คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 งาน...
(อ่านทุกบรรทัดอย่างละเอียดนะค่ะ จะได้รับรู้ความรู้สึกตัวละครจริงๆ)
บทที่ 1 งาน...
...ค่ำคืนที่มืดมิดและท้องฟ้าที่ไร้แสงสว่างดวงดาว...จึงมีเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟเท่านั้นที่คนพวกนี้คุ้นชิน...
เพราะพวกเขาทำงานตอนกลางคืน...แต่ถ้าจะมีตอนกลางวันก็ไม่เกี่ยง
พลับๆๆ!
เสียงของเนื้อกระทบเนื้อและเสียงหอบกระเส่าของคนสองคนดังขึ้นภายในห้องพักของโรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงโซล
“อ๊ะ...อ๊า...แรงกว่านี้อีกซักหน่อยสิ...หมดแรงแล้วหรอ?”
“อย่าดูถูกผมคนสวย...”ว่าแล้วร่างสูงก็จับแขนบางของหญิงสาวตรงหน้าตรึงลงบนเตียง แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ “ผมจัดให้คุณได้ทั้งคืน...”
“ฉันก็จ่ายให้นายได้ไม่อั้น…”
หญิงสาวกระตุกยิ้ม ก่อนจะลูบไล้แผงอกอันกำย่ำของชายหนุ่มจนไปถึงต้นคอแล้วจับให้โน้มลงมารับจูบอย่างเร่าร้อน แล้วบทเรียนแห่งกามมารมณ์ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง....
.......................
เวลากลางวันแบบนี้สมควรเป็นเวลาที่ใครหลายคนตื่นและออกมาทำงานหรือเรียนหนังสือกัน แต่ไม่ใช่กับ...จงอิน ทั้งที่เป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายแล้วแท้ แต่กลับไปเรียนสายทุกวันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้วด้วยซ้ำ...ที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเขาต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตนเองและแบ่งเบาภาระแม่ที่เลี้ยงดูเขามา เขาไม่อยากให้แม่ทำงานหนัก ไม่อยากให้แม่ไปเป็นขี้ข้าของใคร และงานของเขาเองก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมากมาย ก็แค่โยกตัวไปมาอยู่บนเตียงก็เท่านั้น ซึ่งงานนี้แม่ของเขาก็ไม่เคยรู้...
“พี่ว่างเงินไว้ที่หัวเตียงให้แล้วนะจงอิน...” หญิงสาวบอกกับจงอินที่กำลังอาบน้ำอยู่ พร้อมกับตนเองที่กำลังแต่ตัวอยู่เช่นกัน
“ครับ” เสียงทุ้มขานรับ ถึงแม้น้ำเสียงนั้นยังดูเหมือนว่าจงอินยังคงร่าเริงและเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม แต่ใครจะรู้ว่าน้ำเสียงนั้นมันซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้...
“พี่ไปแล้วนะ ไว้โอกาสหน้าพี่จะกลับมาใช่บริการอีก” หญิงสาวบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป ขณะนั้นเองจงอินก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ร่างสูงมีเพียงแค่ผ้าขนหนูพันแค่ท่อนล่าง ส่วนท่อนบนนั้นยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ตามกล้ามแขนและลอนหน้าท้องเล็กน้อย ร่างสูงเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเกิดจะเปิดประตูตู้ออกเพื่อหยิบเอาชุดนักเรียนมาใส่
จงอินยืนมองชุดนักเรียนที่อยู่ในมือด้วยสายตาที่หม่นหมอง จริงๆแล้วเขาอยากลาออกเพื่อออกมาทำงานช่วยแม่ แต่แม่ของเขาเองก็บอกว่าอยากให้จงอินเรียนจบและมีงานทำอย่างสุจริต...จริงๆแล้วงานที่เขาทำอยู่ตอนนี้มันก็สุจริต...ใช่ไหม?
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
‘บักเงิงสะท้านฟ้า’
เสียงเรียกเข้าจากเพื่อนร่วมห้องที่สนิทกับเขาที่สุดโทรมา ร่างสูงเดินไปหยิบโทรโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงพรางใส่ชุดนักเรียนไปด้วย
“ฮัลโหล...”
