ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูตอเวจี

    ลำดับตอนที่ #20 : หกทรชน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.44K
      39
      21 ธ.ค. 55

                    ลอบติดตามมาโดยเราไม่รู้ตัวเชียวหรือฮุ่ยซิงลอบตระหนกในใจกับใบหน้าของผู้มาเยือน ตอนออกจากหุบเขาฮุ่ยซิงเชื่อว่า เขามีความสามารถมากมาย เพียงแต่ขาดประสบการณ์เท่านั้น แต่บัดนี้กลับชัดเจนแล้วว่า เขานั้นมิได้ยิ่งใหญ่ดั่งที่ตนคิด

     

    “ท่าทางเจ้าจะมีเรื่องสงสัยมากมายสินะ ตามข้ามาสิ” ที่แท้คนผู้นี้คือหลิวซิงหรือพ่อครัวที่ทำอาหารเลิศรสให้เขานั้นเอง ฮุ่ยซิงนั่งเงียบไม่ตอบคำพลางโคจรลมปราณในร่างค่อย ๆ สมานแผลของตัวเองภายในหัวก็คิดถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ ของหลิวซิง

    ฮุ่ยซิงแม้จะรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ไม่อาจต้านทานความสงสัยที่อยู่ในใจได้ จึงได้แต่ออกเดินตามหลิวซิงไป ท่าร่างของหลิวซิงนั้น ราวกับ พยัคฆ์โจนทะยาน ทุกย่างก้าวส่งร่างของหลิวซิงทะยานไปไกล แต่ฮุ่ยซิงกลับเห็นบางอย่างมากกว่านั้น การรวบรวมลมปราณที่ฝ่าเท้า ก่อนจะระเบิดออกเพื่อผลักให้ร่างของหลิวซิงทะยานออกไป

    ฮุ่ยซิงแม้มีท่าก้าวแต่ยังมิเคยได้ศึกษาวิชาตัวเบาอย่างจริงจัง ท่าร่างของหลิวซิงเหมือนจุดประกายให้กับฮุ่ยซิง แม้หวงโต๋จะมีความสามารถคล้ายกัน แต่กลับละเอียดอ่อนกว่าและไม่สามารถจับทางได้ ฮุ่ยซิงลองรวบรวมลมปราณไว้ที่ฝ่าเท้าก่อนระเบิดออกส่งร่างของเขาให้ทะยานตามหลิวซิงไปติด ๆ กัน

    หลิวซิงเมื่อเห็นฮุ่ยซิงทะยานร่างคล้ายกับลอกแบบตัวเองก็ลอบยิ้มขึ้นมา ก่อนจะเร่งพลังปราณทะยานร่างเร็วขึ้นอีก ทั้งสองแข่งขันกันจนกระทั้งหลิวซิงหยุดเท้าลง ผลการแข่งขันแม้ไม่แน่ชัด แต่ฮุ่ยซิงคิดว่าหลิวซิงน่าจะเร็วกว่าตนนิดหน่อย อาจจะเพราะความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้

    ทำไมต้องเป็นถ้ำคำถามนี้ค้างคาใจฮุ่ยซิงมานาน ไม่ว่าจะการฝึกวิชา ที่ซ่อนหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับวิชายุทธล้วนต้องมีถ้ำมาเกี่ยวข้อง แต่คำถามนี้กลับอยู่ในหัวของฮุ่ยซิงได้ไม่นานนัก เพราะมีเรื่องอื่นที่เขาต้องขบคิดมากกว่า

    ฮุ่ยซิงคิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมายรวมถึงการต่อสู้ครั้งนั้น เขาค่อย ๆ ร่างภาพการต่อสู้ของกลุ่มโจรขึ้นมาในหัวของเขา ฮุ่ยซิงเหมือนมองเห็นภาพตัวเองกำลังต่อสู้กับกลุ่มโจร ก่อนมองเห็นความผิดพลาด ความจริงเขาควรจะฆ่าเหล่าลูกสมุนก่อนที่จะปะทะกับหลีหน้าเต๋อ เพราะความสามารถของเขาเรียกได้ว่าสังหารพวกโจรได้ทันทีที่สัมผัสร่างได้

    ฮุ่ยซิงเมื่อตกอยู่ในภวังค์ของความคิด ก็ลืมเลื่อนสิ่งรอบข้าง จนรู้สึกตัวเมื่อศีรษะของตนกระแทกเข้าที่แผ่นหลังของหลิวซิง ฮุ่ยซิงพลันสลายความคิดต่าง ๆ ตื่นตัวเต็มที่พร้อมรับกับทุกสิ่งที่จะตามมา เขาเหลือบซ้ายแลขวา พลันเห็นแสงอาทิตย์ที่ไม่ควรมีอยู่ในถ้ำ

