ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 Sick
ถ้าไม่ใช่เพราะผม ถูกฝึกมาให้มีปฏิกิริยา รีเฟลค ที่รวดเร็วกว่าคนธรรมดา 20 เท่า นั่นคือผมสามารถ
หลบการกระโจน เข้ามาของใครก็ตามที่จ้องจะทำร้ายผม ผมเบี่ยงตัวหลบไปเล็กน้อย ผลก็คือ
บิสบอยล้มกลิ้งไถลไปกับพื้นห้อง หมอนั่นหันขวับมาทันที หลังจากตั้งหลักได้
“นายจะทำอะไรเรเวน นายมันคิดไม่ซื่อจริงๆ ฉันจะไปบอกไซบอร์คเรื่องนี้ นายเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจที่
สุด เป็นเหล่าร้ายที่หาตัวจับยาก นายนายมันบ้าที่สุด ” ท่าทางหมอนี่จะด่าคนไม่เก่งแฮะ ผมคิดในใจ
“ฉันไม่รู้ว่านายได้เห็นอะไร แต่ฉันไม่ได้ทำอะไร เรเวน นายต่างหากที่ไม่มีมารยาท เข้าห้องคนอื่นโดย
ไม่ได้รับอนุญาต” ผมตอบ บิสบอยไปด้วยหน้าตาเฉย ที่สุดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไม่เชื่อนายถามเรเวน
ของนายดูสิว่า เกิดอะไรขึ้น” ผมพยายามเน้นคำว่า เรเวนของนาย
“บิสบอย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่” เธอพูดด้วยสีหน้าปกติที่สุด เธอพูดโดยไม่มองหน้าผม เธอหลบตาทุก
ครั้งที่พยายามพูดโกหก ผมจับเธอได้ ผมแอบยิ้ม แต่เรเวนมองตาขวางมาทางผม แล้วก็รีบหลบตาโดยเร็ว
เพราะเวลาหันมาทางผมเธอก็จะเห็น อกเปลือยของผมไปด้วย
“ฉันคิดว่าเราควรไปจากที่นี่กันเถอะ ชั้นรู้สึกหายใจไม่ออกเวลาอยู่ที่นี่” เรเวนพูดกับบิสบอย ผมไม่ได้พูดอะไร
เพียงแต่ยิ้มให้เธอ ดูเหมือนเธอจะหน้าแดงอีกแล้ว รีบก้าวออกไปจากห้องผม ส่วนบิสบอย แลบลิ้นปลิ้นตา
ใส่ผมก่อนจะจับมือเรเวน แล้วจูงมือเธออกไปจากห้อง หมอนี่จับมือเรเวนด้วย แสดงความเป็นเจ้าของซะจริง
ถ้าหมอนั่นเห็น ตอนที่ผมกอดเรเวน และพยายามจะหอมแก้มเธอ ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยายังไง คิดแล้วมันน่าสนุกชะมัด
ผมเจอตู้ใส่เสื้อผ้าภายในห้อง ผมเปิดเข้าไปพบกับชุดลำลอง คงเป็นของ ดิ๊ก ไซบอร์คคงเตรียมไว้ให้
ชุดออกจะเล็กไปสำหรับผม แต่ก็ไม่มีปัญหาผมแต่งแล้วก็ดูดีใช้ได้ ผมรู้สึกว่า การมาทำงานนี้อาจจะเป็นเวลา
พักร้อนของผมจริงๆ ก็ได้ ตอนนี้ยังว่างอยู่ ผมน่าจะออกไปเดินสูดอากาศรอบๆ เกาะดูบ้าง
มันคงเป็นการหย่อนใจที่ดีมากๆ แน่ ผมเดินออกจาก
ห้อง และพยายามเอาหูแนบฟังที่ห้องของเรเวน ไม่มีเสียงอะไรลอดผ่านออกมาจากห้องเธอเลย ผมคิดว่าเธอ
คงจะไม่อยู่ ผมยังจำหน้าตอนที่เธอถูกผมกอดได้เลย มันน่ารัก และน่าแกล้งมาก
ผมออกจากห้องมาโดยที่จะไม่ลืม หยิบคีย์การ์ด และแบทตะแรง มาสองสามอัน เผื่อฉุกเฉินผมคิดอย่าง
นั้น ผมเดินออกจากห้องผ่านไปทางห้องโถง ทุกคนหายไปหมดแล้ว การที่ผมเหมือนถูกทิ้งไว้คนเดียว
ทำให้ผมรู้สึกว่าเหมือนผมจะต้องพลาดอะไรที่สำคัญไปแน่ๆ ผมรีบเดินออกไปที่หน้าตึก
