คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
PROLOGUE
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด เนื่องจากแสงจันทร์ถูกบดบังด้วยเมฆา หรีดหริ่งเรไรร้องระงมดังไปทั่วบริเวณ ต้นไม้นานาพันธุ์ต้องลมไหวเอนไปมา เสียงฝีเท้าวิ่งแหวกผ่านกอหญ้ามาสิ้นสุดที่ริมลำธาร เด็กหนุ่มสองคนหัวใจเต้นแรงราวกับว่ามันจะทะลักออกมานอกกาย เสียงหายใจของพวกเขาหอบระรัวราวกับปืนกลก็ไม่ปาน เด็กหนุ่มทั้งสองคนนั่งมองหน้ากันและกัน แต่ก็ไม่มีแม้แต่เสียงที่จะเอ่ยออกมา
“อะไร นั่นมันตัวอะไรกันฟะเนี่ย “ กานต์คิด พลันสายตาก็สอดส่ายไปมา
“เฮ้ กานต์ พี่ว่ามันจะตามเรามามั๊ย “ อิฐส่งเสียงด้วยความสงสัยออกมาเบาๆ
“ข้าว่า มันคงไม่ตามเรามาแล้วล่ะ เราก็วิ่งมาไกลแล้วนี่นา “ กานต์หันไปตอบน้องชายด้วยเสียงสั่นเทา
“พี่ แต่ว่าข้ายังได้กลิ่นของมันอยู่เลยนะ ข้าว่ามันต้องอยู่แถวนี้แน่เลย “ อิฐทำจมูกฟุดฟิด
“ไอ้บ้าเอ๊ย มันจะตามเรามาทำไมกันนะเนี่ย “ กานต์หัวเสียพลางสบถออกมา
ขณะที่เด็กหนุ่มทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ทั้งสองคนตกใจ พลันสำรวจว่าเป็นเสียงของโทรศัพท์ใครกันแน่
“ของข้านี่นา “กานต์เปล่งเสียงด้วยความดีใจออกมา
หน้าจอโทรศัพท์ไม่แสดงเบอร์ว่าใครโทรมา เพียงแค่รู้ว่าเป็นเบอร์ส่วนตัวเท่านั้นเอง
“ฮัลโหล นั่นใครพูดอยู่ ช่วยพวกเราด้วย “ กานต์ร้องขอความช่วยเหลือจากปลายสาย
“ฮัลโหล ฮัลโหล นั่นใครพูดอยู่ ได้ยินรึเปล่า “ กานต์ถามย้ำด้วยความร้อนรน
ไม่ทันได้ยินเสียงคู่สนทนา สายก็ถูกตัดไป
“ ใครโทรมาพี่ ทำไมเงียบไปเลย “
“ ข้าก็ไม่รู้ มันไม่โชว์เบอร์ว่ะ แถมยังไม่พูดไม่จาอะไรเลย บ้าเอ๊ย “
กานต์จะโทรกลับไปก็ไม่ได้ บริเวณนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลย แม้แต่เบอร์ฉุกเฉินก็หมดสิทธิ์ ทั้งสองได้แต่ภาวนาว่าจะมีคนโทรเข้ามาอีก
ไม่นานนัก เหมือนสวรรค์เห็นใจเด็กหนุ่มทั้งสอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงเรียกเข้านี้พวกเขาจำได้ดี เพราะเป็นเพลงโปรดของพวกเขา มันจะดังขึ้นเมื่อคนในครอบครัวโทรมาตามที่เขาตั้งไว้
“พ่อ พ่อโทรมา “ กานต์ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
“โหลๆ พ่อๆ พ่ออยู่ไหน ช่วยผมด้วย” กานต์มีโอกาสพูดเพียงแค่นี้ โทรศัพท์ก็ตัดไปอีกครั้ง
“ทำไมเงียบไปอีกละพี่ พ่อว่ายังไงบ้าง”
“แบตหมด” กานต์หันมาตอบน้องชาย มือของเขาสั่นเทาไปด้วยความเสียดาย
“อะไรนะพี่ แบตหมด?อะไรมันจะซวยขนาดนั้น “ อิฐหน้าเสีย
