ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูตอเวจี

    ลำดับตอนที่ #32 : เงารัตติกาล

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.37K
      39
      11 ก.พ. 56

              ฮุ่ยซิงยังคงนิ่งอยู่เช่นเดิมสภาวะที่สร้างไว้ยังคงไม่เปรียบแปลง แต่ตี๋หลานขยับแล้วมันเมื่อเห็นโอกาสที่สมควรที่สุดจังหวะที่เหมาะเจาะที่สุดมันก็ลงมัน ร่างของมันทะยานออกไปดุจลูกธนูที่พุ่งออกจากเกาทัณฑ์

     

    มือของมันดูไปไม่คล้ายมือมนุษย์เส้นเลือดที่ปูดโปนออกมา เล็บที่เหมือนไม่เคยตัดดูแห้งกรังไปด้วยคราบโลหิต สีที่ควรใสสะอาดกลับกลายเป็นเหลืองเข้มนี้อาจเป็นความคิดหนึ่งของผู้ที่อยู่บังเอิญก้าวเข้ามาในระยะของมัน เป็นความคิดสุดท้ายของมันเองก่อนที่มือนั้นจะกระชากเอาลำคอของมันติดออกมา

    เลือดสด ๆ ฉีดออกราวกับน้ำป่าภาพที่เห็นสยดสยองยิ่งนักยิ่งเป็นสหายพวกมันถึงกับตะลึงไปชั่ววูบ แต่ไม่ใช่กับตี๋หลานภาพเช่นนี้ดูไปคล้ายภูเขาใบไม้สำหรับมัน มันไม่เพียงไม่นำพาทั้งยังใช้โอกาสนี้ปล่อยหมัดเท้าเข้าสังหารอีกสองชีวิต

    ยามนี้มิอาจไม่เชื่อถือในฝีมือของมันลงมือคราเดียวถึงกับพรากไปแล้วสามชีวิต พรรคพวกที่ล้อมกรอบมันอยู่พลันทะยานร่างถอยหลังอย่างพร้อมเพรียงจัดตั้งเป็นค่ายกลอันหนึ่งยังไม่ยอมรุกไล่ตี๋หลาน เวลานี้พวกมันสิบเจ็ดชีวิตเหลือเพียงสิบสี่ แต่ยังมากพอที่จะจัดตั้งค่ายกล

    หากแม้นพวกมันมีผู้ใดคิดลงมือเมื่อครู่ย่อมตกเป็นเหยื่อของตี๋หลาน ความเร็วของบุคคลมิอาจเท่ากันอย่างน้อยต้องต่างกันเล็กน้อย หากบุกเข้ามาใยมิใช่หนึ่งต่อหนึ่งให้ตี๋หลานสังหารไป พวกมันรู้ดีถึงความต่างนี้จึงไม่ยอมเข้าใกล้มันอีก

    ฮุ่ยซิงยังคงยืนนิ่งความจริงหากเมื่อครู่มันลงมือ ทะยานร่างพริบตาเข้าสู่ตำแหน่งเหนือลมไม่แน่ว่าเพียงโบกสบัดมือคราวเดียวอาจสังหารพวกมันทั้งหมดให้สิ้นไป แต่ลางสังหรของมันกลับหยุดยั้งมันไว้ยอดฝีมือชิงขัยหากไม่ความไม่มั่นใจแม้เพียงส่วนเดียวก็ไม่สมควรลงมือ

    ผู้อื่นไม่อาจสัมผัสแต่ฮุ่ยซิงกลับสัมผัสได้ เบาบางยิ่งแผ่วเบายิ่งแต่มันก็สัมผัสได้ จิตสังหารอันคละคลุ้งต่อให้พยายามปิดก็ไม่มิด บ่งบอกได้ดีว่าเจ้าของสังหารคนมามากมายเพียงใด อันตรายเพียงใดมันจึงไม่ยอมลงมือ หากมันลงมือไม่แน่ว่าจะสามารถสังหารได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นผู้ถูกสังหารเช่นนี้ฮุ่ยซิงจุงยังคงไม่ลงมือ

