คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่หนึ่ง : สองเผ่าพันธุ์
บทที่หนึ่ง
สองเผ่าพันธุ์
ต้นไม้ต้นใหญ่อายุนับพันปีค่อยๆล้มลงกลางป่าใหญ่ด้วยแรงกระแทกของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ซึ่งมีเขี้ยวแหลมคม
และดวงตาสีแดงดุดัน ฟันสีขาวนับร้อยมีน้ำลายเหนียวๆย้อยอยู่เต็มปาก
ร่างกายสูงใหญ่ดูคลับคล้ายไดโนเสาร์ หากแต่หากของมันเป็นเหล็ก และทั่วลำตัวมีต้นไม้สีเขียวงอกขึ้นมาจรดหัวยันแผ่นหลัง
ทำให้สัตว์ประหลาดตัวนี้ดูน่าเกลียดน่ากลัวจนหลายคนต่างแขยง
ก๊าชชชช!!
เจ้าสัตว์ประหลาดคำรามร้องลั่น
นัยย์ตาดุร้ายจ้องมองศัตรูเบื้องหน้าของตนเองที่เป็นสาเหตุทำให้มันต้องบาดเจ็บเช่นนี้
ก็ถูกอย่างที่ว่า..เนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งจากเวทย์มนต์และรอยบุบช้ำ
รอยฟันด้วยของมีคมจนเลือดสีแดงไหลนองทั่วตัว
“โง่สิ้นดี...”
เสียงพึมพำของเด็กสาวผมยาวน้ำตาลทองดังขึ้นด้วยความเบื่อหน่ายติดรำคาญกับเจ้าสัตว์ประหลาดที่กำลังดื้นรนเพื่อต่อสู้เอาชีวิตรอด
เธอกระโดดออกจากกิ่งไม้สูงใช้กริชเล่มเล็กแทงเข้าที่ดวงตาสีแดงจนมันร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดทรมาน
กรงเล็บใหญ่หมายจะตะครุบร่างเล็ก
แต่มือของมันก็ถูกตัดหายไปก่อนจะได้จับเหยื่อผู้โจมตีตนเอง
ก๊าชช!!
แขนยักษ์สีแดงตกลงสู่พื้น
เด็กสาวผมสีครีมมองมันก่อนแสยะยิ้มออกมาบางเบา ดาบประกายสีฟ้าในมือฟาดฟันออกไปส่งกระแสดาบคมๆ
ตัดชิ้นส่วนของสัตว์ประหลาดร่างยักษ์หายไปทีละชิ้น ทั้งขา แขน รวมถึงหางของมัน
ความเจ็บปวดทำให้สัตว์ประหลาดร่างยักษ์ยิ่งคลั่งกว่าเดิม
มือที่เหลือเพียงข้างเดียวปัดป่ายไปมาหวังจะฆ่าผู้ที่ทำร้ายตน
แต่มันก็ทำได้เพียงไขว่คว้าอากาศรอบตัวเท่านั้น
“หึ...จะทำร้ายข้าผู้นี้ยังเร็วไปร้อยพันปี..โฮะๆ
จงยอมสยบแทบเท้าข้าเสียเถอะ เจ้าปีศาจ..” เธอหัวเราะ ใบหน้าเชิดขึ้นอย่างมาดมั่น
ขณะยืนอยู่บนพื้นดินด้านหลังของสัตว์ร้ายที่แดงที่พยายามหาตัวพวกเธอ
เนื่องจากมันเสียตาไปข้างนึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้สะดวกนัก
แต่ในขณะที่กำลังจะใช้ดาบยาวฟันร่างของสัตว์พิการตาเดียว
เสียงเย็นชาแสนน่าหงุดหงิดกลับทำให้เธอชะงัก
“งั้นถ้าจะให้เธอยอมสยบต้องรอหมื่นปีสินะ..นานจัง..หนังเหี่ยวแน่ๆ..”
เสียงเบื่อหน่ายของเด็กสาวผมสีน้ำตาลทองเอ่ย เธอกระโดดลงมาจากกิ่งไม้ ใบหน้าเฉยชามองเด็กสาวข้างกาย..ก่อนจะถอนหายใจ
ทำให้เด็กสาวถือดาบนามแอรีสแทบจะแยกเขี้ยว
“พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไงยะคุรัน!
ว่าข้าคนนี้จะกลายเป็นแก่เป็นยายแก่งั้นรึ! ไร้มารยาท!” แอรีสโวยวาย
เสียงแสบแก้วหูทำให้คุรีนใช้นิ้วอุดหูของตนเอง แล้วหาวเป็นการตบท้ายว่าเธอกำลังเบื่อสุดๆ...เบื่อยัยนี่...ยิ่งสร้างความโกธรให้กับแม่แมวสาวจอมโวยวายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
มันน่าโมโหนัก..แอรีสมองเด็กสาวที่ไม่คิดจะสนใจไยดีเธอเลยแม้แต่น้อย..
ทำไมเธอต้องมาร่วมทีมกับยัยนี่ด้วย!
“นี่! มาเคลียร์กันให้รู้เรื่องนะ!”
คุรันไม่อยู่ให้หญิงสาวบ่นเธอต่อ
เธอเดินไปยังพวกดอกไม้กินคนทั้งหลายมองดูพวกมันด้วยแววตาเฉยชาไม่ต่างจากเดิม..”นี่เจ้าได้ฟังข้าบ้างหรือเปล่าคุรัน!”
หากแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากเด็กสาวผมสีน้ำตาลทองเลยแม้แต่น้อย
สายตาที่คุรันมองเจ้าดอกไม้กินคนเฉยชาไปสักพัก..ก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นแววตาอบอุ่น
“ดอกไม้นี่ดีจังเลย...คนเรานี่แย่จริงๆนอกจากจะบ่นคนอื่นอย่างไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่นแล้ว
ยังจะเรื่องมากอีกด้วย นี่เจ้าดอกไม้
ทำไมข้าต้องมาอยู่กับคนแบบนี้ด้วยนะ..น่าเบื่อจังเลย
ทำอะไรดีละ..แต่ถ้าจะไปเอาขี้ดินมาอุดปากยัยนั่นคงจะดูไม่สมควรเท่าไร.....”
“ข้าได้ยินนะยะ!
นี่คิดจะนินทาระยะเผาขนกันเลยเหรอ!?
แล้วพูดกับดอกไม้เนี่ยนะ บ้าหรือไง!” แอรีสบ่นไม่หยุด
เธอมองเพื่อนร่วมทีมสติไม่ค่อยจะเต็มคนนี้ ที่วันๆเอาแต่พูดว่าเบื่อ
แล้วทำไมเธอจะต้องมาคอยคุมและหัดสอนให้พวกนี้อยู่ในกฏระเบียบด้วยกัน!
น่าเบื่อ..น่าเบื่อที่สุด..คำนี้ข้าควรจะเป็นคนพูดนะ!
