ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูตอเวจี

    ลำดับตอนที่ #6 : เทพโอสถ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.9K
      31
      12 ธ.ค. 55

    หลังจากฮุ่ยซิงหนีไปสถานการณ์ภายในวังหลวงล้วนเต็มไปตัวความสับสนทั้งว่าคนร้ายเข้ามาได้อย่างไรและฝีมือที่ถึงขนาดฆ่าองค์รักษ์ของฮองเฮาได้ถึงสี่สิบคนแถมยังหลบหนีจากราชครูไท่หยางได้นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว

     

     

    “มันเป็นฝีมือของผู้ใด” ณ โถงรับรองของราชวังเหล่าข้าราชบริพาร ชั้นผู้ใหญ่หลายคนกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด

     

    ไม่เพียงเพราะว่าทุกคนล้วนรักในตัวฮองเฮาแต่กลับมีสายสัมพันธ์ ทางด้านหน้าทางการงานหลายอย่างเกี่ยวข้อง หากว่าไม่มีฮองเฮาคอยคุมบังเหียนของราชวงศ์ตงแล้วละก็ ฮ่องเต้ที่อ่อนแอ่ถึงเพียงนี้คงไม่พ้นถูกรวบอำนาจเป็นของราชครูไท่หยางแน่แท้

     

    “นับว่าน่าประหลาดนัก ทั้งที่ท่านราชครูอยู่ในเหตุการณ์กลับไม่สามารถช่วยเหลือองค์ฮองเฮาไว้ได้ ทั้งการสังหารยังเป็นเปลวเพลิงชั้นสูง แม้แต่ในยุทธภพยังยากหาคนที่สามารถทำได้ถึงเพียงนี้” คำกล่าวนี้ออกจากปากของหัวหน้ากรงคลังหลวงหวางเยี่ย

     

    คำพูดของหวางเยี่ยไม่ต่างอะไรกับประกาศว่าสงสัยในตัวของราชครูไท่หยาง แม้จะดูรุนแรงอยู่บ้างแต่หากไม่กำจัดไท่หยางในตอนนี้นับว่าเขาอยู่ในตำแหน่งที่อันตรายที่สุด หวางเยี่ยเป็นหนึ่งในเสาหลักของฝ่ายฮองเฮานั้นหมายความว่าได้ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับราชครูไท่หยาง

     

    เพียงสิ้นคำนั้นเสียงถกเถียงดังขึ้นเต็มไปหมด มีเกือบครึ่งที่เห็นด้วยกับเหตุผลของหวางเยี่ย ซึ่งพวกนี้ล้วนอยู่ฝ่ายฮองเฮาทั้งสิ้นทุกคนล้วนเห็นว่าไท่หยางน่าจะเป็นคนลงมือ ขาดเพียงหลักฐานเท่านั้น แต่คำพูดของหวางเยี่ย กลับสร้างสถาณการณ์ให้ไท่หยางต้องเป็นคนหาหลักฐานยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำไม่งั้น ตำแหน่งของไท่หยางต้องสั่นคลอนแน่แท้

     

    แต่ก่อนที่สถาการณ์จะตกไปอยู่ทางฝ่ายของหวางเยี่ย  ไท่หยางกลับตบมือขึ้นคราหนึ่งก่อนจะมีนายทหารหลายนายเดินเข้ามายังห้องประชุม

     

    “ข้าว่าให้ผู้เห็นเหตุการณ์เป็นคนไขข้อข้องใจของพวกท่านคงเป็นการดีที่สุด”ราชครูกล่าวเสียงหนักแน่น ที่แท้ผู้ที่เข้ามาคือ หวงตงกับเหล่าทหารเวรยามที่เฝ้าอยู่นั้นเอง

     

    “มันเป็นปีศาจ...”หวงตงกล่าวขึ้นอย่างสั่นสะท้านก่อนจะเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมด ชั่วชีวิตของหวงตงนั้นแม้ยังไม่ยาวมากแต่ก็ไม่ได้สั้นนักไม่เคยประสบพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน ขณะกล่าวมือของเขาสั่นระริกเพียงแค่นึกถึงฉากที่ฮุ่ยซิงทะยานร่างลุกเป็นไฟ ความร้อนที่ละลายดาบของเขาทันทีที่สัมผัสทั้งยังความร้อนที่ส่งผ่านดาบจนเขาต้องโยนทั้งไป สัมผัสเหล่านั้นยังติดอยู่กับหวงตงแม้ในขณะนี้

