คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : พาเธอกลับไป
บทที่ 2
“สาๆ มาทางนี้สิ”
“หือ มีอะไรจ๊ะตา”
“นั่นไง ดาอยู่ทางโน้นแน่ะ”
อาริตาสาวร่างป้อมโบกไม้โบกมือหาเพื่อนสาวอย่างร่าเริงก่อนที่จะเดินแกมวิ่งเข้าไปหาวนิดาที่กำลังเดินมากับจิรายุแฟนหนุ่มของเธอ
“หวัดดีค่ะพี่โจ เป็นไงคะมางานสาย รอเจ้าหญิงแต่งตัวเหรอคะ”
อาริตาทักทายจิรายุด้วยความสนิทสนม แต่กลับได้ค้อนจากเพื่อนสาวเอาวงใหญ่
“นี่ อย่ามาตลก ฉันไม่ใช่เธอนะจะแต่งตัวเป็นชั่วโมงน่ะยัยตา”
“อ้าวแร้วทำไมมาสายกันล่ะคะ” ฤลิสาที่เดินเข้ามาสมทบหลังสุดเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติวนิดา และจิรายุมักจะตรงเวลาเสมอ
“อ๋อ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะสา ไม่มีไรหรอก”
“หา ! รถชนเรอะ เป็นไรกานป่าวอ่ะ” อาริตาถามด้วยความตกใจ
“แกเห็นฉันเป็นอะไรหรือไงเล่า ยังครบ 32 น่า”
“อ้าว เพื่อนเป็นห่วงง่ะ”
“เอาเถอะทั้งสองคน แล้วคู่กรณีเป็นอะไรมากไหมคะพี่โจ”
“ อ๋อ ไม่เป็นไรมากหรอกครับ โน่นไงครับเขาก็มางานนี้เหมือนกัน”
“เอ๋ ใครเหรอคะ” ฤลิสาถามด้วยความสนใจ ในขณะที่อริตาหันไปตามทิศทางที่จิรายุชี้ให้ดู ส่วนวนิดาทำท่าเหมือนจะบอกอะไรสักอย่าง แต่แล้วเสียงอุทานด้วยความตกใจของอาริตาก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
“เย้ย! สา สา ! หมอนั่นไง หมอนั่นอ่ะ”
ดวงตาคู่สวยของฤลิสาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อหันไปแล้วพบว่าคู่กรณีของจิรายุแท้จริงแล้ว คือชายชุดขาวคนนั้น เจ้าของรัดเกล้าที่เธอสวมมาในงานวันนี้ !
“ สวัสดีครับ”
บุรุษปริศนาเดินตรงเข้ามายังกลุ่มสาวๆ และเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ วันนี้เขาก็ยังคงมาในชุดขาวเหมือนวันนั้น และดวงตาคู่สวยของเขาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ฤลิสาไม่ต่างจากวันวาน
“สะ... สวัสดีค่ะ” ฤลิสาตอบตะกุกตะกัก ใบหน้านวลซับสีเลือดด้วยความขวยเขิน พลางตำหนิตนเองในใจว่าวันนี้เธอไม่น่าสวมรัดเกล้าของเขามาในงานที่ต้องบังเอิญมาเจอกันเช่นนี้เลย
“ตา สา รู้จักกันไว้สิ จริงๆแล้วเขาเป็นลูกค้าของพี่โจนเขาชื่อคุณเวคินน่ะ”
“เอ่อ... สวัสดีค่ะคุณเวคิน วันนั้นเดินเร็วจังนะคะ เล่นเอาตาตกอกตกใจหมดเลยค่ะ ดิฉันชื่ออาริตาค่ะ เรียกตาเฉยๆก็ได้ วันนี้มาเป็นเพื่อนสาเขาน่ะค่ะ”
“ครับ” เวคินตอบรับสั้นๆ ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“เราเข้าไปในงานดีกว่าครับ คงใกล้เริ่มแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่เข้าไปเปิดงานไม่ทันกันพอดี”
จิรายุ แฟนหนุ่มของวนิดา เขาเป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทย และวันนี้ทุกคนก็ได้มาเจอกันในงานเปิดตัวเครื่องประดับในคอลเล็กชั่นใหม่ของเขา
