ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูตอเวจี

    ลำดับตอนที่ #48 : ความเบื่อหน่าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.63K
      37
      26 มิ.ย. 56

              หลีหน้าเต๋อเดินมาถึงเพียงพักเดียวตรอกซอยแห่งนี้เรียกได้ว่าไร้ผู้คนเหมาะแก่การพบกันของมันกับฮุ่ยซิง การรอคอยไม่นานเท่าใดนักแต่ก็เพียงพอให้มันเกิดอาการเบื่อหน่าย สำหรับหลีหน้าเต๋อความเบื่อหน่ายนับเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของมัน

     

     

                ทว่าหลีหน้าเต๋อก็มีวิธีจัดการกับศัตรูผู้นี้อย่างดี ความจริงตรอกแห่งนี้อาจไม่ถึงกับไร้ผู้คนเพียงแต่ผู้คนในตรอกนี้กลับไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ทั้งนี้เพราะพวกมันได้ขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดไป

                ร่างกายของมนุษย์ไม่อาจขาดวิญญาณนี้นับเป็นความคิดของหลีหน้าเต๋อที่ไม่แปลกปลอม ร่างไร้วิญญาณอย่างไรก็สามารถพูดคุยได้อยู่ หลีหน้าเต๋อก้มลงพูดคุยกับพวกมัน ความจริงพวกมันดูไปยังมีชีวิตอยู่เมื่อไม่นานนัก

                ท่าทางของพวกมันคล้ายกับผู้ที่ดื่มสุรามากเกินไปจนมิอาจทรงตัวได้เช่นนี้จึงได้แต่นอนทอดร่างลงกับพื้นดินต่างกันเพียงคนเหล่านี้ไม่อาจหายใจ มันก้มลงพูดคุยอยู่เนิ่นนานอย่างไรก็ยังไม่อาจได้ใจความว่าผู้ใดสังหารคนเหล่านี้ หลีหน้าเต๋อเข้าใจเพียงสิ่งหนึ่งว่าผู้ที่สังหารต้องมิใช่ชนชั้นสามัญ

                เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นอย่างจงใจเรียกความสนใจของมันให้หันไป ตรอกซอยยังคงมืดอยู่มีเพียงแสงไฟสลัวส่องในจุดที่มันยืนอยู่เท่านั้น ใจของหลีหน้าเต๋อกลับสั่นระรั่ว ความตื่นเต้นยังคงระรานตัวมัน

                ทว่าเมื่อฝีเท้าหยุดก้าวเดินใบหน้าของหลีหน้าเต๋อกลับเปลี่ยนไป ทั้งนี้เพราะคนที่มันรอคอยกลับเป็นคนที่มันไม่ต้องการพบเจอ บุรุษผู้นี้มีผมสีโลหิต

                หลีหน้าเต๋อเพียงเก็บความรู้สึกไว้ภายในทำเป็นมองไม่เห็นบุรุษผู้นั้น ทว่าหลีหน้าเต๋อไม่ใส่ใจมิได้หมายความว่าผู้อื่นก็ไม่ใส่ใจมัน บุรุษผมแดงแม้ไม่กล่าวคำทว่ากลับเดินตรงเข้าหามัน การกระทำเช่นนี้ไม่อาจมีความหมายเป็นอื่น

                หลีหน้าเต๋อเพียงร่ำร้องในใจก่อนจะชักดาบออกมา ค่ำคืนที่เย็นจัดเช่นนี้เหงื่อกาฬยังสามารถไหลซึมออกจากฝ่ามือมัน ซื้อเวลานี้นับเป็นความคิดประการแรกและสุดท้ายของมันในยามนี้

                ทว่าริมฝีปากของบุรุษผู้นี้กลับเผยรอยยิ้มกว้างขวางที่มองดูแล้วอบอุ่นยิ่งปลอดภัยยิ่ง แม้ก่อนหน้านี้หลีหน้าเต๋อจะตื่นตัวมากมายเพียงใด ยามนี้สองมือที่จับดาบกลับไม่มั่นคงร่างกายคล้ายไม่ต้องการแข็งขืน

                หลีหน้าเต๋อเข้าใจว่าบุคคลตรงหน้าไม่อันตราย ความคิดเก่าและใหม่กลับตีกันรวนเรจนมันไม่อาจตั้งใจให้มั่นคง สีหน้าของมันยามนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถบอกว่ามันคิดอันใดอยู่กันแน่