และนั่นเองทำให้ผมรู้ว่า อาจจะไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวซะแล้ว ที่จะเป็นแขกของตึกนี้
ชายหนุ่มร่างสูง เขาไม่ได้ยืนบนพื้น แต่เขายืนบนหลังปลาวาฬ ชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาดีทีเดียว
ผมยาวประบ่า มีผมสีดำเข้มและดวงตาสีดำเข้มเช่นกัน และที่ผมไม่ชอบใจนัก เรเวนดูจะดีใจเป็นพิเศษ
เมื่อได้เจอเขาคนนั้น เธอยิ้มอย่างเป็นสุข ทีกับผม
เธอทำหน้าหงิกตลอดเวลา แถมยังไม่ยอมมองหน้าผมอีกด้วย
“มาพอดีเลย ฉันจะแนะนำให้นายรู้จัก นี่คือ อควาแลด เค้าเป็นหนึ่ง ใน ไททั่นส์เหมือนกันกับพวกเราที่นี่
พอดีเค้ามาทำธุระแถวนี้ เลยแวะมาหาพวกเราที่นี่ ฉันว่าน่าสนุกถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันหลายๆคน
เราจะจัดปาร์ตี้ แฟนซีกันคืนนี้ นายอาจคิดว่าเป็นเรื่องงี่เง่า แต่มันน่าสนุกจะตาย และฉันก็อยากให้นายร่วมด้วย
นะ เราน่าจะมาสนุกกัน ถึงแม้ฉันเสียดายอยู่บ้าง ที่ โรบิ้น กับสตาร์ไฟร์ ไม่อยู่ แต่ถึงขาดสองคนนั่น
ก็ใช่ว่าจะจัดงานปาร์ตี้ไม่ได้นี่นะ” ไซบอร์คพูดยาวและเร็วมาก แทบไม่เว้น
ช่องว่างให้ผมได้ตอบคำถามเลย ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตอบคำถามไหนก่อนแต่อย่างแรกที่ผมทำคือ
เดินเข้าไปใกล้กับ อควาแลด แล้วทักทายกับเค้า เรเวนที่ยืนอยู่ใกล้ ไม่มองหน้าผมเลย แต่เธอยิ้มให้
อควาแลดตลอดเวลา และผมก็รู้สึกได้เลย
ว่าคนที่หมั่นไส้หมอนี่ไม่ใช่ผมคนเดียว บิสบอยก็ ทำหน้าตาหงิกงอ ผมเห็นเค้าฝืนยิ้มให้ อควาแลด
เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาถึงที่นี่ ผมสะใจกับอาการของบิสบอยเป็นอย่างมาก เพราะดูเหมือนว่าเรเวน
เธอจะไม่ได้แยแสอะไรกับหมอนี่เลย ผมชักจะสงสัยเหมือนกัน แล้วว่าไอ้ข้อมูลที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์นั่นมัน
ไม่น่าจะจริงแล้ว คนที่เธอน่าจะมีความสำพันธ์ด้วยน่าจะเป็น ไอ้หน้าหล่อนี่มากกว่า
แต่ทำไมผมต้องสนใจเธอเป็นพิเศษด้วยนะ
ทำไมผมต้องรู้สึกไม่ชอบใจเวลาเธอยิ้มหรือคุยกับผู้ชายคนอื่น เราเพิ่งจะเจอกันและรู้จักกันได้ไม่ถึง
สิบสองชั่วโมงด้วยซ้ำ และผมไม่คิดว่าผมจะชอบเธอได้เร็วขนาดนั้น มันไม่ใช่ความรักแน่ๆ
ผมจะมีความรักง่ายดาย อย่างนั้นเหรอ ไม่นะ ทำไมผมรู้สึกสับสนอย่างนี้ รู้สึกผมจะคิดกับตัวเองนานไปหน่อย
ผมลาทุกคนขึ้นไปบนห้องแล้วบอกว่า
คืนนี้ผมคงเจ้าร่วมงานเลี้ยงไม่ได้ เพราะผมรู้สึกไม่สบาย รู้สึกตอนที่ผมเดินกลับ
ผมหันหน้าไปทาง อควาแลด เขายิ้มให้
แปลกๆ เหมือนเค้าจะรู้อะไรบางอย่าง ที่ผมซ่อนเอาไว้ในสีหน้าราบเรียบ
ยิ่งหมอนั่นทำหน้าอย่างนั้นผมก็ยิ่งไม่ชอบหมอนั่น
มากขึ้น
ช่วงกลางคืน ผมหมกตัวอยู่ในห้อง นั่งมองทะเลมืด ที่มีแสงจันทร์สีนวลกระทบกับพื้นน้ำ
