คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ความจริง
เทพโอสถเดินวนไปวนมาในบ้านของเขา เลือกเฟ้นสมุนไพรหลายชนิดออกมาเพื่อทดสอบและทดลองก่อนนำไปใช้จริง เสียงกุกกักที่ดังขึ้นได้ปลุกใครอีกคนที่อยู่ในห้องขึ้นมา
ฮุ่ยซิงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะลืมตาโพล่งขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าตนต้องรีบหนีต่อแล้ว พลันพบว่าทั่วร่างกายไม่อาจขยับได้ท่อนแขนชาไร้ความรู้สึกขาก็ไม่อาจสั่งการได้ เขาได้แต่ใช้สายตากวาดมองไปรอบๆพบว่าเป็นบ้านไม้หลังหนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนจมน้ำ
‘น่าขายหน้าชะมัด’ฮุ่ยซิงคิดอย่างเจ็บใจถ้าเกิดเขาเรียนว่ายน้ำมาละก็คงไม่เป็นแบบนี้ เขาเหลือบมองไปเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาหยิบโน้นหยิบนี้อย่างตั้งใจ ถ้ามองดูดีๆเหมือนว่าเขากำลังปั่นอะไรสักอย่างให้เป็นก้อนกลมๆ
“ตื่นแล้วหรอ นอนนิ่งๆสักพักแล้วกันนะรอข้าจัดการอะไรให้เสร็จก่อน” บัดซบ ฮุ่ยซิงคิดในใจนอนนิ่งๆสักพักบ้าอะไรนี้ขยับยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เลิกนินทาข้าได้แล้ว” คำนี้ของชายชราทำฮุ่ยซิงแทบจะตกจากเตียงถ้าทำได้ เหมือนกับเด็กถูกจับได้ว่าทำความผิด
“ท่านเป็นใคร แล้วที่นี้ที่ไหน” ฮุ่ยซิงนอบน้อมขึ้นมาทันที เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าชีวิตน้อยๆของเขาอยู่ในมือของคนตรงหน้าหวังก็แต่ชายชราผู้นี้จะไม่นิยมกินเนื้อคนเพราะเท่าที่เขาเห็นในมือของชายชราคือมีดและสมุนไพรมากมายที่น่าจะไปตุ๋นเป็นซุปหรืออะไรทำนองนั้น
“ข้าคือเทพโอสถ แล้วที่นี้ก็บ้านข้าเอง”เทพโอสถพูดเสียงเข้มแต่กลับแอบลอบยิ้มในใจ เจ้าหนูนี้ก็เชื่องดีเหมือนกันนิเทพโอสถรู้สึกว่าอะไรอาจจะง่ายขึ้นถ้าเกิดเจ้าหนุ่มนี้เชื่อฟังเขา เขาบดสมุนไพรในถ้วยแรงๆก่อนจะคัดน้ำแล้วแยกมาไว้อีกถ้วยหนึ่ง
“เอ้าอาปาก” ถึงจะบอกให้อาปากก็ตามแต่ยังไม่ทันที่ฮุ่ยซิงจะอาปากด้วยซ้ำมือนั้นบีบเข้าที่กรามก่อนจะกรอกน้ำในถ้วยเข้าปากเขาไปบังคับให้ฮุ่ยซิงกินอย่างไม่ยินยอม
“ขมเป็นบ้า”ฮุ่ยซิงแทบจะสำลักกับรสชาติของยานั้น ทั้งขมทั้งฝาดคอถ้าให้เปรียบก็เหมือนพวกยาแคปซูลแล้วแกะออกมากินผงข้างในนั้นแหละ
“ยาดีต้องขมสิวะไอ้หนู” เทพโอสถตอบพร้อมกับหัวเราะแบบไม่เกรงใจฮุ่ยซิงเลย พร้อมกันกับฮุ่ยซิงที่จดบัญชีแค้นครั้งนี้ไว้เรียบร้อยได้แต่หวังว่าสักวันจะมีโอกาสเอาคืนบ้าง
“โอ๊ะ ข้าเกือบลืมไป”เทพโอสถอุทานก่อนจะตวัดมือตบเข้าที่ตามตัวฮุ่ยซิง ฮุ่ยซิงรู้สึกถึงแขนขาและลำตัวของเขาว่าเริ่มกลับมาขยับได้อีกครั้ง พร้อมๆกับความรู้สึกของร่างกายที่ค่อยๆคืนมา
