือพยายามชวนผมคุยตลอดเวลา พอออกมานอกคอนโดเห็นนั่นเห็นนี่ก็ชี้โบ้ชี้เบ้แล้วถามเจื้อยแจ้ว
ประหนึ่งว่ามีเด็กวัยกำลังเรียนรู้และช่างถามมาด้วยก็ไม่ปาน
ผมก็พยายามจะไม่ตอบเวลาอยู่ข้างนอกไง แต่พอถูกเซ้าซี้มากๆ ก็มีเผลอตอบเผลอตวาดด้วยความรำคาญบ้างอะไรบ้างเว้ย
แล้วสิ่งที่ได้รับกลับมาคืออะไรรู้ไหม?
ก็สายตาแปลกๆ จากคนรอบข้างไง!
ตอนนี้ทั้งไอ้โป๊ยเซียนไอ้อั่งเปาแม่งกำลังคิดว่าผมเป็นบ้า เพราะเห็นผมพูดคนเดียวบ่อยๆ คนไม่ใช่แค่มันสองคน คนอื่นๆ ในชั้นเรียนก็เหมือนกัน
พวกเขาเริ่มมองผมด้วยสายตาแปลกๆ จนน่าอึดอัด
ทำให้ตอนนี้ผมมักจะปลีกวิเวกมาอยู่คนเดียวอย่างช่วยไม่ได้...
“พี่เจนัสๆๆๆ มุตาอยากกินไอ้นี่อ่า...”
คิดอะไรเพลินๆ เสียงเจื้อยแจ้วก็ดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังนั่งทำรายงานอยู่ที่ห้องสมุดของมหา’ลัย เงยหน้าขึ้นมองผีที่นั่งฝั่งตรงข้าม
เธอก็ชี้ที่รูปอาหารในนิตยสารที่ว่างอยู่ตรงหน้าเธอให้ผมดู
ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“เนี่ยๆๆๆ พรุ่งนี้ทำบุญให้ด้วยนะคะ”
ครับ...การ ‘อยู่ร่วมกับผี’ มาหนึ่งอาทิตย์ทำให้มีพัฒนาการอะไรหลายอย่าง
อย่างเช่น เมื่อเธอรู้ว่าผมอายุมากกว่าก็เปลี่ยนสรรพนามจากคุณมาเป็นเรียกว่า ‘พี่เจนัส’ แล้วก็แทนตัวเองด้วยชื่ออย่างที่ได้ยิน น้ำเสียงก็มีชีวิตชีวาขึ้นจากตอนที่เจอวันแรก แววตาก็มีประกายมากขึ้น ไม่ค่อยดูหม่นหมองหรือเหงาหงอยเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง
แล้วนี่...ถึงขั้นเรียกร้องให้ผมทำบุญอันนั้นอันนี้ที่อยากกินให้แล้วด้วย
ปกติเห็นแต่คนเลี้ยงสัตว์เนอะ หมาแมวกระต่าย หรือจะเลี้ยงต้อยก็ว่ากันไป...
ผมแม่งคงเป็นไม่กี่คนบนโลกที่ ‘เลี้ยงผี’ ล่ะมั้ง
หรือไม่ก็เป็นคนเดียวในโลกนี่แหละ!