                แม้ไม่อาจบอกได้ว่ามันคิดอันใดทว่าสีหน้าของมันยามนี้กลับน่าสนุกยิ่งนัก น่าเล่นจนผู้คนต้องหัวร่อขึ้นมา บุรุษผมแดงเป็นคนผู้หนึ่ง คนผู้หนึ่งเมื่อเห็นสีหน้าเช่นนี้ของหลีหน้าเต๋อย่อมปล่อยเสียงหัวร่อออกมา

                เสียงหัวร่อของบุรุษผู้นี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและอบอุ่น บุรุษที่สามารถเปล่องเสียงเช่นนี้ออกมามีไม่มากนัก ยามนี้หลีหน้าเต๋อกลับไม่รู้สึกหวาดระแวงบุคคลตรงหน้าเช่นเดิม

                “ท่านมีธุระอันใดกับข้าหรือไม่” แม้จะไม่เกรงกลัวบุรุษผู้นี้เช่นก่อนหน้าทว่าอย่างไรมันก็ไม่อาจวางใจได้เต็มกำมือ บุรุษผมแดงไม่ตอบคำเพียงวาดมือไปมาดูไปคล้ายสัญญาณมือชุดหนึ่ง

                ใบหน้าของหลีหน้าเต๋อยามนี้เปลี่ยนแปลงไปยิ่งกว่าเดิม ความสับสนเติมเต็มขึ้นมาบนใบหน้าของมันดวงตากลวกกลิ้งไปมาก่อนจะเผยยิ้มกว้างอย่างประหลาดใจเมื่อสังเกตุเห็นรอยยิ้มของบุรุษผู้นี้

                “นายท่าน” เมื่อเห็นท่าทางของบุรุษผมแดงที่แสดงออกรวมทั้งบรรยากาศรอบตัวของเขายิ่งรหัสสัญญาณนี้มีเพียงมันกับฮุ่ยซิงเท่านั้นที่รู้แม้เปลี่ยนแปลงไปมากแต่สุดท้ายมันก็เข้าใจในที่สุด

                ฮุ่ยซิงมักพบพาความประหลาดใจมามอบแก่มันเสมอ หากศัตรูของหลีหน้าเต๋อคือความเบื่อหน่ายแล้วละก็ ผู้ที่สามารถจัดการกับศัตรูของมันได้ดีที่สุดย่อมต้องเป็นบุคคลผู้นี้ ไม่ว่ากระทำเรื่องราวใดฮุ่ยซิงมักทำให้ผู้คนประหลาดใจ

                ฮุ่ยซิงมองดูรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ดูไปไม่เหมาะแก่การพูดคุยมากนักยิ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งไม่เหมาะสม เมื่อคิดได้เช่นนั้นมันก็เอ่ยปากออกมา “ตามข้ามา”

                เขตชานเมืองเป็นทุ่งหญ้าที่ไม่อาจเรียกได้ว่าทุ่งหญ้าเท่าใดนักเพราะความแห้งแล้งของบริเวณนี้ทำให้ใบหญ้าที่ควรอ่อนนุ่มเขียวขจีเหลือเพียงลำต้นแข็งกระด่างสีเหลืองเท่านั้น ทว่าสถานที่เช่นนี้กลับเหมาะสมแก่การพูดคุยเรื่องราวที่สำคัญ

                ทั้งนี้เพราะต่อให้เป็นสถานที่ปิดมิดชิดเพียงใดก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะมีผผู้คนแอบฟังทั้งยังไม่แน่ว่าบังเอิญได้ยิน ผิดกับสถานที่โล่งว่างเช่นนี้ผู้ที่สามารถได้ยินพวกมันล้วนต้องถูกพวกมันพบเห็นก่อน ความจริงข้อนี้น้อยคนที่จะเข้าใจ

                ฮุ่ยซิงเมื่อเดินมาถึงจุดที่มันคิดว่าเหมาะสมก็หยุดลง “ครั้งก่อนข้าต้องขอโทษด้วย” วาจาของอภัยที่เปล่องออกจากบุคคลที่อยู่เหนือกว่าตนล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำวาจานี้ไม่นับว่าเกินเลยไปจริง ๆ