    แต่มิใช่กับผู้อื่นค่ายกลกระบี่ค่อย ๆ บีบรัดตี๋หลานทีละน้อย ค่ายกลเช่นนี้ต่อให้ผู้ไร้สามารถใช้ออกด้วยจำนวนคนเช่นนี้พวกมันก็เปรียบได้ดั่งยอดฝีมือผู้หนึ่ง ยิ่งพวกมันเองเป็นชนชั้นยอดฝีมือยามนี้ยิ่งมิอาจดูแคลน

    ตี๋หลานยังคงต้านรับอยู่มาตรแม้นสามารถสังหารผู้คนแต่ทุกคราที่มันสังหารได้หนึ่งชีวิต ชีวิตของมันก็ทดถอยลงไป บาดแผลแต่ละแห่งที่แลกมาหากผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยย่อมหมายถึงชีวิตมัน

    เป็นอย่างที่พวกมันคิดอย่างไรตี๋หลานก็ยังคงเป็นมนุษย์ ยามนี้มันเหน็ดเหนื่อยแทบตาย ค่ายกลกระบี่แม้เหลือเพียงเจ็ดชีวิตแต่ยามนี้พวกมันคล้ายมีชัยไปแล้ว มีเปรียบยิ่งนัก

    ฮุ่ยซิงยังคงรักษาความเยือกเย็นไว้ภายนอก แต่ภายในกลับร้อนรุ่มยิ่งนักคิดหาวิธีต่าง ๆ มากมาย สัมผัสที่เคยได้เพียงแผ่วเบาบัดนี้รุนแรงขึ้น กดดันมันมากขึ้นย่อมหมายถึงคนผู้นี้ต้องการลงมือแล้ว ยิ่งดูตี๋หลานยามนี้ยิ่งไร้โอกาส

    ฮุ่ยซิงยังคงต้องการเวลาคิดหาหนทางสืบไป แต่เวลาไม่เคยหยุดรอมันผู้คนที่รอคอยก็เช่นกัน ร่างของตี๋หลานถึงกับสั่นกระตุกขึ้นหนหนึ่งไม่เพียงแค่ตี๋หลานค่ายกลกระบี่ก็เหมือนหยุดนิ่งไป แต่ยามนี้ค่ายกลกระบี่ไม่จำเป็นอีกแล้ว

    สิ่งที่น่ากลัวกว่าลงมือแล้วดูไปคล้ายหมอกควันสายหนึ่งทะยานเข้าหาตี๋หลาน ฮุ่ยซิงไม่สามารถคิดอันใดมากความอีกแล้ว ร่างของมันทะยานออกท่าร่างนี้รวดเร็วยิ่งแยบยลยิ่ง มีดเล่มนั้นเหลือเพียงอีกคืบเดียวจะทะลวงเข้าคอหอยของตี๋หลานแล้ว

    ฮุ่ยซิงไม่อาจรอช้ามันคว้าสิ่งหนึ่งก่อนจะซัดออกอย่างรวดเร็วที่แท้มันหยิบจับได้เป็นเงินตำลึงหนึ่ง แต่เมื่อใช้ออกโดยมันก็ดูไม่เคยเงินทองกลับเป็นสุดยอดอาวุธชิ้นหนึ่ง ที่ควรสังหารตี๋หลานยามนี้จำต้องหลบหลีกก่อนที่ฮุ่ยซิงจะมองเห็นรอยยิ้มของมัน

    บัดซบ ยามนี้มันค่อยเข้าใจที่บุคคลนี้รอคอยมิใช่ชีวิตของตี๋หลานแต่เป็นชีวิตของมัน มีดที่ดูคล้ายต้องการสังหารตี๋หลานบัดนี้คล้ายอสรพิษตัวหนึ่งหันหัวอย่างรวดเร็วเข้าหามัน มันต้องการชีวิตของฮุ่ยซิงตั้งแต่ต้นทิศทางเช่นนี้อย่าว่าแต่หลบหลีกแม้ก้าวถอยหลังยังไม่ทัน

    มีดนี้สมควรพรากชีวิตของฮุ่ยซิง มันเพียงผิดพลาดสองประการ หนึ่งคือฮุ่ยซิงไม่เคยไม่เว้นทางถอยให้ตนเองและที่ผิดพลาดยิ่งกว่าคือฮุ่ยซิงรู้จักท่าก้าวมังกรท่องหล้า มันก้าวเท้าอย่างประหลาดยิ่งก่อนจะเคลื่อนร่างหลบพ้นคมมีดปลิดชีวิตนี้ไป