“...” ผมไม่ได้ตอบ แค่พยักหน้าแบบขอไปที แล้วก้มลงสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ
หากทว่า
“พี่เจนัสๆๆ” เสียงหวานๆ เล็กๆ ก็เรียกชื่อผมอีกอย่างกระตือรือร้น
ทำให้ผมเงยหน้ามองมุตาอีกครั้ง เธอยื่นหน้ามาเกือบครึ่งโต๊ะ ดวงตากลมโตหลุกหลิก เอามือป้องปากแล้วกระซิบพูดเสียงเบา
“ผู้หญิงโต๊ะนั้นมองพี่ใหญ่เลยค่ะ”
ว่าแล้วก็บุ้ยปากไปทางโต๊ะที่มีนักศึกษาหญิงกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่
ผมก็มองตามนะ เห็นสาวๆ โต๊ะนั้นยิ้มหวานให้ ทว่าผมก็แค่หันหน้ากลับมา ไม่ได้ยิ้มตอบหรืออะไรทั้งนั้น ตอนนี้เริ่มคีพลุคได้นิดหน่อย กลับมาเป็นไอ้เจนัสนิ่งๆ เฉยๆ ออกแนวเย็นชานิดๆ เหมือนเดิมแล้ว
แต่ก็มีที่หลุดพูดกับมุตาจนคนอื่นหาว่าพูดคนเดียวอย่างที่บอก
พอหันกลับมาก็เจอมุตาที่ยังยื่นหน้าเอามือป้องปาก ทำตาโตๆ แบบตื่นเต้นอยู่ในท่าเดิม มองแล้วก็อดจะหลุดยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้
ยัยนี่อาจจะลืมไปแล้วมั้งว่าตัวเองเป็นผีและไม่มีใครมองเห็นหรือได้ยินเธอนอกจากผม
แล้วจะกระซิบกระซาบทำเพื่อ?!
“ติ๊งต๊อง”
ผมพูดกับตัวเองเบาๆ พลางส่ายหน้าให้กับภาพที่เห็น
“พี่ว่าผู้หญิงคนนั้นติ๊งต๊องเหรอคะ?” มุตาเอียงคอถาม
ตากลมโตนั่นเต็มไปด้วยความสงสัย ผมมองสีหน้าไม่เข้าใจของยัยผีตาแบ๊วแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู
ไร้เดียงสาจนไม่รู้จะหาคำไหนมาจำกัดความดีเลยแฮะ
“เธอนั่นแหละ”
“เอ้า! อยู่ดีๆ มาว่ามุตาทำไมอ่ะ คนเค้าอุตส่าห์บอกว่ามีคนแอบมองแท้ๆ”
ผีเด็กตรงหน้าดึงตัวกลับไปนั่งหลังตรง ยกมือกอดอกทำหน้าง้ำหน้างอแล้วสะบัดหันไปทางอื่นบ่งบอกว่ากำลัง ‘งอน’ ที่ผมว่าเธอติ๊งต๊อง
“เธอเป็นผี ไม่ใช่คน นี่ลืม?”
เห็นพองแก้มทำปากยู่เหมือนปลาทองเลยอดแหย่ไม่ได้
“พี่เจนัส!” ยัยผีเด็กน้อยก็หันมาแหวผมเสียงหลง
“หึๆ” ท่าทางเอาเรื่องที่ไม่ได้น่ากลัวสักนิดของมุตาทำให้ผมเผลอหัวเราะในลำคอ พลางส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางนิตยสารอาหารที่กางอยู่บนโต๊ะ “เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไอ้นั่นใส่บาตรให้ พอใจยัง?”
นี่เรียกว่า ‘ง้อ’ แล้วนะครับ บอกเลย
จบคำพูดผม ผีขี้งอนก็สะบัดหน้ากลับมามองผมแทบจะทันทีทันใด
ขวับ!
“จริงนะ!”
ทำหน้าตาดีใจยิ้มแป้นเหมือนเด็กกำลังจะได้ของเล่นที่อยากได้ไม่มีผิด ต้องยอมรับว่าตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเริ่มปรับตัวได้บ้าง ดูๆ ไปแล้วมุตาก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละ
มองกี่ครั้งก็รู้สึก...เอ็นดู
แต่ผมก็เสือกลืมไปว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องสมุดที่เงียบมากๆ ดังนั้นแม้ผมจะไม่ได้พูดเสียงดัง แต่ระดับเสียงและท่าทางก็ทำให้คนอื่นสังเกตเห็นได้ง่ายอยู่ดี
พอหันไปมองรอบตัวก็พบกับสายตาของนักศึกษาคนอื่นที่มองมาแปลกๆ สายตาที่แสดงออกว่าเคลือบแคลงหรือไม่ก็เห็นใจห่าเหวอะไรสักอย่าง
ประเด็นคือ...ผู้หญิงที่มองผมตอนแรกหันไปซุบซิบกัน แต่ผมดันได้ยิน!