‘จงอินนี่มันสายแล้วนะเว้ยยยย อาจารย์จะเข้าอยู่แล้วเนี้ยยย!’
“ปกติกูก็สายแบบนี้นะ”
‘ถ้าคาบแรกไม่ใช่วิชาของอาจารย์ฝ่ายปกครองกูจะโทรหามึงไหม ไอ่สาสสสสส!’
“เฮ้ยจริงด้วยว่ะ! เออๆ เดี๋ยวกูรีบแต่งตัวแล้วจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
‘ด่วนเลยมึง ไอ้ฟัค!’
“ไอ้สัสส!”ทันทีที่ด่าเพื่อนตัวดีจบร่างสูงก็กดวางสายทันที
สงสัยวันนี้ต้องใส่ตีนหมาอีกแล้วสิเนี้ย ดีนะที่โรงเรียนไม่ได้อยู่ห่างจากคอนโดที่เป็นที่ทำงานของเขาซักเท่าไร….
……………..
“สมัยทางประวัติศาสตร์แบ่งออกเป็น...”เสียงอาจารย์วิชาประวัติพูดเจื้อยแจ้วเหมือนกับเล่านิทานให้เด็กฟังสำหรับอู๋อี้ฟานหรือคริส แต่สำหรับคนที่ตั้งใจเรียนจริงๆอาจจะเป็นสาระความรู้ ซึ่งมันคงไม่ใช่กับเขา ที่เป็นแค่เด็กหลังห้องของสายวิทย์...
ก็แล้วทำไม...รวยซะอย่างทำอะไรก็ไม่ผิด
แต่ก็ใช่ว่ารวยแล้วจะไม่หางานทำนะ...งานที่เขาแอบทำอยู่ก็คล้ายกับงานของจงอินนั่นแหละ แตกต่างกันแค่ จงอินทำเพื่อครอบครัวและตัวเอง แต่กับอี้ฟานทำเพื่อความสนุกและปลดปล่อยความเศร้าที่อยู่ในใจ
...ความเศร้าไม่เคยมีใครลบล้างมันออกจากใจของเขาได้เลย....
“มาสายอีกแล้วนะ จงอิน...หักคะแนนซะดีไหม?”เสียงของอาจารย์ปลุกอี้ฟานให้ออกจากพวังของตนเอง
“ขอโทษครับ...”
“ขอโทษอยู่นั่น แต่เธอก็ไม่เคยปรับปรุงตัวซักที ไปนั่งที่ได้แหละ”
“ขอบคุณครับ...”
จงอินโค้งทำความเคารพอาจารย์ แต่ก่อนจะเดินไปยังที่นั่งของตนเอง ร่างสูงก็ใช้สายตาของตน มองไปยังตำแหน่งที่นั่งของคนๆหนึ่งที่จงอินรู้จักดี...และถึงแม้ว่าเขาคนนั้นจะรู้ว่าจงอินมีตัวตนอยู่และแอบมองเสมอมาแต่ก็ไม่เคยสนใจสายตาของจงอินเลย...
ทำไม..ต้องยึดติดกับอดีตด้วย..
ซักพักคนตัวเล็กก็เริ่มรู้สึกเหมือนมีสายตาหนึ่งมองมายังตน จึงหันไปกวาดสายตามองหาดูแล้วก็ประสบกับสายตาดวงตาคมคู่หนึ่งที่มองมายังตน
คยองซูรีบหลบสายตาจากดวงตาคู่นั้นทันที ด้วยความรู้สึกที่เกลียดและกลัวอย่างบอกไม่ถูก แต่กลัว...เขากลัวอะไรสายตาคู่นั้น ร่างเล็กเองก็ไม่รู้คำตอบเช่นกัน คยองซูจึงเบือนหน้าหนีไปอีกทางตอนที่คนตัวสูงนั้นเดินผ่านเขาเพื่อไปยังที่นั่งของตน...
