คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [Fic CT] Merry Christmas
[Fic CT]
Cadaver Town ปิดตายเมืองนรกกลายพันธ์ เขียนโดย Honey Crown
25 December …….
ไม่เข้าใจเลยซักนิด....
ว่าตอนนี้ทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกแบบนี้......
ทั้งๆที่วันนี้เราควรจะมีความสุขและยิ้มได้ตลอดทั้งวันเลยไม่ใช่เหรอ?......
ให้ตายซิ.....ไม่เข้าใจเลยจริงๆ.....
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
หนาว.......
นี่คือความรู้เดียวที่ผมกำลังรู้สึกได้ตอนนี้ ในขณะที่กำลังย่ำเท้าเดินไปบนหิมะกองหนาที่กำลังตกลงมาไม่ขาด แสงสีจาก
ถนน และร้านค้าต่างๆรอบๆ เปิดไฟหลากสีโชว์หลาเหมือนประชันแสงสว่างกัน เสียงดนตรีวันคริสต์มาสดังไปเอื่อยๆ มาจากร้านค้าแห่งหนึ่งในสุดของถนนเส้นนี้ ซึ่งเป็นร้านขายของขวัญ สำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ.....
ผู้คนต่างก็เดินขวักไขว่กันไปมา โดยเฉพาะคู่รักที่กำลังตกลงซื้อของขวัญให้กัน และกลับไปฉลองที่บ้านอย่างแสนสุข ทุกคนก็ต่างมีสีหน้าที่ยินดี บนใบหน้าของคนแทบทุกคนในแถบนี้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้ากันแทบทุกคน แม้วันนี้หิมะจะตกหนักและชวนให้หนาวจับใจสักแค่ไหนก็ตาม......
แต่ทำไมเราถึงไม่มีล่ะ?......
ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำไมถึงยิ้มไม่ออก ถึงจะฝืนแค่ไหนก็ต้องหุบลงอยู่ดี......
ผมชื่อ ฮีล สตัลวอร์ต อายุ 19 ปี ผมคงบอกแค่นี้แหละ ตอนนี้ผมกำลังเดินไปมหาลัยของตนเองเพื่อไปเรียนตามปรกติที่ผมจะไปนั่นแหละ ระหว่างที่เดินอยู่นี่ช่างน่าเบื่อเสียจริงๆเลย...
น่าเบื่อที่...ทำไมวันแบบนี้ผมถึงยิ้มไม่ออก....
เพราะอะไรกัน?....
โดยปรกติกับวันสังสรรค์แบบนี้ผมอยากจะกลับไปฉลองกับพวกพ่อแม่ พี่สาว หรือเพื่อนๆ บ้างเพียงแต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอยากจะทำอะไรเท่าไร พอมีใครมาชวนให้ไปฉลองด้วยกัน ผมก็มักจะตอบว่าไม่โดยทันที...ทั้งๆที่ในใจก็อยากจะไปเหมือนกัน....
เพราะอะไรกันล่ะเนี่ย?.....
ระหว่างที่ผมกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ผมก็เดินมาถึงมหาลัยของตนเองจนได้ เสียงคุยของผู้คนในโรงเรียนดังเจี๊ยวจ๊าวเหมือนกับนกกระจอกแตกรัง แน่นอนว่าเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกันคงไม่พ้นเรื่องฉลองในวันนี้แน่นอน
ผมเดินผ่านกลุ่มคนที่เบียดเสียดคุยกันอยู่ภายในมหาลัยมาอย่างยากลำบาก คนพวกนี้เขาไม่รีบเข้าไปกันหรือไงน่ะ!
ฉลองคริสต์มาส ถึงฉลองไปก็ไม่รู้จะไปกับใครดีอยู่แล้ว ผมก็ไม่ต้องไปสนใจเรื่องนั้นก็ได้นี่นา....
แล้วทำไมผมยังยิ้มไม่ออกอีกล่ะ?.....
ผมรู้สึกว่าเหมือนตัวเองขาดอะไรไปซักอย่าง.....
อะไรซักอย่างที่สำคัญมาก......
แต่ระหว่างที่ผมกำลังเหม่อนั่นเอง ก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้นเสียก่อน!....
ผมพยายามมาสนใจกับเสียงนั่นเพราะคิดว่าคงมีใครไปเจอแมลงสาบเข้าสักตัวกระมัง...
ผมเบนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะเร่งฝีเท้าของตนเองเพื่อไปเรียน ก่อนที่จะสายโดยไม่รู้ตัวเสียก่อน...