                ผู้ที่มีความสามารถมากกว่าผู้อื่นจะมีสักกี่คนที่ยอมกล่าววาจาเช่นฮุ่ยซิง การกล่าววาจาที่แสนง่ายดายหากแต่สิ่งที่ทำให้มันยากเย็นล้วนเป็นทิฐิของคน ความจริงวาจาเช่นนี้ล้วนทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ง่ายดายแต่ผู้คนกลับไม่ยินยอมกล่าวออกมา

                ฮุ่ยซิงเมื่อเปล่งวาจาเช่นนี้ออกมาวาจาที่ตามมาย่อมมิใช่คำทักทายที่ลื่นหูเป็นแน่ ทั้งนี้เพราะฮุ่ยซิงเพิ่งกระทำสิ่งที่ยากเย็นต่อทิฐิของมัน ที่มันยินยอมกระทำย่อมต้องมีสาเหตุความนัย

              “ที่ข้าเคยบอกไปเจ้าทำได้ถึงไหนแล้ว” วาจานี้ของฮุ่ยซิงเรียกเตือนความจำของหลีหน้าเต๋อ มันแย้มยิ้มขึ้นอย่างภาคภูมิใจร่างกายดูกว้างขวางขึ้นอีกหลายส่วน แม้จะยังไม่ตอบคำฮุ่ยซิงทว่าฮุ่ยซิงก็มั่นใจข่าวที่มันได้รับต้องเป็นข่าวดี

                “แม้จะยังไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวทั้งหมดแต่กลุ่มโจรปล้นฟ้าก็เข้าเป็นส่วนหนึ่งที่ได้แบ่งปันข่าวสารกับโจรทั้งหมดแล้ว” สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มักจะมีการรวมกลุ่มสำหรับพวกที่กระทำในสิ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวอันใดก็ตาม

                โจรก็เช่นเดียวกันพวกมันก็รู้จักที่จะรวมกลุ่มของโจร แม้จะมีการแบ่งแยกการปล้นอย่างเห็นได้ชัดแต่อย่างไรข่าวสารและการทำงานก็ต้องมีการหารือกัน แต่ทั้งนี้พวกมันก็ยังต้องแบ่งลำดับความเลื่อมล้ำต่ำสูงกันไป

                หลีหน้าเต๋อสามารถเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่สามารถปล่อยข่าวได้นับว่ามีหน้าตาไม่น้อยทีเดียว เพราะสำหรับโจรข่าวสารนับเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะโจรที่จะนั่งดักรอปล้นตามทางความจริงแล้วเป็นเพียงโจรชั้นต่ำเท่านั้น

                ทั้งนี้เพราะการดักปล้นตามทางไม่อาจรับประกันความแน่นอน ไม่แน่ว่าดักรออยู่ครึ่งค่อนวันยังไม่มีคนผ่านมาหรือหากเป็นเส้นทางที่มีผู้คนพลุกพล่านการปล้นก็นับว่าเป็นไปแทบไม่ได้ ทั้งโลกที่พวกมันเหยียบยืนอยู่เรียกว่ายุทธภพหากวันไหนเกิดไปเหยียบตาปลาใหญ่เข้าก็นับว่าต้องเสียชีวิตแล้ว

                เช่นนี้การปล้นแต่ละครั้งของพวกมันต้องมีเป้าหมายที่แน่นอน เป้าหมายที่คุ้มค่าแก่การลงมือและแน่นอนต้องมีความปลอดภัย “ปล้นเพียงผู้ที่อ่อนแอ” นี้นับเป็นคติประจำใจอันดับหนึ่งโจรทีเดียว

                ฮุ่ยซิงเริ่มปล่อยให้หลีหน้าเต๋อเล่าเรื่องราวของมันโดยที่มีฮุ่ยซิงค่อยสอบถามเป็นระยะ แน่นอนหลีหน้าเต๋อเล่าเรื่องราวของมันอย่างภาคภูมิใจ เรื่องราวภาคภูมิของมันที่มีฮุ่ยซิงคอยรับฟังนี้นับเป็นความสุขอย่างล้นเหลือของมันเลยทีเดียว

                งานชุมนุมครั้งถัดไปของกลุ่มโจรจะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ ฮุ่ยซิงเหยียดยิ้มขึ้นอย่างยินดีทว่ารอยยิ้มนี้กลับทำให้หลีหน้าเต๋อถึงกับสั่นสะท้านไปทั่วร่าง คงถึงเวลาที่ต้องแนะนำสหายคนใหม่แล้ว