คยองซูหลบสายตาเขาอีกแล้ว...สายตานั้นมองมายังเขาด้วยความรังเกียจและเหมือนหวาดระแวง ใช่..เขารู้ตัวเองดี ว่าตนเองไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณหนูผู้สูงศักดิ์คนนี้เลยซักนิด...
“สุดท้ายมึงก็สายยยยยย มึงไม่มาเที่ยงเลยว่ะ?!”
“กูก็กะอยู่...”ว่าแล้วจงอินก็ฟุบหลับบนโต๊ะทันที เมื่อเห็นเพื่อนหลับคริสจึงต้องเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม แล้วจึงหลับตามไปด้วยอีกคน
.
.
.
.
.
.
“เอาล่ะ ครูฝากไว้แค่นี้ก่อนแล้วก็อย่าลืมทำการบ้านด้วยล่ะ...อ่ะ คยองซูเอาชีทการบ้านแจกเพื่อนให้ครูหน่อย”
ด้วยความที่ว่าสัญชาตญาณมันไวแต่เรื่องที่มันไม่ดี พอรู้สึกว่าครูปล่อยแล้วจงอินและคริสจึงตื่นขึ้นมาทันที ทั้งคู่บิดขี้เกียจอย่างไม่อายใคร ซักพักหนึ่งร่างเล็กที่จงอินเฝ้าแอบมองมานานก็เดินมาทางพวกเขาเหมือนจะเอาชีทงานมาให้ จงอินจ้องคยองซูอยู่อย่างนั้นจนคริสเองก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
มองอย่างกับจะกิน...จ้องแอบมองมานานเป็นปีขนาดนี้ ไม่เบื่อรึไงว่ะ
คริสคิดในใจพรางส่ายหัวก่อนจะลุกออกไปเข้าห้องน้ำ ทางคยองซูเองที่รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองจึงมองหาสายตาคู่นั้น ร่างเล็กกวาดสายตามองไปรอบๆจนประสานสายเข้ากับดวงตาคมคู่นั้น เขาทั้งคู่จ้องกันซักพักก่อนที่คยองซูจะละสายตาหนีไปก่อน
ไม่อยากจะสบสายตาคู่นั้น...ไม่อยากให้ภาพในอดีตที่พยายามลืมย้อนกลับเข้ามา
“จุนมยอน...ฉันฝากเอาชีทไปให้คริสกับ...จงอินด้วย”เสียงเอ่ยชื่อของเขาช่างแผ่วเบานักและสีหน้าทำไมต้องหม่นหมองอย่างนั่น คยองซูยื่นชีทจำนวน 2 ฉบับให้จุนมยอน ก่อนจะเดินหันไปแจกเพื่อนโต๊ะอื่นด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสต่างจากกับการที่เข้าใกล้จงอินดดยสิ้นเชิง
แค่ใกล้ฉันซักนิดก็ไม่ได้เลยหรอ...เจ็บดีจัง...
17.30 น.
“คยองทำเวรอยู่น่ะครับเลยเลิกช้า บอกให้คนขับรถมารับได้เลยครับ”คนตัวเล็กกดวางสายไปก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ทำเวรก็ช้าเพราะห้องสกปรกมาก แถมเพื่อนคนอื่นๆก็กลับกันหมดแล้วคนตัวเล็กเลยต้องนั่งรอรถอยู่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนคนเดียว แถมอากาศก็ดูมืดครึ้มๆเหมือนฝนจะตกอย่างไงอย่างงั้น....
ซ่า.....ซ่า.....
