ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CAT VS DOG มหาสงคราม..แมวปะทะหมา!

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่หนึ่ง : สองเผ่าพันธุ์

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ย. 58






    บทที่หนึ่ง

    สองเผ่าพันธุ์



     

     

                ต้นไม้ต้นใหญ่อายุนับพันปีค่อยๆล้มลงกลางป่าใหญ่ด้วยแรงกระแทกของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ซึ่งมีเขี้ยวแหลมคม และดวงตาสีแดงดุดัน ฟันสีขาวนับร้อยมีน้ำลายเหนียวๆย้อยอยู่เต็มปาก ร่างกายสูงใหญ่ดูคลับคล้ายไดโนเสาร์ หากแต่หากของมันเป็นเหล็ก และทั่วลำตัวมีต้นไม้สีเขียวงอกขึ้นมาจรดหัวยันแผ่นหลัง ทำให้สัตว์ประหลาดตัวนี้ดูน่าเกลียดน่ากลัวจนหลายคนต่างแขยง

               

    ก๊าชชชช!!

                เจ้าสัตว์ประหลาดคำรามร้องลั่น นัยย์ตาดุร้ายจ้องมองศัตรูเบื้องหน้าของตนเองที่เป็นสาเหตุทำให้มันต้องบาดเจ็บเช่นนี้ ก็ถูกอย่างที่ว่า..เนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งจากเวทย์มนต์และรอยบุบช้ำ รอยฟันด้วยของมีคมจนเลือดสีแดงไหลนองทั่วตัว

     

     

                “โง่สิ้นดี...”

     

                เสียงพึมพำของเด็กสาวผมยาวน้ำตาลทองดังขึ้นด้วยความเบื่อหน่ายติดรำคาญกับเจ้าสัตว์ประหลาดที่กำลังดื้นรนเพื่อต่อสู้เอาชีวิตรอด เธอกระโดดออกจากกิ่งไม้สูงใช้กริชเล่มเล็กแทงเข้าที่ดวงตาสีแดงจนมันร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดทรมาน กรงเล็บใหญ่หมายจะตะครุบร่างเล็ก แต่มือของมันก็ถูกตัดหายไปก่อนจะได้จับเหยื่อผู้โจมตีตนเอง

     

                ก๊าชช!!

     

     

                แขนยักษ์สีแดงตกลงสู่พื้น เด็กสาวผมสีครีมมองมันก่อนแสยะยิ้มออกมาบางเบา ดาบประกายสีฟ้าในมือฟาดฟันออกไปส่งกระแสดาบคมๆ ตัดชิ้นส่วนของสัตว์ประหลาดร่างยักษ์หายไปทีละชิ้น ทั้งขา แขน รวมถึงหางของมัน ความเจ็บปวดทำให้สัตว์ประหลาดร่างยักษ์ยิ่งคลั่งกว่าเดิม มือที่เหลือเพียงข้างเดียวปัดป่ายไปมาหวังจะฆ่าผู้ที่ทำร้ายตน

     

                แต่มันก็ทำได้เพียงไขว่คว้าอากาศรอบตัวเท่านั้น

     

                “หึ...จะทำร้ายข้าผู้นี้ยังเร็วไปร้อยพันปี..โฮะๆ จงยอมสยบแทบเท้าข้าเสียเถอะ เจ้าปีศาจ..” เธอหัวเราะ ใบหน้าเชิดขึ้นอย่างมาดมั่น ขณะยืนอยู่บนพื้นดินด้านหลังของสัตว์ร้ายที่แดงที่พยายามหาตัวพวกเธอ เนื่องจากมันเสียตาไปข้างนึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้สะดวกนัก

     

                แต่ในขณะที่กำลังจะใช้ดาบยาวฟันร่างของสัตว์พิการตาเดียว เสียงเย็นชาแสนน่าหงุดหงิดกลับทำให้เธอชะงัก

     

                “งั้นถ้าจะให้เธอยอมสยบต้องรอหมื่นปีสินะ..นานจัง..หนังเหี่ยวแน่ๆ..” เสียงเบื่อหน่ายของเด็กสาวผมสีน้ำตาลทองเอ่ย เธอกระโดดลงมาจากกิ่งไม้ ใบหน้าเฉยชามองเด็กสาวข้างกาย..ก่อนจะถอนหายใจ ทำให้เด็กสาวถือดาบนามแอรีสแทบจะแยกเขี้ยว

     

                “พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไงยะคุรัน! ว่าข้าคนนี้จะกลายเป็นแก่เป็นยายแก่งั้นรึ! ไร้มารยาท!” แอรีสโวยวาย เสียงแสบแก้วหูทำให้คุรีนใช้นิ้วอุดหูของตนเอง แล้วหาวเป็นการตบท้ายว่าเธอกำลังเบื่อสุดๆ...เบื่อยัยนี่...ยิ่งสร้างความโกธรให้กับแม่แมวสาวจอมโวยวายเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

     

                มันน่าโมโหนัก..แอรีสมองเด็กสาวที่ไม่คิดจะสนใจไยดีเธอเลยแม้แต่น้อย..

     

                ทำไมเธอต้องมาร่วมทีมกับยัยนี่ด้วย!

     

                “นี่! มาเคลียร์กันให้รู้เรื่องนะ!” คุรันไม่อยู่ให้หญิงสาวบ่นเธอต่อ เธอเดินไปยังพวกดอกไม้กินคนทั้งหลายมองดูพวกมันด้วยแววตาเฉยชาไม่ต่างจากเดิม..”นี่เจ้าได้ฟังข้าบ้างหรือเปล่าคุรัน!” หากแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากเด็กสาวผมสีน้ำตาลทองเลยแม้แต่น้อย

     

                สายตาที่คุรันมองเจ้าดอกไม้กินคนเฉยชาไปสักพัก..ก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นแววตาอบอุ่น

     

                “ดอกไม้นี่ดีจังเลย...คนเรานี่แย่จริงๆนอกจากจะบ่นคนอื่นอย่างไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่นแล้ว ยังจะเรื่องมากอีกด้วย นี่เจ้าดอกไม้ ทำไมข้าต้องมาอยู่กับคนแบบนี้ด้วยนะ..น่าเบื่อจังเลย ทำอะไรดีละ..แต่ถ้าจะไปเอาขี้ดินมาอุดปากยัยนั่นคงจะดูไม่สมควรเท่าไร.....”

     

                “ข้าได้ยินนะยะ! นี่คิดจะนินทาระยะเผาขนกันเลยเหรอ!? แล้วพูดกับดอกไม้เนี่ยนะ บ้าหรือไง!” แอรีสบ่นไม่หยุด เธอมองเพื่อนร่วมทีมสติไม่ค่อยจะเต็มคนนี้ ที่วันๆเอาแต่พูดว่าเบื่อ แล้วทำไมเธอจะต้องมาคอยคุมและหัดสอนให้พวกนี้อยู่ในกฏระเบียบด้วยกัน!

     

                น่าเบื่อ..น่าเบื่อที่สุด..คำนี้ข้าควรจะเป็นคนพูดนะ!