“ฉันว่ารุ่นพี่เจนัสแปลกๆ แล้วอ่ะแก”
“นั่นสิ พูดคนเดียวด้วยว่ะ”
“เออ อย่าไปยุ่งด้วยดีกว่า เขาอาจจะเป็นบ้าก็ได้นะ”
ชิท! กูไม่ได้เป็นบ้า กูแค่คุยกับผีโว้ยยยยย!
เชื่อเถอะ ผมโคตรอยากจะตะโกนบอกทุกคนที่เอาแต่มองมาด้วยสายตาเหมือนผมเป็นตัวประหลาด หนำซ้ำยังนินทากันชนิดเผาขนแบบได้ยินเต็มสองรูหู
อาจเพราะในห้องสมุดมันเงียบด้วยมั้ง
แต่สิ่งที่ทำได้คือถอนหายใจระบายความหงุดหงิด ปิดหนังสือบนโต๊ะแล้วหยิบมันเดินตรงไปหาบรรณารักษ์เพื่อทำการยืมหนังสือ
คิดว่าห้องสมุดจะเป็นที่ที่สงบที่สุดในมหา’ลัยแล้วนะ แต่ก็ยังไม่วาย...
ไม่รู้จะโทษมุตา ตัวเอง หรือคนที่มองมาดีเลย
“จะไปไหนเรียนแล้วเหรอคะ?”
ยัยผีตัวปัญหาที่เดินวนเวียนล้อมหน้าล้อมหลังเอี้ยวตัวมาถาม
ขณะสองเท้ากำลังเดินตรงกลับไปที่ตึกคณะ อีกยี่สิบนาทีก็จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว ผมว่าจะไปนั่งกับพวกเพื่อนๆ สักหน่อย
อ้อ ไอ้ไม้เอกก็มาเรียนได้หลายวันแล้วด้วยนะครับ มาทั้งเฝือกนั่นแหละ
นั่นไง ผมเห็นพวกมันกำลังนั่งรวมหัวกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ตึกคณะ ดูเหมือนกำลังคุยอะไรกันสักอย่าง แต่ละคนทำสีหน้าเคร่งเครียดด้วย
โดยเฉพาะไม้เอก หัวคิ้วมันขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปมอยู่แล้ว
ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งได้ยินบทสนทนาชัดขึ้นเรื่อยๆ
“นี่มันยังไม่เลิกเพ้อถึงเรื่องนั้นอีก?”
“เออดิ เพื่อนมึงอาการหนักขึ้นทุกวันๆ แล้วนะเว้ย ไอ้เอก”
“พวกมึงว่า...เราควรพามันไปเช็คสมองที่โรงพยาบาลหน่อยดีปะวะ กูล่ะเป็นห่วงแม่งจริงๆ”
“กูเห็นด้วยกับไอ้เปา แล้วมึงว่าไงวะ ไอ้เอก?” คำพูดของโป๊ยเซียนทำให้ผมหยุดนิ่ง “มึงเองก็บอกว่าที่มันเกิดอุบัติเหตุจนทำมึงแขนหักก็เพราะบอกว่าเห็นผีอะไรนั่นไม่ใช่เหรอวะ ไอ้เจแม่งแอบเล่นยาจนประสาทหลอนเปล่า”
“นั่นสิ ก่อนหน้านี้เห็นมันเฮิร์ตเรื่องผู้หญิงหนักเลยนี่ ถึงมึงจะไม่บอกกูกับไอ้เซียนก็เถอะว่าผู้หญิงที่ทำให้ไอ้เจนัสมันเฮิร์ตหนักเป็นใคร แต่มึงไม่คิดเหรอว่าไอ้เจมันอาจจะเสียใจหนักจนหันไปเสพยา ไม่งั้นมันจะหลอนได้ไง?”