ยังไม่ทันขาดคำฝนก็ตกจริงๆ
ทั้งๆที่เป็นฤดูหนาวแต่ฝนกลับมาตกเสียอย่างนั้น อากาศช่างปกติดีเสียจริง.. แล้วทำไมต้องมาต้องตอนเลิกเรียนพอดี คยองซูที่ต้องนั่งรอรถมารับเพราะเนื่องจากฐานะทางบ้านที่ค่อนข้างจะเป็นมหาเศรษฐีทำให้ต้องมีรถมารับมาส่งอย่างเป็นส่วนตัวแต่ก็ใช่ว่าคยองซูจะชอบแบบนี้ คนตัวเล็กเองก็อยากจะนั่งรถประจำทางกลับกับเพื่อนบ้างเพราะจะได้มีคนคุยด้วย ไม่ใช่นั่งรถไปกับคนขับที่ใส่ชุดดำ แว่นตาดำ นั่งขับรถน่าเครียด มันทำให้คนที่เห็นอย่างคยองซูเสียสุขภาพจิต...เหมือนนั่งมากับยมฑูต
ซ่า....ซ่า....ซ่า.....
“อ๊า...ทำไมตกหนักกว่าเดิมล่ะเนี้ยยยย”คยองซูพูดพรางถอดกระเป๋าที่สะพายอยู่ออกขึ้นมาบังศีรษะเอาไว้ก่อนจะวิ่งออกจากป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนแล้ววิ่งไปหลบฝนภายในอาคารเรียนแทน
หวังว่าคนขับรถจะรู้นะว่าเขาไปหลบฝนอยู่ข้างใน....
คยองซูคิดในใจในขณะที่กำลังวิ่ง แต่ในขณะนั้นเองก็มีบุคคลคนหนึ่งเดินมาขวางทางตรงหน้า คยองซูเอาไว้ และแถมคยองซูเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าฝนจะหยุดตกแล้ว
หยุดตกแล้วแค่รอบตัวของเขา...มีใครบางคนเอาร่มมาบังฝนให้คยองซู
คนตัวเล็กค่อยๆเอากระเป๋าที่บังศีรษะอยู่ออก แล้วเงยหน้าขึ้นมองเหนือศีรษะก็พบกับร่มขนาดใหญ่ที่บดบังร่างของเขาจากละอองฝนเอาไว้ คยองซูจึงค่อยๆไล่สายตามองตามมือที่จับด้ามของร่มอยู่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงร่างของผู้ที่ถือร่มเอาไว้...
...จงอิน...
จงอินไม่ได้ยืนอยู่ใต้ร่มกับคยองซู แต่เขากลับเอาร่มบังร่างคนตัวเล็กไว้ทั้งหมด ส่วนตนเองนั้นยอมตากฝนเพื่อคยองซู
ก่อนหน้านั้นจงอินนั่งอยู่ใต้ตึกตั้งแต่โรงเรียนเลิก ที่ยังไม่กลับก็เพราะอยากจะส่งคนตัวเล็กเสียก่อนทั้งๆที่คยองซูเองอาจจะไม่รู้เลยว่าเค้าแอบนั่งมองเพื่อส่งคยองซูอย่างนี้ทุกวันตั้งแต่ที่เราเกลียดกัน ...ไม่สิ...คยองซูฝ่ายเดียวต่างหาก
จนกระทั่งฝนตกนั้นแหละจงอินก็รีบเอาร่มที่พกออกมาจากกระเป๋า เพื่อที่จะเอาไปให้คยองซูแต่คนตัวเล็กเองก็วิ่งเข้ามาเสียก่อนจึงต้องวิ่งเข้าไปหาทั้งที่ยังไม่ได้กางร่ม จนเมื่อถึงตัวคยองซุนั้นแหละจงอินถึงกางออก...
“อย่าวิ่งตากฝนสิ ถึงนายจะเอากระเป๋าบังไว้ตัวนายก็เปียกอยู่ดี...”
“....”คำพูดของจงอินเข้าโสตประสาทของคยองซูทุกคำ ก็จะมีแต่คยองซูนั้นแหละที่เอาแต่เงียบพูดไม่ออก จ้องมองใบหน้าของคนตัวสูงที่ถึงแม้ว่าจะหนาวเย็นจากฝนที่สาดกระหน่ำนั้นเพียงใดแต่จงอินก็ยังยิ้มได้ขณะที่พูด
“นายยิ่งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่...ถ้าโดนฝนเอามันจะไม่สบาย...”แม้จะได้ความเงียบเป็นคำตอบแต่จงอินก็ไม่เคยท้อ ขอให้ได้อยู่ใกล้ๆบ้างก็พอ...