     

                ตั้งแต่เข้ามาในป่านี้แล้ว..เจ้าป่าประหลาดที่กั้นกลางระหว่างอาณาจักรต่างๆทำให้เธอปวดหัวจนแทบบ้า เนื่องจากเห็นว่าเหลือเวลาและเพื่อเป็นการทดสอบฝีมือเลยให้ผู้ถูกเลือกและองค์รักษ์เดินทางมาด้วยเท้า..เธอไม่บ่นหรือว่าอะไรเท่าไรนักเพราถือว่ามันคือหน้าที่ แต่การจะต้องมารับมือกับเพื่อนร่วมทีมแสนจิตตกทำให้เธอรับไม่ได้! แถมองค์รักษ์ก็ดันขอกลับไปกลางคัน และบอกว่าจะส่งองค์รักษ์คนใหม่มา เมื่อพวกเธอเดินทางไปถึงอาณาจักร ทำให้พวกเธอต้องมานั่งเดินทางไปกันเอง..

     

                แถมคนที่ร่วมเดินทางมา..คนไม่ปรกติ...ไม่ปรกติชัดๆ!

     

                ทำไมเธอจะต้องมาเจอกับคนแบบนี้...แมวสวยๆอย่างข้าคนนี้..สมควรจะฟังข้าบ้างสิ ไม่คิดจะฟังข้าบ้างเลยเหรอ!?

     

                “นี่..ออกมาได้แล้ว เราต้องรีบเดินทางกันต่อแล้วนะ!..” เธอตวาดใส่คุรัน เด็กสาวยังคงมีความสุขกับการจูบลูบคลำกับดอกไม้อยู่ จนแอรีสอยากจะรู้นักว่าเจ้าดอกไม้นั่นเคยเป็นสามีในอดีตชาติของหล่อนหรืออย่างไร!?

     

                ภายในป่าดินชื้นแบบนี้มันไม่น่าอยู่นานนักหรอก เธออยากจะรีบออกจากที่นี่เร็วๆ..

     

                เด็กสาวกระชับดาบในมือของตนเองแน่น ก่อนจะกระชากตัวยัยผู้หญิงสติไม่ดีออกจากดอกไม้ คงจะต้องจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดเสียก่อน มันกำลังสับสนวุ่นวายจนแม้แต่เสียงตวาดของเธอมันยังไม่ได้ยิน..เสียงคนสวยมันเบาขนาดนั้นเลยหรือ แต่ก็เอาเถอะ แค่จัดการเรื่องนี้ให้มันเสร็จๆและรีบเดินทางไปอาณาจักรมนุษย์เสียที..เพราะเดินทางหลายวันทำให้เธอเหนื่อยล้ามากพอแล้ว

     

                “น่าเสียดายจริงๆ..คนสวยอย่างข้านั้นรักสัตว์เสมอ...แต่กับเจ้า..คงจะต้องส่งไปสู่โลกแห่งความตาย..อย่าหาว่าคนสวยอย่างข้าใจร้ายเลยแล้วกัน..” เธอเปรยพลางยิ้มเย็นเฉียบ กระโดดขึ้นสูงเงื้อดาบเล่มยาวขึ้นหวังฟาดฟันใส่จุดตายของมัน โดยการตัดศีรษะใหญ่ให้หลุดออกจากบ่า

     

                ฉัวะ!

     

                ก่อนเธอจะได้ประชิดตัวเจ้าสัตว์ประหลาด และโจมตีฉากจบอย่างสง่างาม มีดแหลมคมก็ถูกขว้างมาปักกลางกระโหลกศีรษะของสัตว์ร้ายสีแดง ก่อนมีดนับร้อยจะตามมาปักรอบตัวสัตว์ร่างยักษ์จนมันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ดิ้นทุรนทุรายและผิวหนังเริ่มกลายเป็นสีเขียว แผ่นดินสั่นสะเทือนจนนกรอบด้านต่างพากันบินหนีเพราะแรงสั่นราวแผ่นดินไหว

     

                “กรี๊ด!” แอรีสสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อเธอตั้งใจจะกระโดดไปที่กิ่งไม้รอบด้าน แต่ดันก้าวพลาดจนร่วงลงมา แต่ก่อนจะได้ตกถึงพื้น เวทย์ลมบางเบาก็เข้ามาห่อหุ้มร่างของเธอเอาไว้และปล่อยลงพื้นอย่างนิ่มนวล คุรันมองเธอนิ่งๆ

     

                “ตัวหนักชะมัด”

     

                “แล้วหล่อนจะช่วยทำไมละยะ!?

     

                แอรีสโวยใส่แม่สาวที่ช่วยใช้เวทย์มรับตัวเธอเอาไว้ ก่อนสะบัดผมไปมองมีดสั้นบนตัวสัตว์ประหลาดยักษ์อีกครั้ง...

     

                หืม..มีดสั้นแบบนี้..มัน..

     

                “อีธาน...ไม่สิ..เอียน..เจ้าอีกแล้วหรือ! ทำไมถึงชอบมาขัดเวลาข้าจะฆ่าสัตว์โสโครกพวกนี้นัก!?” แอรีสหันไปตวาดใส่ชายหนุ่มบนต้นไม้ หูสีดำของร่างสูงขยับไปมาอย่างนึกสนุก เมื่อถูกต่อว่าเขาก็มองเธอด้วยแววตาใสซื่อ ก่อนเผยรอยยิ้มน่ารักให้ มันดูน่ารักดูไม่มีพิษภัย..แต่สำหรับแอรีส รอยยิ้มนั่นทำให้เธอขนลุกสิ้นดี..

     

                รอยยิ้มอันตรายแบบนี้ใครจะไปเชื่อได้ลง!

     

                “อย่าพูดแบบนั้นสิครับ..ฮะๆๆ...ก็แค่คุณทำตัวช้าเองนี่ครับ...ช่วยไม่ได้ละนะ” เขายักไหล่ ก่อนดึงมีดเล่มหนึ่งออกมาจากร่างกายสัตว์หลาดยักษ์ เลือดสีแดงสดย้อมสีเงินของคมมีด เอียนมองมันอย่างพิจรณาสักพัก ก่อนจะลองแตะเลือดสีแดงและเลียมันดู

     

                แอรีสทำหน้าแขยง “อีกแล้วเหรอ..ข้าไม่ชอบที่เจ้าทำแบบนี้เลยจริงๆ” เธอมองสัตว์ร้ายบนพื้นซึ่งแน่นิ่งไปแล้วด้วยแววตาขยะแขยง ยิ่งเห็นชายหนุ่มเบื้องหน้าชิมเลือดไปด้วยแล้วอีก

     

                “ผมได้ยินว่าในป่านี้ เลือดของสัตว์ประหลาดสีแดงจะมีพิษนี่...ไม่ผิดอย่างที่ได้ยินมาจริงๆ เป็นพิษหลอมละลายซะด้วย..หึ” เขาว่า ในเมื่อเขาติดนิสัยชอบลองอะไรแบบนี้ไปแล้ว

     

                ความสามารถของเขาคือพิษ..เนื่องจากเขามีร่างกายค่อนข้างพิเศษนิดหน่อยทำให้การกินพิษทำให้เขาไม่ตาย...แต่ก็เฉพาะพิษที่ไม่จัดอยู่ในหมวดพิเศษละนะ..นับว่าพิษเมื่อครู่เขากินแล้วไม่ตาย จากนี้เขาก็จะสามารถต้านทานพิษนั้นได้แล้ว..โชคดีซะจริงๆ เป็นพิษที่หายากเสียด้วย...