ถ้าผมไม่ได้ยินเสียงนี้.....
“นี่แก คนเมื่อกี๊น่ะ เท่ดีเนอะ ว่าไหมอ่ะ!”
“ใช่ๆ สูงอย่างกับนายแบบเลยอ่ะ ไม่ต่ำกว่า 180 แหงแบบนั้น!”
“นั่นสิ ผมก็เป็นสีดำด้วยอ่ะ ผิวงี้ขาวเชียว ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงนั่นก็ทำชั้นจะละลายแล้วอ่ะ!”
“ใช่ๆ! กรี๊ด!”
เดี๋ยวนะ!
ตัวผมที่กลังจะก้าวเดินไปต่อต้องหยุดชะงักอยู่กับที่ทันที ที่ได้ยินพวกผู้หญิงสาธยายถึงบุคคลเมื่อกี๊.......
ลักษณะแบบนั้น....ผมรู้สึกว่าผมจำมันได้ดี....
ผมรีบหันไปหาผู้ชายคนดังกล่าวทันที และผมก็ได้พบเป้าหมายที่สูงประมาณ 180 นั่นอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน เขาถูกพวกผู้หญิงรายล้อมจนมองแทบไม่เห็นหน้าเลย จะเห็นก็แต่ผมสีดำรัตติกาลที่เด่นอยู่กลางวงล้อมนั่นก็เท่านั้น...
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้สองเท้าของตัวเองเริ่มออกตัววิ่งเพื่อไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร ผมรู้สึกเหมือนกับบังคับร่างกายของตัวเองไม่ได้....
ตอนนี้พอรู้สึกตัวอีกที ผมก็กำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดกันในมหาลัย....
เพื่อไปหาเขาคนนั้นเท่านั้นเอง.....
ตอนนี้ผมพยายามวิ่งไปให้เร็วที่สุด แต่ผู้คนที่เบียดเสียดกันเข้ามาเพราะใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วก็ยิ่งแน่นมากขึ้น จนทำให้ผมแทบจะไม่ขยับไปจากที่เดิมเลย..
ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นเขากำลังจะเดินออกจากวงล้อมของผู้หญิงไปแล้ว เมื่อเขาหันหลังกำลังจะเดินออกไปจากมหาลัย โดยมีพวกผู้หญิงคอยเปิดทางให้ ทำให้ผมสามารถเห็นเขาได้ชัดเจน โดยเฉพาะผ้าพันคอสีแดงฉานราวกับเลือดนั่น....
เดล ฮาโรลล์!!
ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ ในใจผมตอนนี้มันเต้นรัวไปมหด ตอนนี้ในใจของตนเองรู้แต่เพียงว่า ต้องไปหาเขาให้ได้....
ต้องไปเจอเขา....ไปหาเขาให้ได้!....
“เดล!” ผมพยายามตะโกนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงของตนเองทั้งหมด เขาหยุดเดินก่อนหันไปมาเล็กน้อยเหมือนกำลังหาใครอยู่ แต่เมื่อไม่เห็นใครจึงได้หันหลังและเดินไปต่อ
“เดล! เดล! เดี๋ยวก่อนสิ! ชั้นอยู่นี่!” ตอนนี้ผมได้แต่โบกไม้โบกมือและตะโกนเรียกหวังจะให้เขาหันกลับมาเห็นผมว่าอยู่ตรงนี้ซักนิดก็ยังดี....
แค่นิดเดียว....จริงๆนะ.....
แต่มันก็เหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อเขาไม่ได้ยินผมเลย เขาเดินห่างออกไปจากรั้วมหาลัยเรื่อยๆ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเหมือนความหวังของตัวเองกำลังจะแตกสลายไปเรื่อยๆ.....
และในที่สุด....เขาก็เดินออกไปจนลับสายตาผมแล้ว.....
ผมเลิกโบกมือและตะโกนแล้ว ตอนนี้ผมได้ยืนก้มหน้านิ่ง รู้สึกเหมือนขอบตาของตัวเองร้อนผ่าว ในที่สุดน้ำใสๆก็ไหลรินอาบแก้มของผมอย่างหยุดไม่ได้ แม้ว่าผมจะพยายามหยุดมันซักเท่าไรก็ตาม ตอนนี้ผมอยากจะทรุดลงกับพื้นเหมือนตัวเองไม่มีแรงจะยืนต่อ แต่ผมก็ยังฝืนใจแข็งยืนต่ออยู่อย่างนั้น
ทำไมล่ะ....แค่เขาเดินออกไปแค่นี้....ทำไมเราต้องร้องไห้?....