                ฮุ่ยซิงดีดนิ้วขึ้นคราหนึ่งหลีหน้าเต๋อคล้ายมองเห็นราตรีด้านหลังของฮุ่ยซิงแยกออก กลับมีจุดหนึ่งที่มืดทึบยิ่งกว่ารัตติกาลยามค่ำคืน ที่แท้เป็นเสื้อคลุมตัวหนึ่งเสื้อคลุมที่ดำทมิฬยิ่งกว่าฟ้าไร้ดาว

                “นี้คือเงานับจากนี้ไปมันจะอยู่ติดตามเจ้าไม่ห่าง” เสื้อคลุมสั่นไหวจนหลีหน้าเต๋อมองเห็นเป็นใบหน้าคนที่ใบหน้าชัดเจนคือดวงตา เสื้อคลุมที่มืดทึบขนาดนั้นยังไม่อาจเทียบเท่ากับนัยน์ตาคู่นี้นัยน์ตาทั้งคู่แม้ไม่มืดทึบทว่ากลับคล้ายจ้องมองไปยังหุบเหวไร้ก้น

                อากาศคล้ายหนาวเย็นขึ้นอีกส่วนหนึ่งขนแขนของหลีหน้าเต๋อลุกชันราวกับพบเจอความตาย ฮุ่ยซิงเพียงเดาะลิ้นคราหนึ่งความหนาวเย็บก็จากไป

                ข้าบอกแล้วถ้าเกิดเจ้าปลดมันออกอย่างไรก็ไม่สามารถควบคุมได้สมบูรณ์

    แต่ถ้าไม่ปลดออกยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์กว่ากันเท่าไหร่นักหรอก

    “เจ้าจะไปพบปะผู้คนอย่างน้อยต้องมีของฝากติดไม้ติดมือ เจ้าว่าจริงหรือไม่” คำกล่าวนี้ของฮุ่ยซิงดูมีเหตุผลแต่ผิดเพียงอย่างเดียวมันกลับดูไม่คล้ายเกี่ยวข้องอันใดกับเงา หลีหน้าเต๋อยิ่งคิดยิ่งไม่อาจเข้าใจความหมายของฮุ่ยซิง

    “ข้าให้เจ้า” หลีหน้าเต๋อรับกระดาษนั้นไว้ ด้านในมีเส้นทางของการเดินขบวนสินค้าสายหนึ่ง แต่ที่น่าตระหนกยังเป็นสินค้าที่ขนไปค่าของมันยังไม่แน่ว่าเทียบเท่าทองคำหีบหนึ่ง ทว่าที่น่าตระหนกยิ่งกว่ากลับเป็นชื่อของขบวนคุ้มกัน

    “สำนักประกันภัยเกราะทองคำ ผู้คุ้มกันซินหยู” หลีหน้าเต๋อทวนคำหน้าถอดสี ชื่อเสียงของสำนักประกันแห่งนี้ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องเคยได้ยิน ไม่เพียงชื่อเสียงของสำนักประกัน ซินหยูก็นับเป็นชื่อที่พวกโจรขยาดไม่น้อยเพราะข่าวลือเกี่ยวกับมันไม่เคยมีเรื่องดีของเหล่าโจร

    “เกรงว่าข้าน้อยไม่สามารถ..” หลีหน้าเต๋อกล่าวยังไม่จบคำก็เป็นฮุ่ยซิงที่กวาดมือขึ้นขัดขวางมัน

    “เช่นนี้ข้าจึงให้เงาติดตามเจ้าไป” หลีหน้าเต๋อจึงได้เข้าใจแม้มันยังไม่เคยเห็นความสามารถของเงาที่ฮุ่ยซิงกล่าวถึง ทว่าเพียงแค่สำผัสการคงอยู่ที่มันไม่อาจสัมผัสและบรรยากาศของเงาเท่านี้ก็เพียงพอให้มันไว้วางใจ

    “เจ้าเข้าใจคำว่าของฝากของข้าใช่หรือไม่” ฮุ่ยซิงยิ้มอย่างยินดีมันไม่นึกว่าเรื่องราวต่าง ๆ จะสามารถส่งเสริมกันเองได้มากมายถึงเพียงนี้ ฮุ่ยซิงเมื่อเสร็จธุระอย่างน้อยคนไม่ได้พบกันเนิ่นนานก็ต้องพูดคุยเรื่องราวทั่วไปบ้าง