     

                เอาจริงๆ..ที่เขาฆ่ามันเองก็เพราะว่าถ้าหากถึงมือของแอรีสแล้วละก็ ศพของเจ้านี่จะเละจนทำให้เขาไม่อยากจะชิมเลือดมันสักเท่าไร..สู้ให้เขาจัดการเอง ยึดเหยื่อมาเป็นของตนเองดีกว่าเยอะ ยังไงเสียการจะฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ก็ไม่ได้ยากเย็นมากสักหน่อย

     

                ออกจะง่ายดายด้วยซ้ำ

     

                เขาลูบปลายผมสีน้ำเงินเล่น แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงโวยวายของแอรีส เดินไปหาคุรันก่อนสะกิด “นี่..ไปกันเถอะ..ใกล้ถึงเมืองแล้ว”

     

     

                คุรันหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้าและยอมเดินไปดีๆ โดยไม่ลืมโบกมือลาพวกดอกไม้กินคนที่ดูจะอาลัยอาวรณ์เธอซะเหลือเกิน แอรีสกระพริบตาปริบๆ “ด..เดี๋ยวสิยะ..ทำไมตอนข้าเรียก เจ้าถึงไม่ยอมหันกัน คุรัน!?

     

                ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อ มีเพียง..”ฮ้าว..น่าเบื่อจัง” ก่อนทั้งสองจะพากันเดินออกจากป่าเพื่อมุ่งตรงไปยังดินแดนมนุษย์ ทำให้แอรีสได้แต่สะกดกั้นความโกธรของตนเอาไว้ หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวในกระเป๋ามากัดด้วยความเจ็บใจ..นี่เธอพูดอะไรก็ไม่คิดจะฟังเลยใช่ไหม!

     

                ข้าเกลียดพวกเจ้าที่สุด!

     

                “รอด้วยสิยะเจ้าพวกบ้า!

     

     

     

                ภายในย่านตลาดแสนคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายเผ่าพันธุ์และต่างดินแดน กำลังเลือกซื้อของจับจ่ายกันให้คับคั่ง บรรยากาศของตลาดยามเช้ายิ่งทำให้คนเยอะมากเป็นพิเศษ แต่ที่ดูจะเป็นที่สนใจมากที่สุดในยามนี้ก็คงจะเป็นลานกว้างใจกลางตลาดซึ่งมีน้ำพุใหญ่ และร้านค้าล้อมรอบ บัดนี้กลับมีผู้คนมากมายมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ นับว่ามันคือสีสันยามเช้าของวันนี้เลยก็ว่าได้

     

                ภายในจุดศูนย์กลางของวงล้อมกำลังมีคนสองคนเหนื่อยหอบอยู่

     

                “แฮ่กๆ...อึก..ร้ายกาจจริงๆ...ทำไมแดนมนุษย์ถึงได้มีศัตรูระดับนี้อยู่ได้..” ชายหนุ่มผมสีดำสนิทเอ่ยด้วยแววตาเหนื่อยล้าจากการต่อสู้นับหลายชั่วโมง เขาหอบหายใจแรง พลางมองไปที่คู่ต่อสู้แสนแข็งแกร่งตรงหน้า..

     

                ร่างใหญ่นับหลายร่างกำลังมองเขาด้วยแววตาสีแดงดุดันแสนน่ากลัว มันขู่ร้องคำรามจนชาวบ้านหลายคนยังถอยไปหลายก้าวเนื่องจากกลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย ใบหน้าหล่อเหลkดูสงบเยือกเย็น แต่ด้วยสถานการ์ณแสนกดดันทำให้เขาไม่สามารถผ่อนคลายหรือทำตัวสบายๆได้เช่นเดิม..

     

                ถ้าหากไม่เอาจริง..ก็คงจะไม่รอด

     

                “หึ..ขอโทษด้วยที่ต้องลากเธอมาเกี่ยวข้อง..ขอโทษนะ..” เขาเอ่ยกับร่างผมสีฟ้าข้างกาย ผมยาวสีฟ้าของอีกฝ่ายถูกรัดรวบขึ้นไปเพื่อให้สะดวกและคล่องตัวในการต่อสู้ ร่างบางซึ่งดูคลับคล้ายหญิงสาวส่ายหน้า

     

                “ไม่เป็นไร..อึก..อย่าเรียกแทนตัวว่าเธอสิสหาย..ผมน่ะ..ก็จะร่วมต่อสู้ไปพร้อมคุณ..”

     

                เด็กหนุ่มผู้มีหน้าตาหวานสดสวยยิ้มจริงใจ สภาพของเขาดูโทรมไม่ต่างจากสหายร่วมรบข้างกายเลยแม้แต่น้อย แม้จะพยายามยิ้มเพียงใด แต่มือข้างนึงก็กุมท้องน้อยซึ่งมีแผลจากการโจมตีของศัตรูเอาไว้ ความเจ็บปวดทำให้ร่างกายของเขาแทบจะขยับไม่ได้...

     

                แต่จะให้หนีกับคู่ต่อสู้เพียงแค่นี้..ฝันไปเถอะ!

     

                “ข้าดีใจที่มีสหายเช่นเจ้า..โยชิ..” ชายหนุ่มผมสีดำเอ่ย พลางเหยียดยืนให้มั่นคง เจ้าของชื่อค่อยๆยืนหลังตรงขึ้นมาตาม “ข้าก็เช่นกัน..เนริม..ศึกครั้งนี้..แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต..พวกเราก็ต้องทำให้สำเร็จ!

     

                กรร...!

     

                ปีศาจสีดำหลายตนขู่ร้องคำราม ทั้งสองยิ้มบางๆ ก่อนประสานกำปั้นแตะกันเบาๆ ถือเป็นคำสัญญา แม้ใบหน้าของเนริมจะเรียบนิ่งเฉยชา แต่คำพูดของเขานั้นมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆ..

     

                “ถ้าอย่างนั้น..ก็เตรียมรับมือซะ เจ้าพวกปีศาจ!” โยชิกู่ร้อง ก่อนบังคับเส้นด้ายและเข็มอันเล็กหลายอันเข้าจู่โจมไปยังร่างของพวกปีศาจ เข็มอันเล็กเข้าโจมตีหมายจะทิ่มแทงร่างของมัน แต่มันกลับสามารถหลบได้ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ทำให้พื้นในจุดที่เข็มทิ่มลงไปกลายเป็นรู โยชิสบถก่อนให้เข็มไล่ตามพวกปีศาจซึ่งกำลังวิ่งหลบกันวุ่นวาย

     

                “ยังหลบได้ดีนี่เจ้าพวกปีศาจ..แต่ขอโทษทีนะ..ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเดิม..” โยชิพึมพำ ร่างของปีศาจนัยย์ตาสีแดงตนหนึ่งพุ่งเข้ามาหมายจะใช้ฟันแหลมคมกัดร่างของเขาให้ขาดเป็นสองส่วน

     

                กรร!!

     

                “มหาเวทย์ลำดับที่ห้าสิบห้า...ศาสตร์หมื่นศาสตรา!

     

                ก่อนที่ร่างของปีศาจตนนั้นจะเข้าโจมตีโยชิได้ อาวุธนับหมื่นก็โผล่พุ่งออกมาท้องฟ้า พื้นดิน เข้าทิ่มแทงร่างของปีศาจตนนั้น มันหวีดร้อง เมื่อโดนความคมของอาวุธนับหมื่นทิ่มแทง ไม่ว่าจะดาบ ขวาน หรือมีด ทั้งหมดต่างพุ่งเสียบแทงร่างสีดำ มันมองเจ้าของเวทย์อย่างเนริมด้วยแววตาเคียดแค้นก่อนไม่นานมันจะหมดสิ้นลมหายใจกลายเป็นซากศพนอนแน่นิ่งบนพื้น

     

     

     

                “เยี่ยมมาก!” โยชิเข้าไปแท็กมือกับคนหน้าตาย “แต่มันยังไม่จบหรอกนะ..แค่ตัวเดียวก็ทำให้ผมเหนื่อยแล้ว..ช่างน่ากลัวจริงๆ..” เนริมเปรยออกมา โยชิยิ้ม “แต่ว่า...ถ้าเป็นนายกับผม..เราทั้งคู่จะต้องจัดการมันได้แน่นอน!