ตั้งแต่เข้ามาในป่านี้แล้ว..เจ้าป่าประหลาดที่กั้นกลางระหว่างอาณาจักรต่างๆทำให้เธอปวดหัวจนแทบบ้า
เนื่องจากเห็นว่าเหลือเวลาและเพื่อเป็นการทดสอบฝีมือเลยให้ผู้ถูกเลือกและองค์รักษ์เดินทางมาด้วยเท้า..เธอไม่บ่นหรือว่าอะไรเท่าไรนักเพราถือว่ามันคือหน้าที่
แต่การจะต้องมารับมือกับเพื่อนร่วมทีมแสนจิตตกทำให้เธอรับไม่ได้! แถมองค์รักษ์ก็ดันขอกลับไปกลางคัน
และบอกว่าจะส่งองค์รักษ์คนใหม่มา เมื่อพวกเธอเดินทางไปถึงอาณาจักร
ทำให้พวกเธอต้องมานั่งเดินทางไปกันเอง..
แถมคนที่ร่วมเดินทางมา..คนไม่ปรกติ...ไม่ปรกติชัดๆ!
ทำไมเธอจะต้องมาเจอกับคนแบบนี้...แมวสวยๆอย่างข้าคนนี้..สมควรจะฟังข้าบ้างสิ
ไม่คิดจะฟังข้าบ้างเลยเหรอ!?
“นี่..ออกมาได้แล้ว
เราต้องรีบเดินทางกันต่อแล้วนะ!..” เธอตวาดใส่คุรัน
เด็กสาวยังคงมีความสุขกับการจูบลูบคลำกับดอกไม้อยู่ จนแอรีสอยากจะรู้นักว่าเจ้าดอกไม้นั่นเคยเป็นสามีในอดีตชาติของหล่อนหรืออย่างไร!?
ภายในป่าดินชื้นแบบนี้มันไม่น่าอยู่นานนักหรอก
เธออยากจะรีบออกจากที่นี่เร็วๆ..
เด็กสาวกระชับดาบในมือของตนเองแน่น ก่อนจะกระชากตัวยัยผู้หญิงสติไม่ดีออกจากดอกไม้
คงจะต้องจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดเสียก่อน
มันกำลังสับสนวุ่นวายจนแม้แต่เสียงตวาดของเธอมันยังไม่ได้ยิน..เสียงคนสวยมันเบาขนาดนั้นเลยหรือ
แต่ก็เอาเถอะ
แค่จัดการเรื่องนี้ให้มันเสร็จๆและรีบเดินทางไปอาณาจักรมนุษย์เสียที..เพราะเดินทางหลายวันทำให้เธอเหนื่อยล้ามากพอแล้ว
“น่าเสียดายจริงๆ..คนสวยอย่างข้านั้นรักสัตว์เสมอ...แต่กับเจ้า..คงจะต้องส่งไปสู่โลกแห่งความตาย..อย่าหาว่าคนสวยอย่างข้าใจร้ายเลยแล้วกัน..”
เธอเปรยพลางยิ้มเย็นเฉียบ กระโดดขึ้นสูงเงื้อดาบเล่มยาวขึ้นหวังฟาดฟันใส่จุดตายของมัน
โดยการตัดศีรษะใหญ่ให้หลุดออกจากบ่า
ฉัวะ!
ก่อนเธอจะได้ประชิดตัวเจ้าสัตว์ประหลาด
และโจมตีฉากจบอย่างสง่างาม
มีดแหลมคมก็ถูกขว้างมาปักกลางกระโหลกศีรษะของสัตว์ร้ายสีแดง
ก่อนมีดนับร้อยจะตามมาปักรอบตัวสัตว์ร่างยักษ์จนมันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
ดิ้นทุรนทุรายและผิวหนังเริ่มกลายเป็นสีเขียว แผ่นดินสั่นสะเทือนจนนกรอบด้านต่างพากันบินหนีเพราะแรงสั่นราวแผ่นดินไหว
“กรี๊ด!”
แอรีสสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อเธอตั้งใจจะกระโดดไปที่กิ่งไม้รอบด้าน
แต่ดันก้าวพลาดจนร่วงลงมา แต่ก่อนจะได้ตกถึงพื้น
เวทย์ลมบางเบาก็เข้ามาห่อหุ้มร่างของเธอเอาไว้และปล่อยลงพื้นอย่างนิ่มนวล
คุรันมองเธอนิ่งๆ
“ตัวหนักชะมัด”
“แล้วหล่อนจะช่วยทำไมละยะ!?”
แอรีสโวยใส่แม่สาวที่ช่วยใช้เวทย์มรับตัวเธอเอาไว้
ก่อนสะบัดผมไปมองมีดสั้นบนตัวสัตว์ประหลาดยักษ์อีกครั้ง...
หืม..มีดสั้นแบบนี้..มัน..
“อีธาน...ไม่สิ..เอียน..เจ้าอีกแล้วหรือ!
ทำไมถึงชอบมาขัดเวลาข้าจะฆ่าสัตว์โสโครกพวกนี้นัก!?” แอรีสหันไปตวาดใส่ชายหนุ่มบนต้นไม้
หูสีดำของร่างสูงขยับไปมาอย่างนึกสนุก เมื่อถูกต่อว่าเขาก็มองเธอด้วยแววตาใสซื่อ
ก่อนเผยรอยยิ้มน่ารักให้ มันดูน่ารักดูไม่มีพิษภัย..แต่สำหรับแอรีส
รอยยิ้มนั่นทำให้เธอขนลุกสิ้นดี..
รอยยิ้มอันตรายแบบนี้ใครจะไปเชื่อได้ลง!
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ..ฮะๆๆ...ก็แค่คุณทำตัวช้าเองนี่ครับ...ช่วยไม่ได้ละนะ”
เขายักไหล่ ก่อนดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาจากร่างกายสัตว์หลาดยักษ์ เลือดสีแดงสดย้อมสีเงินของคมมีด
เอียนมองมันอย่างพิจรณาสักพัก ก่อนจะลองแตะเลือดสีแดงและเลียมันดู
แอรีสทำหน้าแขยง “อีกแล้วเหรอ..ข้าไม่ชอบที่เจ้าทำแบบนี้เลยจริงๆ”
เธอมองสัตว์ร้ายบนพื้นซึ่งแน่นิ่งไปแล้วด้วยแววตาขยะแขยง
ยิ่งเห็นชายหนุ่มเบื้องหน้าชิมเลือดไปด้วยแล้วอีก
“ผมได้ยินว่าในป่านี้
เลือดของสัตว์ประหลาดสีแดงจะมีพิษนี่...ไม่ผิดอย่างที่ได้ยินมาจริงๆ
เป็นพิษหลอมละลายซะด้วย..หึ” เขาว่า ในเมื่อเขาติดนิสัยชอบลองอะไรแบบนี้ไปแล้ว
ความสามารถของเขาคือพิษ..เนื่องจากเขามีร่างกายค่อนข้างพิเศษนิดหน่อยทำให้การกินพิษทำให้เขาไม่ตาย...แต่ก็เฉพาะพิษที่ไม่จัดอยู่ในหมวดพิเศษละนะ..นับว่าพิษเมื่อครู่เขากินแล้วไม่ตาย
จากนี้เขาก็จะสามารถต้านทานพิษนั้นได้แล้ว..โชคดีซะจริงๆ
เป็นพิษที่หายากเสียด้วย...