“....”
“รับร่มไปสิ...ดะ...!”
แทนที่จะรับร่มไปถืออย่างที่คนตัวสูงกำลังจะบอกแต่คยองซูกลับปัดร่มในมือของจงอินนั้นทิ้ง โดยที่จงอินเองก็มองการกระทำของคนตัวเล็กอย่างไม่เข้าใจ จงอินกำลังจะเอ่ยถามแต่เมื่อได้สบตากับแววตาคู่นั้นของคยองซูที่กำลังมองเข้าไปในตาของเขาเพื่อต้องการที่จะสื่อสิ่งที่กำลังจะพูด
แววตานั้นช่างว่างเปล่า...และเต็มไปด้วยความเกลียดจริงๆ
“ออกไปไกลๆฉัน ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คนสกปรกอย่างนาย...”ในขณะที่พูดคยองซูก็กอดกระเป๋าแน่นพร้อมกับถอยหลังห่างจากจงอินไปเรื่อยๆ คนตัวสูงเองก็ทำท่าจะเดินตาม แต่คยองซูกลับชี้หน้าเขาเอาไว้ เหมือนสั่งให้หยุดเสียก่อน
“หยุดอย่าเดินตามฉันมา ฉันบอกแล้วไง ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คนอย่างนาย...!”
ตอนนี้สายตาของคยองซูช่างพร่ามัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายฝนที่กะหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสายหรือเป็นเพราะน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอเต็มดวงตา
ถึงแม้ว่าภาพที่เห็นจะพร่ามัวมากแค่ไหน แต่คยองซูก็ยังเห็นภาพของจงอินที่พยายามยื่นมืออกมาเหมือนต้องการจะคว้าตัวเขาเอาไว้ สีหน้าและริมฝีปากของคนตัวสูงนั้นซีดแถมยังสั่นระริก
ถ้าเขาตาไม่ฝาดไป ....จงอินเหมือนตาแดง...เหมือนเขาเองก็ร้องไห้ไม่ต่างจากคยองซูใช่ไหม?
“...นายอย่ายึดติดกับอดีตที่ผ่านมาได้ไหม?”
“.....”
“...ช่วยมองฉัน ตอนนี้ในปัจจุบันได้ไหม?”
“ไม่! จงอิน...อดีตมันลบล้างไม่ได้...มันคอยเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าฉันไม่ควรไปยุ่งกับคนเลวๆแบบนายอีก!”
คนตัวเล็กทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะสิ่งหนีออกไปแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลมาเป็นสายแข่งกับสายฝน ถ้าหากว่าคยองซูหันกลับมามองที่ตรงจงอินเคยยืนอยู่ตอนนี้ร่างสูงกลับทรุดตัวลงนั่งขุกเข่าปล่อยน้ำตาให้ไพลพรากออกมาแข่งกับสายฝนไม่ต่างจากคนที่วิ่งหนีออกไป....
คยองซูวิ่งกลับมาที่ป้ายรถเมล์อีกครั้งแล้วก็พบว่าคนขับรถประจำตระกูลมาพอดี คยองซูจึงรีบออกมายืนตรงริมฟุตบาทเมื่อคนขับรถเข้ามาจอดใกล้ๆคยองซูก็รีบเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหลังทันที ดีที่รถของบ้านคยองซูคันนี้มีกระจกปิดกั้นโลกส่วนตัวของเจ้านายเอาไว้ คยองซูจึงปล่อยให้น้ำไหลออกมาอีก เมื่อได้นึกถึงคำพูดของคนตัวสูงเมื่อสักครู่
“...นายอย่ายึดติดกับอดีตที่ผ่านมาได้ไหม?”
“.....”
“...ช่วยมองฉัน ตอนนี้ในปัจจุบันได้ไหม?”