    เช่นนี้มันจึงเดินนำหลีหน้าเต๋อเข้าไปยังเหลาสุรา รายการอาหารชั้นเลิศถูกสั่งมาจนเต็มโต๊ะทั้งยังสุราชั้นยอดที่ถูกสั่งมา รสชาติอาหารและสุราสุดที่มันจะบรรยาย แน่นอนราคาก็เช่นกัน

    ยามนี้หลีหน้าเต๋อค่อยเข้าใจว่าเงินที่มันหามาไปอยู่ที่ใด แม้มันจะไม่ใส่ใจกับเงินทองนักทว่าเมื่อเห็นฮุ่ยซิงจับจ่ายใช้สอยเช่นนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะเสียดายอยู่ดี

    งานเลี้ยงทุกงานย่อมต้องมีการเลิกรา ยามนี้หลีหน้าเต๋อได้แยกทางกับฮุ่ยซิงเส้นทางเดินที่เคยใช้ในการกลับรังของมันยามนี้กลับให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม ต่อให้มันไม่เห็นแต่มันก็บอกได้ว่ามีผู้ติดตามมันกลับมา

    แม้สิ่งที่มันจะกระทำดูไปมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อยที่เดียว ทว่าหลีหน้าเต๋อกลับมีรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างปิดไม่มิด ความเบื่อหน่ายได้ถูกคร่าไปจากชีวิตมันอีกครา

     

    ยิ่งวันเวลาผ่านไปสินค้าที่มายิ่งมากขึ้นมูลค่ายิ่งสูงค่าขึ้น ทว่าความง่ายดายของงานกลับเพิ่มมากขึ้นติดตามไปนี้นับเป็นเรื่องที่มันไม่อาจเข้าใจ ไม่ใช่มันไม่อยากเข้าใจความจริงคือมันไม่ต้องการเข้าใจ

    คนเราส่วนมากมักชื่นชอบงานที่ง่ายดาย ทว่าเรื่องราวนี้กลับมิใช่กับคนทุกผู้คนเพราะยังมีคนอีกไม่น้อยที่ชอบความตื่นเต้นท้าทายและแน่นอนความเสี่ยงนับเป็นเรื่องที่ท้าทายผู้คนได้เป็นอย่างดี

    การส่งสินค้าของซินหยูที่ผ่านมาก็คล้ายกับการพนันทั้งนี้เพราะมันต้องเสี่ยงกับการเจอกลุ่มโจรดักปล้นมากมายยิ่งในสมัยที่มันเพิ่งเริ่มงานนั้นนับเป็นช่วงเวลาที่มันตื่นเต้นที่สุดก็ว่าได้ ทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่มันชื่นชอบยิ่งนัก

    ซินหยูชื่นชอบการพนันทั้งนี้เพราะมันยังไม่เคยเสียพนันแม้แต่ครั้งเดียว ยามนี้ความเสี่ยงหายไปไม่มีผู้ใดแม้แต่จะคิดเล่นพนันกับมันสักครา พนันในฝีมือของมัน

    ความคิดล่องลอยไปมาหวนกลับสู่อดีตก่อนจะกลับมายังปัจจุบันด้วย เสียงม้าร้องพร้อมกับการหยุดอย่างกะทันหันของขบวนสินค้า

    รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซินหยู ในที่สุดก็มีคนเล่นพนันกับมัน คนที่จะมีเสียให้กับมัน ความเบื่อหน่ายของซินหยูก็ได้หายไปแล้วเช่นกัน

    เพียงแต่ซินหยูยังไม่ตระหนักอย่างหนึ่ง มันจะไม่ได้พบกับความเบื่อหน่ายอีกตลอดการ ทั้งนี้เพราะหากคนไม่มีชีวิตย่อมไม่อาจเบื่อหน่ายได้อีกแล้ว

     


    ................................................................

    สวัสดีนักอ่านทุกท่านอีกครั้งและขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม -*-(เหมือนแต่ละตอนของเราจะมาช้าลงทุกที)

    ขออภัยทุกท่านด้วยขอรับ (O-.-O)



    ปล. มีเกมการ์ดมาแนะนำสนุกดีครับเพิ่งเริ่มเล่นเพื่อนชวนมา might and magic : dual of chamipon
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×