     

    สิ้นคำของหวงตงและการยืนยันจากเหล่าทหารที่พบเห็นเหตุการณ์ทำเอาทั้งห้องเงียบสงัด แม้ชาวยุทธ์ยังยากจะรู้จักภูตอเวจีนับประสาอะไรกับพวกที่วันๆเอาแต่นั่งคอยดูเงินจากประชาราชที่ลอยเข้ากระเป๋าของตน

     

    บ้างก็ตื่นตระหนก บ้างก็ลอบสงสัย หลายคนคิดว่าเป็นเพียงจิตนการของเหล่าทหารหรือเพียงข้ออ้างที่พวกนั้นไม่สามารถจับคนร้ายไว้ได้ หลายคนถึงกับส่งคนของตนออกไปตรวจสอบเพราะหากเป็นเรื่องจริงความเสียหายนั้นต้องไม่เล็กน้อยเป็นแน่

     

    ราชครูมองความตื่นตระหนกของเหล่าข้าราชบริพารอย่างพอใจ เขาสร้างความปั่นป่วนในราชสำหนักครั้งยิ่งใหญ่เพื่อผลักดันตัวเองขึ้นสู่ความเป็นใหญ่อย่างไม่มีใครทัดเทียมเหล่าขุนนางที่เคยมีฮองเฮาให้พึ่งผิงตอนนี้ก็เหมือนมังกรไร้หัวถ้าไม่ย้ายมาเข้าพวกกับเขาก็ยากที่จะอยู่รอดในสถานที่แห่งนี้ เว้นเสียแต่หวางเยี่ยไอ้เฒ่าที่เป็นปริปักษ์กับเขามาเนินนาน

     

    ฮุ่ยซิงนับเป็นคนมีความสามารถเป็นที่ต้องตาต้องใจราชครูไท่หยางอยู่ไม่น้อยแต่เพราะความสามารถนั้นแหละที่ทำให้เขาต้องถูกกำจัด สำหรับราชครูไท่หยางแผนดินไม่ได้ใหญ่พอสำหรับสองคนปกครองเพียงแค่เขาคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของฮุ่ยซิงแต่ไม่ใช่ในฐานะหุ้นส่วนแต่เป็นหมากตัวหนึ่งเท่านั้น

     

    ราชครูมองเห็นภาพตนนั่งอยู่บนบัลลังก์ปกครองไพร่พลนับแสนล้าน ชื่อของตนถูกจดจำและบูชาราวกับเทพบนสวรรค์ ในขณะที่ราชครูกำลังฝันถึงความยิ่งใหญ่กลับมีชายชราผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้งไม้ชมภาพความงดงามของธรรมชาติพลางจิบชาอย่างสบายอารมณ์ ดูเหมือนกับไม้ใกล้ฝั่งที่กำลังรำลึกถึงความหลังแต่หากใครได้รู้ความจริงว่าเขาคือเทพโอสถแล้วละก็คงเปลี่ยนความคิด

     

    เทพโอสถช่างเป็นชื่อแล้วฟังดูยิ่งใหญ่เกินกว่าคนธรรมดาจะรับไว้แต่ไม่ใช่สำหรับชายผู้นี้ว่ากันว่าเขาสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน แม้จะนำหน้าด้วยเทพแต่เทพโอสถกลับมิได้เป็นฝ่ายธรรมะหนูลองยาต่างๆของเทพโอสถมักเป็นมนุษย์ถึงคนที่จับมาล้วนมีความผิดก็ยากให้ยอมรับได้ ตลอดชั่วชีวิตเทพโอสถโลดแล่นทั่วยุทธภพเสาะหาสิ่งใหม่ๆน่าสนใจตลอดเวลาโดยไม่สนถึงสายตาคนรอบข้าง

     

    หมอกควันที่ล่องลอยเรียกความสนใจของเทพโอสถได้เป็นอย่างดี เขาไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปหาหมอกพวกนั้นอย่างไม่โลเล ท่ามกลางหมอกควันพวกนั้นมีร่างหนึ่งลอยอยู่บนแผ่นน้ำอย่างเด่นชัดผิวกายแดงฉานราวกับโลหะไหม้ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าควันเหล่านั้นล้วนเกิดจากร่างนี้

     

    “ภูตอเวจี”เทพโอสถอุทานก่อนจะยิ้มอย่างยินดี

     
    ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ยังติดตามผมงานของผมนะคับ:D

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×