เอาจริงๆ..ที่เขาฆ่ามันเองก็เพราะว่าถ้าหากถึงมือของแอรีสแล้วละก็
ศพของเจ้านี่จะเละจนทำให้เขาไม่อยากจะชิมเลือดมันสักเท่าไร..สู้ให้เขาจัดการเอง
ยึดเหยื่อมาเป็นของตนเองดีกว่าเยอะ ยังไงเสียการจะฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ก็ไม่ได้ยากเย็นมากสักหน่อย
ออกจะง่ายดายด้วยซ้ำ
เขาลูบปลายผมสีน้ำเงินเล่น
แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงโวยวายของแอรีส เดินไปหาคุรันก่อนสะกิด
“นี่..ไปกันเถอะ..ใกล้ถึงเมืองแล้ว”
คุรันหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้าและยอมเดินไปดีๆ
โดยไม่ลืมโบกมือลาพวกดอกไม้กินคนที่ดูจะอาลัยอาวรณ์เธอซะเหลือเกิน
แอรีสกระพริบตาปริบๆ “ด..เดี๋ยวสิยะ..ทำไมตอนข้าเรียก เจ้าถึงไม่ยอมหันกัน คุรัน!?”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อ
มีเพียง..”ฮ้าว..น่าเบื่อจัง”
ก่อนทั้งสองจะพากันเดินออกจากป่าเพื่อมุ่งตรงไปยังดินแดนมนุษย์ ทำให้แอรีสได้แต่สะกดกั้นความโกธรของตนเอาไว้
หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวในกระเป๋ามากัดด้วยความเจ็บใจ..นี่เธอพูดอะไรก็ไม่คิดจะฟังเลยใช่ไหม!
ข้าเกลียดพวกเจ้าที่สุด!
“รอด้วยสิยะเจ้าพวกบ้า!”
ภายในย่านตลาดแสนคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์และต่างดินแดน
กำลังเลือกซื้อของจับจ่ายกันให้คับคั่ง
บรรยากาศของตลาดยามเช้ายิ่งทำให้คนเยอะมากเป็นพิเศษ
แต่ที่ดูจะเป็นที่สนใจมากที่สุดในยามนี้ก็คงจะเป็นลานกว้างใจกลางตลาดซึ่งมีน้ำพุใหญ่
และร้านค้าล้อมรอบ บัดนี้กลับมีผู้คนมากมายมุงดูอะไรบางอย่างอยู่
นับว่ามันคือสีสันยามเช้าของวันนี้เลยก็ว่าได้
ภายในจุดศูนย์กลางของวงล้อมกำลังมีคนสองคนเหนื่อยหอบอยู่
“แฮ่กๆ...อึก..ร้ายกาจจริงๆ...ทำไมแดนมนุษย์ถึงได้มีศัตรูระดับนี้อยู่ได้..”
ชายหนุ่มผมสีดำสนิทเอ่ยด้วยแววตาเหนื่อยล้าจากการต่อสู้นับหลายชั่วโมง
เขาหอบหายใจแรง พลางมองไปที่คู่ต่อสู้แสนแข็งแกร่งตรงหน้า..
ร่างใหญ่นับหลายร่างกำลังมองเขาด้วยแววตาสีแดงดุดันแสนน่ากลัว
มันขู่ร้องคำรามจนชาวบ้านหลายคนยังถอยไปหลายก้าวเนื่องจากกลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย
ใบหน้าหล่อเหลkดูสงบเยือกเย็น
แต่ด้วยสถานการ์ณแสนกดดันทำให้เขาไม่สามารถผ่อนคลายหรือทำตัวสบายๆได้เช่นเดิม..
ถ้าหากไม่เอาจริง..ก็คงจะไม่รอด
“หึ..ขอโทษด้วยที่ต้องลากเธอมาเกี่ยวข้อง..ขอโทษนะ..”
เขาเอ่ยกับร่างผมสีฟ้าข้างกาย ผมยาวสีฟ้าของอีกฝ่ายถูกรัดรวบขึ้นไปเพื่อให้สะดวกและคล่องตัวในการต่อสู้
ร่างบางซึ่งดูคลับคล้ายหญิงสาวส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร..อึก..อย่าเรียกแทนตัวว่าเธอสิสหาย..ผมน่ะ..ก็จะร่วมต่อสู้ไปพร้อมคุณ..”
เด็กหนุ่มผู้มีหน้าตาหวานสดสวยยิ้มจริงใจ
สภาพของเขาดูโทรมไม่ต่างจากสหายร่วมรบข้างกายเลยแม้แต่น้อย แม้จะพยายามยิ้มเพียงใด
แต่มือข้างนึงก็กุมท้องน้อยซึ่งมีแผลจากการโจมตีของศัตรูเอาไว้
ความเจ็บปวดทำให้ร่างกายของเขาแทบจะขยับไม่ได้...
แต่จะให้หนีกับคู่ต่อสู้เพียงแค่นี้..ฝันไปเถอะ!
“ข้าดีใจที่มีสหายเช่นเจ้า..โยชิ..”
ชายหนุ่มผมสีดำเอ่ย พลางเหยียดยืนให้มั่นคง เจ้าของชื่อค่อยๆยืนหลังตรงขึ้นมาตาม
“ข้าก็เช่นกัน..เนริม..ศึกครั้งนี้..แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต..พวกเราก็ต้องทำให้สำเร็จ!”
กรร...!
ปีศาจสีดำหลายตนขู่ร้องคำราม
ทั้งสองยิ้มบางๆ ก่อนประสานกำปั้นแตะกันเบาๆ ถือเป็นคำสัญญา
แม้ใบหน้าของเนริมจะเรียบนิ่งเฉยชา
แต่คำพูดของเขานั้นมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆ..
“ถ้าอย่างนั้น..ก็เตรียมรับมือซะ
เจ้าพวกปีศาจ!” โยชิกู่ร้อง ก่อนบังคับเส้นด้ายและเข็มอันเล็กหลายอันเข้าจู่โจมไปยังร่างของพวกปีศาจ
เข็มอันเล็กเข้าโจมตีหมายจะทิ่มแทงร่างของมัน
แต่มันกลับสามารถหลบได้ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
ทำให้พื้นในจุดที่เข็มทิ่มลงไปกลายเป็นรู โยชิสบถก่อนให้เข็มไล่ตามพวกปีศาจซึ่งกำลังวิ่งหลบกันวุ่นวาย
“ยังหลบได้ดีนี่เจ้าพวกปีศาจ..แต่ขอโทษทีนะ..ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเดิม..”
โยชิพึมพำ
ร่างของปีศาจนัยย์ตาสีแดงตนหนึ่งพุ่งเข้ามาหมายจะใช้ฟันแหลมคมกัดร่างของเขาให้ขาดเป็นสองส่วน
กรร!!
“มหาเวทย์ลำดับที่ห้าสิบห้า...ศาสตร์หมื่นศาสตรา!”
ก่อนที่ร่างของปีศาจตนนั้นจะเข้าโจมตีโยชิได้
อาวุธนับหมื่นก็โผล่พุ่งออกมาท้องฟ้า พื้นดิน เข้าทิ่มแทงร่างของปีศาจตนนั้น
มันหวีดร้อง เมื่อโดนความคมของอาวุธนับหมื่นทิ่มแทง ไม่ว่าจะดาบ ขวาน หรือมีด
ทั้งหมดต่างพุ่งเสียบแทงร่างสีดำ มันมองเจ้าของเวทย์อย่างเนริมด้วยแววตาเคียดแค้นก่อนไม่นานมันจะหมดสิ้นลมหายใจกลายเป็นซากศพนอนแน่นิ่งบนพื้น
“เยี่ยมมาก!” โยชิเข้าไปแท็กมือกับคนหน้าตาย
“แต่มันยังไม่จบหรอกนะ..แค่ตัวเดียวก็ทำให้ผมเหนื่อยแล้ว..ช่างน่ากลัวจริงๆ..”