    แต่ฮุ่ยซิงไม่ยินดีสักนิดก็ไม่ยินแท้จริงแม้มันจะหลบหลีกจุดตายที่ลำคอได้แต่คมมีดกลับบาดลึกเข้าไปไม่น้อย นับว่ามีดที่แทงออกนี้ไม่อาจนับเป็นมีสามัญธรรมดาเล่มหนึ่ง แลดูไปมีดนี้เพียงตีจากเหล็กกล้าชิ้นหนึ่งทั้งยังไม่มีส่วนใดพิเศษนัก ที่พิเศษจริง ๆ กลับเป็นผู้ลงมือ

                ฮุ่ยซิงที่คิดนำพาตี๋หลานออกจากวงล้อมยามนี้มิสามารถกระทำเพียงส่งร่างตัวเองถอยมาก็นับว่าเต็มกลืนแล้ว ยังดีที่ตี๋หลานมิใช่ตัวโง่งมเมื่อมันเห็นจังหวะให้ถอยได้ก็ถีบร่างตัวเองติดตามฮุ่ยซิงมันทันใด

                นับเป็นโชคของพวกมันที่ชายผู้นั้นไม่ลงมือติดตาม บางอาจเป็นเพราะมันลงมือคราเดียวไม่ประสบผลก็เป็นได้ เมื่ออยู่ในที่แจ้งย่อมมิสามารถสร้างความกดดันได้เท่าอยู่ในทีลับทั้งยังลงมือยากขึ้น เรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่นักฆ่าทุกคนล้วนต้องจดจำไว้

                ฮุ่ยซิงเพ่งมองบุคคลตรงหน้าดูไปมันชราไม่น้อยแต่การลงมือกลับเชียบขาดชุดที่ใส่สีดำทั่วทั้งตัวยิ่งกลมกลืนกลับความมืดอย่างแยกไม่ออก ยามนี้เมื่อมันแสดงตนย่อมมิคิดปิดบังแต่อย่างไร จิตสังหารที่กระจายออกนับว่าเหนือกว่าผู้ใดที่ฮุ่ยซิงเคยพบเจอเกรงว่าแม้แต่ราชันหมื่นพิษยังไม่มีกลิ่นคาวเลือดติดตัวมากเช่นมัน

                คล้ายฟ้าต้องการบอกกล่าวที่มาของบุรุษผู้นี้ลมพลันพัดโบกสะบัดแขนเสื้อข้างขวาของปลิวพัดคล้ายไม่มีสิ่งใดในนั้น ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดแต่แขนขวาของคนผู้นี้กลับไม่มีเสียแล้ว แต่ฮุ่ยซิงกลับรู้สึกเย็นยะเยือกถึงขั้วหัวใจร่ำร้องกับตัวเองของให้มันคิดผิดไป

                มันพลันสบตากับชายชราผู้นี้แววตาของมันดูไปคล้ายว่างเปล่ายิ่งนัก ว่างเปล่าจนคล้ายหากผู้ใดสบตามันเนิ่นนานเกินไปย่อมถูกกลืนกินอย่างไม่หวนคืน

                “เจ้ามีอันใดเกี่ยวข้องกับหมื่นพิษ” เสียงของชายผู้นี้ไม่แหบพร่าน่ากลัวดั่งเช่นมันคิดไว้ แต่คำที่เอ่ยออกคล้ายดั่งค้อนยักษ์กระแทกลงกลางใจฮุ่ยซิง ชื่อของราชันหมื่นพิษเป็นเฉกเช่นเดียวกับสำนักสุริยัน ไม่ควรมีผู้จดจำออกยิ่งท่าก้าวของมันยิ่งไม่สมควร

                หากมีผู้ใดจดจำได้แม้กระทั้งท่าก้าวของมันแล้วคนผู้นั้นย่อมรู้จักมันดียิ่ง จิตสังหารที่เหนือกว่านั้นอีก ฝีมือการลงมือที่แยบคายนั้นอีก เพียงเท่านี้ก็เพียงพอต่อฮุ่ยซิงที่จะล่วงรู้ถึงฐานะของมันผู้นี้แล้ว