“...” ไอ้ไม้เอกนั่งนิ่งฟังไอ้โป๊ยเซียนกับไอ้อั่งเปาตั้งข้อสันนิฐาน
“...” ส่วนผมก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
มองเพื่อนสนิททั้งสามคนกำลังคุยกันเสียงเครียดเหมือนสีหน้า หัวข้อนั้นก็เป็นเรื่องของผมนี่เอง เรื่องที่ผมสะสมความหงุดหงิดเอาไว้ตลอดทั้งอาทิตย์
ตอนนี้จากการเพ้อเจ้อ เป็นบ้า
ลามไปถึงขนาดคิดว่าผมประสาทหลอนจากการเสพยาแล้ว
ก็ใช่ ก่อนหน้านี้ผม ‘อกหัก’ จนเสียหลักไปนาน แต่ก็ไม่ได้คิดสั้นถึงขั้นทิ้งอนาคตด้วยการหันไปเสพยา พวกมันก็เป็นเพื่อนผมมานานแล้วเปล่าวะ ทำเหมือนไม่รู้นิสัยกันไปได้
ก็เข้าใจนะว่าพวกมันเป็นห่วงผมแหละถึงได้เครียด
แต่แม่ง! ยอมรับเลยว่าตอนนี้ไม่สบอารมณ์เหี้ยๆ
ถ้าเดินเข้าไปหาคงได้ใส่อารมณ์จนทะเลาะกันพวกมันแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจหมุนตัวกลับหลังหัน เปลี่ยนเป็นเดินตรงไปยังทางขึ้นตึกแทน
แม้อีกไม่ถึงยี่สิบนาทีผมก็ต้องเจอพวกมันได้ห้องเรียนก็ตาม
อันที่จริง ตลอดทางที่เดินมาจากหอสมุดก็มีสายตาหลายคู่มองมา คงไม่ต้องให้บอกมั้งว่านักศึกษาคนอื่นมองผมด้วยสายตาแบบไหน
มันมีข่าวลือแปลกๆ กระจายเป็นวงกว้างได้หลายวันแล้วล่ะ
ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ข่าวลือกลับกระจายเป็นไวรัลไปทั่ว
“พี่เจนัสเป็นอะไรไปเหรอ?” มุตายังเดินตามผมมาเหมือนเดิม
“...” ผมเงียบ ย่ำเท้าเดินต่อ ไม่แม้แต่จะแลมองมุตาด้วยซ้ำ
“พี่โกรธที่เพื่อนพี่พูดแบบนั้นใช่ไหม?”
คำถามจี้ใจดำหยุดฝีเท้าผมลงตรงมุมอับที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านไปผ่านมา ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับมุตาที่เดินตามหลังด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“พี่...”
มุตาทำเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมก็พูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังเสียก่อน
“ต่อไปนี้ห้ามเธอเข้าไปวุ่นวายในคลาสเรียนฉันอีก”
“...”
“ถ้าเป็นไปได้...อย่าตามมามหา’ลัยเลยจะดีกว่า”
ผมไม่ชอบสายตาที่คนอื่นมองมา...
ถูกมองเหมือนตัวประหลาด เหมือนคนบ้า ใครแม่งจะชอบวะถาม
“ทำไม...” มุตาถามอย่างไม่เข้าใจ “ยังไงก็ไม่มีใครเห็นมุตานอกจากพี่เจนัสอยู่ดีนี่นา”
แล้วสุดท้าย
ความเครียดที่สะสมมาตลอดอาทิตย์ก็ทำให้ผมระเบิดอารมณ์ใส่เธอจนได้
“ก็เพราะว่ามีแต่ฉันคนเดียวที่เห็นเธอไงวะ คนอื่นถึงได้ทำเหมือนฉันเป็นบ้าแบบนี้!!”