มันแตกต่างกับทะเลในตอนเย็นที่เป็นสีส้มแสบตา ให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน ทั้งที่เป็นทะเลผืนเดียวกัน
แท้ๆ เสียงเพลงจากงานเลี้ยงลอดเข้ามา
ภายในห้อง ผมคิดว่าพวกเค้าคงสนุกกันมาก ผมยังคงนั่งอยู่บนเตียง คิดอะไรไปเรื่อย
ไฟในห้องถูกปิดให้มืดสนิท ผมชอบความมืด มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม
ก่อนที่ผมจะก้าวเข้ามาสู่โลกของการเป็น ฮีโร่ห์ ซะอีก เป็นแบทแมน หรือ ผมคิดว่า
มันเป็นแค่ตำนานเท่านั้น ไม่มีจริงหรอก คนที่สละตัวเองเพื่อมาปราบเหล่าร้าย
จนกระทั่งผมได้มาพบกับเค้าคนนั้นจริงๆ
เค้าคนที่เป็นตำนาน มันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยน มันเหมือนทำให้ช่วงเวลาที่ผมสูญเสียไป
หลังจากสูญเสียพ่อได้กลับมาอีกครั้ง
ผมได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำที่สุด คือปราบเหล่าร้ายให้หมดไป เพื่อให้ไม่ต้องมีคนที่
ประสบชะตากรรมเหมือนผม
การที่พ่อของคุณ ถูกฆ่าตายโดยที่คุณช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย มันช่างเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดนัก
บรูซบอกผมว่าเค้าเข้าใจผม เพราะเค้าก็เจอกับเหตุการณ์เดียวกันกับที่ผมเจอ แต่เค้าบอกผมว่าผมยังโชคดี
เพราะผมยังเหลือทั้งแม่ และน้องแต่เค้าไม่เหลือใคร นอกจากพ่อบ้านที่แสนดี อัลเฟรด
เค้าถึงอยากจะมีครอบครัว
เค้ารับเลี้ยงเด็กกำพร้าสามคนแล้ว และคนแรกก็คือ ดิ๊ก เกรย์สัน เค้าเป็นโรบิ้นคนแรก
และเป็นได้ดีเสียด้วยตามที่ บรูซเล่ามา แต่ผมไม่อยากจะถามเหตุผล ว่าทำไมเค้าถึง
แยกตัวออกมาตัวทีมของตัวเอง มันเป็นคำถามที่เจ็บปวดสำหรับพ่อ
แม่ เมื่อเราถามเค้าว่า ทำไมลูกของคุณถึงออกจากบ้านคุณไป แต่ผมรู้ว่า บรูซเค้ารักโรบิ้น
ทุกคนที่อยู่กับเค้า เหมือนกับลูกแท้ๆ เหมือนกับดาเมี่ยน ขณะที่ผมกำลังคิดเรื่องอะไรเพลินๆ
ก็มีบางอย่างทำให้ผมต้องตื่นจาก
พะวังความคิด เสียงเคาะประตูดังมาก ผมรีบเดินไปเปิดมัน คนที่ผมไม่คาดคิดว่าจะมาหาก็ปรากฏตัวขึ้น
“ไซบอร์ค บอกให้ฉันเข้ามาดูว่านายไม่สบายมากหรือเปล่า” เรเวนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เธอทำหน้าบึ้งและไม่ยอมสบตาผม ดูเธอทำหน้าเข้า เมื่อตอนเย็นยังระริกระรี้ กับไอ้หน้าหล่อนั่น
เอ่อ..ผมหมายถึง อตวาแลด คิดถึงหน้านายนั่นผมก็หงุดหงิดขึ้นมาซะงั้น ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
ถ้าคิดอีกแง่นึง ผมเบี่ยงเบนทางเพศหรือเปล่า เนี่ย ผมคิดถึงหน้าหมอนั่นหงุดหงิด
อืมงั้นลองคิดภาพ ตอนที่ผมจูบอย่างดูดดื่มกับ อควาแลด อ๊ากกกก ผมจะอ๊วก ..............คิดเพลินอีกแล้ว