เนริมเปรยออกมา โยชิยิ้ม
“แต่ว่า...ถ้าเป็นนายกับผม..เราทั้งคู่จะต้องจัดการมันได้แน่นอน!”
ถ้อยคำนั้นทำให้เนริมมองด้วยแววตาที่เบิกกว้างนิดๆ
เมื่อเห็นหนุ่มน้อยรูปงามยิ้มให้เขา เนริมก็ยิ้มตาม
“นั่นสินะ..เพื่อปกป้องแดนมนุษย์..ผมกับคุณจะต้องทำได้แน่..”
คำกล่าวแห่งมิตรภาพเกิดขึ้นท่ามกลางสนามรบ
ทั้งสองยิ้มให้กันเป็นดั่งสหายร่วมรบที่ไว้ใจกันและกันมากที่สุด ถึงแม้ต่างคนจะพึ่งเจอกันได้ไม่นาน
แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่สามารถฝากชีวิตและไว้ใจได้...อย่างเช่นในตอนนี้
ทั้งคู่หันหลังชนกัน เตรียมรับมือกับปีศาจรอบตัวที่กำลังขู่คำรามใส่พวกเขา
พวกมันยิ่งโกธรแค้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนของมันคนหนึ่งได้ตายไป...
พวกมันสาบาน...ว่าต่อให้ตายก็จะต้องฆ่าเจ้าสองคนนี้ให้ได้..
จากนั้นพวกปีศาจก็เริ่มบุกเข้ามาอีกครั้ง
แต่ในขณะที่กำลังรับมือ พวกเขากลับเปิดช่องว่างทำให้มีปีศาจตนหนึ่งสามารถหลุดรอดพ้นเวทย์มนต์และการโจมตีของพวกเขาไปได้
มันคำรามลั่นอย่างโกธรแค้น ปากใหญ่อ้ากว้างเตรียมเข้ามาขย้ำและฉีกกัดร่างทั้งสอง
เร็วเกินไปแล้ว!
ปัง!
ก่อนปีศาจตนนั้นจะได้โจมตีเหยื่อ
กระสุนปืนก็ถูกยิงใส่เจ้าปีศาจนมันทรุดลงไปกับพื้น ไม่รอช้า กระสุนมากมายก็ถูกสาดตามมา
ยิงเข้าใส่จนร่างของปีศาจกลายเป็นรูพรุน
มันกรีดร้องอย่างน่าสงสารแต่ไม่นานก็สิ้นลมหายใจด้วยฤทธิ์ของกระสุนปืนมากมาย
เนริมและโยชิมองไปทางที่มาของกระสุนเหล่านี้ ก่อนพวกเขาจะตาโต
“พ..พวกคุณ..”
เนริมเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา
“เจ้าพวกบ้า...คิดว่าพวกแกมาสู้ด้วยกันสองคนแบบนี้
คิดว่าพวกฉันจะดีใจหรือไง?”
เสียงกระชากโฮกฮากพูดขึ้น ไอเย็นจากน้ำแข็งแผ่ออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มนัยย์ตาสีฟ้าสดใส
ใบหน้านั้นนิ่งเฉยติดน่ากลัวแต่คำพูดของเขากลับทำให้ร่างทั้งสองซึ่งยืนอยู่เบื้องล่างรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา
ร่างอีกร่างของสาวน้อยผมสีเงินกำลังยืนเคียงข้างเด็กหนุ่มบนหลังคาชั้นสองของบ้านเช่นกัน
เธอโบกมือให้กับเนริมและโยชิ “พวกฉันมาช่วยแล้วน้า! โยจัง
เนจัง!” เสียงสดใสของหญิงสาวเอ่ย
เธอกำลังเคี้ยวเนื้ออยู่ในปากตุ่ยๆจนไม่แน่ใจว่าคำพูดนั้นมันจะมีความจริงจังอยู่มากแค่ไหน..
แต่..สหายของพวกเขามาแล้ว..
ทั้งสองคนกระโดดลงมาจากหลังคาบ้าน
เนริมพยุงร่างซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลของตนเองขึ้นมาเซๆและเดินไปหาเด็กหนุ่มนัยย์ตาสีฟ้า
“ล..ลูคัส..คุณมาจริงๆ..นึกว่าจะนอนอยู่บ้านซะอีก”
“ฉันไม่เหมือนแกนะเฟ้ย
อย่าพูดมากเลยน่า...สภาพของนายในตอนนี้ไม่ควรจะพูดอะไรมาก..ดูอยู่เฉยๆไปซะ”
ลูคัสว่าก่อนดีดหน้าผากของเนริมไปทีนึงพลางดันอีกฝ่ายให้หลบไปข้างหลังตน “ต..แต่ว่าผมเองก็..อยากจะปกป้อง..”
“ถ้าจะต้องให้นายที่บาดเจ็บอยู่แบบนี้มาปกป้องละก็...สู้ให้เจ้าพวกนั้นฆ่าฉันตายไปดีกว่า!”
ลูคัสตวาดออกมา พลางมองบาดแผลบนร่างกายอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเจ็บปวด
ทำให้เนริมชะงัก..”ล..ลูคัส..”
ฮันนี่ยื่นเนื้อให้กับโยชิ
“นี่ถือว่าเป็นกรณีพิเศษนะ..ฉันอยากจะเล่นกับพวกปีศาจพวกนี้จะแย่อยู่แล้ว..ฝากเนื้อนี่ไว้ก่อนแล้วกัน”
โยชิรับมันมาถือไว้งงๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจแม่สาวตรงหน้าเท่าไรนัก
แต่รอยยิ้มของฮันนี่ก็ทำให้เขาวางใจได้ว่าตอนนี้เขาคงจะปลอดภัย
“แต่ว่าเธอจะไหวเหรอ..ปีศาจนั่นมันแข็งแกร่งมาก..”
เขาเอ่ยด้วยความกังวล แต่ฮันนี่กลับตบบ่า
มองเธอด้วยแววตาอันแข็งแกร่งและมั่นคง..”ไม่เป็นไร
ถึงตอนนี้ฉันจะหิวแค่ไหน..แต่กับปีศาจแค่นี้พวกมันไม่มีทางจะทำอะไรฉันได้หรอก...วางใจเถอะ..ฉันจะกลับมาแน่นอน”
คำมั่นสัญญาทำให้ความกังวลภายในใจของโยชิหายไป
เขาหยักหน้า “สัญญานะ..”
“อืม..สัญญา..”
ฮันนี่และลูคัสหันไปเผชิญหน้ากับพวกปีศาจ
ก่อนเตรียมร่ายเวทย์น้ำแข็งเพื่อเป็นการโจมตี..เพื่อให้การต่อสู้อันแสนโหดร้ายนี้จบลง..ไม่ว่าจะเป็นใคร
ถ้าหากมาทำร้ายเพื่อนของพวกเขา พวกมันก็จะไม่มีวันได้รอดกลับไปหรอก..!