     

                ถ้อยคำนั้นทำให้เนริมมองด้วยแววตาที่เบิกกว้างนิดๆ เมื่อเห็นหนุ่มน้อยรูปงามยิ้มให้เขา เนริมก็ยิ้มตาม “นั่นสินะ..เพื่อปกป้องแดนมนุษย์..ผมกับคุณจะต้องทำได้แน่..”

     

                คำกล่าวแห่งมิตรภาพเกิดขึ้นท่ามกลางสนามรบ ทั้งสองยิ้มให้กันเป็นดั่งสหายร่วมรบที่ไว้ใจกันและกันมากที่สุด ถึงแม้ต่างคนจะพึ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่สามารถฝากชีวิตและไว้ใจได้...อย่างเช่นในตอนนี้ ทั้งคู่หันหลังชนกัน เตรียมรับมือกับปีศาจรอบตัวที่กำลังขู่คำรามใส่พวกเขา พวกมันยิ่งโกธรแค้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนของมันคนหนึ่งได้ตายไป...

     

                พวกมันสาบาน...ว่าต่อให้ตายก็จะต้องฆ่าเจ้าสองคนนี้ให้ได้..

     

                จากนั้นพวกปีศาจก็เริ่มบุกเข้ามาอีกครั้ง แต่ในขณะที่กำลังรับมือ พวกเขากลับเปิดช่องว่างทำให้มีปีศาจตนหนึ่งสามารถหลุดรอดพ้นเวทย์มนต์และการโจมตีของพวกเขาไปได้ มันคำรามลั่นอย่างโกธรแค้น ปากใหญ่อ้ากว้างเตรียมเข้ามาขย้ำและฉีกกัดร่างทั้งสอง

     

                เร็วเกินไปแล้ว!

     

                ปัง!

     

                ก่อนปีศาจตนนั้นจะได้โจมตีเหยื่อ กระสุนปืนก็ถูกยิงใส่เจ้าปีศาจนมันทรุดลงไปกับพื้น ไม่รอช้า กระสุนมากมายก็ถูกสาดตามมา ยิงเข้าใส่จนร่างของปีศาจกลายเป็นรูพรุน มันกรีดร้องอย่างน่าสงสารแต่ไม่นานก็สิ้นลมหายใจด้วยฤทธิ์ของกระสุนปืนมากมาย เนริมและโยชิมองไปทางที่มาของกระสุนเหล่านี้ ก่อนพวกเขาจะตาโต

     

                “พ..พวกคุณ..” เนริมเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา

     

                “เจ้าพวกบ้า...คิดว่าพวกแกมาสู้ด้วยกันสองคนแบบนี้ คิดว่าพวกฉันจะดีใจหรือไง?” เสียงกระชากโฮกฮากพูดขึ้น ไอเย็นจากน้ำแข็งแผ่ออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มนัยย์ตาสีฟ้าสดใส ใบหน้านั้นนิ่งเฉยติดน่ากลัวแต่คำพูดของเขากลับทำให้ร่างทั้งสองซึ่งยืนอยู่เบื้องล่างรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา

     

                ร่างอีกร่างของสาวน้อยผมสีเงินกำลังยืนเคียงข้างเด็กหนุ่มบนหลังคาชั้นสองของบ้านเช่นกัน เธอโบกมือให้กับเนริมและโยชิ “พวกฉันมาช่วยแล้วน้า! โยจัง เนจัง!” เสียงสดใสของหญิงสาวเอ่ย เธอกำลังเคี้ยวเนื้ออยู่ในปากตุ่ยๆจนไม่แน่ใจว่าคำพูดนั้นมันจะมีความจริงจังอยู่มากแค่ไหน..

     

                แต่..สหายของพวกเขามาแล้ว..

     

                ทั้งสองคนกระโดดลงมาจากหลังคาบ้าน เนริมพยุงร่างซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลของตนเองขึ้นมาเซๆและเดินไปหาเด็กหนุ่มนัยย์ตาสีฟ้า “ล..ลูคัส..คุณมาจริงๆ..นึกว่าจะนอนอยู่บ้านซะอีก”

     

                “ฉันไม่เหมือนแกนะเฟ้ย อย่าพูดมากเลยน่า...สภาพของนายในตอนนี้ไม่ควรจะพูดอะไรมาก..ดูอยู่เฉยๆไปซะ” ลูคัสว่าก่อนดีดหน้าผากของเนริมไปทีนึงพลางดันอีกฝ่ายให้หลบไปข้างหลังตน “ต..แต่ว่าผมเองก็..อยากจะปกป้อง..”

     

     

                “ถ้าจะต้องให้นายที่บาดเจ็บอยู่แบบนี้มาปกป้องละก็...สู้ให้เจ้าพวกนั้นฆ่าฉันตายไปดีกว่า!” ลูคัสตวาดออกมา พลางมองบาดแผลบนร่างกายอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเจ็บปวด ทำให้เนริมชะงัก..”ล..ลูคัส..”

     

                ฮันนี่ยื่นเนื้อให้กับโยชิ “นี่ถือว่าเป็นกรณีพิเศษนะ..ฉันอยากจะเล่นกับพวกปีศาจพวกนี้จะแย่อยู่แล้ว..ฝากเนื้อนี่ไว้ก่อนแล้วกัน” โยชิรับมันมาถือไว้งงๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจแม่สาวตรงหน้าเท่าไรนัก แต่รอยยิ้มของฮันนี่ก็ทำให้เขาวางใจได้ว่าตอนนี้เขาคงจะปลอดภัย

     

                “แต่ว่าเธอจะไหวเหรอ..ปีศาจนั่นมันแข็งแกร่งมาก..” เขาเอ่ยด้วยความกังวล แต่ฮันนี่กลับตบบ่า มองเธอด้วยแววตาอันแข็งแกร่งและมั่นคง..”ไม่เป็นไร ถึงตอนนี้ฉันจะหิวแค่ไหน..แต่กับปีศาจแค่นี้พวกมันไม่มีทางจะทำอะไรฉันได้หรอก...วางใจเถอะ..ฉันจะกลับมาแน่นอน”

     

                คำมั่นสัญญาทำให้ความกังวลภายในใจของโยชิหายไป เขาหยักหน้า “สัญญานะ..”

     

                “อืม..สัญญา..”

     

                ฮันนี่และลูคัสหันไปเผชิญหน้ากับพวกปีศาจ ก่อนเตรียมร่ายเวทย์น้ำแข็งเพื่อเป็นการโจมตี..เพื่อให้การต่อสู้อันแสนโหดร้ายนี้จบลง..ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าหากมาทำร้ายเพื่อนของพวกเขา พวกมันก็จะไม่มีวันได้รอดกลับไปหรอก..! ลูคัสร่ายเวทย์น้ำแข็งส่งธารน้ำแข็งไปแช่แข็งร่างของปีศาจแต่มันก็ถูกพวกปีศาจทำลายลงได้อย่างง่ายดาย นับว่าความเร็วและความแข็งแกร่งของพวกมันมีมากจนน่าเหลือเชื่อ

     

                กระดูกไก่ถูกขว้างไปด้วยความเร็ว แต่ปีศาจเหล่านั้นยังคงหลบได้และวิ่งเข้ามาหมายจะโจมตีพวกเขาให้ศึกนี้จบลงเสียที

     

     

                ยังหรอก...ใครจะยอมกัน..