“เฮือก!” ร่างเล็กตรงหน้าสะดุ้งเฮือกกับน้ำคำใส่อารมณ์รุนแรงของผม
มุตาช้อนสายตาสั่นๆ ขึ้นมอง พลางเม้มปากแน่น ดวงตากลมโตรื้นด้วยน้ำตาราวกับสั่งได้ ถึงจะดูน่าสงสาร แต่ผมก็ทำแค่แค่นยิ้มสมเพชออกมา
สมเพชตัวเองนี่แหละ ไม่ใช่ใคร...
“ตลอดทั้งอาทิตย์ที่เธอตามติดฉันไปทุกที่ เอาแต่ทำท่าทางดีใจเหมือนได้โลกทั้งใบกลับคืนมา แต่เธอรู้ไหมว่ากำลังทำให้โลกของฉันมันแปลกแยก!”
ผมห้ามอารมณ์ที่ตีรวนขึ้นมาไม่ได้ ความเครียด แรงกดดัน สายตาแปลกๆ จากคนที่รู้จักผม หรือแม้แต่เพื่อนสนิทเองก็ตาม แม้จะทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้อยู่ดี
ทำไมต้องเป็นผมที่มองเห็นเด็กนี่...
ทำไมถึงเป็นผมที่ต้องทนกับสายตาพวกนั้น
ต่อให้ไม่อยากเก็บมันมาใส่ใจ แต่พอเจอแบบเดิมทุกๆ วัน คิดว่าผมสะสมความเครียดไว้เท่าไหร่กันล่ะ ผมไม่พูด ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกเครียดสักหน่อย
ต่อให้บอกคนอื่นว่าผมกำลังเผชิญอยู่กับอะไร...ใครแม่งจะเชื่อ
ขนาดไอ้ไม้เอก...ยังคิดว่าผมบ้า ไม่ก็อัพยาจนหลอนเลย เหอะ!
“พะ พี่เจนัส...”
มุตาเรียกชื่อผมเสียงสั่น หน้าเสียไปตั้งแต่ผมตะคอกใส่เสียงดังด้วยซ้ำ
“ฉันก็แค่คนธรรมดาไงมุตา...ไม่ใช่พ่อพระ ไม่ได้ใจดีอย่างที่เธอเข้าใจด้วย”
การที่ผมยอมคุยหรือทำเหมือนชินที่มีวิญญาณวนเวียนรอบตัว อาจทำให้เธอคิดว่าผมใจดี ดูเป็นคนดี น่าพึ่งพา ความจริงมันไม่ใช่...
“มีเธอตามติดแค่อาทิตย์เดียวยังขนาดนี้ แล้วต่อไปฉันจะได้รับสายตาแบบไหนจากคนอื่นอีกวะ ฉันว่า...แม่งไม่ไหวหรอก”
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเริ่มจากการจำใจและจำยอมมาตั้งแต่ต้นต่างหาก
ถ้าเลือกได้...ผมอยากให้เธอหายไปด้วยซ้ำ
“พี่เจ...”