ลูคัสร่ายเวทย์น้ำแข็งส่งธารน้ำแข็งไปแช่แข็งร่างของปีศาจแต่มันก็ถูกพวกปีศาจทำลายลงได้อย่างง่ายดาย
นับว่าความเร็วและความแข็งแกร่งของพวกมันมีมากจนน่าเหลือเชื่อ
กระดูกไก่ถูกขว้างไปด้วยความเร็ว
แต่ปีศาจเหล่านั้นยังคงหลบได้และวิ่งเข้ามาหมายจะโจมตีพวกเขาให้ศึกนี้จบลงเสียที
ยังหรอก...ใครจะยอมกัน..
ลูคัสส่งแท่งน้ำแข็มเล่มเล็กเข้าโจมตีเพื่อชะลอความเร็วของพวกมัน
และสาดกระสุนจากปืนคู่เข้าใส่ตามไป ฮันนี่หยิบค้อนของเธอขึ้นมาทุบไปบนพื้นจนแผ่นดินสั่นสะเทือนและเกิดรอยร้าว
ภายใต้รอยร้าวบังเกิดแท่งน้ำแข็งแหลมๆโผล่พรวดขึ้นมาหวังเสียบร่างของปีศาจเหล่านั้น
เช่นเดียวกับลูคัสที่สร้างแท่งน้ำแข็งกักล้อมรอบตัวพวกปีศาจจากทั้งสี่ทิศ
ทำใพวกมันหมดสิ้นทางหนี
“ตายซะเถอะ!!”
ผัวะ! ผัวะ!
“ชาร์น..เอลไซน์...”
เสียงกระซิบเย็นเหยียบดังขึ้นมาจากข้างหลัง
และหนังสือเล่มโตสองเล่มที่ถูกปล่อยลงให้กระแทกศีระของฮันนี่และลูคัสจนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
พลังเวทย์น้ำแข็งหายไป ทำให้เหล่า”สุนัข” ที่เห็นว่าแท่งน้ำแข็งหายไปแล้ว
เลยพุ่งเข้ามาหวังจะปลิดชีวิตของศัตรู แต่ด้วยรอยยิ้มของบุคคลที่มาใหม่ทำให้พวกมันชะงักก่อนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว..
หนึ่งคนกับอีกหลายตัวจ้องตากันอยู่นานจนในที่สุดพวกมันก็ร้องเสียงหลงและพากันวิ่งหนีชายหนุ่มไปในทันที
เอ๋งๆ!!
สภานการ์ณที่พลิกผันอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันทำเอาคนรอบด้านได้แต่กระพริบตากันปริบๆ
มองอย่างสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินยิ้มให้ทุกคนก่อนโค้งตัวให้อย่างสุภาพ
“ขอประทานโทษนะครับที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย..พอดีว่าพวกเด็กๆที่ผมพามาค่อนข้างจะซุกซนเกินไปสักหน่อย..”
“ไม่ได้ซนนะ! พวกผมไม่ใช่เด็ก!”
เสียงโวยจากโยชิซึ่งอยู่ในสภาพโทรมๆดังขึ้นมา ตามด้วยเนริมซึ่งเดินตามมาสมทบ “ผมเห็นด้วย
นี่คือการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมนะ พวกเราจ---“
ฟิ้ว!
ไม่ทันขาดคำ
มีดเล่มเล็กเฉี่ยวใบหน้าของเนริมไปจนเจ้าตัวกลืนน้ำลาย มีดเล่มนั้นปักไปบนกำแพงตรงใจกลางหินปูนพอดี
ดูแม่นยิ่งกว่าจับวาง ใบหน้าของชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินยิ้มให้อย่างใจดี
แต่รังสีดำๆที่แผ่ออกมาทำให้พวกเขาหูและหางแทบจะโผล่..
เชือกสีน้ำเงินยาวเข้ามาพันร่างของทั้งสี่เอาไว้ติดกัน
จนพวกเขาได้แต่ร้องประท้วงเนื่องจากมันติดเวทย์ผนึกพลังสุนัขทำให้อ่อนแรงลง
ลูคัสแยกเขี้ยวหวังจะกัดคนที่ส่งเวทย์มรัดเขาไว้
แต่ไม่สามารถหลุดจากเวทย์ผนึกไปได้ เลยทำได้แค่มองคนเบื้องหน้าด้วยความคับแค้นใจ
“เจ้าบ้าดิแอนด์! ปล่อยพวกฉันเดี๋ยวนี้!”
“ไม่มีทางครับ
พวกคุณหัดสำนึกซะบ้างสิครับว่าไปทำความเดือดร้อนให้ใครไว้บ้างแค่ไหน
นี่ผมไม่อยู่แปปเดียว พวกคุณก็ดันไปสู้กับสุนัขของดินแดนมนุษย์!
นี่พวกคุณคิดอะไรกันอยู่ครับ!”
“แต่เจ้าพวกนั้นร้ายกาจมาก...คุณแข็งแกร่งจริงๆที่สามารถไล่พวกมันไปได้..”
เนริมเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชมโดยไม่สนคำติเตียนเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย
“นั่นก็เพราะคุณลืมไปไงครับ! ลืมไปแล้วหรือครับว่าเวทย์ของสุนัขใช้ไม่ได้กับสุนัขด้วยกันเอง
ตราบใดที่พวกคุณยังถูกตราว่าเป็นผู้ถูกเลือก เวทย์ของพวกคุณก็ไม่สามารถทำอะไรสุนัขด้วยกันเองได้!
แม้แต่อาวุธก็ตาม
ยิ่งพวกคุณใช้เวทย์มันก็เหมือนยิ่งเพิ่มพลังให้พวกสุนัขพวกนี้นั่นแหละครับ!”
นี่ที่เขาสอนไปเมื่อวานไม่คิดจะจำกันบ้างเลยหรือ..!
นี่เขาติวเรื่องพลังไปเพื่ออะไรในเมื่อคนพวกนี้ไม่คิดจะฟัง...!
“ต..แต่เวทย์ของเนริมมันฆ่าเจ้าพวกนั้นได้นี่!” โยชิเถียงทันตา
เรียกสายตาดุดันจากดิแอนด์ทำให้ทั้งสี่สะดุ้งเหงื่อแตกพลั่กๆ
“หืม...นั่นก็เพราะเป็นเวทย์ที่เนริมสร้างขึ้นมาเองครับ
ไม่ใช่บทเวทย์ในตำราของอาณาจักรของเรา
ผมสอนพวกคุณไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วทำไมถึงไม่จำละครับ!?”
“เนื้อ..หิว..หิวจังเลย..หิว..”
ฮันนี่ว่าพลางสะอึกสะอื้น ลูคัสบ่นอุบอิบพลางซุบซิบกับเพื่อนที่เหลือ
“เจ้าหมอนี่บ่นเป็นตาแก่ไปได้ อีกเดี๋ยวคงหนังเหี่ยวกว่าพวกตาแก่ในอาณาจักรแน่”
“ผมคิดว่าเขาออกจะหล่อและหน้าตาดีแท้ๆ
กลับทำตัวเหมือนพวกตาแก่หัวโบราณ..”
“อย่าว่าเขาแบบนั้นสิโยชิ..ถึงผมจะเห็นด้วยก็เถอะ
แบบนี้คงจะหาคนรักไม่ได้แน่ๆ..”
“หมายความว่าเป็นตาแก่ที่ไร้คู่ด้วย
ชีวิตอาภัพชะมัด”
“หิวจังเลย..อยากกินเนื้อ..”