ดูท่าทางเรเวนมองผมด้วยสายตาแปลกๆนั่นสิ เธอคงมองหน้าผมผะอืดผะอม อยู่ ผมกำลังจะพูดตอบเธอ
แต่เธอชิงพูดก่อน
“นายคงไม่สบายมากสินะ ทำหน้าอยากจะอาเจียนแบบนั้น การเดินทางข้ามเวลาคงมีผลกระทบกับ
นายมากสิน”
เรเวน เธอเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเสียงที่อ่อน ผมก็เลยตามเลยละงานนี้ ผมแกล้งเอามือกุมหัว
แล้วก็เดินเซไปที่เตียงโดยไม่พูด
อะไรกับเธอ ดูท่าทางเธอจะเริ่มเป็นห่วงผมขึ้นมาบ้างแล้ว ผมเริ่ม ผมเริ่มแสดงละครต่อผมนอนลงที่เตียง
แล้วก็นอนหันไป
ทางทะเล โดยปล่อยให้ เรเวนยืนอยู่ข้างหลัง ผมอยากเห็นหน้าเธอตอนนี้จัง
“ดูท่านายจะแย่ เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะ ไซบอร์คน่าจะพอมียาในกล่อง ประถมพยาบาลอยู่บ้าง”
เธอเดินออกไปจากห้อง
ผมได้แต่ขำในใจ ซักครู่ มีเสียงเปิดประตูออก นั่นแน่เธอเข้ามาแล้ว ผมกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น
และก็มีมือยื่นมาจับที่หลังผม
เธอแตะตัวผมด้วย ผมหันไปเพื่ออยากที่จะมองหน้าเธอ แต่ผมต้องตกใจอย่างแรง จนร่างสะดุ้ง
คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่เรเวน
เค้าคือ อควาแลด ถือถาดใส่ยากับแก้วน้ำ หมอนี่ยิ้มให้ผมอีกแล้ว ผมยังจำมโนภาพเมื่อกี้ได้
มันทำให้ผมรู้สึกอยากอาเจียนอีกแล้ว
“ดูท่าทางนายแย่นะ เรเวนบอกให้ฉันเอายาพวกนี้มาให้นาย เพราะเธอต้องไปทำแผล ให้กับบิสบอยที่พยายาม
จะจับกองไฟที่ใช้ย่างบาบีคิว ด้วยมือเปล่า” บิสบอยทำเรื่องงี่เง่าอีกแล้ว
แล้วทำไมนายนี่รู้สึกจะดีใจเป็นพิเศษ นะเวลายกแก้วน้ำมาให้ผม ผมรับแก้วน้ำและยามา
รีบกินมันเข้าไปเพื่อจะได้ให้ ไอ้หน้าหล่อนี่ออกไปจากห้องซะที อควาแลดเริ่มพูดอีก
“ฉันรู้จัก เรเวนมานานแล้ว เธอเป็นคนที่น่ารักมาก ถึงจะชอบทำตัวเย็นชา
แต่ที่จริงเธออ่อนโยนมากเลยนะ เหตุผลนี้แหละ
ที่ทำให้ หลายคนต้องตกหลุมรักเธอ “ หมอนี่พูดไปแล้วก็มองมาที่หน้าผม
ผมพยายามทำสีหน้าให้ราบเรียบที่สุด เพื่อไม่ให้ ถูกจับได้ว่ากำลังเครียดอยู่ หมอนั่นมองแล้วก็พูดต่ออีก
“ฉันก็ชอบเรเวน มากด้วย สาเหตุที่มาที่นี่ ก็เพื่อแวะมาหาเธอ ฉะนั้น เพื่อที่ฉันจะจีบ
เรเวนให้สำเร็จฉันคงต้องวานให้นายช่วยด้วย “
เวรกรรมแล้วไง หมอนี่พูดอย่างหน้าตาเฉยเลย แถมดูจะจริงจังซะด้วย ผมตอบเค้าไป “
ฉันจะช่วยนายก็ได้ เพราะชั้นก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่ท่าทางเย็นชาแบบนั้น
อีกอย่างในอนาคตฉันยังมีแมกอยู่ทั้งคน” ขอโทษนะเพื่อนที่เอาเธอมาอ้าง
แต่ยังไงเธอก็คงไม่รู้หรอก ดูอควาแลดจะพอใจเป็นอย่างมาก
เค้าเค้าเดินออกไปจนถึงประตู แล้วก็พูดว่า
“Good Night ..” พรุ่งนี้เราจะเริ่มแผนกัน
ผมคิดในใจว่า หมอนี่คงชอบคิดเองพูดเองคนเดียวแน่ๆ แล้วพรุ่งนี้ผมจะทำยังไงต่อไปดีหล่ะ.....