“หนาว”ฮุ่ยซิงร้องลั่นก่อนจะกระโดดขึ้นมาจากเตียงที่เขานอนแต่ก่อนที่เท้าของเขาจะหยั่งถึงพื้นกลับเป็นมือของเทพโอสถที่กดตัวเขากลับลงไปนอนบนเตียง
“เฮ้ย เจ้าจะเผาบ้านข้าหรือไงวะ” คำพูดของเทพโอสถทำให้เขานึกถึงสถานภาพของตัวเองขึ้นมาทันที ใช่ตอนนี้ ฮุ่ยซิงไม่ได้เป็นมนุษย์อีกแล้วแต่เขาเป็นปีศาจเพลิงที่ไม่อาจสัมผัสสิ่งใดได้ตามที่ต้องการ
“ขอโทษครับ”ฮุ่ยซิงกล่าวอย่างเศร้าหมอง เขามองดูเตียงที่นอนมันทำจากหยกชั้นดีแน่นอนคงจะทนทานต่อความร้อนสูงได้เหมือนกับเกราะเหล็กนั้นที่เขาเคยใส่แต่ให้ตายเถอะมันเย็นเกินไป
“ไม่เป็นไรหรอกน่า”เหมือนเทพโอสถจะสามารถอ่านใจของฮุ่ยซิงได้จริงๆ มือของชายชราลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดูแต่มืออีกข้างเขาเทพโอสถยังกดตัวของฮุ่ยซิงไว้แน่นราวกับว่ากลัวว่าเขาจะทำให้ข้าวของเสียหายนับว่าขัดกันยิ่งนัก
“ข้าพอจะช่วยเจ้าได้นะไอ้หนู”คำพูดของเทพโอสถเรียกทั้งความประหลาดใจและดีใจให้ฮุ่ยซิงได้ในขณะเดียวกัน
“ว่าแต่เจ้าไปเรียนวิชานี้มาจากไหน”นี้นับว่าเป็นเรื่องน่ากังขาที่สุดเพราะภูตอเวจีนั้นหาคนที่ยอมฝึกนั้นก็ยากแล้วแต่กลับหาคนที่สามารถถ่ายลมปราณร้อนขนาดนั้นได้ยากยิ่งกว่า ทั้งยังสถานที่ในการฝึกอีกเรื่องนี้นับว่าน่าตระหนกอยู่ไม่น้อย แม้เทพโอสถจะไม่สนใจในยุทธภพเท่าไหร่นักแต่หากมีใครคิดจะสร้างภูตอเวจีแล้วละก็นับว่าไม่ใช่ข่าวดีแน่ๆ
ฮุ่ยซิงประมวลผลออกมาชายชราตรงหน้านับว่าน่าจะไม่ด้อยกว่าราชครูไท่หยาง ตัวเขาที่หลอมละลายได้แม้กระทั้งเหล็กแต่เทพโอสถกลับจับเขาด้วยมือเปล่าทั้งยังไม่แสดงอาการนั้น นับว่านี้อาจจะเป็นโชคในคราวเคราะห์ของเขาก็ได้ คนประเภทนี้ไม่สามารถหลอกหลวงได้ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ได้อะไรเลย
ฮุ่ยซิงตัดสินใจเล่าความจริงออกจากปาก ความจริงมีน้ำหนักในตัวของมันเองยิ่งการแสดงอารมณ์ประกอบกับเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างพอเหมาะและน้ำเสียงที่ฮุ่ยซิงพูดล้วนสร้างความรู้สึกตามสถานการณ์ให้กับเทพโอสถราวกับเป็นเหตุการณ์ที่ตัวเองเกี่ยวข้อง
“ถึงกับเป็นเช่นนี้”เทพโอสถกล่าวอย่างหัวเสียหลังจากฟังเรื่องของฮุ่ยซิง ทั้งๆที่ไม่เคยเจอราชครูไท่หยางด้วยซ้ำทั้งยังเป็นคำพูดจากฮุ่ยซิงฝ่ายเดียวแต่ทักษะในการบอกเล่าของฮุ่ยซิงนั้นเรียกอารมณ์ร่วมของเทพโอสถได้เป็นอย่างดี
“ลมปราณของเจ้าไม่ใช่เพลิงตะวัน”คำพูดนี้ของเทพโอสถเหมือนกับเอาน้ำราดใส่ฮุ่ยซิง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัยแต่ไม่คาดคิดว่าคนอย่างตนจะมีวันนี้ชั่วชีวิตฮุ่ยซิงใช้คำพูดหลอกคนมานับไม่ถ้วนแต่ไม่ใช่กับราชครู เหมือนเขาถูกนำหน้าอยู่เสมอๆทุกหมากที่เขาวางแผนอยู่บนมือราชครูทั้งนั้น เหมือนกับเซียนหมากล้อมสู้กับคนคิดกฎยังไงอย่างนั้น