“เพราะแกคนเดียว ข้าถึงต้องเป็นแบบนี้” กานต์ตะคอกออกมาด้วยความโมโหพลันกระชากคอเสื้อของอิฐเต็มแรง
“ไอ้ตำนานบ้าบออะไรของแกนั่นแหละ หิมพานต์เรอะ งี่เง่าชะมัด!!!” กานต์ผลักน้องชายออกไปจนสุดแรงเกิด
อิฐล้มกลิ้งล้มหงาย ในใจก็รู้สึกผิด เพราะความอยากรู้อยากเห็นของเขา ทำให้ตัวเองกับพี่ชายต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“พี่ ข้าขอโทษ” อิฐเอ่ย น้ำตาก็พลันจะไหลออกมา
กานต์ผู้พี่ทำท่าไม่แยแสต่อคำขอโทษของน้องชาย ด้วยความกลัวปนเปไปกับความโมโห เขาเดินหันหลังให้น้องชาย ราวกับจะทอดทิ้งอิฐไว้เพียงลำพัง
“พี่จะไปไหน ข้าว่าเราหลบอยู่ที่นี่จนถึงเช้าดีกว่า ไม่รู้ว่าเจ้าเสือตัวนั้นมันจะโผล่มาอีกรึเปล่า” อิฐตะโกนบอกพี่ชาย
กานต์ชำเลืองกลับมามองน้องชาย แววตาของเขาเย็นชา แล้วก็เดินมุ่งหน้าเลียบริมแม่น้ำออกไป
อิฐรีบลุกขึ้นยืน ตอนนี้ จมูกของเขาได้กลิ่นสาปของสัตว์อบอวลไปทั่ว “ มันนั่นเอง เจ้าเสือตัวนั้น” อิฐมั่นใจ
เขารีบออกวิ่งตามกานต์ “พี่ !!!! กลับมาทางนี้ เจ้านั่นมันตามเรามาแล้ว” สิ้นเสียงตะโกน เงาดำขนาดใหญ่ก็พลันปรากฏอยู่กลางท้องทุ่ง
ถ้าเทียบขนาดแล้ว ต้นหญ้าที่ขึ้นบริเวณนี้มีความสูงเทียบเท่าหรือสูงกว่าเด็กหนุ่มนิดหน่อย แต่เงาของสัตว์ร้ายตัวนั้นกลับสูงกว่ายอดของใบหญ้าเกือบ 3-4 เท่าตัว คาดเดาจากขนาดแล้ว คงจะประมาณเกือบ 2 วาเลยทีเดียว
เงาดำคลืบคลานเข้าไปหากานต์ หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้น ทันทีที่เจ้าสัตว์ขนาดมหึมาตัวนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้า ลมหายใจของมันส่งกลิ่นสาปอย่างรุนแรง แต่ละครั้งที่มันหายใจก็ราวกับพัดลมขนาดใหญ่มาพัดอยู่ตรงหน้าก็ไม่ปาน พลันลมพัดเหล่าเมฆาเคลื่อนตัว แสงจันทราก็ไร้การบดบัง จึงสาดแสงส่องลงมายังผืนดิน เงาดำค่อยๆหายไป ปรากฏเห็นเป็นร่างของสัตว็ร้ายชัดเจนขึ้นมา
ดูจากรูปร่างแล้ว จะเรียกว่า "เสือ" ก็คงไม่ชัดเจนนัก เพราะขนาดตัวนั้นใหญ่กว่าเสือโคร่งตัวเต็มวัยเกือบ 3 เท่าตัว ดวงตาแดงก่ำขนาดเท่าศรีษะของมนุษย์ เขี้ยวของมันมีขนาดเกือบเท่าแขนด้วยซ้ำไป ที่น่าสนใจกว่าคือมันมีขนตรงแผงคอ ทำให้ลักษณะของมันออกไปทางสิงโตเสียมากกว่า ลำตัวนั้นมีสีเหลืองราวกับสีเหลืองของใบต้นหูกวางยามร่วงหล่นสู่พื้นดิน
ทันทีที่ความกลัวเข้าครอบงำ ร่างกายของกานต์ราวกับถูกถ่วงด้วยลูกเหล็ก ทุกอย่างดูหนักไปหมด เขาแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น มือกับเท้าทั้งสองข้างเย็นราวกับน้ำแข็ง ลมหายใจติดขัด กานต์พยายามจะส่งเสียงเรียกให้คนช่วยแต่ก็สุดปัญญาที่จะทำ