โปรดติดตามตอนต่อไป.....
หลบการกระโจน เข้ามาของใครก็ตามที่จ้องจะทำร้ายผม ผมเบี่ยงตัวหลบไปเล็กน้อย ผลก็คือ
บิสบอยล้มกลิ้งไถลไปกับพื้นห้อง หมอนั่นหันขวับมาทันที หลังจากตั้งหลักได้
“นายจะทำอะไรเรเวน นายมันคิดไม่ซื่อจริงๆ ฉันจะไปบอกไซบอร์คเรื่องนี้ นายเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจที่
สุด เป็นเหล่าร้ายที่หาตัวจับยาก นายนายมันบ้าที่สุด ” ท่าทางหมอนี่จะด่าคนไม่เก่งแฮะ ผมคิดในใจ
“ฉันไม่รู้ว่านายได้เห็นอะไร แต่ฉันไม่ได้ทำอะไร เรเวน นายต่างหากที่ไม่มีมารยาท เข้าห้องคนอื่นโดย
ไม่ได้รับอนุญาต” ผมตอบ บิสบอยไปด้วยหน้าตาเฉย ที่สุดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ไม่เชื่อนายถามเรเวน
ของนายดูสิว่า เกิดอะไรขึ้น” ผมพยายามเน้นคำว่า เรเวนของนาย
“บิสบอย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่” เธอพูดด้วยสีหน้าปกติที่สุด เธอพูดโดยไม่มองหน้าผม เธอหลบตาทุก
ครั้งที่พยายามพูดโกหก ผมจับเธอได้ ผมแอบยิ้ม แต่เรเวนมองตาขวางมาทางผม แล้วก็รีบหลบตาโดยเร็ว
เพราะเวลาหันมาทางผมเธอก็จะเห็น อกเปลือยของผมไปด้วย
“ฉันคิดว่าเราควรไปจากที่นี่กันเถอะ ชั้นรู้สึกหายใจไม่ออกเวลาอยู่ที่นี่” เรเวนพูดกับบิสบอย ผมไม่ได้พูดอะไร
เพียงแต่ยิ้มให้เธอ ดูเหมือนเธอจะหน้าแดงอีกแล้ว รีบก้าวออกไปจากห้องผม ส่วนบิสบอย แลบลิ้นปลิ้นตา
ใส่ผมก่อนจะจับมือเรเวน แล้วจูงมือเธออกไปจากห้อง หมอนี่จับมือเรเวนด้วย แสดงความเป็นเจ้าของซะจริง
ถ้าหมอนั่นเห็น ตอนที่ผมกอดเรเวน และพยายามจะหอมแก้มเธอ ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยายังไง คิดแล้วมันน่าสนุกชะมัด
ผมเจอตู้ใส่เสื้อผ้าภายในห้อง ผมเปิดเข้าไปพบกับชุดลำลอง คงเป็นของ ดิ๊ก ไซบอร์คคงเตรียมไว้ให้
ชุดออกจะเล็กไปสำหรับผม แต่ก็ไม่มีปัญหาผมแต่งแล้วก็ดูดีใช้ได้ ผมรู้สึกว่า การมาทำงานนี้อาจจะเป็นเวลา
พักร้อนของผมจริงๆ ก็ได้ ตอนนี้ยังว่างอยู่ ผมน่าจะออกไปเดินสูดอากาศรอบๆ เกาะดูบ้าง
มันคงเป็นการหย่อนใจที่ดีมากๆ แน่ ผมเดินออกจาก
ห้อง และพยายามเอาหูแนบฟังที่ห้องของเรเวน ไม่มีเสียงอะไรลอดผ่านออกมาจากห้องเธอเลย ผมคิดว่าเธอ
คงจะไม่อยู่ ผมยังจำหน้าตอนที่เธอถูกผมกอดได้เลย มันน่ารัก และน่าแกล้งมาก
ผมออกจากห้องมาโดยที่จะไม่ลืม หยิบคีย์การ์ด และแบทตะแรง มาสองสามอัน เผื่อฉุกเฉินผมคิดอย่าง
นั้น ผมเดินออกจากห้องผ่านไปทางห้องโถง ทุกคนหายไปหมดแล้ว การที่ผมเหมือนถูกทิ้งไว้คนเดียว
ทำให้ผมรู้สึกว่าเหมือนผมจะต้องพลาดอะไรที่สำคัญไปแน่ๆ ผมรีบเดินออกไปที่หน้าตึก
และนั่นเองทำให้ผมรู้ว่า อาจจะไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวซะแล้ว ที่จะเป็นแขกของตึกนี้