    สิ่งที่ปรากฏอยู่อาจเรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ สักแห่งในแถบชนบท ที่มีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง เพียงแค่มันย้ายเข้ามาอยู่ในถ้ำเท่านั้นเอง ฮุ่ยซิงค่อย ๆ สำรวจด้วยการใช้สายตาและเมื่อลองเปิดประสาทสัมผัสอย่างเต็มที่ก็พบว่า ในที่แห่งนี้สามารถจับสัญญาณของชีวิตได้อีกถึงห้าชีวิต แต่การสำรวจของฮุ่ยซิงก็ถูกหยุดไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง

    “เจ้ากล้ามาที่มาถึงที่นี้ แต่เมื่อมาก็ดีที่แห่งนี้จะเป็นหลุมฝั่งศพของเจ้าเอง พี่รองจัดการมันเลย” ผู้ที่ยืนตะโกนชี้หน้าฮุ่ยซิงนั้นมิใช่ใครอื่น แต่เป็นหลีหน้าเต๋อจอมโจรเจ้าเก่านั้นเอง ฮุ่ยซิงถึงกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ แต่มิใช่เพราะได้พบหลีหน้าเต๋อในที่แห่งนี้ กลับเป็นคำเรียกหาของหลีหน้าเต๋อต่อหลิวซิงมากกว่า

    “อ่อข้ามิได้บอกหรอกหรือ” หลิวซิงพูดเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ ฮุ่ยซิงถึงกับลอบด่าบิดาของหลิวซิงในใจ นี้มิใช่หลอกให้เขามาตายหรอกหรือ ตอนนี้ฮุ่ยซิงรวบรวมลมปราณในร่างอย่างเต็มกำลัง ทั้งยังขยับข้อมือเล็กน้อยก็มีผงสีม่วงคล้ำก็เข้ามาอยู่ในมือทั้งสองอย่างแนบเนียน

    “น้องเล็กไปตามคนอื่นไปรวมกันที่เดิม คนผู้นี้นับเป็นแขกของเรา อย่าลืมเรียกชือหลางมาให้ได้ด้วย”

    “แต่...”

    “ไม่มีแต่ใด ๆ ทั้งนั้น” คำพูดนี้ของหลิวซิงแฝงไปด้วยลมปราณที่ทั้งดุดันและรุนแรง จนหลีหน้าเต๋อต้องถอยออกไปก่อนจะวิ่งลับหายไป ไม่รู้การกระทำของหลิวซิงนั้นจริงใจหรือมีแผนการใด อาจเป็นเพราะจับสัมผัสอันตรายที่แผ่ออกมาจากฮุ่ยซิงได้ แต่นับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ยืดอายุของหลิวซิงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

    “แนะนำตัวอย่างเป็นทางการก็แล้วกัน ข้าหลิวซิงหรือหนึ่งในหกทรชน พยัคฆ์คลั่ง” ไม่เพียงพูดเปล่า ทั่วร่างของหลิวซิงผนึกไว้ด้วยลมปราณ ความดุดันรุนแรงจนฮุ่ยซิงสามารถสัมผัสได้ จากภาพของพ่อครัวที่ต้องสู้กับไอร้อนในครัว กลับกลายเป็นบุตรผู้น่าเกรงขามราวกับพยัคฆ์ร้าย ฮุ่ยซิงถึงรู้สึกเกรงทั่วร่างพร้อมต่อสู้อย่างเป็นที่สุด แต่ความกดดันจากหลิวซิงก็ผลันหายไป

    เหลือแต่เพียงรอยยิ้มลี้ลับบนใบหน้าของหลิวซิง ก่อนจะออกเดินนำฮุ่ยซิงไปที่บ้านหลังหนึ่ง ขนาดไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ ภายในนั้นฮุ่ยซิงมองเห็นคนอยู่สี่คน หนึ่งในนั้นคือหลีหน้าเต๋อที่กำลังยืนจ้องราวกับจะใช้สายสังหารฮุ่ยซิงให้ตายตกไป

    “สำหรับหลีหน้าเต๋อเจ้าคงจะพอรู้จักอยู่บ้างแล้วแต่สมญาจริง ๆ ในหมู่ทรชนคือหมาป่า และผู้นี้คือพญาอินทรีอีสิง” อีสิงเป็นบุรุษร่างไม่เล็กไม่ใหญ่นักกำลังสมส่วน บุคลิกดูล้ำลึก โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้นที่มองลึกเข้ามาในตัวของฮุ่ยซิงจนทำให้เขาเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นดูราวกับพญาอินทรีที่จ้องมองเหยื่อก่อนจะลงมือปลิดชีวิต