“ฉันเกลียดนาย....เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด....”คยองซูพร่ำพูดอยู่อย่างนั้นดวงตาเหม่อลอยนึกถึงใบหน้าของคนที่เขาบอกว่าเกลียด
“ฉันเคยพูดไว้แล้วว่าเกลียด ฉันก็ต้องทำให้ได้อย่างที่พูด...”
คำพูดในอดีตที่เคยพูดเอาไว้ กลับมาเล่นงานในปัจจุบันอย่างแสนสาหัส
สมองมันสั่งให้เกลียด...แต่ใจมัน......
คฤหาสน์ตระกูลโด
เมื่อรถคันหรูจอดเทียบประตูทางเข้าบ้านคยองซูไม่รอช้ารีบเปิดประตูแล้วลงจากรถไปทันที คนตัวเล็กยื่นกระเป๋าให้คนใช้แล้วบอกให้หล่อนนำงานที่อยู่ในกระเป๋าออกมาตากแห้ง ส่วนตนเองนั้นก็รีบขึ้นไปบนห้องเพื่อจัดการกับสภาพที่เปียกโชกอย่างกับลูกหมาตกน้ำทันที
“คยองวันนี้กินข้าวเย็นไหมลูก?”น้ำเสียงแสนอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ โด ยองจิน เอ่ยถามผู้เป็นลูกชายขณะที่กำลังจะเดินขึ้นไปยังห้องของตน
“ไม่อ่ะครับ วันนี้ผมไม่ค่อยหิว..”
“อืม โอเคขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วลูกเดี๋ยวไม่สบายเอา”
“ครับ...เดี๋ยวแม่วานบอกคุณป้าจองอาให้เอานมอุ่นไปให้ผมก่อนนอนด้วยนะครับ”
“จ้ะ เดี๋ยวแม่บอกให้”
คยองซูกล่าวขอบคุณคนเป็นแม่อีกครั้งก่อนจะขึ้นไปยังห้องนอนของตน เมื่อถึงห้องคยองซูก็รีบจัดการกับเสื้อผ้าของตนโดยการโยนไปยังตระกร้าก่อนจะเดินล่อนจ้อนไปยังห้องน้ำ
เมื่ออาบน้ำเสร็จคยองซูก็ลงมาข้างล่างเพื่อมาเอาการบ้านที่คุณครูสั่งไว้ขึ้นไปทำ ดีนะที่เป้นแค่ชีทกระดาษเลยแห้งเร็ว ถ้าเป็นสมุดล่ะก็กว่าจะแห้งนี่คงยาก คนตัวเล็กนั่งทำงานจนถึงเวลาที่ควรนอนเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น...
“คุณหนูค่ะ ป้าเอานมมาให้ค่ะ”คยองซูพับจัดเก็บงานให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปยังประตูเพื่อรับนมจากแม่นมที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก คิม จองอา แม่ของคิม จงอิน
“ขอบคุณครับ...ซู้ดดดด”ทันทีที่แก้วนมมาอยู่ในมือคนตัวเล็กก็รีบจัดการกับมันทันที
“ค่อยๆก็ได้ค่ะ เดี๋ยวสำลักกันพอดี”จองอาพูดพรางเอามือเช็ดครราบน้ำนมที่ติดอยู่ตรงมุมปากของคุณหนู
“ก็ผมหิวนี่ครับ แล้วดึกป่านนี้ป้าไม่กลับบ้านหรอครับ?”
ใช่...ป้าจองอาต้องกลับบ้าน ไปดูแลจงอิน จังกู ที่เป็นน้องสาวของจงอินและสามีของป้าที่ขี้เหล้าเมายา ชอบทำลายร่างกายป้าอยู่บ่อยๆ
“กำลังจะกลับแล้วล่ะค่ะ...ดึกป่านนี้จงอินน่าจะกลับบ้านแล้ว”
หมอนั้นเคยคิดจะกลับบ้านด้วยหรอครับ...
คยองซูอยากจะถามออกไปเหลือเกินแต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ในใจ พำราะไม่อยากทำให้ป้าจองอาสงสัยหรือเสียใจหากรู้ว่าลูกชายของตนเองทำอะไร...