ชายหนุ่มร่างสูง เขาไม่ได้ยืนบนพื้น แต่เขายืนบนหลังปลาวาฬ ชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาดีทีเดียว
ผมยาวประบ่า มีผมสีดำเข้มและดวงตาสีดำเข้มเช่นกัน และที่ผมไม่ชอบใจนัก เรเวนดูจะดีใจเป็นพิเศษ
เมื่อได้เจอเขาคนนั้น เธอยิ้มอย่างเป็นสุข ทีกับผม
เธอทำหน้าหงิกตลอดเวลา แถมยังไม่ยอมมองหน้าผมอีกด้วย
“มาพอดีเลย ฉันจะแนะนำให้นายรู้จัก นี่คือ อควาแลด เค้าเป็นหนึ่ง ใน ไททั่นส์เหมือนกันกับพวกเราที่นี่
พอดีเค้ามาทำธุระแถวนี้ เลยแวะมาหาพวกเราที่นี่ ฉันว่าน่าสนุกถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันหลายๆคน
เราจะจัดปาร์ตี้ แฟนซีกันคืนนี้ นายอาจคิดว่าเป็นเรื่องงี่เง่า แต่มันน่าสนุกจะตาย และฉันก็อยากให้นายร่วมด้วย
นะ เราน่าจะมาสนุกกัน ถึงแม้ฉันเสียดายอยู่บ้าง ที่ โรบิ้น กับสตาร์ไฟร์ ไม่อยู่ แต่ถึงขาดสองคนนั่น
ก็ใช่ว่าจะจัดงานปาร์ตี้ไม่ได้นี่นะ” ไซบอร์คพูดยาวและเร็วมาก แทบไม่เว้น
ช่องว่างให้ผมได้ตอบคำถามเลย ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตอบคำถามไหนก่อนแต่อย่างแรกที่ผมทำคือ
เดินเข้าไปใกล้กับ อควาแลด แล้วทักทายกับเค้า เรเวนที่ยืนอยู่ใกล้ ไม่มองหน้าผมเลย แต่เธอยิ้มให้
อควาแลดตลอดเวลา และผมก็รู้สึกได้เลย
ว่าคนที่หมั่นไส้หมอนี่ไม่ใช่ผมคนเดียว บิสบอยก็ ทำหน้าตาหงิกงอ ผมเห็นเค้าฝืนยิ้มให้ อควาแลด
เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาถึงที่นี่ ผมสะใจกับอาการของบิสบอยเป็นอย่างมาก เพราะดูเหมือนว่าเรเวน
เธอจะไม่ได้แยแสอะไรกับหมอนี่เลย ผมชักจะสงสัยเหมือนกัน แล้วว่าไอ้ข้อมูลที่ปรากฏในคอมพิวเตอร์นั่นมัน
ไม่น่าจะจริงแล้ว คนที่เธอน่าจะมีความสำพันธ์ด้วยน่าจะเป็น ไอ้หน้าหล่อนี่มากกว่า
แต่ทำไมผมต้องสนใจเธอเป็นพิเศษด้วยนะ
ทำไมผมต้องรู้สึกไม่ชอบใจเวลาเธอยิ้มหรือคุยกับผู้ชายคนอื่น เราเพิ่งจะเจอกันและรู้จักกันได้ไม่ถึง
สิบสองชั่วโมงด้วยซ้ำ และผมไม่คิดว่าผมจะชอบเธอได้เร็วขนาดนั้น มันไม่ใช่ความรักแน่ๆ
ผมจะมีความรักง่ายดาย อย่างนั้นเหรอ ไม่นะ ทำไมผมรู้สึกสับสนอย่างนี้ รู้สึกผมจะคิดกับตัวเองนานไปหน่อย
ผมลาทุกคนขึ้นไปบนห้องแล้วบอกว่า
คืนนี้ผมคงเจ้าร่วมงานเลี้ยงไม่ได้ เพราะผมรู้สึกไม่สบาย รู้สึกตอนที่ผมเดินกลับ
ผมหันหน้าไปทาง อควาแลด เขายิ้มให้
แปลกๆ เหมือนเค้าจะรู้อะไรบางอย่าง ที่ผมซ่อนเอาไว้ในสีหน้าราบเรียบ
ยิ่งหมอนั่นทำหน้าอย่างนั้นผมก็ยิ่งไม่ชอบหมอนั่น
มากขึ้น
ช่วงกลางคืน ผมหมกตัวอยู่ในห้อง นั่งมองทะเลมืด ที่มีแสงจันทร์สีนวลกระทบกับพื้นน้ำ
มันแตกต่างกับทะเลในตอนเย็นที่เป็นสีส้มแสบตา ให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน ทั้งที่เป็นทะเลผืนเดียวกัน