                “ราชันสังหารกงเยี่ยลัว” มันยิ้มแล้วคล้ายไม่ได้ยินชื่อนี้มาเนิ่นนานยิ่ง มีดในมือพลันหายไปแต่ฮุ่ยซิงรู้ดีสิ่งของที่อยู่ในที่ลับนั้นน่ากลัวกว่าสิ่งของที่มันสามารถเห็นได้เป็นเท่าทวี

                “แค่เด็กน้อยผู้หนึ่งเราต้องรอคอยโอกาสเนิ่นนานเช่นนี้ยังฆ่ามันไม่ได้ไหนเลยจะเป็นราชันสังหารได้” มันพูดไปพลางจ้องดูไปที่ชายเสื้อด้านขวาของมันอย่างอาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก เพียงมือซ้ายของมันยังรวดเร็วปานนี้ โหดเหี้ยมปานนี้ หากแล้วมือขวาของมันยังคงอยู่ภายในแขนเสื้อนั้น ฮุ่ยซิงยามนี้ใยมิใช่หมดสิ้นชีวิตแล้ว

                “เราสมควรลงมือแล้ว เห็นแก่หมื่นพิษเราเจ้าเพียงสองคนประลองดีหรือไม่” หากเป็นผู้อื่นกล่าวคำนี้ฮุ่ยซิงคงยินดีแทบตาย หากมันไม่มีรอยแผลนี้มันก็คงยินดีแทบตายเช่นกัน แต่ยามนี้มันกลับไม่ยินดีเลยเนื่องจากผู้กล่าววาจานี้เป็นชายผู้นั้นและลำคอมันยังคงพาดไว้ด้วยบาดแผลแห่งหนึ่ง

                “ด้วยความยินดีขอรับ” ฮุ่ยซิงยังคงยิ้มไว้ คิดจะต่อสู้อย่างไรก็มิอาจตกเป็นรองได้ ยิ่งมิอาจอ่อนแอได้ ทุกวินาทีล้วนมีค่าตี๋หลานเข้าใจข้อนี้ดีมันจึงนั่งลงรักษาตัวให้รวดเร็วที่สุด หากสบโอกาสต่อให้ทั่วแผ่นดินเรียกมันว่าลูกเต่ามันก็ยังคงต้องช่วยเหลือนายมัน

                กองกระบี่ก็เช่นกันพวกมันถอยไปในใจถือมั่นว่าบุรุษผู้นี้จะล้างหนี้โลหิตนี้ให้กับพวกมันได้ เช่นนี้จึงเหลือเพียงฮุ่ยซิงกับกงเยี่ยลัวเพียงเท่านั้น ราตรีที่เงียบสงัดบัดนี้เงียบลงยิ่งกว่าเดิม แม้แต่เสียงหายใจยังไม่อาจได้ยิน

                “รับมือ” เป็นกงเยี่ยลัวที่เอ่ยปากขึ้นก่อนร่างของมันจะหายไป หากฮุ่ยซิงมีท่าก้าวที่พลิกแพลงสุดประมาณ กงเยี่ยลัวก็มีท่าก้าวที่ลี้ลับสุดประมาณเช่นเดียวกัน ร่างมันดูไปกลับคล้ายดั่งหมอกควันสายหนึ่ง หมอกควันที่จะเข้ามาปลิวชีวิตมันได้จากทุกชั่วขณะ

                ฮุ่ยซิงความจริงมีความมั่นใจในศึกประชิดของตนอยู่ไม่น้อย แต่ยามนี้ความมั่นใจของมันกลับหดหายไป ฮุ่ยซิงกลับไม่มีเวลาปลุกปลอบตัวเองมากนัก พริบตามีดหนึ่งก็เสือกแทงเข้าที่ตำแหน่งลำคอของมัน

                มือสังหารที่แท้จริงยึดถือจุดตายคือลำคอมิใช่หัวใจ เนื่องเพราะต่อให้มันสวมใส่เสื้อเกราะลำคอของมันยังคงเปิดโล่งให้ท่านอยู่ดี กงเยี่ยลัวอย่างไรก็นับเป็นมือสังหารคนหนึ่งมันย่อมยึดถือเฉกเช่นเดียวกัน