“ วันนี้เจ้าสวยมาก” ฤลิสาสะดุ้งกับเสียงทุ้มที่ราวกับกระซิบอยู่ที่ข้างหู หญิงสาวหันกลับไปทันทีแต่ก็เห็นเพียงรอยยิ้มน้อยๆของเวคินที่ส่งมาให้เท่านั้น เขายังคงเดินเรื่อยๆ ท่าทางสบายๆ แต่ก็ยังคงความสง่างามไว้อย่างไร้ที่ติ
ฤลิสาแอบชำเลืองมองชายหนุ่มบ่อยครั้งหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันเดินเล่นภายในงาน วนิดา และจิรายุขอตัวแยกออกไปขึ้นเวทีเพื่อเปิดงานกาลาดินเนอร์ตามหมายกำหนดการบนเวที ส่วนอาริตาก็กำลังเพลิดเพลินกับของสวยๆงามๆ แม้ว่าเธอจะพยายามชี้ชวนให้วนิดามองนู่นชมนี่ แต่จิตใจของหญิงสาวไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่
มีหญิงสาวมากมายที่ดูจะให้ความสนใจชายหนุ่มเป็นพิเศษ จนฤลิสาอดรู้สึกประหลาดใจกับสายตาประหลาดของเขาไม่ได้ เพราะเหมือนในสายตาของชายหนุ่ม จะมีแต่เธอผู้เดียว
บรรยากาศในงานดำเนินไปอย่างคึกคัก ทั้งการประมูลเครื่องประดับของบุคคลชั้นสูงในวงการต่างๆ ทั้งการแสดง การเดินแฟชั่นโชว์ ทั้งวนิดา และอาริตาเพลิดเพลินกับแสงสีของงานไม่น้อย จนกระทั่งฤลิสาขอเพื่อนไปเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะถอดรัดเกล้าบนศีรษะออกในจังหวะที่เห็นเวคินนั่งอยู่เพียงลำพัง เหมือนเขาต้องการหาความสงบเล็กๆภายในงานที่เต็มไปด้วยแสง สี และเสียงของค่ำคืนนี้
อันที่จริงบุคคลิกลักษณะของเวคินไม่ค่อยเหมาะกับงานเช่นนี้อยู่แล้ว หญิงสาวคิดในใจ พลางเดินออกมาจากห้องน้ำ
“ว้าย”
ฤลิสากระแทกกับอะไรบางอย่าง ร่างบางเซไปข้างหลังจนเกือบจะล้ม และรัดเกล้าก็เกือบจะหลุดมือ หากแต่มือหนาของใครบางคนฉวยไว้ได้ทันทั้งของและคน
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะโล่งใจที่ไม่ต้องล้มลงไปกระแทกกับพื้น แล้วทำให้รัดเกล้าในมือเสียหายก่อนที่จะเอาไปคืนเจ้าของ ก็ต้องเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็นและสัมผัส ดวงตาของเขาเธอจำได้ในทันทีบัดนี้มันกลายเป็นสีแดงอีกครั้งเหมือนครั้งแรกที่ได้พบกัน แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือความร้อนที่เกิดขึ้นบริเวณอุ้งมือ
“กรี๊ดดดด”
ฤลิสากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาหลั่งรินด้วยความหวาดกลัว ร่างบางสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง
“อดทนอีกนิดนะครับคนดี”
สิ่งสุดท้ายที่หญิงสาวได้ยินก่อนที่สติจะดับวูบลง มีเพียงเสียงทุ่มๆของชายหนุ่มคนนั้น และอุ้งมืออบอุ่นที่กระชับแน่น ประดุจต้องการดูดซับความเจ็บปวดของเธอให้เบาบางลงที่ละน้อยๆ
“ถึงเวลาแล้วที่เจ้าต้องกลับไปยังที่ที่เจ้าจากมา”
มือหนากุมมือบางแน่นอีกครั้ง ทับทิมสีเลือดเม็ดกลางของรัดเกล้าเปร่งแสงสีแดงเจิดจ้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป เหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
ความคิดเห็น