แท้ๆ เสียงเพลงจากงานเลี้ยงลอดเข้ามา
ภายในห้อง ผมคิดว่าพวกเค้าคงสนุกกันมาก ผมยังคงนั่งอยู่บนเตียง คิดอะไรไปเรื่อย
ไฟในห้องถูกปิดให้มืดสนิท ผมชอบความมืด มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม
ก่อนที่ผมจะก้าวเข้ามาสู่โลกของการเป็น ฮีโร่ห์ ซะอีก เป็นแบทแมน หรือ ผมคิดว่า
มันเป็นแค่ตำนานเท่านั้น ไม่มีจริงหรอก คนที่สละตัวเองเพื่อมาปราบเหล่าร้าย
จนกระทั่งผมได้มาพบกับเค้าคนนั้นจริงๆ
เค้าคนที่เป็นตำนาน มันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยน มันเหมือนทำให้ช่วงเวลาที่ผมสูญเสียไป
หลังจากสูญเสียพ่อได้กลับมาอีกครั้ง
ผมได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำที่สุด คือปราบเหล่าร้ายให้หมดไป เพื่อให้ไม่ต้องมีคนที่
ประสบชะตากรรมเหมือนผม
การที่พ่อของคุณ ถูกฆ่าตายโดยที่คุณช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย มันช่างเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดนัก
บรูซบอกผมว่าเค้าเข้าใจผม เพราะเค้าก็เจอกับเหตุการณ์เดียวกันกับที่ผมเจอ แต่เค้าบอกผมว่าผมยังโชคดี
เพราะผมยังเหลือทั้งแม่ และน้องแต่เค้าไม่เหลือใคร นอกจากพ่อบ้านที่แสนดี อัลเฟรด
เค้าถึงอยากจะมีครอบครัว
เค้ารับเลี้ยงเด็กกำพร้าสามคนแล้ว และคนแรกก็คือ ดิ๊ก เกรย์สัน เค้าเป็นโรบิ้นคนแรก
และเป็นได้ดีเสียด้วยตามที่ บรูซเล่ามา แต่ผมไม่อยากจะถามเหตุผล ว่าทำไมเค้าถึง
แยกตัวออกมาตัวทีมของตัวเอง มันเป็นคำถามที่เจ็บปวดสำหรับพ่อ
แม่ เมื่อเราถามเค้าว่า ทำไมลูกของคุณถึงออกจากบ้านคุณไป แต่ผมรู้ว่า บรูซเค้ารักโรบิ้น
ทุกคนที่อยู่กับเค้า เหมือนกับลูกแท้ๆ เหมือนกับดาเมี่ยน ขณะที่ผมกำลังคิดเรื่องอะไรเพลินๆ
ก็มีบางอย่างทำให้ผมต้องตื่นจาก
พะวังความคิด เสียงเคาะประตูดังมาก ผมรีบเดินไปเปิดมัน คนที่ผมไม่คาดคิดว่าจะมาหาก็ปรากฏตัวขึ้น
“ไซบอร์ค บอกให้ฉันเข้ามาดูว่านายไม่สบายมากหรือเปล่า” เรเวนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เธอทำหน้าบึ้งและไม่ยอมสบตาผม ดูเธอทำหน้าเข้า เมื่อตอนเย็นยังระริกระรี้ กับไอ้หน้าหล่อนั่น
เอ่อ..ผมหมายถึง อตวาแลด คิดถึงหน้านายนั่นผมก็หงุดหงิดขึ้นมาซะงั้น ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
ถ้าคิดอีกแง่นึง ผมเบี่ยงเบนทางเพศหรือเปล่า เนี่ย ผมคิดถึงหน้าหมอนั่นหงุดหงิด
อืมงั้นลองคิดภาพ ตอนที่ผมจูบอย่างดูดดื่มกับ อควาแลด อ๊ากกกก ผมจะอ๊วก ..............คิดเพลินอีกแล้ว
ดูท่าทางเรเวนมองผมด้วยสายตาแปลกๆนั่นสิ เธอคงมองหน้าผมผะอืดผะอม อยู่ ผมกำลังจะพูดตอบเธอ
แต่เธอชิงพูดก่อน