ทำไม...เราถึงไม่ไปให้ถึงตัวเขาให้เร็วกว่านี้?....
ทำไมเราต้องรู้สึกแบบนี้?....
ถึงอย่างงั้น....ตอนนี้เรารู้แค่เพียงว่า....
หากปล่อยให้เขาเดินจากเราไปในครั้งนี้...เขาจะหายไปตลอดกาล....
เรานี่....บ้าจริงๆ.....
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
หนาว.....
นี่คือความรู้สึกที่ผมรู้สึกได้อีกครั้ง หลังจากที่ผมกำลังเดินอยู่ในถนนเส้นเดิมเพื่อกลับไปยังที่พักของตนเอง ผู้คนที่เดิน
ขวักไขว่กันก็ยังเหมือนเดิม ใบหน้าของพวกเขายังมีรอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าเสมอ หิมะก็ยังตกโปรยปรายโชว์ความงามขาวบริสุทธิ์ไม่ขาดสาย แสงไฟจากร้านค้าต่างๆก็ยังเหมือนเดิม กลิ่นอาหารลอยโชยมาแตะจมูกของผม ทำให้ผมหันไปดูก็พบร้านขนม ซึ่งกำลังอบคุ้กกี้และเค้กอยู่ ในร้านนั้นมีคนเดินออกมามากมาย ทุกๆคนล้วนมีใบหน้าเปี่ยมสุข ผมไม่สนใจและเดินต่อ แต่สิ่งที่ทำให้ต้องหยุดชะงักอีกครั้งคือ....
เสียงเพลงวันคริสต์มาสที่ยังล่องลอยมาตามสายลมอย่างเอื่อยๆ....
ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมบังคับร่างกายตัวเองไม่ได้ บังคับไม่ให้สองเท้าของผมเดินไปตามเสียงนั่นไม่ได้ ผมรู้สึกว่าตนเองเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงปลายสุดของถนนสายนี้....
ร้านขายของขวัญซึ่งอยู่หัวมุม.....
ทำไมผมถึงได้มาที่นี่กันนะ?.....
ตอนนี้ผมรู้สึกได้แขนของตัวเองได้ผลักประตูบนสีเขียวแก่นั่นเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ....
โดยที่ผมไม่ได้รู้สึกตัวอะไรเลย....
“ยินดีต้อนรับค่า!” เสียงใสๆของพนักงานหญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่หน้าเค้าเตอร์พูดขึ้น หล่อนใส่ชุดซานตาครอสของผู้หญิงพร้อมหมวกอยู่บนหัว อายุของเธอดูแล้วน่าจะประมาณ 17-18 ก่อนที่หล่อนจะโปรยยิ้มให้ผมเล็กน้อย และเดินมาหาผมที่ยังยืนค้างอยู่
“ต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?” หล่อนถามผมด้วยรอยยิ้ม ทำให้ผมได้แต่ตกใจ เหมือนกับไม่รู้ว่าตนเองจะอธิบายยังไงดีว่ามาที่นี่เองโดยที่แทบจะไม่รู้สึกตัวเลย
เขาหาว่าเราบ้าแหงๆเลย......
“ค..คือว่าผม....” ผมได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าตอบออกไป หล่อนเห็นดังนั้นจึงยิ้มให้ผมเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วล่ะค่ะ งั้นขอให้เลือตามสบายเลยนะคะ” หล่อนพูดก่อนจะเดินกลับไปยังเค้าเตอร์ดังเดิม ผมได้แต่ยืนงงเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปทั่วร้านเหมือนกับว่ากำลังสำรวจอะไรอย่างงั้น
ทำไมเราถึงไม่รีบออกไปจากที่นี่นะ?.....
บรรยากาศในร้านนี้ดูหมือนจะอบอุ่นมากทีเดียว แสงไฟสีขาวดวงเล็กๆที่ติดอยู่บนเพดาน ส่งแสงสลัวๆมายังเบื้องล่าง ของทุกอย่างถูกจัดหมวดประเภทอะไรอย่างดี ตู้เก็บของที่โชว์ของขวัญมากมายไว้เป็นชั้นๆ รวมถึงตู้กระจกที่สูงพอๆกับตู้นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกดีจริงๆ
อุ่นจัง....
ในร้านนี้ผมรู้สึกอุ่นใจและสบายใจอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมได้ตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแท้ๆ....