“ครับ เดินทางปลอดภัยนะ”คยองซูโค้งทำเคารพครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดประตูลง คนตัวเล็กเดินที่แก้วนมตรงไปยังเตียงด้วยความเหม่อลอย จิตใจกำลังคิดถึงใครบางคนที่ทำให้เขาผิดหวัง...
10ปีที่แล้ว
สวนหลังบ้านตระกูลโด
“คุณพ่อฮะ เด็กคนนั้นคือใครฮะ?”เด็กน้อยตัวเล็กเท่าเข่าจองคุณพ่อตัวสูงเงยหน้าถามพรางชี้ไปที่เด็กคนหนึ่งที่เนื้อตัวค่อนข้างสกปรกมอมแมม ตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำดำเขียวเต็มไปหมด และมากับแม่นมสุดหวงของคยองซูอีกด้วย!
“ลูกของป้าจองอาน่ะลูก เขาอายุเท่าคยองเลยนะ ไปชวนเขาเล่นหน่อยสิ...คยองเองก็ได้มีเพื่อนด้วย”คุณพ่อตัวสูงพูดพรางย่อตัวลงหอมแก้มลูกชายของตนอย่างรักใคร่
“ทำไมเขาดูเศร้าจังเลยฮะ...”คยองซูพูดพรางกับมองไปที่เด็กชายคนนั้นที่แววตาเขาดูเศร้านั่งเล่นกับลูกหมาของบ้านคยองซู ถึงแม้ว่าจะยิ้มที่ได้เล่นกับลูกสุนัขจอมซนนั้นแต่ดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย
“เขาไม่มีเพื่อนเล่นไง เขาอยากมีเพื่อน”
“งั้นคยองจะเป็นเพื่อนเขาเองฮะ!”เด็กน้อยพูดฮึดฮัดก่อนจะวิ่งออกจากอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อเข้าไปหาเด็กชายคนนั้น
“นี่!”
เด็กคนนั้นสะดุ้งโย่งด้วยความตกใจจนก้นจ้ำเบ้ากับพื้นหญ้า
“นายชื่ออะไรหรอ?”
“....”
“เอ้า ถามก็ไม่ตอบเป็นใบ้รึไง?!”เด็กน้อยจอมแก่นถามพรางยืนกอดอกมองคนที่นั่งอยู่กับพื้น
“จะ...จงอิน”
“อ่อออออออ จงอิน ส่วนฉันชื่อคยองซูนะ ต่อไปนี่เราจะเป็นเพื่อนเล่นกัน!”
...และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นการพบกันระหว่างเขากับจงอิน...
คยองซูถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงอดีต คนตัวเล็กเอื้อมมือไปปิดสวิทต์ไฟพร้อมกับแก้วนมวางไว้ที่โต๊ะข้างๆหัวเตียง คยองซูค่อยผ่อนกายนอนบนเตียงช้าก่อนจะหลับตาลง...
“ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะออกไปจากหัวฉันได้นะจงอิน”
คนตัวเล็กพร่ำพรัมออกมาทั้งที่เปลือกตายังปิดอยู่ ...ออกจากหัว...หรือ...ออกจากใจกันแน่?
TBC.
หลังเปิดทิ้งไว้นาน มาต่อแล้วนะค้า อ่านแล้วเม้นท์กันด้วยนะ ไรท์ขอร้องงงงงง อยากจะบอกว่ามาตอนแรกแม่งก็หน่วงแล้วอ่ะ 555555 ยังมีหน่วงกว่านี้อีกค่ะไม่ต้องห่วงงง แต่ก้ใช่ว่าจะมีคู่เศร้าแล้วจะเศร้าทั้งเรื่องนะ คู่อื่นก็ตามสไตล์ของเขาไป
สุดท้ายนี้ฝากเม้นท์(ถ้ายอดเม้นท์ขึ้นเร็วอัพเร็วนะ เพราะอีกเรื่องยังไม่จบเลย) ฝากโหวตและติดแท็ก #ฟิคซื้อฉัน ทักทายกันได้ที่ @Noei_Bapattanan
ความคิดเห็น