     

    ลูคัสส่งแท่งน้ำแข็มเล่มเล็กเข้าโจมตีเพื่อชะลอความเร็วของพวกมัน และสาดกระสุนจากปืนคู่เข้าใส่ตามไป ฮันนี่หยิบค้อนของเธอขึ้นมาทุบไปบนพื้นจนแผ่นดินสั่นสะเทือนและเกิดรอยร้าว ภายใต้รอยร้าวบังเกิดแท่งน้ำแข็งแหลมๆโผล่พรวดขึ้นมาหวังเสียบร่างของปีศาจเหล่านั้น เช่นเดียวกับลูคัสที่สร้างแท่งน้ำแข็งกักล้อมรอบตัวพวกปีศาจจากทั้งสี่ทิศ ทำใพวกมันหมดสิ้นทางหนี

               

    “ตายซะเถอะ!!

     

                ผัวะ! ผัวะ!

     

                “ชาร์น..เอลไซน์...” เสียงกระซิบเย็นเหยียบดังขึ้นมาจากข้างหลัง และหนังสือเล่มโตสองเล่มที่ถูกปล่อยลงให้กระแทกศีระของฮันนี่และลูคัสจนทั้งสองล้มลงไปบนพื้นด้วยความเจ็บปวด พลังเวทย์น้ำแข็งหายไป ทำให้เหล่า”สุนัข” ที่เห็นว่าแท่งน้ำแข็งหายไปแล้ว เลยพุ่งเข้ามาหวังจะปลิดชีวิตของศัตรู แต่ด้วยรอยยิ้มของบุคคลที่มาใหม่ทำให้พวกมันชะงักก่อนตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว..

     

                หนึ่งคนกับอีกหลายตัวจ้องตากันอยู่นานจนในที่สุดพวกมันก็ร้องเสียงหลงและพากันวิ่งหนีชายหนุ่มไปในทันที

     

                เอ๋งๆ!!

     

                สภานการ์ณที่พลิกผันอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันทำเอาคนรอบด้านได้แต่กระพริบตากันปริบๆ มองอย่างสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินยิ้มให้ทุกคนก่อนโค้งตัวให้อย่างสุภาพ

     

    “ขอประทานโทษนะครับที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย..พอดีว่าพวกเด็กๆที่ผมพามาค่อนข้างจะซุกซนเกินไปสักหน่อย..”

     

                “ไม่ได้ซนนะ! พวกผมไม่ใช่เด็ก!” เสียงโวยจากโยชิซึ่งอยู่ในสภาพโทรมๆดังขึ้นมา ตามด้วยเนริมซึ่งเดินตามมาสมทบ “ผมเห็นด้วย นี่คือการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมนะ พวกเราจ---

     

                ฟิ้ว!

     

                ไม่ทันขาดคำ มีดเล่มเล็กเฉี่ยวใบหน้าของเนริมไปจนเจ้าตัวกลืนน้ำลาย มีดเล่มนั้นปักไปบนกำแพงตรงใจกลางหินปูนพอดี ดูแม่นยิ่งกว่าจับวาง ใบหน้าของชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินยิ้มให้อย่างใจดี แต่รังสีดำๆที่แผ่ออกมาทำให้พวกเขาหูและหางแทบจะโผล่..

     

                เชือกสีน้ำเงินยาวเข้ามาพันร่างของทั้งสี่เอาไว้ติดกัน จนพวกเขาได้แต่ร้องประท้วงเนื่องจากมันติดเวทย์ผนึกพลังสุนัขทำให้อ่อนแรงลง ลูคัสแยกเขี้ยวหวังจะกัดคนที่ส่งเวทย์มรัดเขาไว้ แต่ไม่สามารถหลุดจากเวทย์ผนึกไปได้ เลยทำได้แค่มองคนเบื้องหน้าด้วยความคับแค้นใจ

     

                “เจ้าบ้าดิแอนด์! ปล่อยพวกฉันเดี๋ยวนี้!

     

                “ไม่มีทางครับ พวกคุณหัดสำนึกซะบ้างสิครับว่าไปทำความเดือดร้อนให้ใครไว้บ้างแค่ไหน นี่ผมไม่อยู่แปปเดียว พวกคุณก็ดันไปสู้กับสุนัขของดินแดนมนุษย์! นี่พวกคุณคิดอะไรกันอยู่ครับ!

     

                “แต่เจ้าพวกนั้นร้ายกาจมาก...คุณแข็งแกร่งจริงๆที่สามารถไล่พวกมันไปได้..” เนริมเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชมโดยไม่สนคำติเตียนเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย

     

                “นั่นก็เพราะคุณลืมไปไงครับ! ลืมไปแล้วหรือครับว่าเวทย์ของสุนัขใช้ไม่ได้กับสุนัขด้วยกันเอง ตราบใดที่พวกคุณยังถูกตราว่าเป็นผู้ถูกเลือก เวทย์ของพวกคุณก็ไม่สามารถทำอะไรสุนัขด้วยกันเองได้! แม้แต่อาวุธก็ตาม ยิ่งพวกคุณใช้เวทย์มันก็เหมือนยิ่งเพิ่มพลังให้พวกสุนัขพวกนี้นั่นแหละครับ!

     

                นี่ที่เขาสอนไปเมื่อวานไม่คิดจะจำกันบ้างเลยหรือ..!

     

                นี่เขาติวเรื่องพลังไปเพื่ออะไรในเมื่อคนพวกนี้ไม่คิดจะฟัง...!

     

                “ต..แต่เวทย์ของเนริมมันฆ่าเจ้าพวกนั้นได้นี่!” โยชิเถียงทันตา เรียกสายตาดุดันจากดิแอนด์ทำให้ทั้งสี่สะดุ้งเหงื่อแตกพลั่กๆ

     

                “หืม...นั่นก็เพราะเป็นเวทย์ที่เนริมสร้างขึ้นมาเองครับ ไม่ใช่บทเวทย์ในตำราของอาณาจักรของเรา ผมสอนพวกคุณไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วทำไมถึงไม่จำละครับ!?” 

     

                “เนื้อ..หิว..หิวจังเลย..หิว..” ฮันนี่ว่าพลางสะอึกสะอื้น ลูคัสบ่นอุบอิบพลางซุบซิบกับเพื่อนที่เหลือ “เจ้าหมอนี่บ่นเป็นตาแก่ไปได้ อีกเดี๋ยวคงหนังเหี่ยวกว่าพวกตาแก่ในอาณาจักรแน่”

     

                “ผมคิดว่าเขาออกจะหล่อและหน้าตาดีแท้ๆ กลับทำตัวเหมือนพวกตาแก่หัวโบราณ..”

     

                “อย่าว่าเขาแบบนั้นสิโยชิ..ถึงผมจะเห็นด้วยก็เถอะ แบบนี้คงจะหาคนรักไม่ได้แน่ๆ..”

     

                “หมายความว่าเป็นตาแก่ที่ไร้คู่ด้วย ชีวิตอาภัพชะมัด”

     

                “หิวจังเลย..อยากกินเนื้อ..”