“ผีกับคน...ยังไงก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ ช่วยเลิกตามฉันสักทีเถอะ มุตา”
TO BE CON'

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

991 ความคิดเห็น
-
#468 tigersweet (จากตอนที่ 5)วันที่ 5 เมษายน 2560 / 06:52ทำตัวเปรียบเสมือนว่าตัวเองเป็นนางเอก#4680
-
#467 tigersweet (จากตอนที่ 5)วันที่ 5 เมษายน 2560 / 06:52โหดร้ายย แง้#4670
-
#301 ผู้หญิงขึ้เบื่อ (จากตอนที่ 5)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2559 / 13:22มาแว้ววว#3010
-
#295 Nonghomexo-l (จากตอนที่ 5)วันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 / 17:38ดีใจอะ อัพแล้วววว#2950
-
#294 Dok11 (จากตอนที่ 5)วันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 / 06:16ไลน์ด์สู้ๆๆๆๆ. มาต่อไวๆๆๆ#2940
-
#293 Creamy123 (จากตอนที่ 5)วันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 / 01:50เข้าใจทั้ง เราทีมใครดีเนี่ยยยยย#2930
-
#291 Numwa_69 (จากตอนที่ 5)วันที่ 29 ตุลาคม 2559 / 15:50555ใตนๆก็ว่าเจนัสบ้าา#2910
-
#290 Pvl6ic (จากตอนที่ 5)วันที่ 28 ตุลาคม 2559 / 00:19ใครๆ ก็ไม่เข้าใจเจนัสกรอกจ้า 5555#2900
-
#289 Phimraput Ulek (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 ตุลาคม 2559 / 22:48มีความเอ็นดูโอ้ยยยนั้ลร้ากกกก^^#2890
-
#288 Nonghomexo-l (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 ตุลาคม 2559 / 20:22เย้อัพแล้ว:)#2880
-
#287 Creamy123 (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 ตุลาคม 2559 / 18:39โอ้ยยยยย กลัวเดี๋ยววกลางๆเรื่องจะดราม่าาา มีดราม่าหนักหน่วงมั้ยยขาาาไรทท์#2871
-
#287-1 `•Noknk }*지용(จากตอนที่ 5)27 ตุลาคม 2559 / 20:34อยากให้รอลุ้นนนน ดราม่าก็มีอ่ะแหละ แต่หนักมั้ยยังบอกไม่ได้ 555555555#287-1
-
-
#286 peepee apin (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 ตุลาคม 2559 / 10:57โอ้ยยย ฮาไม่ไหวแล้ววว 55555#2860
-
#285 kruemee (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 ตุลาคม 2559 / 08:45ถ้ากลับเข้าร่างได้ จะยังจำเจนัสได้ไหมอ่ะ??#2851
-
#285-1 `•Noknk }*지용(จากตอนที่ 5)27 ตุลาคม 2559 / 20:34ลองเดาดูววววววว#285-1
-
-
#284 kruemee (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 ตุลาคม 2559 / 08:39เจนัสน่ารัก มุตาก็ต๊องๆๆ 555555#2840
-
#283 Dok11 (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 ตุลาคม 2559 / 06:58เมื่อไหร่จะกลับเข้าร่างงงงง. รอออออออออยู่น้าาาาาา#2830
-
#282 Kanita Raekprakhon (จากตอนที่ 5)วันที่ 27 ตุลาคม 2559 / 00:50เจิมมมมมมมมมมมมมมมมมอยากอ่านล้าวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว#2820
-
#279 Nonghomexo-l (จากตอนที่ 5)วันที่ 24 ตุลาคม 2559 / 17:17เจิมมมมมมม#2790
-
#278 2110254114p (จากตอนที่ 5)วันที่ 24 ตุลาคม 2559 / 07:11เจิมมมมมมมมมม#2780
-
#277 @diamond (จากตอนที่ 5)วันที่ 23 ตุลาคม 2559 / 23:24เจิมมมม#2770
-
#276 @diamond (จากตอนที่ 5)วันที่ 23 ตุลาคม 2559 / 23:24เจิมมมม#2760
-
#275 @diamond (จากตอนที่ 5)วันที่ 23 ตุลาคม 2559 / 23:24เจิมมมม#2750
-
#274 @diamond (จากตอนที่ 5)วันที่ 23 ตุลาคม 2559 / 23:24เจิมมมม#2740
-
#273 @diamond (จากตอนที่ 5)วันที่ 23 ตุลาคม 2559 / 23:23เจิมมมม#2730
-
#272 Pvl6ic (จากตอนที่ 5)วันที่ 23 ตุลาคม 2559 / 14:21เจิมมมมมมมมม#2720
-
#269 Creamy123 (จากตอนที่ 5)วันที่ 21 ตุลาคม 2559 / 19:07เจิมมมมมมม รอออออออ#2690