                ฮุ่ยซิงอย่าว่าแต่โต้กลับเพียงแค่หลบหลีกก็นับว่าเต็มกลืน มันหลบไปทางซ้ายมีดก็ติดตามมันมา ดูไปมีดของกงเยี่ยลัวคล้ายเงาติดตามคนไม่ว่าท่านไปที่ใดมันล้วนไม่ยอมออกห่างท่าน ต่างกันเพียงเงาของกงเยี่ยลัวหากสัมผัสถึงตัวท่านยามนั้นย่อมไร้ชีวิตแล้ว

                สู้ประชิดตัวกับผู้ใช้พิษย่อไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตายคำนี้อาจใช้ได้กับทุกผู้คนไม่อาจใช้กับกงเยี่ยลัว ยามพบเจอยอดฝีมือเช่นนี้อย่างไรฮุ่ยซิงก็ไม่อาจเก็บงำประกาย พิษของมันถูกใช้ออกมาเนิ่นนานแล้ว ผิดคาดเพียงอย่างเดียวกงเยี่ยลัวไม่คล้ายช้าลงกลับรวดเร็วขึ้น

                ที่แท้เป็นเรื่องอันใดกัน กงเยี่ยลัวแม้ต่อสู้พัวพันมันกลับยึถือตำแหน่งเหนือลมเป็นหลักไม่ว่าพิษใดล้วนไม่อาจย่างกรายถึงตัวมัน ทั้งยามลงมือยังปิดกลั้นการหายใจไม่ยินยอมสูดดมสิ่งใดทั้งนั้น เช่นนี้ความจริงต้องเหน็ดเหนื่อยมากนักสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมากนักใยมิใช่ต้องพ่ายแพ้ไป

                ทุกมีดของกงเยี่ยลัวล้วนเป้าหมายอยู่ที่ลำคอมัน การโจมตีที่ทื่อด้านเช่นนี้ไหนเลยจะสามารถสังหารฮุ่ยซิงได้ แต่เป้าหมายของมันกลับมิใช่ชีวิตของฮุ่ยซิงมันเพียงต้องการให้ฮุ่ยซิงขยับลำคอเพียงเท่านั้น ฮุ่ยซิงอย่างก็ต้องขยับลำคอแม้ว่าบาดแผลจะยิ่งเปิดกว้างแต่หากมันไม่ขยับแล้วละก็คาดว่าคงมิอาจมีชีวิตสืบไป

                ฮุ่ยซิงตอนนี้คล้ายอับจนปัญญาเป็นที่สุดหากเป็นเช่นนี้สืบไปผู้ที่จบชีวิตใยมิใช่มัน การต่อสู้กับยอดฝีมือนั้นความจริงไม่อาจละความสนใจแม้สักนิดเดียว ยิ่งเป็นกงเยี่ยลัวด้วยยิ่งไม่อาจละความสนใจแม้เพียงชั่วครู่ ฮุ่ยซิงได้กระทำสิ่งเลวร้ายที่สุดไปเสียแล้วยามที่มันคิดเมื่อครู่ไม่ต่างอันใดกับสังหารตัวเอง

    คิดได้ตอนนี้ก็สายเกินการปลายมีดได้เสียบแทงออกแล้วแต่ยามนี้ปลายมีดได้แทงออกแล้วทั้งยังมิใช่จุดเดิมกลับเป็นขั้วหัวใจของมัน ฮุ่ยซิงยามนี้แม้แต่เวลาที่จะล้นลานยังไม่มี ดูไปสิ้นหวังยิ่งนัก

    พลัง

               

                ...............................................................

    ขออภัยนักอ่านทุกคนจริง ๆ ครับตอนที่แล้วผมไม่ได้แบ่งระหว่างสองส่วนเลยทำให้ทุกคนงง ๆ กันไปตอนนี้แก้ไขแล้วครับและขอบคุณมากนะครับที่ช่วยเตือนตัวผมเอง ส่วนที่รู้สึกว่ามันดูขาด ๆ ไปคล้ายมีอะไรหายไปอันนี้แอบให้เดากันเอง ^^
    พอดีแอบหายตัวมาวันนึงเลยเอาเวลามาแต่งเพิ่มอีกตอนฮะ ๆ ยังไงก็ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามนะขอรับ

    ฝันสีดำ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×