ร่างขององค์รักษ์นามดิแอนด์สั่นเทิ้ม
ใบหน้าหล่อเหลากำลังยิ้ม..ยิ้มของปีศาจ รังสีสีดำทมึนออกมาจากร่าง มือกระตุกสั่นๆด้วยความโกธร
แต่ใบหน้าก็ยังคงยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มสยองทำให้ชาวบ้านรอบตัวต่างเดินหนีวิ่งหนีออกไปทีละคนจนในลานกว้างดูร้างไปถนัดตา
ดิแอนด์ยิ้มกว้างฉีกจนจะถึงใบหูและพยายามสะกดกั้นอารมณ์เอาไว้
เขาเดินไปใกล้ๆคนจับกลุ่มนินทาเบื้องหน้า
ก่อนจะยิ้มให้ทั้งสี่ และเอ่ยขัดบทสทธนา..
“สายฟ้า..ผ่าปฐพี..”
เปรี้ยง!!!
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!”
ภายในห้องประชุมของราชาแห่งดินแดนมนุษย์กำลังเต็มไปด้วยบรรยากาศมาคุแสนกดดัน
นับจากวันที่เกิดเรื่องใหญ่ทำให้มีการเรียกตัวของขุนนางใหญ่ หัวหน้าอัศวินทั้งหลาย
รวมถึงองค์รักษ์และเจ้าหญิงให้เข้าร่วมการประชุม
เนื่องจากในอีกไม่นานทั้งสองอาณาจักรคงจะต้องมาถึงที่นี่ในเร็ววันยิ่งทำให้ก่อเกิดความตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม..
อาณาจักรดีวาร์และมาเรย์...อาณาจักรของสุนัขและแมว...
เมื่อได้ยินข่าวว่าเจ้าชายหนีออกไปทำให้พระราชาทรงวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
ดว้ยความเครียดทำให้ร่างกายยิ่งทรุดลง แย่ลงกว่าเดิมทำให้หลายคนต่างเป็นห่วง
เนื่องจากพระราชาทรงมีอายุมากแล้ว
ถ้าหากสะสมความเคีรยดและร่างกายยังคงอ่อนแอเช่นนี้
มันคงจะไม่ดีต่อทั้งประเทศรวมถึงตัวท่านเองด้วย
เพราะปัญหาหลายอย่างรุมเร้าทำให้สีหน้าของทุกคนในห้องประชุมยิ่งตึงเครียดมากกว่าเก่า
ต่างคนต่างคิดปรึกษาว่าควรจะทำอย่างไรดี
จนในที่สุดขุนนางคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“เอ่อ..องค์หญิงเวริซิก้า..เรา..เราควรจะทำอย่างไรกันดีพะย่ะค่ะ?...เราส่งกองกำลังไปตามหาองค์ชายแล้ว
แต่กลับไม่พบเบาะแสเลยแม้แต่น้อย...ถ้าหากยังเป็นแบบนี้พวกเราจะ..”
“จะ..อะไรหรือ..? ท่านขุนนางเวเรนัส
ท่านกำลังจะพูดว่า ทั้งสองอาณาจักรอาจจะตำหนิพวกเราหรือ?
ถึงเรื่องที่ท่านพี่หายตัวไป”
หญิงสาวผมสีน้ำตาลเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ
ก่อนยกชาขึ้นมาจิบ สีหน้าของหล่อนดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับเรื่องที่พี่ชายของเธอหายตัวไป
ขุนนางคนนั้นเงียบไม่พูดอะไรต่อ ทำให้บรรยากาศกดดันปกคลุมห้องนี้หนักยิ่งกว่าเดิม
เวริซิก้าถอนหายใจออกมาเบาๆ
เธอรู้สึกการประชุมครั้งนี้ที่สุด
แม้พี่ชายของเธอจะหนีออกไป แต่สุดท้ายเดี๋ยวเขาก็คงจะกลับมา เธอไม่ได้มีญาณทิพย์
ไม่ได้ล่วงรู้อนาคต แต่รู้ว่าอย่างไรเสียพี่ชายงี่เง่าไม่ได้ความคนนั้นคงจะไปไหนไม่รอด
อยู่ดี สุดท้ายก็คงจะโซซัดโซเซกลับมาที่ปราสาท
หรือถึงไม่กลับมาเธอก็เชื่อว่าเขาคงจะไม่ทิ้งหน้าที่และความรับผิดชอบง่ายๆ..
หรือบางทีมันอาจจะทิ้งไปเลยจริงๆก็ได้
“เกวน..เราขอชาเพิ่มอีก”
เธอหันไปบอกพ่อบ้านซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขาค่อยๆหยิบกาชาและรินชาให้เธออย่างนุ่มนวล
หัวหน้าพ่อบ้านเจ้าของเรือนผมสีดำมองกระประชุมและเก็บรายละเอียดต่างๆไว้ในหัว
เวริซิก้ามองท่าทางนิ่งๆของอีกฝ่ายแล้วยิ้มบาง
“เอาละ..มีใครจะเสนออะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้อีกไหม?”
เธอลองเอ่ยถามดูอีกครั้ง
ในห้องประชุมเงียบสักพัก
ก่อนองค์รักษ์คนสำคัญจะลุกขึ้นจากเก้าอี้
เขาก้มหน้าทำให้ไม่สามารถเห็นใบหน้าของเขาได้เลยในตอนนี้
แต่เสียงเย็นเหยียบก็ทำให้พอจะเดาอารมณ์ได้ “ข้าจะไปตามหาอง์ชาย”
ก่อนจำทำท่าจะเดินออกไปจากห้องประชุม แต่เสียงของเวริซิก้ากลับเรียกเขาไว้
“หยุดก่อนน็อกซ์...นั่นเจ้าคิดจะไปไหน?”
“ข้าบอกท่านแล้ว..ข้าจะไปตามหาองค์ชาย”
น็อกซ์เอ่ยโดยที่ไม่หันกลับมามอง
“แล้วเจ้าจะไปตามหาที่ไหน? ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้น่ะหรือ?
เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถตามหาเขาเจอ?” เธอเอ่ยถามลองเชิง
น็อกซ์เงียบไปสักพัก มือของเขากุมแน่น มันเป็นความจริงอย่างที่เวริซิก้าพูด
แต่ว่า..ถึงอย่างนั้น..
“ถึงมันจะใหญ่แค่ไหน..ข้าก็จะตามหาเขาให้เจอ..ข้าไม่มีวันปล่อยให้เขาหนีไปแบบนี้แน่”
น็อกซ์ว่าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
สร้างความตกใจเล็กน้อยให้กับคนในห้อง อีธานมองร่างน็อกซ์ที่เดินหายไป เขาหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น
“อีธาน...”
“ผมจะไปตามหาองค์ชาย..อีกอย่างให้น็อกซ์ไปคนเดียวจะเกิดเรื่องยุ่งเอาได้...ผมขอตัวครับ”
จากนั้นอีธานก็เดินออกไปจากห้อง
องค์หญิงแห่งแดนมนุษย์ถอนหายใจอีกรอบ..แต่ภายใต้สีหน้าหนักใจเธอกลับกำลังแย้มรอยยิ้มอย่างสนุกสนาน....จนคนที่เห็นอย่างเกวนต้องกลืนน้ำลาย..