     

                ร่างขององค์รักษ์นามดิแอนด์สั่นเทิ้ม ใบหน้าหล่อเหลากำลังยิ้ม..ยิ้มของปีศาจ รังสีสีดำทมึนออกมาจากร่าง มือกระตุกสั่นๆด้วยความโกธร แต่ใบหน้าก็ยังคงยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มสยองทำให้ชาวบ้านรอบตัวต่างเดินหนีวิ่งหนีออกไปทีละคนจนในลานกว้างดูร้างไปถนัดตา ดิแอนด์ยิ้มกว้างฉีกจนจะถึงใบหูและพยายามสะกดกั้นอารมณ์เอาไว้ เขาเดินไปใกล้ๆคนจับกลุ่มนินทาเบื้องหน้า

     

    ก่อนจะยิ้มให้ทั้งสี่ และเอ่ยขัดบทสทธนา..

     

                “สายฟ้า..ผ่าปฐพี..”

     

                เปรี้ยง!!!

     

                “ว๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!

     

               

     

                ภายในห้องประชุมของราชาแห่งดินแดนมนุษย์กำลังเต็มไปด้วยบรรยากาศมาคุแสนกดดัน นับจากวันที่เกิดเรื่องใหญ่ทำให้มีการเรียกตัวของขุนนางใหญ่ หัวหน้าอัศวินทั้งหลาย รวมถึงองค์รักษ์และเจ้าหญิงให้เข้าร่วมการประชุม เนื่องจากในอีกไม่นานทั้งสองอาณาจักรคงจะต้องมาถึงที่นี่ในเร็ววันยิ่งทำให้ก่อเกิดความตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม..

     

                อาณาจักรดีวาร์และมาเรย์...อาณาจักรของสุนัขและแมว...

     

                เมื่อได้ยินข่าวว่าเจ้าชายหนีออกไปทำให้พระราชาทรงวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ดว้ยความเครียดทำให้ร่างกายยิ่งทรุดลง แย่ลงกว่าเดิมทำให้หลายคนต่างเป็นห่วง เนื่องจากพระราชาทรงมีอายุมากแล้ว ถ้าหากสะสมความเคีรยดและร่างกายยังคงอ่อนแอเช่นนี้ มันคงจะไม่ดีต่อทั้งประเทศรวมถึงตัวท่านเองด้วย

     

                เพราะปัญหาหลายอย่างรุมเร้าทำให้สีหน้าของทุกคนในห้องประชุมยิ่งตึงเครียดมากกว่าเก่า ต่างคนต่างคิดปรึกษาว่าควรจะทำอย่างไรดี

     

                จนในที่สุดขุนนางคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

     

                “เอ่อ..องค์หญิงเวริซิก้า..เรา..เราควรจะทำอย่างไรกันดีพะย่ะค่ะ?...เราส่งกองกำลังไปตามหาองค์ชายแล้ว แต่กลับไม่พบเบาะแสเลยแม้แต่น้อย...ถ้าหากยังเป็นแบบนี้พวกเราจะ..”

     

                “จะ..อะไรหรือ..? ท่านขุนนางเวเรนัส ท่านกำลังจะพูดว่า ทั้งสองอาณาจักรอาจจะตำหนิพวกเราหรือ? ถึงเรื่องที่ท่านพี่หายตัวไป”

     

                หญิงสาวผมสีน้ำตาลเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ ก่อนยกชาขึ้นมาจิบ สีหน้าของหล่อนดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับเรื่องที่พี่ชายของเธอหายตัวไป ขุนนางคนนั้นเงียบไม่พูดอะไรต่อ ทำให้บรรยากาศกดดันปกคลุมห้องนี้หนักยิ่งกว่าเดิม เวริซิก้าถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

                เธอรู้สึกการประชุมครั้งนี้ที่สุด แม้พี่ชายของเธอจะหนีออกไป แต่สุดท้ายเดี๋ยวเขาก็คงจะกลับมา เธอไม่ได้มีญาณทิพย์ ไม่ได้ล่วงรู้อนาคต แต่รู้ว่าอย่างไรเสียพี่ชายงี่เง่าไม่ได้ความคนนั้นคงจะไปไหนไม่รอด

    อยู่ดี สุดท้ายก็คงจะโซซัดโซเซกลับมาที่ปราสาท หรือถึงไม่กลับมาเธอก็เชื่อว่าเขาคงจะไม่ทิ้งหน้าที่และความรับผิดชอบง่ายๆ..

     

                หรือบางทีมันอาจจะทิ้งไปเลยจริงๆก็ได้

     

                “เกวน..เราขอชาเพิ่มอีก” เธอหันไปบอกพ่อบ้านซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขาค่อยๆหยิบกาชาและรินชาให้เธออย่างนุ่มนวล หัวหน้าพ่อบ้านเจ้าของเรือนผมสีดำมองกระประชุมและเก็บรายละเอียดต่างๆไว้ในหัว เวริซิก้ามองท่าทางนิ่งๆของอีกฝ่ายแล้วยิ้มบาง

     

                “เอาละ..มีใครจะเสนออะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้อีกไหม?” เธอลองเอ่ยถามดูอีกครั้ง

     

                ในห้องประชุมเงียบสักพัก ก่อนองค์รักษ์คนสำคัญจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาก้มหน้าทำให้ไม่สามารถเห็นใบหน้าของเขาได้เลยในตอนนี้ แต่เสียงเย็นเหยียบก็ทำให้พอจะเดาอารมณ์ได้ “ข้าจะไปตามหาอง์ชาย” ก่อนจำทำท่าจะเดินออกไปจากห้องประชุม แต่เสียงของเวริซิก้ากลับเรียกเขาไว้ “หยุดก่อนน็อกซ์...นั่นเจ้าคิดจะไปไหน?

     

                “ข้าบอกท่านแล้ว..ข้าจะไปตามหาองค์ชาย” น็อกซ์เอ่ยโดยที่ไม่หันกลับมามอง

     

                “แล้วเจ้าจะไปตามหาที่ไหน? ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้น่ะหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถตามหาเขาเจอ?” เธอเอ่ยถามลองเชิง น็อกซ์เงียบไปสักพัก มือของเขากุมแน่น มันเป็นความจริงอย่างที่เวริซิก้าพูด แต่ว่า..ถึงอย่างนั้น..

     

                “ถึงมันจะใหญ่แค่ไหน..ข้าก็จะตามหาเขาให้เจอ..ข้าไม่มีวันปล่อยให้เขาหนีไปแบบนี้แน่”

     

     

                น็อกซ์ว่าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง สร้างความตกใจเล็กน้อยให้กับคนในห้อง อีธานมองร่างน็อกซ์ที่เดินหายไป เขาหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น

     

                “อีธาน...”

     

                “ผมจะไปตามหาองค์ชาย..อีกอย่างให้น็อกซ์ไปคนเดียวจะเกิดเรื่องยุ่งเอาได้...ผมขอตัวครับ” จากนั้นอีธานก็เดินออกไปจากห้อง องค์หญิงแห่งแดนมนุษย์ถอนหายใจอีกรอบ..แต่ภายใต้สีหน้าหนักใจเธอกลับกำลังแย้มรอยยิ้มอย่างสนุกสนาน....จนคนที่เห็นอย่างเกวนต้องกลืนน้ำลาย..