“อย่าทำอะไรพี่ข้านะ” เสียงอิฐตะโกนลั่นทุ่ง เขาวิ่งเข้าไปหาเจ้าสัตว์ยักษ์ ด้วยความเร็ว มือก็ถือก้อนหินไปด้วย เขาขว้างสุดแรงเกิด หินก้อนนั้นไปโดนลูกตาอันแดงก่ำ มันแผดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ดูแล้วคงไม่แปลกอะไร มนุษย์เราเมื่อมีแมลงหรือแม้แต่ฝุ่นผงขนาดเล็กเข้าตา เรายังรู้สึกเจ็บ เจ้าสัตว์มหึมาตัวนี้คงก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ด้วยความโมโห มันวิ่งเข้าหาอิฐ ด้วยความรวดเร็วหมายจะคร่าชีวิต อุ้งมือกับเล็บขนาดใหญ่ตะปบลงมาที่อิฐ เด็กหนุ่มผู้น้องหลบได้อย่างหวุดหวิด แต่ราชสีห์ยักษ์ไม่รอช้า ตะปบเข้าใส่อิฐอีกครั้ง คราวนี้โชคไม่ดีนัก ปลายเล็บของมันโดนอิฐเข้าไปแบบเฉี่ยวๆแต่นั่นก็เพียงพอจะทำให้เขากระเด็นออกไปเกือบสองวา!!
“โอย เจ็บจังว๊อย! นี่เราคงไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่มั๊ยเนี่ย” อิฐคิด เขาค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมา เบื้องหน้าคืออสุราที่หมายจะปลิดชีวิตตัวเขา สัตว์ยักษ์พุ่งเข้าใส่อิฐอีกครั้ง เขาหันไปหาพี่ชาย “กานต์ ช่วยข้าด้วย” อนิจจา พี่ชายแสนขี้ขลาด บัดนี้ได้วิ่งหนีเขาไปเสียแล้ว
ก่อนที่คมเขี้ยวจะฝังลงบนร่างของอิฐ ก็มีเสียงตะโกนดังออกมา “หยุดนะ เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำอันตรายใดๆต่อมนุษย์ผู้นี้ กลับไปซะ บัณฑุราชสีห์!!!”
สิ้นเสียงตวาด ราชสีห์ยักษ์ก็ถอยกรูด แล้วก็วิ่งหายลับเข้าไปในป่าใหญ่
เสียงนั้นฟังดูเหมือนเสียงของชายแก่ มันแหบต่ำแต่ก็ทรงพลังพิลึก อิฐมองหาเจ้าของเสียง เขามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นใคร ตอนนี้เขาทั้งเหนื่อยทั้งหิว แต่ที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด เขาห่วงพี่ชายของเขา หนุ่มน้อยไม่รู้ได้เลยว่าตอนนี้กานต์ไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว
อากาศรอบข้างเริ่มเย็นลง อิฐไม่รู้จะไปที่ไหนดี เขาตะโกนเรียกเท่าไร พี่ชายก็ไม่ส่งเสียงตอบสักครั้ง ด้วยความอ่อนล้า เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ขนาดกลางๆต้นหนึ่ง ลักษณะคล้ายต้นมะม่วงเพื่อหาที่พักผ่อน ใจก็ภาวนาขอให้พี่ชายของเขาปลอดภัย ค่ำคืนนี้คงเป็นค่ำคืนที่เขาคงไม่อาจลืมมันไปชั่วชีวิตเลยกระมัง เพียงไม่ถึงนาที เด็กหนุ่มก็เผลอหลับไป
ความคิดเห็น