จะว่าโชคร้ายหรือโชคดีกัน..ที่เขาได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าหญิงปีศาจแห่งแดนมนุษย์
ดูเหมือนว่าเจ้าของรอยยิ้มจะรู้ตัว
เธอเหล่มองพ่อบ้านหนุ่มที่พยายามจะตีสีหน้าเคร่งขรึมแต่เหงื่อแตกพลั่กๆ
เธอลุกขึ้นก่อนจะเอ่ย “ขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องการตามหาท่านพี่
จงตามหาต่อไป ส่วนเรื่องการคัดเลือก เราจะรับมืออาณาจักรทั้งสองเอาไว้เองจนกว่าจะหาตัวของท่านพี่พบ
จบเท่านี้”
เวริซิก้าเอ่ยตัดบท
เป็นการตัดคำถามทุกอย่างและเดินออกไปพร้อมหัวหน้าพ่อบ้านหนุ่ม
ระหว่างทางเดินในโถงเธอก็กระซิบออกมาเบาๆ “น่าเสียดายนะเกวน..ท่านพี่ดันหนีออกไปเสียก่อน..แต่ก็นะ..เรามีข้อสงสัยล่ะ..”
“ขอรับ?” เกวนเลิกคิ้ว
“ทั้งๆที่ประตูห้องสมบัติจะไม่มีทางเปิดได้นอกจากจะมีมนตราประจำราชวงศ์
และต้องอัดมนตราเข้าไปกับประตูเพื่อให้เปิดออก แต่คนอ่อนด้อยเรื่องเวทย์อย่างท่านพี่ทำไมถึงสามารถทำได้..เวทย์นั้นต้องใช้พลังในการเปิดมาก...น่าเสียดายที่ทางเราไม่สามรถไปตรวจสอบบันทึกเวทย์ในห้องของท่านพ่อได้เพราะวันนั้น...”
“พวกคนรับใช้ต่างเข้ามาทำความสะอวดห้องนั้นจนไม่เหลือแม้กระทั่งหลักฐานว่าท่านพี่ลอบเข้าห้องของท่านพ่อเลย..น่าแปลกจริงนะ..ว่าไหม..เกวน..?”
เกวนสะอึก...สายตาขององค์หญิงกำลังยิ้มพราว..ราวกับรู้..รู้ทุกอย่างว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พ่อบ้านหนุ่มขยับแว่นเล็กน้อย “นั่นสินะครับ..น่าสงสัยจริงๆ”
“หึหึ...เอาเป็นว่าเราจะไม่บอกใครเรื่องนี้ก็แล้วกัน
เพราะถือว่ามันทำให้ความสนุกมันเพิ่มขึ้นมาอีกนิด” หญิงสาวพูดอย่างไม่คิดจะสนใจ
ทำให้เกวนคลายความอึดอัดไปได้บ้าง
เขาคิดผิดจริงๆว่าการกระทำนั้นจะรอพ้นจากสายตาองค์หญิงปีศาจไปได้..แต่ไม่เลย..
หล่อนรู้ทุกอย่าง
รู้แม้กระทั่งว่าวันนั้น..เขาเป็นคนที่เปิดประตูแห่งห้องสมบัติ..เพื่อช่วยให้เจ้าชายเวนเซนต์หนีไปได้..
พวกเขาทั้งสองคนเดินมาถึงสวนของราชวัง
เมื่อองค์หญิงสังเกตเห็นคนๆนึง เธอก็แย้มยิ้มอีกครั้งก่อนสั่งให้เกวนกลับไปก่อน
เมื่อพ่อบ้านหนุ่มเดินไปจนลับตา เธอก็เดินเข้ามาหาเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเทา
เขามีใบหน้าเรียบเฉย แต่เธอรู้ได้ว่าใต้ใบหน้านิ่งเรียบนั้นกำลังมีความเศร้าอัดแน่นอยู่มากเพียงใด
“อเล็กซิส..แม้แต่เจ้าเองก็ด้วยรึ?”
เธอเอ่ยทัก ชายหนุ่มนามอเล็กซิสมองไปตามเสียงเรียก
เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็โค้งคำนับอย่างสง่างาม
เวริซิก้าเห็นแล้วรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมานิดๆ “ไม่ว่าจะผ่านไปสักเท่าไรเจ้าก็ยังเป็นเช่นเดิม
ดูอ่อนแอทำอะไรไม่ได้”
“ครับ..และคงจะเพราะความอ่อนแอของผมเอง...ที่ทำให้เวนเซนต์ไม่คิดจะมาปรึกษาหรือคุยด้วยเลย..เพราะเขาเห็นผมเป็นคนพึ่งพาไม่ได้..”
“เจ้าเลิกโทษตัวเองเสียที
กับแค่เขาหนีออกไป..เขาไม่ได้ตายเสียหน่อย..เจ้าเองก็รู้ตัวดีอเล็กซิส...ว่าท่านพี่เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เมื่อเห็นสภาพหลานชายของเสนาบดีฝ่ายซ้ายอันสูงส่ง
เพียงแค่เพราะเจ้าชายหายตัวไปกลับดูโทรมได้ขนาดนี้...ผมดูยุ่ง
การแต่งตัวอีก..นี่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนหรือเปล่าก็ไม่รู้
ท่าทางจะเป็นหนักจริงๆ..
“แต่ว่า..เพราะผม..ท่านเวริซิก้า..เมื่อไรถึงจะตามหาตัวเจ้าชายพบหรือครับ?”
องค์หญิงแห่งแดนมนุษย์แอบรู้สึกสงสารอีกฝ่าย
แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น เธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ท่าทางนิ่งๆของอเล็กซิสทำให้เธอรู้ว่าเพื่อนสมัยเด็กของเขาอย่างพี่ชายของเธอสำคัญกับอเล็กซิสมากจริงๆ..เห็นว่าเมื่อก่อนพวกเขาตัวติดกันเลยทีเดียว
น่าสนใจ...
ใช่..น่าสนใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อ
“ทางเรายังไม่พบแม้แต่เบาะแส..แต่เอาแบบนี้ไหม..เราจะให้โอกาสเจ้าให้เจ้าไปตามหาท่านพี่..”
อเล็กซิสดูอึ้งกับข้อเสนอนั้น
“เรารู้ดี..เพราะเจ้ามีงานรุมเร้า
มีหน้าที่ที่ต้องทำใช่ไหมถึงไม่สามารถออกไปหาตามท่านพี่ด้วยตนเองได้ทั้งๆที่ในใจของเจ้าตอนนี้อยากจะพบเขาใจจะขาด
แต่ถ้าหากเราช่วยเจ้าละ..? เราจะให้โอกาสเจ้าไปตามหาท่านพี่...แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องพาท่านพี่กลับมาด้วยความสมัครใจ..เจ้าจะทำได้ไหม?”
อเล็กซิสไม่เข้าใจความหมายขององค์หญิงแห่งแดนมนุษย์เลย
แต่โอกาสแบบนี้มันหาได้ยากยิ่ง ทุกวันนี้เขาแทบไม่มีเวลาว่างจะไปหาเวนเซนต์
พอเจ้าตัวหายไปเขาก็ยิ่งกระวนกระวายมาก..และนี่องค์หญิงตรงหน้าคิดจะให้โอกาสเขาหรือ..?
แค่ให้..กลับมาก็พอสินะ..
ขอแค่ได้เจอก็พอ..จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น..