     

                จะว่าโชคร้ายหรือโชคดีกัน..ที่เขาได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าหญิงปีศาจแห่งแดนมนุษย์

     

                ดูเหมือนว่าเจ้าของรอยยิ้มจะรู้ตัว เธอเหล่มองพ่อบ้านหนุ่มที่พยายามจะตีสีหน้าเคร่งขรึมแต่เหงื่อแตกพลั่กๆ เธอลุกขึ้นก่อนจะเอ่ย “ขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องการตามหาท่านพี่ จงตามหาต่อไป ส่วนเรื่องการคัดเลือก เราจะรับมืออาณาจักรทั้งสองเอาไว้เองจนกว่าจะหาตัวของท่านพี่พบ จบเท่านี้”

     

                เวริซิก้าเอ่ยตัดบท เป็นการตัดคำถามทุกอย่างและเดินออกไปพร้อมหัวหน้าพ่อบ้านหนุ่ม ระหว่างทางเดินในโถงเธอก็กระซิบออกมาเบาๆ “น่าเสียดายนะเกวน..ท่านพี่ดันหนีออกไปเสียก่อน..แต่ก็นะ..เรามีข้อสงสัยล่ะ..”

     

                “ขอรับ?” เกวนเลิกคิ้ว

     

                “ทั้งๆที่ประตูห้องสมบัติจะไม่มีทางเปิดได้นอกจากจะมีมนตราประจำราชวงศ์ และต้องอัดมนตราเข้าไปกับประตูเพื่อให้เปิดออก แต่คนอ่อนด้อยเรื่องเวทย์อย่างท่านพี่ทำไมถึงสามารถทำได้..เวทย์นั้นต้องใช้พลังในการเปิดมาก...น่าเสียดายที่ทางเราไม่สามรถไปตรวจสอบบันทึกเวทย์ในห้องของท่านพ่อได้เพราะวันนั้น...”

     

                “พวกคนรับใช้ต่างเข้ามาทำความสะอวดห้องนั้นจนไม่เหลือแม้กระทั่งหลักฐานว่าท่านพี่ลอบเข้าห้องของท่านพ่อเลย..น่าแปลกจริงนะ..ว่าไหม..เกวน..?

     

                เกวนสะอึก...สายตาขององค์หญิงกำลังยิ้มพราว..ราวกับรู้..รู้ทุกอย่างว่ามันเกิดอะไรขึ้น พ่อบ้านหนุ่มขยับแว่นเล็กน้อย “นั่นสินะครับ..น่าสงสัยจริงๆ”

     

                “หึหึ...เอาเป็นว่าเราจะไม่บอกใครเรื่องนี้ก็แล้วกัน เพราะถือว่ามันทำให้ความสนุกมันเพิ่มขึ้นมาอีกนิด” หญิงสาวพูดอย่างไม่คิดจะสนใจ ทำให้เกวนคลายความอึดอัดไปได้บ้าง เขาคิดผิดจริงๆว่าการกระทำนั้นจะรอพ้นจากสายตาองค์หญิงปีศาจไปได้..แต่ไม่เลย..

     

                หล่อนรู้ทุกอย่าง

     

                รู้แม้กระทั่งว่าวันนั้น..เขาเป็นคนที่เปิดประตูแห่งห้องสมบัติ..เพื่อช่วยให้เจ้าชายเวนเซนต์หนีไปได้..

     

                พวกเขาทั้งสองคนเดินมาถึงสวนของราชวัง เมื่อองค์หญิงสังเกตเห็นคนๆนึง เธอก็แย้มยิ้มอีกครั้งก่อนสั่งให้เกวนกลับไปก่อน เมื่อพ่อบ้านหนุ่มเดินไปจนลับตา เธอก็เดินเข้ามาหาเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเทา เขามีใบหน้าเรียบเฉย แต่เธอรู้ได้ว่าใต้ใบหน้านิ่งเรียบนั้นกำลังมีความเศร้าอัดแน่นอยู่มากเพียงใด

     

                “อเล็กซิส..แม้แต่เจ้าเองก็ด้วยรึ?” เธอเอ่ยทัก ชายหนุ่มนามอเล็กซิสมองไปตามเสียงเรียก เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็โค้งคำนับอย่างสง่างาม เวริซิก้าเห็นแล้วรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมานิดๆ “ไม่ว่าจะผ่านไปสักเท่าไรเจ้าก็ยังเป็นเช่นเดิม ดูอ่อนแอทำอะไรไม่ได้”

     

                “ครับ..และคงจะเพราะความอ่อนแอของผมเอง...ที่ทำให้เวนเซนต์ไม่คิดจะมาปรึกษาหรือคุยด้วยเลย..เพราะเขาเห็นผมเป็นคนพึ่งพาไม่ได้..”

     

                “เจ้าเลิกโทษตัวเองเสียที กับแค่เขาหนีออกไป..เขาไม่ได้ตายเสียหน่อย..เจ้าเองก็รู้ตัวดีอเล็กซิส...ว่าท่านพี่เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เมื่อเห็นสภาพหลานชายของเสนาบดีฝ่ายซ้ายอันสูงส่ง เพียงแค่เพราะเจ้าชายหายตัวไปกลับดูโทรมได้ขนาดนี้...ผมดูยุ่ง การแต่งตัวอีก..นี่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนหรือเปล่าก็ไม่รู้

     

                ท่าทางจะเป็นหนักจริงๆ..

     

                “แต่ว่า..เพราะผม..ท่านเวริซิก้า..เมื่อไรถึงจะตามหาตัวเจ้าชายพบหรือครับ?

     

                องค์หญิงแห่งแดนมนุษย์แอบรู้สึกสงสารอีกฝ่าย แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น เธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ท่าทางนิ่งๆของอเล็กซิสทำให้เธอรู้ว่าเพื่อนสมัยเด็กของเขาอย่างพี่ชายของเธอสำคัญกับอเล็กซิสมากจริงๆ..เห็นว่าเมื่อก่อนพวกเขาตัวติดกันเลยทีเดียว น่าสนใจ...

     

                ใช่..น่าสนใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อ

     

                “ทางเรายังไม่พบแม้แต่เบาะแส..แต่เอาแบบนี้ไหม..เราจะให้โอกาสเจ้าให้เจ้าไปตามหาท่านพี่..”

     

    อเล็กซิสดูอึ้งกับข้อเสนอนั้น

     

     

    “เรารู้ดี..เพราะเจ้ามีงานรุมเร้า มีหน้าที่ที่ต้องทำใช่ไหมถึงไม่สามารถออกไปหาตามท่านพี่ด้วยตนเองได้ทั้งๆที่ในใจของเจ้าตอนนี้อยากจะพบเขาใจจะขาด แต่ถ้าหากเราช่วยเจ้าละ..? เราจะให้โอกาสเจ้าไปตามหาท่านพี่...แต่มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องพาท่านพี่กลับมาด้วยความสมัครใจ..เจ้าจะทำได้ไหม?

     

                อเล็กซิสไม่เข้าใจความหมายขององค์หญิงแห่งแดนมนุษย์เลย แต่โอกาสแบบนี้มันหาได้ยากยิ่ง ทุกวันนี้เขาแทบไม่มีเวลาว่างจะไปหาเวนเซนต์ พอเจ้าตัวหายไปเขาก็ยิ่งกระวนกระวายมาก..และนี่องค์หญิงตรงหน้าคิดจะให้โอกาสเขาหรือ..?

     

                แค่ให้..กลับมาก็พอสินะ..

     

                ขอแค่ได้เจอก็พอ..จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น..