ตั้งแต่เอื้อมไปไม่ถึงคนๆนั้น.....
เดล.....
และสายตาของผมก็ไปสะดุดกับสิ่งๆ หนึ่ง....
กล่องเพลง....
ผมยกกล่องเพลงที่ถูกจัดอยู่ในตู้กระจกขึ้นมาดู มันเป็นกล่องสีทองมีลวดลายเหมือนกับไม้แกะสลักไปรอบๆกล่อง ตรงกลางมีรูกุญแจซึ่งเป็นรูปใบโคลเวอร์สีแฉก ผมหันไปมา หากุญแจของกล่องนี้ และผมก็เจอมันว่างอยู่ใกล้กับที่วางกล่องนี้ ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนจะลองไขดู
~~
~
เสียงเพลงวันคริสต์มาสที่ผมได้ยินทั้งตอนที่ตอนเดินไปและกลับมาจากมหาลัยดังขึ้น เพลงนี้มันเป็นเพลงที่ยังติดตราตรึงในใจของผมเลยก็ว่าได้ คิดได้ดังนั้นผมจึงรีบปิดกล่องดนตรีแล้วเดินไปวางที่หน้าเค้าเตอร์ทันที
“เลือกได้แล้วเหรอคะ?” ผู้หญิงคนเมื่อกี๊หันมาถามผมด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม ผมจึงตอบกลับไปโดยไม่ลังเล
“ครับ” ผมตอบ ทำให้หล่อนหยิบของที่ผมเลือกพร้อมกุญแจของมันมาห่อของขวัญให้ผม ก่อนจะเอ่ยถามผมด้วยรอยยิ้มเจือ
ความสงสัยไว้ข้างใน
“ทำไมถึงเลือกของขวัญชิ้นนี้ล่ะคะ?”เธอถามผมพร้อมห่อให้ผมไปด้วย
“....ไม่รู้เหมือนกัน...ครับ..”นั่นสินะ...แล้วทำไมผมถึงเลือกของขวัญชิ้นนี้ล่ะ? แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้เลย...
“ฮึๆ นั่นสินะคะ เรื่องบางเรื่องมันก็คงไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้เหมือนกันสินะคะ” ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้งั้นเหรอ?....นั่นสินะ...ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันเลยว่า ทำไมตัวเองต้องวิ่งตามเดลไป ทำไมตัวเองต้องวิ่งเข้ามาในร้านนี้ด้วย....
ทำไมกัน?.......
“ดูเหมือนคุณจะเจอเรื่องที่ไม่ดีมาสินะคะ?” เธอถามผมพร้อมกับส่งของขวัญที่ห่อเสร็จพร้อมผูกริบบิ้นมาวางบนเค้าเตอร์ ผมได้แต่ยืนนิ่งเงียบกับคำถามของเธอ
เรื่องที่ไม่ดีงั้นเหรอ?.....
“เงียบแบบนี้คงจะจริงสินะคะ....คุณเนี่ยช่างเหมือนกับชั้นแต่ก่อนเลยจริงๆ ตอนที่ชั้นมีเรื่องไม่สบายใจชั้นก็มักจะเป็นแบบคุณเสมอ แต่ว่านะคะ ชั้นคิดว่าถึงคุณจะเจอเรื่องที่ไม่ดีมาก็ควรจะหาที่ๆสงบใจสำหรัญคุณบ้างนะ ที่มหาลัยคุณคงจะมีเพื่อนอยู่สินะคะ ชั้นเห็นคุณเดินด้วยสีหน้าแบบนั้นมาตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ ทำไมถึงไม่ยิ้ม...สงสัยตัวเองอยู่ใช่มั้ยคะ? แต่ว่าคุณคงรู้สึกตัวสินะ...ว่าตัวเองกำลังต้องการอะไร? ดังนั้นชั้นคงจะแนะนำได้เพียงแค่ว่า.....คุณน่ะควรจะยอมรับเรื่องบางเรื่องและทำตามหัวใจตัวเองเถอะค่ะ...”
ผมได้แต่นิ่งอึ้งกับคำพูดที่เธอคนนั้นพูดออกมา ทำไมเขาถึงรู้ล่ะ? ว่าผมกำลังคิดอะไร.....
ผมกำลังต้องการอะไรกัน?....
ทำตามหัวใจตัวเองงั้นเหรอ?....
“ครับ...ขอบคุณนะครับ คุณ...”