ความสมัครใจ..เรื่องนั้นมันอาจดูยุ่งยาก
แต่ด้วยความอยากจะเวนเซนต์ทำให้อเล็กซิสลืมคิดถึงเรื่องนั้นไปแล้ว
ขอแค่ได้เจอเวนเซนต์
ขอแค่ให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังปลอดภัยเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีก
“ผมเข้าใจแล้วครับ..ผมยอมรับข้อตกลง”
เวริซิก้าพยักหน้า
“ต้องแบบนี้สิ..เอาละ..จากนี้เราจะไปคุยกับเสนาบดีฝั่งซ้ายให้
จงรีบไปเตรียมตัวสำหรับการเดินทางเสีย..อ้อ..แล้วก็นี่..” เธอยื่นโบว์สีฟ้าให้กับอเล็กซิส
เขามองมันอย่างสงสัย เวริซิก้าจึงอธิบาย “เมื่อเจ้าหาท่านพี่เจอ
สิ่งนี้จะช่วยเจ้า..ถือว่านี่คือคำใบ้ของเราก็แล้วกัน”
เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเขาเลยแม้แต่น้อย
อเล็กซิสมองโบว์ผูกผมในมือก่อนจะกุมมันเอาไว้แน่น...
รอก่อนนะเวนเซนต์..
ผม..จะตามหานายให้เจอ..
สายฝนเย็นยะเยือกตกลงมาจากท้องฟ้ามืดครึ้ม
พร้อมสายลมกรรโชกละหนาวเหน็บทำให้คนที่ยืนอยู่ใต้กระท่อมหลังหนึ่งต้องจามออกมาและกอดอกเพื่อสร้างคามอบอุ่นให้ตนเอง
แต่ดูเหมือนวิธีนี้มันจะไม่ได้ผลเท่าไรเพราะตัวเขาดันเปียกโชกไปด้วยน้ำฝนนี่สิ...
ให้ตายเถอะ..เจ้าฝนบ้าจะมาตกอะไรตอนนี้..!
ทำไมไม่เห็นใจคนหล่อกันบ้าง
อยากให้ข้าเป็นพระเอกท่ามกลางสายฝนนักรึไง
จู่ๆจะตกมาก็ตกไม่ให้ซุ่มให้เสียงจนร่างกายแสนน่าถนุถนอมของข้าเปียกไปหมด..
พึ่งหนีจากวังได้ไม่เท่าไร..นี่ข้าจะต้องเป็นปอดบวมตายแล้วหรือ?
อย่างน้อยก็น่าจะบอกกล่าวกันบ้างว่าตกตอนไหนตกเมื่อไร
ข้าจะได้เตรียมตัวเอาไว้ได้ทัน ไร้มารยาทที่สุดกับการตกมาแบบไม่บอกกล่าว
ไม่ว่าอะไรในนาทีนี้ข้าก็จะขอพาลมันหมดทุกอย่างละ! ในเมื่อ
สภาพของข้ามันเสี่ยงต่อการเป็นหวัดและปอมบวมเป็นที่สุด
ถ้าหากมาล้มป่วยเอาตอนนี้ชีวิตของข้าคงได้จบเห่อย่างอนาถ จากนั้นพอมีคนมาพบศพก็จะลงข่าวหน้าหนึ่งว่าเจ้าชายแห่งแดนมนุษย์ล้มดับตายอนาถคาทุ่งหญ้าด้วยโรคปอดบวม
ฮือ..ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆข้าคงจะต้องไปขอโทษท่านพ่อที่ทำให้ตระกูลของเราเสื่อมเสี่ยชื่อเสียง
แต่ยัยน้องสาวตัวดีข้าไม่อยากจะไปยุ่งด้วยหรอก...ขอแค่นางอย่ามายุ่งกับข้าจะดีกว่า!
แต่..ข้าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี..ข้ามองไม่เห็นเมืองแถวนี้เลยแม้แต่นิด..
จะให้เดินไปไหนละ..เดินไปไหนก็ไม่ได้
เห็นแบบนี้ข้าก็แสนรู้กว่าที่พวกเจ้าคิดว่าการเดินผ่าฝนออกไปเป็นเรื่องไม่ดีงาม
ไม่ควรทำอย่างยิ่ง จึงได้แต่อยู่ในเงากระท่อมต่อไป
สงสัยข้าคงต้องตัดใจเรื่องการรอให้มีคนผ่านมา..ที่ข้าไม่เข้าไปในกระท่อมก็เพราะว่าเผื่อมีใครผ่านมาหรอก
ไม่ต้องแอบคิดว่าข้าโง่ไม่ยอมเข้าไปเลย!
ข้าแค่ดูเชิงต่างหาก!
ข้ามองซ้ายมองขวา..ไม่มีอะไรแล้วจริงๆเหรอ..ไม่มีแล้วจริงๆสินะ..แม้แต่ต้นไม้
คนสักคน หรืออะไรก็ตาม..เห็นแต่ทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา ข้ารู้สึกหมดหวังเมื่อคิดว่าจากนี้ถ้าหากหลบฝนจนพายุผ่านไปข้าควรจะทำอย่างไรต่อดี..จะไปที่ไหน..
เพราะเจ้ามังกรบ้านั่นแท้ๆ เพราะมันนั่นแหละ!
ที่ข้ามาจมปลักอยู่ที่นี่ก็เพราะข้าดันตกหลังเจ้ามังกรนั่น
เจ้ามังกรบ้าเอ๊ย ไม่หัดรู้จักจับข้าไว้ดีๆ ขอบอกว่าข้ารอดมาได้ครบสามสิบสองโดยไม่มีส่วนไหนบุบสลายก็นับว่าข้าทำบุญมาเยอะแล้ว!
แต่จากนี้ต่างหากที่เป็นปัญหา ข้าควรจะทำอย่างไร นี่ข้าอยู่ที่ไหน
ควรจะเดินไปทางไหน และต้องเดินอีกเท่าไร..
นี่ข้าคิดถูกใช่ไหมที่หนีออกมา..
ครืนน..
เสียงของฟ้าร้องทำให้ข้ายิ่งกลัวขึ้นไปอีก
ข้าน้ำตาแทบเล็ด..ได้แต่โทษพระเจ้า โทษซาตาน โทษน็อกซ์ โทษอีธาน โทษทุกคนนั่นแหละ
ในเมื่อพวกเขาเป็นสาเหตุ! ข้าไม่ผิด!..ก็แค่มีส่วนร่วมในความผิดเล็กน้อยเฉยๆ..
ครืนน...
ฮือ...กลัว..กลัวเว้ย! หยุดร้องสักทีได้ไหม! มันทำให้คนอื่นขวัญเสีย ไอฝนไร้จรรยาบรรณ!!
“โว้ย! นี่สรุปข้าอยู่ที่ไหนกันแน่!?”
------------------------------------------------------------------
มาแล้วนะคะสำหรับตอนแรก..แอบคิดว่าใช้เวลานานไปไหม..
ในตอนนี้จะเน้นเรื่องคนอื่นๆเป็นหลัก ดังนั้นเจ้าชายเอาพื้นที่ไปแค่นั้นพอ(เวนเซนต์ : โหดร้าย! ข้าเป็นพระเอกนะ!)
ยังแอบกังวลว่าจะสับสนหรืออะไรกันหรือเปล่า ถ้าผิดพลาดตรงไหนต้องขอโ?ษด้วยนะคะ
ทั้งเรื่องนิสัยหรืออะไรต่างๆ ;w;
เจอกันตอนหน้าค่าา
ความคิดเห็น