     

                ความสมัครใจ..เรื่องนั้นมันอาจดูยุ่งยาก แต่ด้วยความอยากจะเวนเซนต์ทำให้อเล็กซิสลืมคิดถึงเรื่องนั้นไปแล้ว

     

                ขอแค่ได้เจอเวนเซนต์ ขอแค่ให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังปลอดภัยเขาก็ไม่ต้องการอะไรอีก

     

                “ผมเข้าใจแล้วครับ..ผมยอมรับข้อตกลง”

     

                เวริซิก้าพยักหน้า “ต้องแบบนี้สิ..เอาละ..จากนี้เราจะไปคุยกับเสนาบดีฝั่งซ้ายให้ จงรีบไปเตรียมตัวสำหรับการเดินทางเสีย..อ้อ..แล้วก็นี่..” เธอยื่นโบว์สีฟ้าให้กับอเล็กซิส เขามองมันอย่างสงสัย เวริซิก้าจึงอธิบาย “เมื่อเจ้าหาท่านพี่เจอ สิ่งนี้จะช่วยเจ้า..ถือว่านี่คือคำใบ้ของเราก็แล้วกัน”

     

                เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเขาเลยแม้แต่น้อย อเล็กซิสมองโบว์ผูกผมในมือก่อนจะกุมมันเอาไว้แน่น...

     

                รอก่อนนะเวนเซนต์..

     

                ผม..จะตามหานายให้เจอ..

     

     

     

                สายฝนเย็นยะเยือกตกลงมาจากท้องฟ้ามืดครึ้ม พร้อมสายลมกรรโชกละหนาวเหน็บทำให้คนที่ยืนอยู่ใต้กระท่อมหลังหนึ่งต้องจามออกมาและกอดอกเพื่อสร้างคามอบอุ่นให้ตนเอง แต่ดูเหมือนวิธีนี้มันจะไม่ได้ผลเท่าไรเพราะตัวเขาดันเปียกโชกไปด้วยน้ำฝนนี่สิ...

     

                ให้ตายเถอะ..เจ้าฝนบ้าจะมาตกอะไรตอนนี้..!

     

                ทำไมไม่เห็นใจคนหล่อกันบ้าง อยากให้ข้าเป็นพระเอกท่ามกลางสายฝนนักรึไง จู่ๆจะตกมาก็ตกไม่ให้ซุ่มให้เสียงจนร่างกายแสนน่าถนุถนอมของข้าเปียกไปหมด..

     

                พึ่งหนีจากวังได้ไม่เท่าไร..นี่ข้าจะต้องเป็นปอดบวมตายแล้วหรือ?

     

                อย่างน้อยก็น่าจะบอกกล่าวกันบ้างว่าตกตอนไหนตกเมื่อไร ข้าจะได้เตรียมตัวเอาไว้ได้ทัน ไร้มารยาทที่สุดกับการตกมาแบบไม่บอกกล่าว ไม่ว่าอะไรในนาทีนี้ข้าก็จะขอพาลมันหมดทุกอย่างละ! ในเมื่อ

    สภาพของข้ามันเสี่ยงต่อการเป็นหวัดและปอมบวมเป็นที่สุด ถ้าหากมาล้มป่วยเอาตอนนี้ชีวิตของข้าคงได้จบเห่อย่างอนาถ จากนั้นพอมีคนมาพบศพก็จะลงข่าวหน้าหนึ่งว่าเจ้าชายแห่งแดนมนุษย์ล้มดับตายอนาถคาทุ่งหญ้าด้วยโรคปอดบวม

     

                ฮือ..ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆข้าคงจะต้องไปขอโทษท่านพ่อที่ทำให้ตระกูลของเราเสื่อมเสี่ยชื่อเสียง แต่ยัยน้องสาวตัวดีข้าไม่อยากจะไปยุ่งด้วยหรอก...ขอแค่นางอย่ามายุ่งกับข้าจะดีกว่า!

     

                แต่..ข้าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี..ข้ามองไม่เห็นเมืองแถวนี้เลยแม้แต่นิด..

     

                จะให้เดินไปไหนละ..เดินไปไหนก็ไม่ได้ เห็นแบบนี้ข้าก็แสนรู้กว่าที่พวกเจ้าคิดว่าการเดินผ่าฝนออกไปเป็นเรื่องไม่ดีงาม ไม่ควรทำอย่างยิ่ง จึงได้แต่อยู่ในเงากระท่อมต่อไป

     

                สงสัยข้าคงต้องตัดใจเรื่องการรอให้มีคนผ่านมา..ที่ข้าไม่เข้าไปในกระท่อมก็เพราะว่าเผื่อมีใครผ่านมาหรอก ไม่ต้องแอบคิดว่าข้าโง่ไม่ยอมเข้าไปเลย! ข้าแค่ดูเชิงต่างหาก!

     

                ข้ามองซ้ายมองขวา..ไม่มีอะไรแล้วจริงๆเหรอ..ไม่มีแล้วจริงๆสินะ..แม้แต่ต้นไม้ คนสักคน หรืออะไรก็ตาม..เห็นแต่ทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา ข้ารู้สึกหมดหวังเมื่อคิดว่าจากนี้ถ้าหากหลบฝนจนพายุผ่านไปข้าควรจะทำอย่างไรต่อดี..จะไปที่ไหน..

               

    เพราะเจ้ามังกรบ้านั่นแท้ๆ เพราะมันนั่นแหละ!

    ที่ข้ามาจมปลักอยู่ที่นี่ก็เพราะข้าดันตกหลังเจ้ามังกรนั่น เจ้ามังกรบ้าเอ๊ย ไม่หัดรู้จักจับข้าไว้ดีๆ ขอบอกว่าข้ารอดมาได้ครบสามสิบสองโดยไม่มีส่วนไหนบุบสลายก็นับว่าข้าทำบุญมาเยอะแล้ว! แต่จากนี้ต่างหากที่เป็นปัญหา ข้าควรจะทำอย่างไร นี่ข้าอยู่ที่ไหน ควรจะเดินไปทางไหน และต้องเดินอีกเท่าไร..

     

                นี่ข้าคิดถูกใช่ไหมที่หนีออกมา..

     

                ครืนน..

     

                เสียงของฟ้าร้องทำให้ข้ายิ่งกลัวขึ้นไปอีก ข้าน้ำตาแทบเล็ด..ได้แต่โทษพระเจ้า โทษซาตาน โทษน็อกซ์ โทษอีธาน โทษทุกคนนั่นแหละ ในเมื่อพวกเขาเป็นสาเหตุ! ข้าไม่ผิด!..ก็แค่มีส่วนร่วมในความผิดเล็กน้อยเฉยๆ..

     

    ครืนน...

     

    ฮือ...กลัว..กลัวเว้ย! หยุดร้องสักทีได้ไหม! มันทำให้คนอื่นขวัญเสีย ไอฝนไร้จรรยาบรรณ!!

               

    “โว้ย! นี่สรุปข้าอยู่ที่ไหนกันแน่!?





    ------------------------------------------------------------------

    มาแล้วนะคะสำหรับตอนแรก..แอบคิดว่าใช้เวลานานไปไหม..

    ในตอนนี้จะเน้นเรื่องคนอื่นๆเป็นหลัก ดังนั้นเจ้าชายเอาพื้นที่ไปแค่นั้นพอ(เวนเซนต์ : โหดร้าย! ข้าเป็นพระเอกนะ!)

    ยังแอบกังวลว่าจะสับสนหรืออะไรกันหรือเปล่า ถ้าผิดพลาดตรงไหนต้องขอโ?ษด้วยนะคะ

    ทั้งเรื่องนิสัยหรืออะไรต่างๆ ;w;

    เจอกันตอนหน้าค่าา











     

               

     

               

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    BB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×