“ชั้นชื่อ มิร่า ค่ะ คุณ ฮีล สตัลวอร์ต..” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มให้ผมเหมือนตอนแรกที่ผมเข้ามา ผมยิ้มให้เขาและจ่ายเงิน ก่อนจะเดินออกจากร้านไป....
“ขอบคุณมากนะครับ...” ผมบอกเธออีครั้ง และผลักประตูออกไป ในใจของผมตอนนี้อย่างน้อย...มันก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะ....
“เขาคนนั้นรอคุณอยู่นะคะ....ขอให้โชคดี...” มิร่าพูดหลังจากที่ร่างบางเดินออกไปแล้ว ก่อนที่เสียงเพลงวันคริสต์มาสจะดังขึ้นมาอีกครั้ง เรียกให้ผู้ที่ได้ยินเสียงนี้ต่างก็ต้องหาที่มาของเพลงที่แสนจะไพเราะนี้......
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ตอนนี้ผมเดินมาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งตอนนี้ไม่ค่อยจะมีคนมากนัก เพราะทุกคนดูเหมือนจะกลับไปบ้านของตัวเองเพื่อฉลองเทศกาลนี้ คนที่อยู่ในสวนนี้เท่าที่ผมเห็นนั้นก็มีเพียง 4-5 คนเท่านั้นถ้ารวมผมด้วยสวนแห่งนี้มีต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ซึ่งถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วย ไฟหลากสีที่ถูกประดับลงไปบนต้นคริสต์มาสทอแสงประกายออกมาอย่างสวยงาม หิมะสีขาวก็ยังโปรยปรายอยู่เหมือนเดิม ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงัดไปหมด ทุกคนที่อยู่ที่นี่กลับไปกันหมดแล้ว....
อา...หนาวจัง.....
ตอนนี้ผมยืนอยู่ใต้ต้นคริสต์มาสต้นใหญ่นี้อยู่ ผมวางกล่องของขวัญลงข้างตัว ก่อนจะมองขึ้นไปข้างบนฟ้าก่อนจะหลับตาลงเหมือนรอให้หิมะสีขาวนั่นมาตกลงมาบนหน้าตัวเอง
อยู่คนเดียวนี่มัน...เหงาจังเลยนะ....
ตอนนั้นถ้าเราสามารถคว้าเขาไว้ได้ก็คงดี...
ช่างมันเถอะ...เรื่องนั้น....
เดี๋ยวหมอนั่นก็โผล่มาให้เห็นเองล่ะมั้ง....
แล้วทำไมเราต้องนึกถึงหมอนั่นกันนะ?....
ทำตามหัวใจตัวเองงั้นเหรอ?....
หึ...ความหมายคลุมเครือจังเลยนะ.....
หนาวจังแฮะ.....
“มาทำอะไรตรงนี้น่ะ?..”เสียงหนึ่งเรียกให้ผมหันไปมองข้างหลังของตนเอง และนั่นก็ทำให้ผมต้องเบิกตากว้าง กับร่างสูงผมสีดำรัตติกาลที่ยืนอยู่ เขาส่งยิ้มอ่อนโยนให้ผม ผมร้องเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ
“เดล!!”
“อืม ชั้นเอง...ทำไมเหรอ?” ทำไมเหรอ?...ถามงี้ได้ไงฟระเนี่ย!
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะ!!” เขามาได้ยังไง? เดินเล่นเหรอไง?
“อืม...ตามจริงเหตุผลย่อยคือเดินเล่นนั่นแหละ....แต่เหตุผลหลักก็คือ...ชั้นมาหานายนั่นแหละ...”
อะไรนะ!? มาหาผมงั้นเหรอ....
“นายมีอะไรเหรอ?” ผมถามออกไป น้ำเสียงตัวเองสั่นเครือเล็กน้อย.. เดลหันมามองผม และสิ่งที่อยู่ข้างตัวผม เขาเดินเข้ามาและหยิบมันขึ้นมา
ของขวัญ...กล่องเพลงนั่น.....