“นายคงไม่สบายมากสินะ ทำหน้าอยากจะอาเจียนแบบนั้น การเดินทางข้ามเวลาคงมีผลกระทบกับ
นายมากสิน”
เรเวน เธอเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเสียงที่อ่อน ผมก็เลยตามเลยละงานนี้ ผมแกล้งเอามือกุมหัว
แล้วก็เดินเซไปที่เตียงโดยไม่พูด
อะไรกับเธอ ดูท่าทางเธอจะเริ่มเป็นห่วงผมขึ้นมาบ้างแล้ว ผมเริ่ม ผมเริ่มแสดงละครต่อผมนอนลงที่เตียง
แล้วก็นอนหันไป
ทางทะเล โดยปล่อยให้ เรเวนยืนอยู่ข้างหลัง ผมอยากเห็นหน้าเธอตอนนี้จัง
“ดูท่านายจะแย่ เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะ ไซบอร์คน่าจะพอมียาในกล่อง ประถมพยาบาลอยู่บ้าง”
เธอเดินออกไปจากห้อง
ผมได้แต่ขำในใจ ซักครู่ มีเสียงเปิดประตูออก นั่นแน่เธอเข้ามาแล้ว ผมกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น
และก็มีมือยื่นมาจับที่หลังผม
เธอแตะตัวผมด้วย ผมหันไปเพื่ออยากที่จะมองหน้าเธอ แต่ผมต้องตกใจอย่างแรง จนร่างสะดุ้ง
คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่เรเวน
เค้าคือ อควาแลด ถือถาดใส่ยากับแก้วน้ำ หมอนี่ยิ้มให้ผมอีกแล้ว ผมยังจำมโนภาพเมื่อกี้ได้
มันทำให้ผมรู้สึกอยากอาเจียนอีกแล้ว
“ดูท่าทางนายแย่นะ เรเวนบอกให้ฉันเอายาพวกนี้มาให้นาย เพราะเธอต้องไปทำแผล ให้กับบิสบอยที่พยายาม
จะจับกองไฟที่ใช้ย่างบาบีคิว ด้วยมือเปล่า” บิสบอยทำเรื่องงี่เง่าอีกแล้ว
แล้วทำไมนายนี่รู้สึกจะดีใจเป็นพิเศษ นะเวลายกแก้วน้ำมาให้ผม ผมรับแก้วน้ำและยามา
รีบกินมันเข้าไปเพื่อจะได้ให้ ไอ้หน้าหล่อนี่ออกไปจากห้องซะที อควาแลดเริ่มพูดอีก
“ฉันรู้จัก เรเวนมานานแล้ว เธอเป็นคนที่น่ารักมาก ถึงจะชอบทำตัวเย็นชา
แต่ที่จริงเธออ่อนโยนมากเลยนะ เหตุผลนี้แหละ
ที่ทำให้ หลายคนต้องตกหลุมรักเธอ “ หมอนี่พูดไปแล้วก็มองมาที่หน้าผม
ผมพยายามทำสีหน้าให้ราบเรียบที่สุด เพื่อไม่ให้ ถูกจับได้ว่ากำลังเครียดอยู่ หมอนั่นมองแล้วก็พูดต่ออีก
“ฉันก็ชอบเรเวน มากด้วย สาเหตุที่มาที่นี่ ก็เพื่อแวะมาหาเธอ ฉะนั้น เพื่อที่ฉันจะจีบ
เรเวนให้สำเร็จฉันคงต้องวานให้นายช่วยด้วย “
เวรกรรมแล้วไง หมอนี่พูดอย่างหน้าตาเฉยเลย แถมดูจะจริงจังซะด้วย ผมตอบเค้าไป “
ฉันจะช่วยนายก็ได้ เพราะชั้นก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่ท่าทางเย็นชาแบบนั้น
อีกอย่างในอนาคตฉันยังมีแมกอยู่ทั้งคน” ขอโทษนะเพื่อนที่เอาเธอมาอ้าง
แต่ยังไงเธอก็คงไม่รู้หรอก ดูอควาแลดจะพอใจเป็นอย่างมาก
เค้าเค้าเดินออกไปจนถึงประตู แล้วก็พูดว่า
“Good Night ..” พรุ่งนี้เราจะเริ่มแผนกัน
ผมคิดในใจว่า หมอนี่คงชอบคิดเองพูดเองคนเดียวแน่ๆ แล้วพรุ่งนี้ผมจะทำยังไงต่อไปดีหล่ะ.....
โปรดติดตามตอนต่อไป.....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น