“แล้วนี้เป็นลมปราณอะไรกัน” ฮุ่ยซิงถามเทพโอสถแต่สายตากับก้มลงมองร่างกายของตนที่แดงฉานราวกับเปลวเพลิง
“ภูตอเวจี”เทพโอสถตอบ แค่ชื่อก็ไม่ชวนให้คิดไปในทางที่ดีแล้วเพราะมันฟังดูเหมือนอะไรสักอย่างที่มาจากนรกประมาณนั้น
“ภูตอเวจีเป็นลมปราณร้อนวิธีฝีกนั้นยากเย็นเกินกว่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะรับไหว ขั้นตอนการฝึกก็ยากยิ่งกว่าเพราะนอกจะต้องมีคนที่มีปราณร้อนชั้นสูงยังต้องมีสถานที่ที่รับความร้อนที่ปล่อยออกมาได้และรักษาความร้อนนั้นไว้ ทั้งเมื่อสำเร็จคนผู้นั้นกลับไม่ใช่มนุษย์แต่ถูกเปลี่ยนเป็นปีศาจเพลิงส่วนเป็นยังไงเจ้าคงรู้ดีอยู่แก่ใจ”
คำพูดนี้ของเทพโอสถดั่งศรปักลงกลางใจของฮุ่ยซิง แน่นอนเขาสัมผัสมันมาแล้วทั้งความทรมานที่เกินทนนั้นทั้งหมดเพียงเปลี่ยนให้ตนเป็นเพียงปีศาจถึงตรงนี้น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาของฮุ่ยซิงแต่เพียงแค่สัมผัสกับผิวบริเวณดวงตามันก็ระเหยหายไป
ภาพความทรมานของการฝึกความฝันต่างๆนั้นล้วนประดังผ่านเข้ามาในหัวสมองของฮุ่ยซิง ทั้งหมดนั้นความสำเร็จที่เขามองว่าใกล้แค่เอื้อมนั้นเพียงแค่เปลี่ยนให้เขาเป็นปีศาจเพลิงที่ไม่อาจะใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ทั่วไปเพียงเท่านั้น ถึงตรงนี้ฮุ่ยซิงถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บใจ นับเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก
ความจริงสำหรับฮุ่ยซิงนั้นเป็นอะไรที่ทรมานมากนักบางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วแต่เพียงไม่อยากยอมรับมัน ไม่อยากจะเชื่อว่าความพยายามของเขาจะเป็นตัวผลักดันให้เขาเป็นเช่นนี้ แม้อยากจะโทษไท่หยางแต่ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากเพราะที่มาถึงจุดนี้ได้ล้วนแต่เป็นความพยายามของเขาทั้งสิ้น
“แต่ข้าพอจะมีวิธีช่วยเจ้าได้ แต่มันออกจะลำบากสักหน่อยเจ้าจะลองไหม” คำพูดนี้ของเทพโอสถได้จุดเทียนขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดในใจของฮุ่ยซิง แววตาของเขาปราศจากความลังเลเชิดหน้าขึ้นมองเทพโอสถ
“แน่นอนครับท่าน” นี้กลับเป็นคำตอบที่เทพโอสถต้องการ
............................................................................
ขอบคุณเพื่อนๆนักอ่านทุกคนนะครับผู้เขียนดีใจมากเลยที่ได้รับความสนใจจากเพื่อนๆทุกคนและทุกคอมเม้นของเพื่อนๆเป็นกำลังใจให้คนเขียนมากเลยครับ :D
ความคิดเห็น