    “น้อยใจจริง ทำไมถึงไม่ยอมแนะนำข้าก่อนนะ ฉันชื่อหลัวหลัวนะหนุ่มน้อย”เสียงของหลัวหลัวก้องกังวานราวกับระฆัง แต่กลับใสสะอาดราวกับเสียงของหยดน้ำที่ตกกระทบบนผิวน้ำ เรียกให้ฮุ่ยซิงหันไปมองหน้าของหลัวหลัวชัด ๆ รอยยิ้มที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มนั้น ทั้งยังรูปร่างที่สามารถปลุกไฟให้ได้แม้กระทั้งชายชราร้อยปี แถมสายตาคู่นั้นที่เชิญชวนฮุ่ยซิงเข้าไปหา ทั้งยังนิ้วมือเรียวบางนั้นที่ ค่อย ๆ กวักเรียกฮุ่ยซิงก้าวเท้าออกไปหาอย่างช้า ๆ

    ฮุ่ยซิงแม้จะมีภูมิต้านทานอิสตรีไม่น้อย แต่กลับสตรีนางนี้ มันเหมือนมีบรรยากาศที่บอกไม่ถูก คล้ายต้องมนต์สะกดให้หลงใหลในตัวนาง เท้าทั้งสองของฮุ่ยซิงค่อย ๆ ก้าวเข้าหาหลัวหลัวอย่างช้า ๆ

    “คนนี้ไม่ได้หลัวหลัว” เป็นมือของหลิวซิงที่คว้าบ่าของฮุ่ยซิงเอาไว้ หลัวหลัวบิดตัวไปมา ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่พอใจ หลิวซิงก้นหน้ามาอยู่ข้างหูของฮุ่ยซิงพร้อมกับกระซิบเบาจนแทบไม่ได้ยิน

    “นางมีฉายาว่าแม่ม่ายดำ เพียงเท่านี้เจ้าคงพอเข้าใจใช่ไหม” ฮุ่ยซิงเหลือบมองหลัวหลัวอีกครั้ง ก่อนจะกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ พร้อมกับจดบัญชีว่าหลัวหลัวเป็นบุคคลอันตรายไว้ในหัวสมอง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับบุรุษเพศนั้นย่อมเป็นอิสตรี ไม่เว้นแม้กระทั้งชาวยุทธ ฮุ่ยซิงค่อย ๆ เขยิบร่างออกห่างจากหลัวหลัวอย่างแช่มช้า โดยไม่ให้นางผิดสังเกต

    “ข้ากระทิงยักษ์ ต้าหนิว” เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ที่ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามผู้หนึ่งตะโกนขึ้นมา ก่อนจะตบไปที่หน้าอกของตนอย่างรุนแรง ฮุ่ยซิงลองเรียบเรียงดู หลีหน้าเต๋อคล้ายสุนัขป่าที่ออกล่าเหยื่อเป็นฝูง ใช้จำนวนสยบความแข็งแกร่ง หลิวซิงคล้ายเป็นคนคบหาง่าย แต่กลับซ่อนความดุดันไว้ภายใน สมกับฉายาพยัคฆ์คลั่ง หลัวหลัวไม่ต้องพูดถึง นางให้ความรู้สึกเหมือนแม่ม่ายดำได้อย่างดีที่สุดโดยที่ฮุ่ยซิงไม่จำเป็นต้องหาคำอื่นมาเพิ่มเติมด้วยซ้ำ ส่วนต้าหนิวนั้นสมกับเป็นกระทิงยักษ์ ทั้งร่างกายที่ใหญ่โตและบุคลิกที่โผงผางนั้น  

    ฮุ่ยซิงพลันกระโดดออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายจากด้านหลัง อันตรายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ความตายที่น่าสะอิดสะเอียนและกลิ่นคาวเลือด ฮุ่ยซิงเมื่อกระโดดพ้นออกมาระยะหนึ่งก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับต้นตอของสิ่งนั้น

    “น่าสนใจ น่าสนใจ” คนผู้นั้นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปยิ้มให้หลิวซิง ยิ้มอย่างยินดีเป็นที่สุด สายตาที่จ้องมองมาทางฮุ่ยซิงราวกับพบของเล่นล้ำค่า เหมือนทรชนคนอื่นจะค่อย ๆ เดินออกจากห้องไป หลีหน้าเต๋อหันมาแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย พร้อมกับหัวเราะอย่างสะใจ  ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    “เจ้าหนูเจ้าได้ปลุกราชสีห์หลับขึ้นมาแล้ว ข้าขอโทษด้วย หวังว่าจะได้เห็นเจ้ากินอาหารของข้าอีกสักครั้ง ถ้าเจ้าออกมาได้ ทุกอย่างจะเป็นของเจ้า” หลิวซิงกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ แต่ภายในใจลึก ๆ กลับรู้สึกว่าคนผู้นี้อาจจะเป็นผู้ที่ตนรอคอยก็เป็นได้


    ...................................................................................................................................................

    ช้าไปนิดนะครับ พอดีนั่งคิดชื่อและหัวมันตัน ๆ นิดนึง ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานกันมาจนถึงตอนที่ 20 แล้ว ดีใจมากครับ

    คอมเม้นพูดคุยกับผมได้เต็มที่นะครับ ทุกคอมเม้นเป็นกำลังใจได้มากเลย ขอบคุณอีกครั้งครับผม

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×