เดลแกะของขวัญนั้น ก่อนที่จะหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา คือ กล่องเพลงที่ผมเลือกมานั่นเอง ก่อนที่เขาจะเปิดมันขึ้นมา
~~
~
เสียงเพลงวันคริสต์มาสดังขึ้นมาอีกครา แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันมีความหมายมากกว่าทุกๆครั้งที่ตัวเองได้ยิน เสียงเพลงยังคงดังขึ้นไปเรื่อยๆ เดลละจากกล่องเพลงนั่นก่อนจะหันมามองผม เขาเดินเข้ามาหาผมก่อนจะพูดขึ้นมา
“เลือกได้ดีนี่ ฮีล....จริงสินะ...ชั้นยังไม่ได้ให้ของขวัญวันคริสต์มาสกับนายเลยนี่นา..” เขาพูดพร้อมยิ้มออกมา ก่อนที่มือของเขาจะจับใบหน้าของผมให้เงยขึ้นมาสบตากับดวงตาสีน้ำตาลอมแดงของเขา ก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากอุ่นร้อนนั่นลงมาทันที....
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปเท่าไร รุ้แค่เพียงว่าตอนนี้ร่างกายของตัวเองมันร้อนไปหมด ก่อนที่เขาจะผละออกไป ผมหอบหายใจอย่างหนัก ให้ตายเถอะ...ไม่ปล่อยให้พักหายใจกันเลยรึไงน่ะ!
“นี่ถือเป็นของขวัญจากชั้นก็แล้วกันนะ...ส่วนกล่องเพลงนี้ของนายชั้นขอรับไว้แล้วกัน...” เผด็จการ....อยากจะพูดแบบนี้จริงๆ แต่ก็ไม่กล้าอยู่ดี
“เอาล่ะ...ไปกันเถอะ...อยู่แบบนี้เดี๋ยวได้หนาวตายหรอก...” เขาพูดก่อนจะจับมือผมเอาไว้ และพาผมให้เดินออกไปจากสวนแห่งนี้ ผมได้แต่เดินตามเขาไปแบบนั้นเรื่อยๆ อย่างไม่สามารถขัดขืนได้
“เดล...จะไปไหนเหรอ?” ผมถามออกไป เดลหันกลับมาผมก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไปฉลองด้วยกัน....สองคนไง....” เดลหันมาตอบผมก่อนจะหันหน้ากลับไป หูเขาแดงเถือกเลย...เป็นไข้หรือเปล่านะ?....
“เดล นายเป็นไข้เหรอ?”ผมถามออกไป นี่ถ้าเขาเป็นไข้จริงๆ แล้วจะออกมาหาผมทำไมล่ะเนี่ย! น่าจะนอนพักอยู่บ้านสิ!
“ม..ไม่ใช่หรอกน่า...เอาเป็นว่า..รีบไปกันเถอะ!” เดลพูดพร้อมเร่งฝีเท้าขึ้นอีก เอ๋? งั้นเป็นอะไรล่ะ?
อ๊ะ...จริงสิ...ตอนนี้..ทำไมเราไม่หนาวแล้วกันนะ?....
หรือว่า...เพราะจับมมือของเดลอยู่งั้นเหรอ?....
ตอนนี้ในอกเรา...มันเต้นรัวไปหมด....
เอ...ยอมรับในความรู้สึกของตัวเองงั้นเหรอ?....
งั้นเรา...ก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆสินะ....
แล้วเดลล่ะ....เป็นเหมือนกันหรือเปล่า?...
“เดล..ชั้นขอถามอะไรอย่างสิ..”
“อะไร?”
“ตอนนี้...นายรู้สึกเหมือนกับชั้นหรือเปล่า?” นี่ผมถามอะไรลงไปกันเนี่ย แล้วเขาจะรู้ไหมเนี่ยว่ารู้สึกอะไรน่ะ!
“หืม...นั่นสินะ...นี่ฮีล! นายรู้อะไรไหม...ตอนนี้น่ะ...ถ้านายรู้สึกอะไร....ชั้นก็รู้สึกเหมือนกับนายทั้งหมดนั่นแหละ!...” เดลตอบออกมา และหันกลับไป คำตอบนั้นของเขาทำให้ผมยิ้มออกมา อย่างไม่สามารถควบคุมได้ ขอบตาผมร้อนผ่าว แต่ก็พยายามสกัดกั้นเอาไว้ ก่อนที่ผมจะจับมือของเดลให้แน่นขึ้น และเดินตามเขาต่อไปเรื่อยๆ......
อยากอยู่แบบนี้ไปนานๆจังเลย...
อา...นี่ชั้นยิ้มได้แล้วงั้นเหรอ?....
ดีจังเลยนะ....
นายก็มีความรู้สึกแบบเดียวกับชั้นสินะ....
ความรู้สึกนั้น....
ความรู้สึกที่เรียกว่า..’รัก’..น่ะ.....
-END-
ความคิดเห็น